“Joker” อีกหนึ่งในภาพยนตร์ที่สะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดีมากๆ

ย้อนกลับไปปีที่แล้ว (2019) ได้มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งออกฉายสู่สายตาแฟนๆ ทั่วโลก กับบทของหนังที่สะท้อนถึงความรู้สึกของมนุษย์ มีการใช้จิตวิทยาระทึกขวัญเข้ามาภายในภาพยนตร์ ทำให้ภาพยนตร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหลายๆ ด้าน รวมถึงตัวนักแสดงนำอย่าง โจอาควิน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ที่ได้รับรางวัลออสการ์กับบทบาทที่เขาได้รับในเรื่องนี้กับภาพยนตร์ที่ชื่อว่า “Joker”  “Joker” หนังที่สะท้อนสังคมได้อย่างเจ็บปวด Jokerจะเล่าถึงเรื่องของ อาเธอร์ เฟล็กซ์ (โจอาควิน ฟีนิกซ์) คนธรรมดาที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นศิลปินตลกชื่อดัง แต่ตัวเขามีโรคประจำตัวคือหัวเราะไม่หยุด เลยถูกตกเป็นเป้าทำร้ายร่างกายหลายครั้ง อาเธอร์ อาศัยอยู่กับแม่ที่ป่วย จากนั้นภายใต้แรงกดดันของสังคมทำให้ อาเธอร์ ได้สืบค้นหาความจริงบางอย่าง และตัวเขากลายเป็นคนที่จุดชนวนการประท้วงในเรื่องของการเหลื่อมล้ำในสังคมระหว่างคนจนและคนรวย โดยกลุ่มประท้วงจะใช้หน้ากากตัวตลกเป็นสัญลักษณ์  โดยJokerเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำของสังคมภายในเมืองก็อทแธ่ม แสดงถึงจิตใต้สำนึกภายในจิตใจของแต่ละคนที่ต้องเอาชีวิตอยู่รอดภายในสังคมที่โหดร้าย ตัวนักแสดงอย่าง โจอาควิน ฟีนิกซ์ ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากว่าเข้าถึงบทบาทของ Joker ได้ดีที่สุดนับตั้งแต่มีตัวละครตัวนี้มา และนอกจากนี้ภาพยนตร์Jokerยังถือว่าเป็นการเล่าถึงจุดกำเนิดที่มาของคู่ปรับคนสำคัญของ บรูซ เวย์น หรือ Bat Man ในซีรี่ส์ Bat Man ที่โด่งดังไปทั่วโลก  อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้Jokerประสบความสำเร็จ คือความสามารถในการแสดงของ โจอาควิน ฟีนิกซ์ ที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก และอีกหลายๆ อย่างผ่านทางตัวละคร อาเธอร์ เฟล็กซ์ ได้อย่างสุดยอด ทำให้ผู้ชมหลายคนมีอารมณ์ร่วมไปกับบทหนัง ซึ่งนั่นทำให้ตัวของ โจอาควิน ฟีนิกซ์ ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาครอง และเท่านั้นยังไม่พอภาพยนตร์ Joker ยังได้รับรางสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งรางวัลด้วย หากใครอยากจะสัมผัสกับสุดยอดภาพยนตร์ที่เน้นในเรื่องของจิตวิทยา, สะท้อนปัญหาของสังคม แนะนำว่าJokerจะถูกใจอย่างแน่นอน หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิวหนังแอคชั่น “The Outpost” ชัยภูมิมรณะ เพราะสงครามไม่ใช่เรื่องที่สมควรมี! ได้อีกที่ filmograd.net

ความตื่นเต้นของสายจากอดีตสู่ความหลอนกับ ‘สายตรงต่ออดีต’ The Call 2020

วงการภาพยนตร์เกาหลีมักมีเรื่องให้เราได้ตื่นเต้นและรอคอยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์อย่างพาราไซต์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ไปเมื่อปีที่ผ่านมาด้วยพล็อตและการถ่ายทำที่น่าตื่นตาตื่นใจ หรือแม้แต่เล่ห์รักนักล้วง (The Handmaiden) ที่ถูกกล่าวถึงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ออกฉาย และปีนี้ Netflix ก็นำเรื่องราวของสายตรงต่ออดีต (The Call 2020) อีกหนึ่งภาพยนตร์เกาหลีที่จะถูกพูดถึงและติดลิสต์ภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในใจของใครหลายคนอย่างแน่นอนมาให้เราได้ชมกัน “สายตรงต่ออดีต” (The Call 2020) ภาพยนตร์เกาหลีที่มีดีมากกว่าที่คิด The Call 2020นำแสดงโดยนางเอกที่เราคุ้นหน้ากันดีอย่างพัคชินฮเย จุนจงซอ และคิมซองรยอง และเรื่องราวก็เริ่มต้นที่ความขัดแย้งของ ซอยอน ตัวเอกของเรื่องที่มีปัญหากับแม่และหันหลังกลับไปที่บ้านเพื่อพบเจอกับสายโทรศัพท์ที่โทรมาจากบ้านหลังเดียวกันนี้ที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 20 ปีก่อน จะรู้สึกดีแค่ไหนหากเรากลายเป็นผู้ช่วยชีวิตเด็กสาวคนหนึ่งจากการถูกฆาตกรรมโดยมารดาของเธอเอง? ซอยอน เป็นคนนั้นที่เลือกช่วย โอยองซุก เด็กสาวที่ขณะนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ แต่กลับโดนแม่ที่คลั่งเวทมนตร์ไสยศาสตร์กักขังไว้ในบ้าน ทำร้ายร่างกายเธอต่าง ๆ นานา และซอยอนเป็นคนเดียวที่รู้อนาคตของเธอและช่วยเธอได้ ซอยอนช่วยยองซุกจากการถูกมารดาฆ่า ในทางกลับกัน โอยองซุกก็ไปช่วยพ่อของซอยอนที่กำลังจะเสียชีวิตเพราะถังแก๊สที่บ้านระเบิด ใน สายตรงต่ออดีต อนาคตถูกเปลี่ยนแปลง และทั้งคู่ดูเหมือนจะยินดีกับความเปลี่ยนแปลงนี้ โยองซุกยังมีชีวิตอยู่ และซอยอนก็ได้กลับมามีชีวิตครอบครัวพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก แต่นั่นกลับจุดความริษยาและอารมณ์อันแปรปรวนของโอยองซุก หลังจากที่ฆ่าแม่เพื่อหนีรอดมาในครั้งนั้น ทำให้เธอต้องเอาตัวรอดในครั้งต่อ ๆ มาและลากเอาซอยอนเข้าไปเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย แต่ซอยอนเมื่อรู้ว่าเธอคือฆาตกรแล้วก็ไม่ต้องการร่วมมือกับเธออีกสายตรงต่ออดีต จากการปูเรื่องแบบหักมุมหลายชั้น เปลี่ยนเส้นเรื่องอนาคตแบบคาดเดาไม่ได้ และเอฟเฟกต์อันเหนือชั้น สู่บทสรุปที่สมเหตุสมผลและยอมรับได้ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์หนึ่งที่เพื่อน ๆ ไม่ควรพลาดสำหรับปี 2020 นี้แม้จะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ลงให้ดูในโรงภาพยนตร์ปกติก็ตาม แน่นอนว่าเราหาภาพยนตร์เรื่องนี้ดูได้ง่ายกว่านั้นด้วย Netflix ที่ช่วยให้ดูได้ทุกที่ทุกเวลา หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น “เดอะเกรย์แมน” ที่เทียบได้กับวินเทอร์โซลเยอร์ของรูสโซ่ ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิวหนังแอคชั่น “The Outpost” ชัยภูมิมรณะ เพราะสงครามไม่ใช่เรื่องที่สมควรมี!

หากกล่าวถถึงคำว่า “สงคราม” พวกเราหลายคนจะนึกถึงอะไรเป็นอย่างแรก ความรุนแรง การฆ่าฟันกันเองของมนุษย์ การสูญเสีย ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ แต่ไม่ว่าจะนึกถึงอะไรก็ขอให้รู้เอาไว้ว่า สงครามไม่เคยสร้างสรรค์แต่มันเป็นเหมือนกับระเบิดที่คอยล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้สลายหายไปจนหมดสิ้น ความจริงแล้วพวกเราไม่ควรจะทำสงครามแต่ควรหาทางเจรจาต่อรองกันอย่างสันติ แต่แน่นอนว่าความคิดของคนเราไม่ได้ตรงกันตลอด มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะทำให้ทุกคนคิดทำสงครามกัน เรื่องราวของหนัง “The Outpost” นี้เลือกที่จะเปิดหัวมาว่า “สร้างจากเรื่องจริง” ถือเป็นคำเรียกกระแสได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เรื่องราวความสยดสยองของโศกนาฏกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเหล่าทหารอเมริกาที่กำลังตกเป็นรองพวกกลุ่มก่อการร้ายตาลีบัน ซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้เป็นรองแค่เรื่องความเจนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเป็นรองเรื่องจำนวนคนอีกด้วยเพราะครั้งนี้ เหล่าทหารกล้าของสหรัฐ 54 นายต้องเผชิญกับเหล่าตาลีบันอุซเบกิซสถานถึง 400 กว่าคน อีกทั้งพื้นที่นี้ยังไม่เอื้อให้หลบหนี้ออกไปได้อีกด้วย ลักษณะการเป็นแอ่งกระทะที่รายล้อมด้วยภูเขาสูงทำให้เหล่าทหารไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการทำสงคราม คว้าชัยชนะที่ช่างดูริบหรี่เหลือเกิน และออกไปจากที่นี่ให้ได้! ส่วนตัวคิดว่าช่วงแรกของหนังเน้นหนักไปเรื่องรายละเอียดของเรื่องราวมาก รู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยให้อารมรณ์เหมือนดูสารคดีสงคราม แต่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้สร้างตั้งใจเพราะต้องการปูเรื่องราวให้เรามองภาพรวมทั้งหมดได้ และไม่งง พอช่วงหลังหนังเน้นความระห่ำทันที มีเท่าไรเขาใส่แบบไม่ยั้ง CG Visual Effect มีเท่าไรใส่มาหมด ให้ความอลังและเป็นช่วงที่บอกเลยว่ามันส์มาก ไม่มีสะดุดให้เคืองอารมณ์ ใครสายเสพหนังสงคราม ความดราม่าต่างๆตีโจทย์แตกละเอียด น้ำตานองกันไปตามกัน ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังเรื่อง “The Outpost” ประเภท : สงคราม แอคชั่น ผู้กำกับ : ร็อด ลูรี่ นักแสดงนำ : สก็อตต์ อีสต์วู้ด,ออร์แลนโด บลูม,ไมโล กิบสัน,เคเล็บ โจนส์ ความยาว : 2 ชั่วโมง 5 นาที กำหนดฉาย : 5 พฤศจิกายน 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น แนะนำหนังเก่าน่าดูในเน็ตฟิกอย่าง “โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet) ได้อีกที่ filmograd.net

“เดอะเกรย์แมน” ที่เทียบได้กับวินเทอร์โซลเยอร์ของรูสโซ่

อาจเป็นภาพยนตร์ที่เปลี่ยนโฉมของแพลตฟอร์มเน็ตฟลิกซ์ก็ว่าได้ เมื่อทางผู้กำกับอย่างพี่น้องรูสโซ่ได้ออกมาพูดถึงภาพยนตร์ใหม่ของพวกเขาอย่าง เดอะเกรย์แมน ที่จะได้รับการเข้าฉายผ่านสตรีมมิ่งชื่อดังว่ามีความใกล้เคียงกับภาพยนตร์เรื่องกัปตันอเมริกาภาควินเทอร์โซลเยอร์อย่างมาก ซึ่งทั้งสองคนกลายเป็นผู้กำกับที่ชื่อเสียงนับตั้งแต่ปล่อยผลงานแรกออกมากับมาร์เวลจนกระทั่งได้รับหน้าที่ในการทำภาพยนตร์เรื่องใหญ่ของค่ายอย่างซีวิลวอร์และอเวนเจอร์ อินฟินิตี้วอร์กับเอนด์เกมเพื่อปิดตำนานในเฟสสามอีกด้วย “เดอะเกรย์แมน” ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของสองพี่น้องตระกูลรูสโซ่ ส่วนภาพยนตร์เรื่องเดอะเกรย์แมนนั้นก็จะได้ชายที่ได้รับบทในกัปตันอเมริกาอย่างคริส อีแวนส์ที่จะได้รับบทเด่นคู่กับไรอัน กอสลิ่งในเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากนิยายที่เขียนโดยมาร์ก กรีนนีย์ที่เกี่ยวข้องกับนักฆ่าอิสระที่ทางอีแวนส์เป็นคนแสดงประกบกับอดีตสายลับซีไอเออย่างคอร์ท เกนทรี ซึ่งทั้งสองจะต้องคอยหนีการตามล่าของหน่วยซีไอเออีกคนอย่างลอยด์ ฮานเซน โดยที่ทางเน็ตฟลิกซ์หวังว่าตัวภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จจนทำภาคต่อออกมาได้ในอนาคตเหมือนกับแฟรนไชส์ดังอย่างสายลับ 007 นั่นเอง หลังจากที่ทางพี่น้องตระกูลรูสโซ่ได้ออกมาเจอกับสื่อในงานซีซีเอกซ์พีนี้เอง จึงทำให้พวกเขาได้พูดถึงผลงานเรื่องล่าสุดอย่างเดอะเกรย์แมนและโอกาสที่จะได้ทำภาคต่อจากตัวละครต่างๆ ในเรื่อง ซึ่งจะมีอารมณ์คล้ายกับเรื่องวินเทอร์โซลเยอร์ที่มีต่อยอดตัวละครอย่างทีชาล่าหรือแบล็คแพนเธอร์ออกไปนั่นเอง โดยสองพี่น้องได้สัมภาษณ์ไว้ว่า เรื่องเกรย์แมนจะเป็นภาพยนตร์สายลับและจะมีความใกล้เคียงกับเรื่องกัปตันอเมริกาในอดีตตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่รวมถึงการเจาะข้อมูลผ่านเครือข่ายต่างๆ อีกด้วย ต้องยอมรับว่าเดอะเกรย์แมนกำลังจะเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่ฉายผ่านทางเน็ตฟลิกซ์หลังจากที่พวกเขาลงทุนไปมากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อดึงตัวนักแสดงและทีมงานต่างๆ เพื่อผลิตภาพยนตร์ที่ทางผู้กำกับกล้าออกมายืนยันว่าแฟนๆ ของเรื่องวินเทอร์โซลเยอร์จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น แนะนำหนังเก่าน่าดูในเน็ตฟิกอย่าง “โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet) ได้อีกที่ filmograd.net

แนะนำหนังเก่าน่าดูในเน็ตฟิกอย่าง “โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet)

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินหนังที่ชื่อเรื่องว่า โรมิโอ + จูเลียต (Romeo and Juliet) มาเป็นเวลาอย่างยาวนานเพราะนี้คือหนังรักในตำนานที่ไม่มีวันตาย เป็นหนังที่ควรค่าแก่การรับชมเป็นอย่างมาก เพราะมันสะท้อนให้เห็นภาพรวมในสังคมได้อย่างชัดเจน และที่ยิ่งน่าสนใจไปกว่านั้นคือ เขียนบทโดย วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) นักกวีชื่อดังที่ได้รับฉายาว่า  (จอมกวี) ที่มีวาทศิลป์ที่งดงามและลึกซึ้ง พาทุกคนย้อนไปดูหนังเก่ากับเรื่อง”โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet) หนังเรื่องนี้นั้นมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครตรงที่ว่า ทั้งเรื่องจะไม่มีภาษาพูดเลย จะมีแต่ถ้อยคำที่เป็นกวีโดย วิลเลียม เชกสเปียร์ เป็นคนแต่งขึ้นมา ถ้าเปรียบเทียบในแบบไทยก็คล้าย ๆ กับบทกวีของท่านสุนทรภูนั่นเอง แต่หนังเรื่องนี้จะเป็นเวอร์ชั่นแบบบทกวีภาษาอังกฤษ ผู้ชมอาจจะต้องใช้วิจารณญาณเล็กน้อยเพราะว่าเขาไม่ได้ใช้ภาษาพูดทั่วไป ขนาดซับไตเติ้ลยังแปลเป็นบทกลอนของ วิลเลียม เชกสเปียร์ เพื่ออรรถรสในการรับชม มีให้รับชมในเน็ตฟิก (Netflix) แล้วนะ นักแสดงหลัก ๆ ก็มี ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ Leonardo DiCaprio รับบทเป็น Romeo Montague (โรมิโอ มอนตะคิว)ช่างเป็นบุญตามากเพราะอยู่ในช่วงที่ลิโอนาร์โดยังเป็นวัยเยาว์อยู่และคนต่อมาคือ แคลร์ แคเทอรีน เดนส์ Claire Catherine Danes แสดงเป็น  Juliet Cabulet (จูเลียต คาปุเล็ต) สาวสวยที่แสดงเป็นตัวเอกในหนังเรื่องนี้นั้นเอง ทั้งคู่แสดงได้อารมณ์มาก ๆ ไม่แปลกเลยว่าทำไมถึงเป็นมืออาชีพขนาดนี้ หนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ครบรสเกี่ยวกับเรื่องความรัก มีต้นต่อและมีเรื่องราว เราจะขอเล่าเรื่องย่อคร่าว ๆ ที่เกี่ยวข้องภายในหนังนะคะ 2 ตระกูลนี้นั้นไม่ถูกกันมาเนินนานแล้ว มีเรื่องทะเลาะกันโดยตลอดโดยไม่มีท่าทีที่จะยุติได้เลย วันหนึ่งโรมิโอได้แอบเข้าไปในงานเต้นรำของฝั่งทางคาปุเล็ตแบบเล่น ๆ และบังเอิญไปเจอลูกสาวของตระกุลคาปุเล็ต โดยที่ตนนั้นยังไม่ทราบว่านั้นคือลูกสาวของตระกูลคู่รักคู่แค้นของตน หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “จอห์น ซีน่า” ที่ต้องกินเอ็มพานาดาสถึง 31 ชิ้นในฉากเดียว ได้อีกที่ filmograd.net

“จอห์น ซีน่า” ที่ต้องกินเอ็มพานาดาสถึง 31 ชิ้นในฉากเดียว

เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดไม่น้อย เมื่อทาง จอห์น ซีน่า จะต้องกินเอ็มพานาดามากกว่า 31 ชิ้นเพื่อแสดงในฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องซูอิไซสควอดที่กำกับโดยเจมส์ กันน์ โดยภาพยนตร์ที่รวมเหล่าตัวร้ายในจักรวาลซีดีนั้นจะต้องมาเจอภารกิจอย่างทาสต์ฟอร์ซเอกซ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำลายห้องทดลองในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองของพรรคนาซี นอกจากนี้ยังจะมีตัวละครเก่ากลับมารับบทเดิมอย่างมาร์กอต ร็อบบี้ในบทบาทของฮารลี่ ควินน์หรือจะเป็นทางวิโอลา ดาวิสที่รับบทอมานด้า ดาวิส รวมถึงตัวละครใหม่อย่างพีซเมเกอร์อีกด้วย “จอห์น ซีน่า” หลังจากที่ทางจอห์น ซีน่าได้ให้สัมภาษณ์กับทางซีซีเอกซ์พีในช่วงต้นเดือนนั้น เขาก็ไม่ได้เปิดเผยว่าตัวละครพีซเมเกอร์จะมีบทบาทอย่างไรบ้าง โดยบางฉากก็มีความลำบากสำหรับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งในฉากหนึ่งที่อดีตนักมวยปล้ำชื่อดังจะต้องร้องขอชีวิตเลยทีเดียวก็คือการกินเอ็มพานาดาเพียงหนึ่งชิ้น แต่ทว่าทางเจมส์ กันน์กลับยังไม่ชอบการถ่ายทำนี้ทำให้ต้องมีการถ่ายใหม่อยู่ตลอดจนกระทั่งจบลงที่การกินไปมากถึง 31 ชิ้นเลยทีเดียว โดยทางจอห์น ซีน่าได้เปิดเผยถึงฉากอันน่าจดจำของเขานั้นว่า ทีมงานได้ไปถ่ายทำที่ด่านฟ้าที่เป็นจุดทานอาหารของกองถ่ายพอดี โดยในฉากนั้นตัวเขาจะต้องกินขนมเข้าไปเพียงหนึ่งชิ้น ก่อนที่ตัวเขาจะเริ่มถ่ายภาพยนตร์ไปจนไม่รู้จบเพราะทางผู้กำกับอย่างเจมส์ กันน์ก็ยังต้องการภาพมากกว่านี้ โดยสุดท้ายตัวเขาต้องกินขนมไป 31 ชิ้นพร้อมกับเล่นมุกตลกอีกว่า หากต้องกินถึง 32 ชิ้นเขาอาจจะอาเจียนออกมาอย่างแน่นอน ก่อนที่สุดท้ายจะต้องไปปลดกางเกงออกเพื่อลดอาการแน่นท้องไปอย่างน่าสงสาร แม้ว่าเรื่องราวของจอห์น ซีน่ากับขนมเอ็มพานาดาจะดูน่าอึดอัดแทนก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็ได้รับบทเด่นเป็นพีซเมเกอร์ในภาพยนตร์เรื่องซูอิไซส์สควอทที่กำกับโดยเจมส์ กันน์ โดยตัวเรื่องราวของเหล่าตัวร้ายนี้จะเข้าสู่โรงภาพยนตร์ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2021 และจะเข้าฉายพร้อมกับแพลตฟรอ์มออนไลน์อย่างเอชบีโอแมกซ์อีกด้วย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น ประกาศแล้ว! “Black Panther” คนใหม่ของเรื่อง คือชูรี่น้องสาวของทีชาล่า ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณการสนับสนุนจาก Ufa369 ที่รวบรวมข้อมูลดีๆในวงการภาพยนตร์ หรือซีรี่ย์ต่างๆ มาให้เราได้แบ่งปันกันอย่างครบถ้วน

“มอนสเตอร์ฮันเตอร์” กับการตัดฉากมุกตลกเหยียดเชื้อชาติ

กลายเป็นประเด็นที่กลบเกลื่อนตัวภาพยนตร์ของพอล แอนเดอร์สันไปอย่างมาก สำหรับเรื่องราวของ มอนสเตอร์ฮันเตอร์ ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากเกมของแคปคอมที่ถูกผู้ชมจากประเทศจีนต่อว่าอย่างหนักที่บังเอิญมีมุกตลกเหยียดเชื้อชาติของพวกเขา จนทำให้กระแสติดลบไปทั่วสังคมออนไลน์ในประเทศของเอเชียเลยทีเดียว ซ่างตัวภาพยนตร์นี้เพิ่งจะเข้ารับการฉายที่ประเทศจีนในช่วงต้นเดือนธันวาคมและกำลังจะออกฉายในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงเทศกาลคริสต์มาสอีกด้วย “มอนสเตอร์ฮันเตอร์” ที่โดนวิจารณ์อย่างดุเดือดในสังคมออนไลน์ ถึงมุกเหยียดเชื้อชาติ ปัญหาหลังจากการออกฉายของเรื่องมอนสเตอร์ฮันเตอร์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนก็คือ มีมุกตลกเหยียดเชื้อชาติที่แฟนๆ ต่างไม่พอใจจากตัวละครที่ชื่อว่าจิน อูหยงที่พูดถึงหัวเข่าขิงตัวเองว่า ไชนีส์หรือพ้องเสียงกับคำว่าคนจีนในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นมุกตลกที่เอาไว้ใช้สำหรับเหล่าคนเอเชียทั้งประเทศญี่ปุ่นและจีนเรื่องหัวเข่าของพวกเขาที่มักจะสกปรกจากพิธีการคุกเข่าต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในสมัยอดีต จนทำให้ผู้ชมในโรงภาพยนตร์นั้นต่างไม่พอใจและต้องออกมาวิจารณ์กันอย่างดุเดือดในสังคมออนไลน์ต่างๆ เมื่อมีเสียงวิจารณ์ไม่พอใจเกิดขึ้นมาแล้วนั้น ล่าสุดทางมอนสเตอร์ฮันเตอร์ก็ได้ตัดฉากที่เป็นประเด็นร้อนออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางบริษัทที่อยู่ฝ่ายผลิตของภาพยนตร์เรื่องนี้จากประเทศเยอรมันอย่างคอนสแตนตินก็ได้ออกมาขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าตัวภาพยนตร์ชิ้นนี้จะยังมีโอกาสได้กลับไปฉายที่ประเทศจีนหรือไม่ก็ตาม ส่วนทางอีกบริษัทหนึ่งก็กำลังเจรจากับทางการของจีนเพื่อจะกลับไปฉายในโรงอีกครั้งในเวอร์ชั่นที่ไม่มีคำพูดเสียดสีแล้วเช่นกัน นับว่าเป็นข้อผิดพลาดทางการตลาดของเรื่องมอนสเตอร์ฮันเตอร์ก็ว่าได้ หลังจากที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดนั้นทำให้โรงภาพยนตร์จะต้องงดฉายผลงานต่างๆ ไปนานนับครึ่งปี จนกระทั่งสถานการณ์ในประเทศจีนได้เริ่มดีขึ้น แต่ทว่ากลับมีมุกตลกเหยียดเชื้อชาติออกมาจนทำให้คนในประเทศไม่พอใจและตัวผลงานของพอล แอนเดอร์สันจะต้องถูกถอดออกไปจากโรงภาพยนตร์จนต้องเกิดเหตุให้กลับมาเจรจาใหม่อีกครั้งไปอย่างน่าเสียดาย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “สามภพสามชาติ ลิขิตเหนือเขนย” หนังรักสุดฟินอินแทบทุกตอน ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณการสนับสนุนจาก Joker True Wallet สำหรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวงการภาพยนตร์ต่างๆ ที่ได้นำมาเผยแพร่ในวันนี้

” สามภพสามชาติ ลิขิตเหนือเขนย ” หนังรักสุดฟินอินแทบทุกตอน

สามภพสามชาติ ลิขิตเหนือเขนย ถือเป็นภาคต่อมาจาก สามภพสามชาติ ป่าท้อสิบลี่ ซึ่งในภาคแรกก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง เพราะด้วยฝีมือการแสดงของ หยาง มี่ กับ เจ้า โหย่ถิง ที่ทำให้ซีรีย์ฟรอม์ยักษ์กลายเป็นที่ตราตรึงใจของผู้ที่ชมหนังเรื่องนี้มาก และรวมไปถึงได้เกิดคู่ขวัญคู่ใหม่ อย่าง เกาเหว่ยกวาง กับ ตี๋ลี่เร่อปา ที่ก็ทำให้ผู้ชมฟินจนจิกหมอนและก็เสียน้ำตาไปพร้อม ๆ กันเลย และเหล่าบรรดาแฟนคลับทั้งหลายต่างก็เรียกร้องให้มีภาคต่อของสองคนนี้ขึ้นมาอีกด้วย เพื่อจะได้มารอลุ้นกันว่าพวกเขาจะสมหวังในรักหรือไม่  ” สามภพสามชาติ ลิขิตเหนือเขนย ” หนังรักที่ทำให้ผู้ชมทั้งหลายฟินและอินไปกับเนื้อเรื่อง หนังเรื่องสามภพสามชาติ ลิขิตเหนือเขนยนี้นั้นไม่ทำให้เหล่าบรรดาแฟนคลับที่ตั้งตารอเกือบจะ3 ปี เต็ม ๆ ต้องให้เสียเวลาเลย และตัวอย่างที่ปล่อยออกมาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็ทำสถิติทะลุไปมากว่า 100 ล้านวิว โดยเนื้อเรื่องก็ยังมีความสอดคล้องกันอยู่บ้าง เพื่อไม่ให้คนดูต้องมานั่งไล่เรียงกันใหม่ และภาคนี้เองก็ยังได้เชิญ หย่า งมี่ มาเป็นหนักแสดงรับเชิญอีกด้วย เรียกได้ว่าสมหวังกับการที่พวกเราตั้งตารอดูเป็นอย่างมาก  โดยเรื่องราวจะเป็นหนังที่เกี่ยวกับเผ่าเทพและอสูรซึ่งก็เหมือนกับภาคแรก แต่ภาคนี้จะเกี่ยวกับความรักของมหาเทพผู้ที่ได้ตัดทิ้งกิเลสและละทางโลกไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าใครบนโลกใบนี้ ที่ได้มาตกหลุมรักจิ้งจอกสาว 9 หาง ซึ่งเธอก็ได้แอบชอบเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ก็เกือบจะไม่สมหวังเพราะเขานั้นเย็นชาจนเธอเริ่มถอดใจไปเอง จากที่เคยรักก็เปลี่ยนไปไม่สนใจเขาและเกียจมหาเทพตงหัวมาก แต่ก็เพราะโชคชะตาที่ทำให้พวกเขาได้มาพบกันอีกครั้งหนึ่ง  และมหมาเทพผู้ที่ได้ฉายาว่า หัวใจเป็นดั่งหิน นั้น เริ่มที่จะมาสนใจแม่จิ้งจอกสาวน้อยอย่าง เฟิ่งจิ่ว ผู้ที่มีความน่ารักสดใส อีกทั้งยังมีความขี้เล่นและน่าถนุถนอม และเป็นคนที่มหาเทพเคยอกหักนางมาก่อนจึงทำให้นางนั้นไม่อยากจะเจอเขาอีกแล้ว แต่เหตุการณ์ก็ได้นำพวกเขาทั้งสองคนมาเจอกันอีก ทีนี้กลับกลายเป็นว่ามหาเทพผู้ยิ่งใหญ่และไร้หัวใจ กลับกลายมาคอยติดตามนางเเทน จึงทำให้เกิดเรื่องราวของความรักที่สุดแสนจะโรแมนติก ซึ่งก็จะทำให้ผู้ชมทั้งหลายต่างก็ฟินและอินไปกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน กับสามภพสามชาติ ลิขิเหนือเขย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่นประกาศแล้ว! “Black Panther” คนใหม่ของเรื่อง คือชูรี่น้องสาวของทีชาล่า ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณการสนับสนุนจาก ทดลองเล่นสล็อต pp สำหรับข้อมูลดีๆที่ได้นำมาแบ่งปันกันในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของหนังไทย หรือหนังต่างประเทศอื่นๆก็มีข้อมูลครบถ้วนให้คุณค้นหา

ประกาศแล้ว! “Black Panther” คนใหม่ของเรื่อง คือชูรี่น้องสาวของทีชาล่า

Black Panther หนึ่งในหนังของภาพยนตร์ค่าย Marvelที่เป็นค่ายภาพยนตร์ที่สร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับซุปเปอร์ฮีโร่ โดย Marvel นั้นได้เริ่มทำหนังมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้วโดยมีหนังเข้าฉายในโรงภาพยนต์มากกว่า 20 เรื่องและคว้ารายได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งBlack Pantherก็เป็นตัวละครหนึ่งที่อยู่ในหนังภาพยนตร์ของเครือ Marvel ที่ได้ออกมาปรากฏตัวให้ผู้ชมได้เห็นในภาพยนตร์เรื่อง Captain America civil War นำแสดงโดยแชดวิก โบสแมน แล้วหลังจากนั้นก็ได้มีหนังพากย์เดี่ยวเป็นของตัวเองโดยมีชื่อเรื่องว่าBlack Panther “Black Panther” คนใหม่ที่ได้ เลทิเทีย ไรท์ มารับบทแทน  Black Pantherได้ปรากฏตัวมาอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง The  Avengers  Infinity War  และ The Avengers End Game นอกจากนั้นยังมีภาพยนตร์เดี่ยวเป็นของตัวเอง โดยเป็นเรื่องราวความเป็นมาของเจ้าเสือดำBlack Pantherเรื่องราวของประเทศวากันด้า วัฒนธรรม และสถานที่ที่อุดมไปด้วยแร่ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแร่ไวเบรเนี่ยม และแน่นอนว่าภาพยนตร์ฮีโร่ของ Marvel จะต้องมีทั้งหมด 3 ภาค ซึ่งตอนนี้ก็เตรียมตัวที่จะทำภาพยนตร์ของตัวเองเป็นภาคที่ 2  แต่แล้วก็มีข่าวร้ายออกมาเมื่อนักแสดงนำอย่างแชดวิกโบสแมนเสียชีวิตจากโรคมะเร็งทำให้ตำแหน่งตัวเอกหรือตำแหน่งตัวละครอย่างBlack Pantherนั้นยังไม่มีใครมาสวมบทนั้นเอง ล่าสุดได้มีข่าวออกมาว่าคนที่จะเป็นBlack Pantherคนต่อไปก็คือชูรี่น้องสาวสุดที่รักของพี่ชะล่านั่นเองโดยนำแสดงโดย เลทิเทีย ไรท์   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภาพยนตร์ในค่าย Marvel ทำการเปลี่ยนบทตัวละครหรือเปลี่ยนตัวแสดงนำการเปลี่ยนตัวแสดงถือว่าเป็นเรื่องไม่แปลกในวงการภาพยนตร์แต่ว่าถ้าหากตัวละครนั้นเป็นตัวละครเอกนี่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยทีเดียวโดยตัวละครเอกคนนี้ก็เป็นที่ชื่นชอบของบุคคลจำนวนมากอีกด้วย สำหรับBlack Pantherในภาค 2 นั้นจะมีเรื่องราวเป็นอย่างไร และบทบาทของชูรี่จะเหมาะสมกับการเป็นBlack Pantherหรือไม่ ก็ต้องมาติดตามดูกันในBlack Pantherภาค 2 นะครับเชื่อว่าความมันนั้นจะมีมากพอๆกับภาคแรกแน่นอนติดตามชมดูได้สำหรับแฟนหนังในค่าย Marvel  หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่นเรื่องราวอันแสนยาวของ Fast & Furious จะจบลงที่ภาค 11 ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณการสนับสนุนจาก bacc666 สำหรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวงการซีรี่ย์ ภาพยนตร์ต่างๆทั้งในและต่างประเทศมาให้เราได้แบ่งปันกันในวันนี้

เรื่องราวอันแสนยาวของ Fast & Furious จะจบลงที่ภาค 11

สำหรับในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมามีภาพยนตร์จำนวนมากออกฉายซึ่งก็จะมีทั้งภาพยนตร์ที่เป็นไตรภาคและภาคเดียวอยู่ปะปนกันไปหมด  แต่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมและไม่มีใครคิดว่าจะมีจำนวนภาคมากมายขนาดนี้นั่นก็คือ Fast & Furious หรือ เร็วแรงทะลุนรก  Fast & Furious หนังมหากาฬที่เตรียมจบเรื่องราวลงในภาค 11 คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Fast & Furious เป็นภาพยนตร์ที่มีจำนวนภาคมากที่สุดซึ่งปัจจุบันนี้ก็ออกมาทั้งหมดแปดภาครวมถึงภาคที่เก้าที่กำลังจะออกเร็ว ๆ นี้ในโรงภาพยนตร์ เรื่องราวเริ่มต้นจากการไล่ล่าของตำรวจกับแก๊งค์รถซิ่งเมื่อเวลาผ่านไปการไล่ล่านอนก็ได้เป็นการไล่ล่าระหว่างแก๊งค์รถซิ่งด้วยกันเองและเรื่องราวก็เริ่มทวีคูณความมันส์เพิ่มขึ้นในทุกภาคจนกระทั่งการจากไปของพระเอกอย่าง พอล วอคเกอร์ ไปภาคที่เจ็ดทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องราวมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงบทบาทของนักแสดง แนะนำนักแสดงชื่อดังเข้ามา  ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในใจของใครหลายคนมากมาย ภาคล่าสุดที่กำลังจะออกฉายนั่นก็คือภาคที่เก้าได้นำดาราดังที่เป็นนักมวยปล้ำอย่าง John Cena เข้ามาร่วมแสดงด้วย เป็นการเรียกแฟนมวยปล้ำให้มารับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากภาคหลักที่มีความสนุกแล้ว และความมันส์ของการไล่ล่าแล้ว หนังFast&Furiousยังมีภาคเสริมนั่นก็คือFast & Furious Tokyo Dift และFast & Furious Hob & Shaw ทำให้สเกลของหนังเป็นสเกลที่ใหญ่มาก และไม่มีใครรู้ว่าจะมีจุดสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ แต่ล่าสุดได้มีการยืนยันแล้วว่าหนังมหากาฬ Fast & Furious จะสิ้นสุดลงที่ภาค 11  แน่นอนว่ายังมีอีกสองภาคให้ได้รับชมกันจริงๆแล้วก็ต้องนับเป็นสามภาคเลยทีเดียวเพราะว่าภาคที่เก้ายังไม่ได้ออกฉาย สำหรับแฟนหนังเรื่องนี้ก็คงจะไม่อยากผ้าซักภาคเดียวเลย  แต่ก่อนจะไปถึงภาค 10 และ 11 เรามารอติดตามชมภาคที่เก้าที่จะออกฉายในวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ก่อนว่าเรื่องราวจะมันส์ขนาดไหน หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิวภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง “Sweet Home” ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีที่ไม่ควรพลาด ได้อีกที่ filmograd.net