ชาร์ลี แชปลิน คนที่สองในโลกที่ตัวจริงยังต้องยอมรับในฝีมือของเขาเลยทีเดียว

ในช่วงปี 1917 ที่ตัวละครของ ชาร์ลี แชปลิน กลายเป็นนิยมอย่างมาก จนนักแสดงตลกและผู้กำกับชื่อคนนี้ไม่อาจผลิตผลงานออกมาตามความต้องการของโรงภาพยนตร์ได้ ทำให้ค่ายหนังได้ลองหาแชปลินตัวปลอมเข้ามาแสดงแทนตัวจริง ก่อนที่ผลงานของเขาจะถูกออกฉายไปทั่วสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งชาร์ลี แชปลินตัวจริงยังต้องยอมรับในฝีมือของเขาเลยทีเดียว ชื่อของ ชาร์ลี แชปลิน ตัวปลอมคนนั้นก็คือบิลลี่ เวสต์ซึ่งเป็นนักแสดงชาวรัสเซียที่มีเชื่อสายยิวและย้ายถิ่นฐานมาสูชิคาโก้ โดยเริ่มต้นนั้นเขาเป็นเพียงนักแสดงในละครสัตว์เท่านั้น ก่อนที่บริษัทอย่างคิงบีเริ่มเห็นแววในตัวเขาและโอกาสทางธุรกิจจึงได้ให้บิลลี่ที่มักจะแสดงเป็นแชปลินในคณะที่เข้าแสดง มาเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์บนแผ่นฟิล์ม จนเรียกได้ว่าเขาคือต้นตำรับของการเลียนแบบหรือ Parody ที่คนไทยรู้จักกันว่า เป็นการยำหนังนั่นเอง ภาพยนตร์ที่บิลลี่แสดงจนมีชื่อเสียงก็คือ His Day Out ที่เขาแสดงเป็นชาร์ลี แชปลิน โดยมีลีทริซ จอยมาเป็นนางเอกเหมือนเอดน่า เพอร์เวียนซ์และโอลิเวอร์ ฮาร์ดี้รับบทเป็นตัวโกงของเรื่องเหมือนเอริค แคมป์เบลล์ในยุคที่แชปลินอยู่ใน Mutual Studio นั่นเอง และช่วง 5 ปีนั้นเขาได้แสดงภาพยนตร์เป็นดาวตลกคนดังมากกว่า 15 เรื่องเลยทีเดียว ก่อนที่ต่อมาเขาจะกลายเป็นผู้กำกับและฮาร์ดี้จะมีผลงานการแสดงกับคู่หูอย่างสแตน ลอเรลในปลายยุค 20 แม้ว่าตัวชาร์ลี แชปลินจะชอบการเลียนแบบของบิลลี่ก็ตาม แต่สำหรับนักวิจารณ์แล้วกลับมองว่ามันคือการลอกเลียนแบบที่ไม่ควรเกิดขึ้น รวมถึงการหลอกคนดูในโรงภาพยนตร์ว่านี่คือภาพยนตร์ของแชปลินยิ่งเป็นการไม่ให้เกียรติผู้บริโภค จนทำให้บิลลี่เลิกเป็นนักแสดงตัวปลอมของชาลีและผันตัวไปเป็นผู้กำกับ พร้อมทั้งร่วมงานกับโอลิเวอร์ ฮาร์ดี้เช่นเดิม ต้องขอขอบคุณข้อมูลการรีวิวหนังจาก Ufahero มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังจีน ดีๆที่ท่านผู้ชอบนิยมดูหนังไม่ควรพลาดตังต่อไปนี้

2012 วันสิ้นโลก ภาพยนตร์วันที่โลกล่มสลายสู่เรื่องโกหกบันลือโลก

ย้อนกลับไป 9 ปีก่อน ในโลกที่มีการตื่นตัวจากปฏิทินของชาวมายาซึ่งทำลายอนาคตไว้ว่าโลกจะสิ้นสุดในปี 2012 จึงเกิดความกลัวกันว่าโลกจะถึงคราวอวสาน ซึ่งทางผู้กำกับอย่างโรแลน เอมเมอร์ริชก็ได้ถือโอกาสสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับมหันตภัยนี้ โดยมีทางจอห์น คูแชค,  ชเวเตล ออจิโอฟอร์และแธนดี้ นิวตันมาเป็นนักแสดงนำของเรื่อง 2012 วันสิ้นโลก เรื่องราวของภายนตร์มหันตภัยนี้เริ่มจากครอบครัวเคอร์ติสที่มีสามีภรรยาได้หย่าร้างกัน โดยทางแจ๊คสัน เคอร์ติสได้ทำงานเป็นคนขับรถให้กับมหาเศรษฐีชาวรัสเซียอย่างยูริ ก่อนที่พวกเขาได้เจอกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จนทำให้ครอบครัวเคอร์ติสกับครอบครัวของยูริต้องช่วยกันหนีมหันตภัยจากรัฐแคลิฟอร์เนียร์เพื่อไปหาจุดปลอดภัย ก่อนหาทางขึ้นเรือยักษ์ที่สร้างเพื่ออพยพมวลมนุษย์สำหรับอนาคตต่อไป หลังจากที่เรื่องราวของ 2012 วันสิ้นโลก  ออกฉายในปี 2009 ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีและสามารถทำเงินไปได้สูงถึง 790 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนจะได้รับรางวัลจาก Satellite Awards จากสาขาตัดต่อเสียงยอดเยี่ยมและสาขาการสร้างเทคนิกพิเศษ อีกทั้งพวกเขายังสร้างกระแสสังคมไว้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่สะท้อนสังคมและฉากมหันตภัยที่สมจริงจนทำให้ผู้คนต่างกลัวว่าในปี 2012 จะเกิดเหตุการณ์แบบในภาพยนตร์หรือไม่ แม้สุดท้ายแล้วผู้คนจะผ่านปี 2012 ไปอย่างสงบและทำลายทุกข่าวลือเรื่องจะเกิดมหันตภัยอย่างรุนแรง ทว่าปัญหาของโลกนั้นมีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อนหรือการละลายของน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือซึ่งกระทบต่อทุกสิ่งมีชีวิตในวงกว้าง และถ้าหากมนุษย์ยังไม่หาทางเปลี่ยนแปลงอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นใน 2012 อาจจะเป็นเรื่องจริงเข้าสักวันในอนาคตอันใกล้นี้ วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์ 2012 วันสิ้นโลก ต้องขอขอบคุณข้อมูลการรีวิวหนังจาก Vegus688 มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการรีวิวหนัง Bad Boys For Life ภาคต่อสุดระห่ำของคู่หูขวางนรก

รีวิวหนัง Bad Boys For Life ภาคต่อสุดระห่ำของคู่หูขวางนรก

ต้องยอมรับว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานสำหรับการรอคอยภาคต่อของหนังเรื่อง Bad Boys ที่ประสบความสำเร็จจากภาค1-2 ผลงานการแสดงในบทบาทของตำรวจที่ไล่ล่าพ่อค้ายาเสพติดหรือคดีดังหลายคดีโดยคู่หู ไมค์-มาร์คัส ฉกาบู๊ระห่ำสุดมันคงยังตราตรึงในใจของทุกคนเป็นแน่ จนถึงวันนี้นับเป็นเวลายาวนานถึง 17 ปี ก็ได้เวลามาถึงของ Bad Boys For Life ภาคที่ 3 กันแล้ว โดยภาคนี้รับรองได้ว่าจะได้เห็นสิ่งแปลกใหม่มากมายอย่างแน่นอน เรื่องราวของ Bad Boys For Life ภาคนี้ได้เล่าถึงชีวิตของมาร์คัสที่กำลังเป็นคุณตาพร้อมกับชีวิตผู้สูงวัยแสนสงบสุขของตัวเอง สิ่งต่าง ๆ ในตอนนี้ทำให้เขาคิดได้ว่าบางทีเขาอาจต้องพักจริง ๆ เสียที แต่ความคิดนั้นก็ต้องถูกเบรกเอาไว้เมื่อเพื่อนตำรวจคู่หูที่ร่วมเป็นร่วมตายเคียงบ่าเคียงไหล่ตลอดมาอย่าง “ไมค์” ชายโสดที่ไม่คิดมีครอบครัวกำลังโดนพ่อค้ายาเสพติดที่เขาเคยจับยัดเข้าตารางหมายหัวเพื่อเป็นการแก้แค้น งานนี้ทำให้เขาต้องขอร้องให้ “มาร์คัส” กลับมาร่วมทีมด้วยกันอีกครั้ง รับรองว่างานนี้ลีลาการต่อสู้ของตำรวจคู่นี้ยังสนุก ดุเดือดไม่แพ้สองภาคแรกอย่างแน่นอนทีเดียว ส่วนตัวมีความคิดเห็นว่าแม้ภาคนี้เนื้อเรื่องจะมีความจริงจังมากขึ้น เน้นประเด็นครอบครัวและความสำคัญของชีวิตมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้ว แต่ฉากต่อสู้ก็ทำออกมาได้สะใจ เต็มที่เอาใจสายบู๊ แฟนหนังแอคชั่นอย่างแท้จริง ต้องขอชื่นชมฝีมือการแสดงที่เรียกว่าเป็นอมตะของทั้งวิล สมิธ และมาร์ติน ลอว์เรนซ์ ที่มีเคมีอย่างประหลาดออกมาจากทั้งคู่ทุกครั้งเมื่อเข้าฉากด้วยกัน ทำให้เรารู้สึกคล้อยตามกับการร่วมฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ของพวกเขาได้อย่างดี และถือเป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้หนังไตรภาคเรื่องนี้น่าดูเพิ่มมากขึ้น และเป็นหนังที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งยุค 90’s อีกด้วย วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์ Bad Boys For Life ต้องขอขอบคุณข้อมูลการรีวิวหนังจาก Ufa666 มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังรักโรแมนติก The Letter จดหมายรัก นักแสดงมากฝีมืออย่างแอน ทองประสม

ภาพยนตร์ แบทแมน 1989 การปะทะกันของอริตลอดกาล

หลังจากที่แฟนๆ การ์ตูนเคยได้รับชม แบทแมน แบบคนแสดงจริงในช่วงยุค 1960 ไปแล้ว จากฝีมือของอดัม เวสต์ที่เล่นเป็นตัวละครหลัก พร้อมกับเซซาร์ โรเมโร่ที่ได้รับบทเป็นคู่ปรับคนสำคัญอย่างโจ๊กเกอร์นั่นเอง แต่หลังจากที่ซีรีย์สหยุดฉายไปแล้วนั้น ทางฮีโร่รัตติกาลนี้ก็หายไปจากจอภาพยนตร์จนกระทั่งในปี 1989 ที่ผู้กำกับอย่างทิม เบอร์ตันก็ใช้เวลามากถึง 2 ปีพัฒนาบทก่อนจะได้นักแสดงตลกอย่างไมเคิ่ล คีตันมารับบทนำในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้ เรื่องราวของ แบทแมน ในเวอร์ชั่นนี้จะเล่าถึงต้นกำเนิดของโจ๊กเกอร์ หรือแจ๊ก เนปิแอร์ที่ไปพัวพันกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลจนสุดท้ายจะพลาดท่าตกบ่อเคมีขณะที่ตำรวจกำลังเข้าจับกุม ก่อนที่เขาจะกลายเป็นคนเสียสติผิวขาว ผมสีเขียวก่อนจะพยายามยึดครองเมืองก็อตแธมด้วยตัวเอง จนทำให้ทางแบทแมนต้องพยายามหยุดยั้งโจ๊กเกอร์เอาไว้ ความน่าสนใจของแบทแมนในเวอร์ชั่นของเบอร์ตันก็คือความลงตัวระหว่างความเป็นการ์ตูนกับโทนภาพที่มืดมากกว่าซีรียส์ ซึ่งการที่ได้นักแสดงอย่างแจ๊ค นิโคลสันที่มารับบทโจ๊กเกอร์พร้อมถ่ายทอดการแสดงออกได้อย่างน่าทึ่ง จนทำให้เขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมของลูกโลกทองคำ รวมทั้งความสำเร็จของแบทแมนนี้ทำให้ต่อมาในปี 1992 ทางทิม เบอร์ตันกับไมเคิล คีตันจะกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งในภาคของแบทแมนอย่าง Batman Returns สิ่งที่แบทแมนปี 1989 ถือว่าเป็นต้นตำรับก่อนที่คริสโตเฟอร์ โนแลนจะได้มากำกับฮีโร่คนนี้แบบไตรภาคและถูกยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดโดยมีคริสเตียน เบลมารับบทพระเอกและได้ฮีธ เลดเจอร์มารับบทโจ๊กเกอร์ต่อจากนิโคลสันในปี 2008 นั่นเอง ต้องขอขอบคุณข้อมูลการรีวิวหนังจาก UFAOne มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามภาพยนตร์ Secret Garden กับการเติบโตทางจิตวิณญาน

ภาพยนตร์ Secret Garden กับการเติบโตทางจิตวิณญาน

ภาพยนตร์ Secret Garden มีกำหนดเข้าฉายต้นเดือน กันยายน 63 นี้ สำหรับแฟนวรรณกรรมคลาสสิคคงจะรู้จักเรื่องนี้เป็นอย่างดี Secret Gardenเป็นผลงานวรรณกรรมคลาสสิคของ Frances Hodgson Burnett ที่เป็นที่รู้จักมายาวนาน และยังเป็นวรรณกรรมที่ถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์มากที่สุดเรื่องหนึ่ง และยังเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของเด็กอเมริกันด้วย หากพิจารณาตามเนื้อเรื่อง Secret Gardenเป็นภาพยนตร์ที่ว่าด้วยความเติบโตทางด้านอารมณ์ การพัฒนา Self – Esteemของเด็ก ๆ รวมถึงการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของลูกด้วย Secret Gardenเป็นเรื่องของคุณหนูมารี เลนน็อกซ์ ที่ต้องมาอาศัยกับคุณลุงในคฤหาสหรูกับคุณลุงในชนบทของประเทศอังกฤษ เพราะพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตจากโรคระบาดที่อินเดีย ในตอนที่แม่ยังมีชีวิตเธอมีเรื่องให้โศกเศร้าจากการสูญเสีย ทำให้เธอไม่อยากพบมารี มารีจึงโตมากับความรู้สึกว่าแม่ไม่รัก ไม่เป็นที่ต้องการของแม่ ทำให้สาวน้อยเป็นคนขี้โมโห โกรธเกรี้ยว เอาแต่ใจ ชอบออกคำสั่ง และไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่เสมอ วันหนึ่งพี่เลี้ยงพูดกับเธอว่า “เอาแต่บอกว่าไม่ชอบสิ่งนั้ยน ไม่ชอบสิ่งนี้ แล้วตัวเองล่ะ ชอบตัวเองแค่ไหน” นี่เป็นจุดเปลี่ยนของมารีที่ทำให้เธอคิดได้ว่าไม่ควรเอาตัวเองเป็นสูญกลาง เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนา Self- esteem สาวน้อยมารีออกไปซุกซนจนได้เจอกับหมาน้อยหิวโหย และเป็นเพื่อนกันในเวลาต่อมา และเธอได้พบกับดิ๊กค่อน น้องชายของพี่เลี้ยงที่ช่วยเหลือเธอได้หลายอย่าง และช่วยรักษาบาดแผลของเจ้าหมาน้อยด้วย มารีเรียนรู้การยอมรับ และเคารพผู้อื่น เห็นได้จากการที่เธอไว้ใจให้ ดิ๊กค่อนช่วยรักษาหมาน้อย และเชื่อใจการนำทางของนกน้อยที่พาเธอไปเจอกุญแจ และประตูของสวนลับแห่งนั้น  คอลลิน เป็นลูกชายของคุณลุงของมารี หรือเป็นลูกพี่ลูกน้องกับมารีนั่นเอง แม่ของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเล็ก และพ่อของเขาเจ็บปวดกับการสูญเสียภรรยาก ลินคอนโตมากับความเชื่อที่พ่อปลูกฝังว่าเขาหลังค่อม แพ้เกษรดอกไม้ ขี้โรค เดินไม่ได้ เพื่อต้องการปกป้องเขาจากโลกภายนอก แต่มารีผู้ค้นพบสวนลับพาคอลลินไปที่นั่น เด็กทั้งสาม มารี ดิ๊กค่อน คอนลิน ค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์แบบเพื่อน เริ่มด้วยการวางใจกัน เช่นการที่ลินคอนยอมให้เพื่อน ๆ พาไปที่สวน ไว้ใจกัน จากฉากที่ถ่มน้ำลายใส่มือ และจับมือกัน เด็กทั้งสามพัฒนาทักษะทางอารมณ์ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็ฯเด็กที่มีความสุขได้ด้วยการยอมรับการเปลี่ยนแปลง เข้าใจการสูญเสีย เดินต่อไปข้างหน้าด้วยการเยียวยาซึ่งกันและกัน เป็นการเติบโตรูปแบบหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับเด็ก  และสำคัญไม่แพ้กันคือการให้ความรัก การดูแลที่ใกล้ชิด และเข้าใจของพ่อแม่ ที่จะทำให้เด็ก ๆ เติบโตมาจิตวิณญานที่สมบูรณ์มี Self -Esteem รู้จักรักตัวเอง และมี EF พร้อมไปผจญโลกและชีวิตของพวกเขาเอง วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์ Secret Garden ติดตามการรีวิวหนังและติดตามภาพยนต์วงตำนาน Queen ที่ทำให้ทุกคนรู้จักพวกเขา Bohemian Rhapsody

ภาพยนต์วงตำนาน Queen ที่ทำให้ทุกคนรู้จักพวกเขา Bohemian Rhapsody

สำหรับใครที่เนคอดนตรีในยุค 80 ที่จะพาท่านผู้ชมได้ย้อนไปถึงวัยเก๋าของ ภาพยนต์แนว History ที่จะเจาะลึกลงในชีวประวัติของวงที่ชอบโดยตรงแล้วล่ะก็คงพลาดไม่ได้เลยกับภาพยนต์ที่มีชื่อว่า Bohemian Rhapsody เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ใครหลายคนในวงการณ์ดนตรีจับตามอง เพราะในเรื่องนี้ได้นำวงระดับตำนานอย่าง Queen มาบอกเล่าผ่านนักร้องนำ Freddie Mercury ตั้งแต่จุดกำเนิด การเดินทางบนถนนสายดนตรีในสมัยก่อน ความรุ่งโรจ และความมืดมนต์ที่น้อยคนจะได้รับรู้ ก็จะมาบอกเล่าทั้งหมดผ่านภาพยนต์เรื่องนี้ที่ทุกคนไม่ควรพลาด เรื่องย่อ ส่วนที่สำคัญอีกอย่างที่เป็นจุดสนใจของ ภาพยนต์แนว History เรื่องนี้เลยก็คือ เนื้อเรื่อง ที่ยังได้ผูอำนวยการสร้างมากฝือมืออย่าง Bryan Singer มาช่วยบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนี้อีกด้วย ซึ่งเรื่องราวจะเล่าย้อนไปไกลถึงยุค 1970 ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มึวามฝันอยากเป็นนักดนตรีอันดับหนึ่งที่มีนามว่า Freddie Mercury แต่ตอนนี้เขาเป็นแค่เด็กเสริฟธรรมดานบาร์ที่เขาทำงานอยู่เพียงเท่านั้น แต่ความฝันของเขาก็เริ่มจากตรงนี้เช่นด้วยกัน เมื่อนักร้องนำที่เล่นอยู่ในบาร์ได้เกิดอาการป่วยจึงได้ขอลาไปพัก และทำให้เขาได้เสนอตัวตอนหน้าวงนั้นด้วยการร้องเพลงให้พวกเขาฟังอย่างทันที ต่อมาไม่นานเขาก็ได้เป็นนักร้องนำให้กับวงดนตรีในบาร์พร้อมกับก่อตั้งวงขึ้นมากับเพื่อนของ ไบรอัน เมย์ และ โรเจอร์ เทย์เลอร์ จนดังเป็นพลุแตกก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าอีกไม่นานเขาก็จะลาโลกนี้ไป จุดเด่นของภาพยนต์เรื่องนี้ ภาพยนต์แนว History ของเรื่องที่มีชื่อว่า Bohemian Rhapsody ที่เล่าเรื่องจะการหยิบเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยที่ทุกคนเคยได้ยินมาประกอบให้ทุกคนได้รับข้อมูลกันตลอดทั้งเรื่องไม่ว่าจะเป็นที่มาของเพลง ทำไมตัวนักร้องนำถึงเป็นเกย์ และอีกนับไม่ถ้วนที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างกลมกล่อเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังได้จัดเต็มเพลงฮิตอีกมากมายให้ทุกคนได้ว้าวกันอย่างแน่นอน วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Bohemian Rhapsody ติดตามการรีวิวหนังและติดตามมันส์กว่านี้อีกไม่ได้แล้ว กับ Bleach Live Action เวอร์ชั่นภาพยนตร์

มันส์กว่านี้อีกไม่ได้แล้ว กับ Bleach Live Action เวอร์ชั่นภาพยนตร์

Bleach Live Action เป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากออริจินอลมังงะ (การ์ตูน) เรื่องบลีช (Bleach) เทพมรณะ เรื่องราวที่ว่าด้วยการต่อสู้ของยมทูตเพื่อปกป้องโลกจากเหล่าร้ายที่โด่งดังไปทั่วโลกมาแล้ว และด้วยความอลังการเหนือธรรมชาติของเนื้อเรื่องในเวอร์ชั่นมังงะทำให้ Bleach Live Actionกลายเป็นภาพยนตร์ที่มีความยากในการสร้างสรรค์ความเหนือจริงขึ้นมาเป็นภาพเคลื่อนไหวและเป็นที่ตั้งตารอของเหล่าแฟน ๆ เป็นอย่างมาก และการปล่อยภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาใน Netflix ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เมื่อความมันส์และงานสร้างอลังการได้ใจจนลืมออริจินอลเวอร์ชั่นไปเลย  เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากอิจิโกะ คุโรซากิ นักเรียมัธยมปลายที่มีความสามารถในการเห็นภูติผีและฮอลโลว์ ค่ำคืนหนึ่งขณะที่บ้านของเขาถูกฮอลโลว์ถล่มอิจิโกะได้พบกับลูเคีย คุจิกิ ยมทูตผู้มีหน้าที่ปราบฮอลโลว์ และได้รับพลังของยมทูตมา หลังจากนั้นภาระหน้าที่ในการปกป้องเมืองจากฮอลโลว์ก็ถ่ายโอนมายังอิจิโกะและผองเพื่อน การต่อสู้ดำเนินไปพร้อมกับความลับการเสียชีวิตของมารดาอิจิโกะก็ได้เปิดเผยออกมา ภาพยนตร์เรื่องนี้หากมองว่า Bleach Live Action เป็นการรีเมคจากเวอร์ชั่นมังงะก็ถือว่าเป็นการรีเมคที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ แม้ผู้ชมจะไม่เคยอ่านการ์ตูนเรื่องบลีชมาก่อนก็สามารถชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างออกรสแน่ ๆ เพราะเนื้อเรื่องมีการปูพื้นตัวละครและเนื้อเรื่องถักทอได้อย่างน่าติดตาม ตัวละครทุกตัวมีเสน่ห์น่าเอาใจช่วย และตัวละครบางตัว โดยเฉพาะอิจิโกะ-พระเอกของเรื่องและลูเคียก็มีความยียวนเหลือเกิน นำคนดูเข้าไปเผชิญเรื่องราวสนุกสุดมันส์ได้อย่างถึงแก่น  และที่ต้องชมมาก ๆ สำหรับ Bleach Live Actionก็คือ การสรรค์สร้างสิ่งเหนือจริงอย่างฮอลโลว์ให้ออกมาโลดแล่นในภาพยนตร์ได้อย่างสมจริงในแบบที่คนอ่านมังงะมาก่อนก็ยังต้องออกปากชม เพราะภูติประหลาดอย่างฮอลโลว์ในเรื่องนั้นเนียนไปกับฉากหลังของเมืองและวิธีชีวิตของผู้คนมาก ๆ อย่างที่ทำให้เราเชื่อไปแบบนั้นแล้วจริง ๆ จากเรื่องราวการเติบโตของตัวละครหลัก การต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเพื่อกอบกู้เมืองและช่วยชีวิตเพื่อน ๆ การผจญภัยและพบเจอกับเรื่องราวที่ไม่คาดหมาย ทั้งหมดนี้มีอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Bleach Live Actionนี้หมดแล้ว หากเพื่อน ๆ จะมองหาภาพยนตร์สักเรื่องไว้นั่งดูในช่วงวันหยุดยาวนี้ Bleach Live Action จะสร้างความตื่นเต้น ลุ้นระทึก ชวนติดตาม จนไม่กล้าลุกไปไหนตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมงของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Bleach Live Action ติดตามการรีวิวหนังและติดตาม โรบิ้น วิลเลี่ยมส์ ดาวตลกที่แสนอบอุ่นจากภาพยนตร์น้ำดี

โรบิ้น วิลเลี่ยมส์ ดาวตลกที่แสนอบอุ่นจากภาพยนตร์น้ำดี

ป็อปอาย, จอห์น คีทติง, คุณนายเดาบท์ไฟร์และหมอแพทช์ อดัม ต่างเป็นบทบาทที่ โรบิ้น วิลเลี่ยมส์ มีโอกาสได้แสดงและได้รับคำชมอย่างมากมายรวมถึงการเสนอเข้าชิงรางวัลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นออสการ์หรือลูกโลกทองคำ โดยโรบิ้นถือว่ามีว่าเป็นดาวตลกที่มีลีลาการแสดงลุ่มลึกและคำพูดที่แสนอบอุ่นทำให้เขามักจะเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้คนที่ได้รับชมเสมอ จนเป็นที่น่าเสียดายที่เขาต้องจากโลกนี้ไปในวัยเพียง 63 ปีเท่านั้น โรบิ้น วิลเลี่ยมส์ เข้ามาเป็นดาวตลกครั้งแรกผ่านการเป็นนักเดี่ยวไมโครโฟนในปี 1976 ก่อนที่จะได้รับโอกาสเล่นเป็นตัวเอกในภาพยนตร์จากชื่อตูนชื่อดังอย่างป็อปอาย แม้รายได้จะทำได้ไม่ดีนักก็ตามแต่นักวิจารณ์กลับชื่นชอบการแสดงของโรบิ้นอย่างมากเลยทีเดียว จนกระทั่งในปี 1987 ที่เขาได้แสดงเป็นนักจัดรายการวิทยุให้แก่ทหารอเมริกันไปสงครามเวียดนามจากภาพยนตร์ตลกเรื่อง  Good Morning, Vietnam จนทำให้เขาได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าร์ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปีต่อมา   หลังจากที่วิลเลี่ยมส์ได้เล่นภาพยนตร์ตลกดราม่าจนสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองแล้ว ทำให้ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ที่ดาวตลกคนนี้เล่นมักจะสื่อสารเรื่องความสำคัญของชีวิตเสมอไม่ว่าจะเป็น Dead Poet Society ที่เขาแสดงเป็นครูสอนหนังสือให้กับนักเรียนระดับมัธยมที่กำลังค้นหาตัวตน และเรื่อง Ms. Doubtfire ที่เขาแสดงเป็นแดเนียล ฮิลลาร์ดคุณพ่อผู้ตกงานจนต้องแยกทางกับภรรยาที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถเลี้ยงดูลูกทั้งสามของเขาให้ได้ จนต้องแอบแปลงโฉมไปเป็นแม่บ้านในอดีตภรรยาของตัวเองเพื่อดูแลครอบครัวต่อไป จะเห็นว่าสิ่งที่ดาวตลกอย่างโรบิ้น วิลเลี่ยมส์พยายามสื่อสารไว้ในภาพยนตร์มักจะเป็นคำพูดทรงพลังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดในฐานะอาจารย์ คุณหมอหรือนักจัดรายการวิทยุ จนเขากลายเป็นตัวแทนของชายผู้แสนอบอุ่นและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมตลอดมาแม้ว่าเขาจะล่วงลับไปแล้วก็ตาม ติดตามการรีวิวหนังและติดตามปีเตอร์ เซลเลอส์ ดาวตลกผู้น่าสงสาร เจ้าของบทบาทชื่อดังสารวัตรฌาคส์ คลูโซ

ปีเตอร์ เซลเลอส์ ดาวตลกผู้น่าสงสาร เจ้าของบทบาทชื่อดังสารวัตรฌาคส์ คลูโซ

ชาลี แชปลิน, โรแวน แอตกินสันและเควิน ฮาร์ตน่าจะเป็นดาวตลกค้างฟ้าที่หลายคนต้องรู้จักผ่านภาพยนตร์ในแต่ละยุคของพวกเขา ทว่าในยุค 1960 ยังมีนักแสดงชาวอังกฤษอยู่หนึ่งคนที่สามารถรับบทบาทต่างๆ และมีเทคนิคการแสดงที่ไม่เหมือนใครโดยเฉพาะการด้นสดที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ซึ่งชายคนนั้นมีชื่อว่า ปีเตอร์ เซลเลอส์ เจ้าของบทบาทชื่อดังอย่างสารวัตรฌาคส์ คลูโซ นายตำรวจจอมเซ่อซ่าแห่งเมืองเซอร์เร่ท์จากภาพยนตร์เรื่องพิงค์แพนเธอร์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวขำขันชื่อดังแห่งยุค แต่ว่าชีวิตของเขากลับไม่สนุกเช่นนั้นเลย ปีเตอร์ เซลเลอส์ เกิดในปี 1925 ที่เมืองพอร์ทสมัธ ประเทศอังกฤษโดยเขาเริ่มเข้าสู่วงการผ่านการเข้าคัดตัวของสถานีบีบีซีก่อนที่เขาจะได้เป็นนักแสดงละครวิทยุของค่าย ก่อนที่ผลงานสร้างชื่อของเขาจะเกิดขึ้นจากรายการเดอะกูนโชว์ที่มีตัวเขา สไปค์ มิลลิแกนและแฮร์รี่ เซคคอบแสดงเป็นตัวละครหลัก จนกระทั่งเขาเริ่มได้รับโอกาสแสดงภาพยนตร์เรื่อง I’m All Right Jack ซึ่งกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของประเทศอังกฤษในปี 1960 จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสแสดงเป็นดาราชายสมทบในเรื่องพิงค์แพนเธอร์ที่เขาสามารถขโมยซีนพระเอกอย่างเดวิด นิเวนจนสุดท้ายในเซลเลอส์จะได้แสดงในภาคต่อถึง 5 ภาคด้วยกัน เรียกได้ว่าถือครองแฟรนไชส์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ไปเลยทีเดียว แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงจากการเป็นนักแสดงตลกแต่ทว่าชีวิตส่วนตัวของเขากลับเต็มไปด้วยเรื่องน่าเสียใจ โดยเฉพาะเรื่องครอบครัวของเขาที่ต้องผ่านการหย่าร้างมาหลายครั้งเช่นภรรยาคนแรกของเขาอย่างแอนน์ โฮว์ เนื่องจากเซลเลอส์เป็นคนอารมณ์ร้ายและมักจะขี้กังวลเสมอ โดยทางลูกชายอย่างไมเคิ่ล เซลเลอส์เคยให้สัมภาษณ์ว่าพ่อของเขามักจะมีพฤติกรรมรุนแรงกับครอบครัวเสมอ อีกทั้งสุขภาพของปีเตอร์เองที่มีปัญหาเรื่องหัวใจเนื่องจากการใช้สารเสพย์ติดที่เขาใช้เพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของเขา แม้ว่าเจ้าตัวจะใช้ชีวิตที่ผิดพลาดด้วยความเป็นคนเจ้าอารมณ์ของตัวเอง แต่ในช่วงบั้นปลายชีวิตทางปีเตอร์ก็ยังสามารถกลับไปคืนดีกับลูกชายของตัวเองได้สำเร็จก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไปในวัยเพียง 54 ปีเท่านั้นถึงชายที่ชื่อปีเตอร์ เซลเลอส์จะจากโลกนี้ไปหลายสิบปีก็ตาม แต่สิ่งที่เขาหลงเหลือไว้ยังถือว่าเป็นสมบัติของวงการภาพยนตร์เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นเรื่องพิงค์แพนเธอร์ที่ปีเตอร์ได้แสดงเทคนิคการด้นสดตลอดทั้งเรื่องหรือจะเป็นภาพยนตร์แนวตลกร้ายของเขาอย่าง Being There ที่แสดงให้เห็นถึงความคิดของมนุษย์ที่ซับซ้อนและมองทุกสิ่งตามที่ตัวเองเข้าใจเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ยังส่งผลให้เขาถูกเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายอีกด้วย รวมทั้งคำชื่นชมจากนิตยสารนิวยอร์กที่กล่าวไว้ว่า ปีเตอร์ เซลเลอส์คือนักแสดงตลกอัจฉริยะต่อจากแชปลินเลยทีเดียว ติดตามการรีวิวหนังและติดตาม Doom Patrol ซีรีส์ HBO หนังซุปเปอร์ฮีโร่จากฝั่ง DC น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน

REVIEW : Idiocracy เมื่อโลกห้าร้อยปีข้างหน้ามีแต่คนโง่

บนโลกนี้ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่กำเนิด ทุกคล้วนมีพื้นฐานทางความคิดที่เท่ากัน จะเก่งหรือไม่เก่งขึ้นอยู่กับปัจจัยระหว่างการใช้ชีวิต เรียกได้ว่าทุกคนมีโอกาสที่จะเก่งเท่าเทียมกัน แต่จะเป็นอย่างไรถ้าโลกในอนาคตเต็มไปด้วยคนโง่ และทุกคนล้วนมีไอคิวต่ำยิ่งกว่าเด็กอนุบาล อาจจะเป็นเรื่องที่ดูเหลือเชื่อ แต่มันเกิดขึ้นจริงแล้ว ใน Idiocracy โจ บาวเวอร์ ทหารหนุ่มรากหญ้าที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันไปกับการนั่งเฝ้าห้องสมุดที่มีคนเข้าใช้บริการแค่ปีละคน อยู่มาวันนึงเขาได้รับเลือกให้เข้าทดลองโครงการจำศีลของมนุษย์พร้อมกับโสเภณีคนนึง นายพลแจ้งว่าเขาจะได้ตื่นอีกครั้งคือ 1000 ปีข้างหน้า ซึ่งเทคโนโลยีคงก้าวไกลมากพอที่จทะให้เข้าใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแล้ว คนเบื่อ ๆ เบ ๆ อย่างโจมีหรือจะปฏิเสธ เขาตอบรับทันทีเมื่อได้รับโอกาสสุดแสนจะวิเศษนี้ โชคร้ายหน่อยที่นายพอของเขาดันเป็นพวกเสเพลและขี้ยา มักจะพี้ยาและหมกหญิงอยู่เป็นประจำ เขาคงจะเคยชินมากเกินไปเลยถูกจับได้ ทำให้เขาต้องติดคุกมากกว่า 10 คดี เรื่องราวผ่านไปหลายปี นายพลที่ถูกจับก็กลายเป็นขี้คุก แต่โครงการที่นายพลคนนี้ทำไว้ โครงการจำศีลมนุษย์ของโจและโสเภณียังคงดำเนินต่อไปโดยที่ไม่มีใครรู้เพราะมันคือโครงการเพื่อการฟอกเงิน ทั้งสองยังคงหลับในแคปซูล แคปซูลของพวกเขาถูกทุบและทำลายไปพร้อมกับเศษขยะจากบ้านานยพลมากมาย และเขาก็ตื่นขึ้นจากข้อผิดพลาดของแคปซูล มันคือโลกในอีก 500 ปีข้างหน้าที่ทุกคนโง่กันหมด โง่ขนาดไหนน่ะหรือ คนที่นี้อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ภาวะเศรษฐกิจล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ทุกคนเป็นโรคมากมายอาทิเช่น เบาหวานจากการกินมั่วซั่ว แผลกระดูกกดทับจากการนอนทั้งวัน สายตาไม่ดีจากการเสพติดหน้าจอ และอื่นๆ อีกมากมายที่คุณพอจะนึกออกเกี่ยวกับคนโง่  สำหรับโจยังโชคร้ายไม่พอ เขาดันสอบข้อสอบที่ง่ายยิ่งกว่าของเด็กอนุบาลได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วแต่ดันไม่ปกติสำหรับคนที่นี่ เขาจึงได้เข้ารับทำงานกับรัฐบาลในฐานะอัจฉริยะ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป การทำงานในโลกที่คนโง่ที่สุดจะไปรอดหรือไม่ ติดตามได้ใน Idiocracy วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Idiocracy ติดตามการรีวิวหนังและติดตาม EXTRACTION หนังแอคชั่น NETFLIX ถ่ายทำเมืองไทยให้กลายเป็นบังคลาเทศ