Mulan จากเวอร์ชั่นการ์ตูนสู่ภาพยนตร์แอคชั่นสุดอลังการ

จากเวอร์ชั่นการ์ตูนของดีสนีย์ มาสู่ภาพยนตร์แอคชั่นสุดอลังการ Mulan หรือสาวจีน ฮัว มู่หลาน ลูกสาวคนหัวปีของนักรบนามกระเดื่อง ต้องมารับหน้าที่แทนพ่อที่ออกรบไม่ได้เนื่องจากแก่ชราและเจ็บป่วย แต่ต้องอำพรางตัวเป็นชายหนุ่มนามว่า ฮัว จุน เธอต้องผ่านการทดสอบหลายขั้นตอนกว่าจะได้รับการยอมรับจากกองทัพ  ชื่อของเธอเป็นที่ยอมรับทั้งในวรรณกรรจีน และในสื่ออื่น ๆ อีกมาก และยังไม่ถูกนำมาสร้างเป็นทั้งหนังใหญ่ ซีรีย์ และเกมออนไลน์ แต่ที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้น ภาพยนตร์การ์ตูนแอนนิเมชั่นจากฝีมือของวอลท์ ดีสนีย์ ในชื่อของเธอเองว่า “มู่หลาน”  Mulan เป็นหนังการ์ตูนที่ดีสนีย์ประสบความสำเร็จอีกเรื่องหนึ่ง ในปี 2019 ประเภทหนังที่สร้างจากการ์ตูนดังในอดีต ออกแยทั้งหมดถึง 3 ภาค ที่นำโดย The Lion King ที่ทำรายได้ไป 1,600 ล้าน และ Aladdin ที่มีท่าทีตอนแรกว่าจะไปไม่รอด ก็ทำรายได้ไป 1,000 ล้านจนได้ ก็มีเฉพาะ Dumbo ที่ทำรายได้ไม่ถึงขั้นคือได้แค่ 353 ล้านเท่านั้น ซึ่ง มู่หลายเป็นอีกเรื่องที่ทางดีสนีย์ก็ได้ปล่อยตัวอย่างออกมาแล้ว คาดว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดีโดยเฉพาะในตลาดชาวจีน เรื่องราวชอง ฮัว มู่หลายเป็นเรื่องในวรรณกรรมจีนในศตวรรษที่ 6 ได้แก่เรื่อง The Ballad of Mulan ที่ได้เล่าต่อ ๆ กันมาของหญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นชายเข้าไปอยู่ในกองทัพ เพื่อเป็นการแทนคุณบิดา และออกรบแทนผู้เป็นพ่อ ต่อมาเธอได้กลายเป็นยอดนักรบคนสำคัญของจีนจนทำให้ชายชาติทหารทั้งหลายต้องยอมรับ และยังได้ช่วยชีวิตจักรพรรดิของจีนในเงื้อมือของมองโกล ไว้ได้อีกต่างหาก ในภาคที่เป็นภาพยนตร์นี้ ไม่มีการดัดแปลงจากฉบัยเดิมที่เป็นการ์ตูนแต่อย่างใด แต่ได้เพิ่มเนื้อหาหลายอย่างเพื่อให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และตัวหนังเองก็ยังได้ผู้สร้างจากจีนมาร่วมลงทุนอีกด้วยด้วยการนำเพลง My Reflection มาประกอบเรื่องได้อย่างลงตัว แต่สำหรับเพลง Score นั้นทำให้เกิดอารมณ์สะท้อนความจริงขึ้นมาอย่างน่าแปลก มีการเปลี่ยนบทของเจ้ามังกรตัวน้อยที่เป็นทั้งเพื่อนซี้และคู่ปรับของมู่หลายให้เป็นนกฟินิกส์ได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย จึงไม่ต้องกลัวว่าจะผิดหวัง สามารถดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Mulan ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนัง THE OLD GUARD หนังแอคชั่นมัน ๆ ย่อยง่ายสไตล์ NETFLIX

THE OLD GUARD หนังแอคชั่นมัน ๆ ย่อยง่ายสไตล์ NETFLIX

THE OLD GUARD หนังดัดแปลงจากการ์ตูนชื่อดังของค่าย IMAGE COMICS กำกับโดย “จีน่า พรินซ์-บาธวูด” ผู้กำกับหญิงฝีมือยอดเยี่ยม ส่วนนักแสดงก็ถือว่าได้นักแสดงตัวแม่ของวงการอย่าง “ชาร์ลิส เธอรอน” มารับบทนำ แถมช่วงหลัง ๆ เธอหันมาจับงานแสดงประเภทแอคชั่นดิบ ๆ โหด ๆ หลายเรื่อง ตั้งแต่ Mad Max: Fury Road (2015) THE OLD GUARDพล็อตเรื่องแสนเรียบง่าย เน้นแอคชันมัน ๆ  THE OLD GUARDเรื่องราวของหน่วยทหารรับจ้างที่มีชีวิต “อมตะ” คอยต่อสู้ปกปองโลกมานับพันปี โดยมี “แอนดี้” (Charlize Theron) เป็นหัวหน้า จนกระทั่งองค์กรวายร้ายต้องการนำตัวพวกเขาไปทดลองเพื่อหวังจะครอบครองพลังอมตะ ทำให้ แอนดี้ ต้องร่วมมือกับ “ไนล์” (KiKi Layne) สมาชิกทหารอมตะน้องใหม่เพื่อหยุดยั้งแผนการร้ายขององค์กรนี้  THE OLD GUARDฉากแอคชั่นดูเพลินแต่ยังไปได้ไม่สุด THE OLD GUARDเป็นหนังที่เรียบง่าย ดูได้เรื่อย ๆ ความสนุกของหนังขึ้นอยู่กับฉากแอคชั่นล้วน ๆ ซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับทำให้คนดูรู้สึก “ว้าว” เหมือนหนังแอคชันทุนสร้างไม่เยอะเรื่องอื่น ๆ เช่น John Wick (2014) ที่บทแสนเรียบง่าย แต่ฉากแอคชันทำให้คนดูลุ้นจนนั่งไม่ติด แต่สำหรับ THE OLD GUARDแม้ว่าสกิลการต่อสู้หรือศิลปะการป้องกันตัวหลายฉากมันจะให้อารมณ์คล้าย ๆ ได้รับอิทธิพลจาก “กันฟู” (ใช้ปืนผสมศิลปะการต่อสู้ระยะประชิด) ของ John Wick แต่ด้วยความที่ จีน่า พรินซ์-บาธวูด ผู้กำกับเพิ่งมาจับงานแอคชั่นเป็นครั้งแรก จึงทำให้ฉากแอคชั่นดูจืดและขาดความดุเดือดไปหน่อย  แต่อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ THE OLD GUARDชาร์ลิซ เธอรอน ที่แสดงฝีมืออย่างเต็มความสามารถฉายออร่าสมกับเป็นเจ้าแม่แห่งฮอลลีวูดแทบทุกฉากที่มีเธอ แม้เธอจะไม่ใช่นักแสดงที่โด่งดังจากหนังแอคชัน แต่หลายปีมานี้เธอหันมาจับงานแอคชันดิบเถื่อนหลายเรื่อง ซึ่งเธอทำออกมาได้ดีทุกเรื่องจนหาใครมาเทียบได้ยาก   THE OLD GUARDโดยรวมแล้วถือว่าเป็นหนัง NETFLIX ที่ดูสนุกฆ่าเวลาได้เพลิน ๆ แบบไม่ต้องคิดมาก แถมเนื้อเรื่องก็ย่อยง่ายไม่ต้องเก็บมานั่งคิดวิเคราะห์หลังดูจบ ถึงแม้ว่าฉากแอคชั่นจะทำได้ไม่สุด แต่ในเรื่องคุณภาพการถ่ายทำถือหรือโปรดักชั่นต่าง ๆ ถือว่าหนัง NETFLIX ตอนนี้แทบจะไม่แตกต่างจากหนังโรงแล้ว วิดีโอตัวอย่างหนัง THE OLD GUARD ติดตามการรีวิวหนังและติดตาม สำหรับวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 3 อันดับหนัง Top Netflix ประจำสัปดาห์

Dragon Ball Evolution 2009 หนึ่งในภาพยนตร์การ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างสูง

หนึ่งในภาพยนตร์การ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างสูงมากที่สุดในโลก ซึ่งก่อกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น และเข้ามาในประเทศไทยให้เราชมในช่วงปี 90 นอกจากการ์ตูนเรื่องโดราเอมอนแล้ว แฟนการ์ตูนหลายคนย่อมนึกถึงการ์ตูนเรื่องดราก้อนบอล  โดยเป็นหนังสือการ์ตูนหรือมังงะที่เขียนโดยโทริยาม่า อากิระ ตีพิมพ์ครั้งแรกกับสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2527 หรือปี 1984 โดย Dragon Ball เป็นหนังสือการ์ตูนที่มีการนำไอเดียมาจากเรื่องราวของวรรณกรรมจีนโบราณเรื่องไซอิ๋ว ที่กล่าวถึงซุนหงอคงพญาลิงผู้มากด้วยอิทธิฤทธิ์ กับศิษย์น้องทั้งสองได้ทำการอารักขาพระถังซัมจั๋งเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกจากชมพูทวีป หากแต่หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ได้ดัดแปลงเป็นซุน โกคู เด็กน้อยบ้านป่าผู้เก่งกาจในด้านกังฟูซึ่งรับถ่ายทอดมาจากผู้เป็นปู่ที่เสียชีวิตไป ได้ออกเดินทางตามหาDragon Ball หรือลูกแก้วมังกรกับเพื่อนๆ ทำให้ต้องพบเจอกับคนร้ายที่โผล่กันออกมาพยายามแย่งชิงDragon Ball ซึ่งมีตำนานเล่าว่าหากรวบรวมครบ 7 ลูกจะสามารถเรียกเทพเจ้ามังกรออกมาขอพรได้ 1 ครั้ง ซึ่งการ์ตูนเรื่องดราก้อนบอลถือว่าโด่งดัง และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยต้นฉบับเดิมเขียนยาวไปจนถึงปี พ.ศ. 2538 เนื้อเรื่องจะจบลงอยู่ที่ภาคจอมมารบู จำนวนหนังสือ 42 เล่ม ทำให้ได้รับการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นรวมทั้ง และการ์ตูนทางทีวีโดยใช้เนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นใหม่นอกเหนือจากต้นฉบับเดิมด้วย ด้วยความโด่งดังของDragon Ballทำให้ Twenty Century Fox ได้มีการซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในฮอลลีวูดในปี 2009 ในชื่อDragon Ball Evolution(2009)  เปิดตำนานใหม่นักสู้กู้โลก ซึ่งกำกับการแสดงโดย เจมส์ หว่อง โดยนำเอาการ์ตูนดราก้อนบอลของอาจารย์โทริยาม่า มาดัดแปลงเนื้อหาในภาคจอมมารพิคโกโร่ มาใช้ดำเนินเรื่อง หากแต่น่าเศร้าที่ปัญหาในเรื่องบทภาพยนตร์ที่ผู้สร้างไม่สามารถตีโจทย์ให้แตก ทำให้กลายเป็นว่า dragonball evolution กลายเป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากการ์ตูนที่สุดแสนจะได้รับความเกลียดชังจากทั้งแฟนการ์ตูนดราก้อนบอลและรวมทั้งแฟนภาพยนตร์ทั่วไปด้วย ซึ่งผู้เขียนในฐานะแฟนของดราก้อนบอลคนหนึ่งรวมทั้งได้ค้นหารับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนภาพยนตร์ทั้งหลายที่ได้ชมภาพยนตร์Dragon Ball Evolution (2009) ต่างก็มีความเห็นตรงกันว่า ปัญหามันอยู่ที่ผู้สร้างไม่สามารถรักษาเอกลักษณ์สำคัญของการ์ตูนDragon Ballเอาไว้ได้ เพราะผู้ที่เคยได้อ่านหนังสือการ์ตูน ได้ชมการ์ตูนทั้งเวอร์ชั่นโทรทัศน์ และภาพยนตร์ของDragon Ballจะทราบกันดีว่า มันเป็นเรื่องราวของเด็กน้อยแสนซื่ออย่าง ซุน โกคูที่เก่งกาจด้านกังฟู แต่เพราะอาศัยอยู่ในป่ากับปู่มาโดยตลอดจนปู่เสียชีวิต มันจึงทำให้เขาไม่ค่อยจะรู้จักการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนทั่วไป รวมทั้งการใช้ชีวิตในเมืองมากนัก และการมาถึงของบลูม่าตัวละครสำคัญในฐานะผู้ประดิษฐ์คิดค้น Dragon Radar กับเพื่อนพ้องอีกหลายคนได้ร่วมกันเดินทางไปผจญภัยในที่ต่างๆ เพื่อค้นหา Dragon Ballจนกระทั่งไปปะทะกับกองทัพเรดริบบอนศัตรูตัวร้ายตัวแรกที่ปรากฏในการ์ตูนดราก้อนบอล       (นับรวมตัวละครทุกตัวที่สังกัดองค์กรนี้) ในขณะที่พิคโกโร่จะเป็นปีศาจซึ่งเป็นร่างแยกของพระเจ้าซึ่งจะปรากฏตัวใน Dragon Ballเนื้อหาต่อไปหลังจาก ซุน โกคู ปราบกองทัพสำเร็จแล้ว หากแต่ผู้สร้าง Dragon Ball Evolution (2009) แทนที่จะทำจินตนาการจากภาพการ์ตูนให้กลายมาเป็นคนจริงๆ อย่างที่แฟนการ์ตูนDragon Ballอยากจะได้ชม ผู้สร้างและผู้เขียนบทกับเปลี่ยนโลกของ Dragon Ballกลายมาเป็นหนังวัยรุ่นอเมริกันทั่วไป แถมซุน โกคู ก็กลายมาเป็นหนุ่มน้อยอารมณ์หื่นที่มุ่งแต่จะได้จีบสาว จีจี่ ดาวโรงเรียนเท่านั้น แถมเนื้อหาเปิดต้นเรื่องแทนที่จะเก็บไว้ทยอยทำเรื่องราวทีละภาคได้ กลับเริ่มต้นที่เอาจอมมารพิคโกโร่โผล่มาเลยตั้งแต่หัววัน บุคลิกของตัวละครในเรื่องถูกเปลี่ยนไปแทบหมดไม่เหลือเค้าการ์ตูน Dragon Ballในความทรงจำ เนื้อเรื่องไม่ประติดประต่อรวมทั้งไม่มีเหตุผลสอดรับกัน และที่คนเกลียดกันที่สุดก็คืออยู่ๆให้ส่วนโกคูแท้จริงแล้วเป็นลูกน้องคนหนึ่งของจอมมารพิคโกโร่ที่ถูกส่งตัวมายังโลกก่อนหน้า ซึ่งแฟนดราก้อนบอลจะเข้าใจกันดีว่าแท้จริงแล้วซุน โกคู เป็นชาวไซย่ามนุษย์ต่างดาวซึ่งมีอาชีพเป็นนักรบรับจ้าง แถมในการ์ตูน Dragon Ballต้นฉบับภาคตะลุยดาวนาเม๊กหรือภาคปะทะกับฟรีเซอร์ ชาวดาวนาเม็กที่เป็นเชื้อชาติเดียวกันกับพิคโกโร่ไม่สามารถสู้เบจิต้าซึ่งเป็นชาวไซย่าได้เลย แถมยังถูกทหารของฟรีเซอร์ส่งทหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เอาได้ง่ายๆ การที่คนเขียนบทมาเปลี่ยนบทสำคัญแบบนิ้วเข้ามันจะเหมือนเอาเนื้อหาที่ควรจะสามารถแบ่งทำได้หลายภาคมายำรวมกัน ดัดแปลงเนื้อหาไปจนเปลี่ยนแปลงใจความรักที่แฟนการ์ตูนDragon Ballอยากให้เห็นมันจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องDragon Ball Evolution (2009) ไม่ประสบความสำเร็จ ขอบคุณแหล่งที่มา WM Casino ที่คุณอาจชื่นชอบ วิดีโอตัวอย่างหนัง Dragon Ball Evolution (2009) ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนัง Birds of Prey หนังที่ได้รับการโหวดให้ติดอันดับต้น ๆ ในโพลล์ของหนังปี 2020

Birds of Prey หนังที่ได้รับการโหวดให้ติดอันดับต้น ๆ ในโพลล์ของหนังปี 2020

Birds of Prey เป็นหนังที่ได้รับการโหวดให้ติดอันดับต้น ๆ ในโพลล์ของหนังปี 2020 สำหรับเรื่องนี้ที่ได้รวมตัวร้ายของบรรดาสาว ๆ สาวกของ ฮาร์ลีย์ ควินน์ ที่ได้เลิกรากับเจ้าพ่อตัวร้าย โจ๊กเกอร์ เธอก็พยายามล้างมือจะปรับปรุงตัวใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม เริ่มตั้งแต่ทรงผมที่เปลี่ยนใหม่ เลิกกินอาหารขยะ และเปลี่ยนลายสักบนร่างกายใหม่ พร้อมกับได้หมาป่าไฮยีน่าตัวโปรดมาเลี้ยง และได้กลับไปยังสถานที่ผลิตสารเคมีที่โจ๊กเกอร์ได้สร้างเธอขึ้นมา ปัจจุบันเมืองก็อตแธมมีความแตกต่างให้เห็นกว่าเดิม เป็นเรื่องเล่าที่ ฮาร์ลีย์ ควินน์ ได้เล่าผ่านคัลเลอร์ฟูล และยังมีการสมทบกับตัวละครอื่นอีกหลายคน ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นและได้ยินพลังเสียงที่เหนือมนุษย์ของเธอที่มาแสดงเป็นตัวร้ายในเรื่องได้อย่างสมจริง  หนัง Birds of Prey เริ่มด้วยการฉายให้เห็นชีวิตของ ฮาร์ลีย์ ควินน์ที่ต้องการอิสระมาโดยตลอด หลังจากได้เลิกกับโจ๊กเกอร์ และได้ถูกตามเช็คบิลจากวายร้าน โรมัน ไซออนนิส (ยวน แม็คเกรเกอร์) หรือฉายาแบล็กแมสก์ เจ้าพ่อเมืองก็อตแธมคนใหม่ที่ยังหลงใหลอำนาจบ้า ๆ บอ ๆ อยู่กับมรดกเพชรล้ำค่า ทำให้ฮาร์ลีย์ ควินน์ต้องไปช่วย แคสแซนดรา เคน (เอลลา เจย์ บาสโก) สาวนักล้วงจากคุกในสถานีตำรวจ ซึ่งเป็นเหตุให้ เรเน มอนโทยา (โรซี่ เปเรซ) นักสืบสาวแห่งเมืองก็อตแธมต้องรับบทหนักเพราะต้องมาพบกับดาวร้ายจากหลายสำนัก ที่มาพบกันด้วยเป้าหมายเดียว คือ การกำจัดโรมันจอมโหดนั่นเอง นับว่าเป็นความกล้าอย่างมากของทางทีมผู้จัดที่ได้นำผู้กำกับหญิงสัญชาติจีนอย่าง เคธี ยาน ที่มีผลงานการกำกับหนังใหญ่มาเพียงเรื่องเดียวให้มาทำหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ แต่เธอก็ได้แสดงออกได้เป็นอย่างดี ด้วยจิตรวิญญาณของผู้กำกับที่มีอนาคต ที่สำคัญทั้งเธอและวอร์นเนอร์ บารเธอร์ก็ดูว่าจะมีความมั่นใจมากกับเรท R ของฉากในหนังนี้ของฮาร์ลี ควินน์ และเพื่อน ๆ ของเธอที่มีความรุนแรงทั้งคำหยาบ และมุกตลกเรื่องเพศในเมืองก็อตแธมด้วยน้ำเสียงที่ข้นคลั่ก แต่ก็กลมกลืนไปกับบทได้อย่างประหลาด ขอบคุณแหล่งที่มา JokerGame ข้อมูลดีๆคุณไม่ควรพลาด ระดับคะแนนของความน่าดู 9/10 วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Birds of Prey ติดตามการรีวิวหนังและติดตามฟินกับซีรีย์ญี่ปุ่น แนวรักต้องห้าม meet me after school

Interstellar นักบินอวกาศ กับภารกิจและการผจญสุดโหดบนดวงดาว

หนังที่เกี่ยวกับอวกาศ อีกเรื่องหนึ่งที่คอหนังประเภทนี้พลาดไม่ได้นั่นก็คือ Interstellar หรือชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาไทยว่า ทะยานดาวกู้โลก เป็นหนังประเภทไซไฟที่นักบินอวกาศต้องขึ้นไปปฏิบัติการอยู่บนดาวดวงหนึ่งที่ไกลออกไปจากโลกเรามาก อาจเป็นภารกิจที่ไม่น่าเชื่ออยู่บ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงจินตนาการและความเชื่อของผู้สร้างว่าสักวันในอนาคตคงจะต้องเกิดขึ้จริง เป็นความตื่นตา ตื่นใจอย่างมากที่ได้มาพบเห็นอะไรอย่างนี้ เหมือนกับการได้มาอยู่ในความฝันที่เป็นจริง ผู้กำกับสร้างเรื่องและภาพได้อย่างสมจริง มีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ เมื่ออ้างว่าเป็นเรื่องที่ได้เคยเกิดขึ้นจริง ๆ แต่ทางนาซ่าไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดให้โลกได้รับรู้มาก่อน ก็ยิ่งทำให้ผู้ชมเกิดความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น หนังเรื่องนี้นอกจากจะนำเสนอความบันเทิงแล้ว ยังได้ป้อนความรู้ทางวิชาวิทยาศาสตร์ให้ผู้ชมอีกด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของดวงดาวต่าง ๆ เป็นหนังที่สร้างได้อย่างสมจริงมากทีเดียว เพราะมีเรื่องราวให้น่าติดตามอีกเยอะมาก ภาพยนตร์ Interstellar เรื่องนี้เป็นฝีมือการกำกับการแสดงโดย คริสโตเฟอร์ โนแลนด์ ซึ่งมีแนวคิดว่าในอนาคตถ้าโลกได้มากถึงจุดวิกฤติ มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเชื่อชาติไหนผิวสีอะไรก็ไม่สามารถที่จะดำรงชีพอยู่ได้ ทั้งหมอต้องดิ้นรนเพื่อหาทางออกและทางที่ดีที่สุดได้แก่การหาโลกใหม่ ดังนั้นจึงได้มีคนกลุ่มหนึ่งที่ได้ปฏิวัติการทางวิทยาศาสตร์อวกาศขึ้นมา ซึ่งก็คือการหาโลกใหม่เพื่อการอยู่อาศัย และเพื่ออาหารการกินของมนุษย์ชาติ ซึ่งความฝันนี้เป็นความฝันที่เป็นจริงในอนาคตอันไม่ไกลอีกต่อไป แต่มันอยู่ที่ไหนล่ะเพราะอวกาศไม่ใช่ที่ที่จะออกไปเดินเล่นได้ เป็นภาพยนตร์ไซไฟที่เรียกได้ว่าดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ดำเนินเรื่องโดยมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากผู้เชี่ยวชาญควบคู่ไปด้วยตลอดเรื่อง ทำให้ผู้ชมคิดว่าเป็นเรื่องจริง ประกอบกับฝีมือของนักแสดงทั้งหญิงและชายอย่าง ดาราดัง แมทธิว แม็คคอนาเฮย์, แอนด์ แฮทธาเวย์ และเจสซิก้า แซสแทน ที่มาสวมบทบาทของนักบินอวกาศได้อย่างลงตัว และแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดองทีเดียว ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังกระบี่เย้ยยุทธจักร กับหลากหลายเวอร์ชั่นในจอแก้วและจอเงิน

กระบี่เย้ยยุทธจักร กับหลากหลายเวอร์ชั่นในจอแก้วและจอเงิน

นิยายเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร นั้นกิมย้งได้ทำการแต่งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513 ปี พ.ศ. 2512 แต่เดิมชื่อไทยใช้ชื่อว่า “ผู้กล้าหาญคะนองศึก” สำหรับในประเทศไทยในการแปลครั้งแรกโดย น.นพนัตน์ ต่อมาสำนักพิมพ์ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เดชคัมภีร์เทวดา” ตามชื่อภาพยนตร์ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ อำนวยการสร้างโดยฉีเคอะผู้สร้างหนังชื่อดังคุ้นหูชาวไทยกันดี ซึ่งออกฉายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2533 โด่งดังถึงขนาดมีการสร้างภาคต่ออีก 2 ภาค ในปีต่อๆ มา และยังถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือละครทางโทรทัศน์หลายครั้งเช่นเดียวกัน ที่รู้จักกันดีก็คือเดชคัมภีร์เทวดาในปี 1996 ก่อนที่จะมีการสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีกเวอร์ชั่นหนึ่งพร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรอย่างที่เรารู้จักกันดี ซึ่งสำนักพิมพ์ที่ได้ลิขสิทธิ์แปลนิยายต้นฉบับเป็นภาษาไทยก็เปลี่ยนชื่อนิยายเรื่องนี้เป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรตามละครโทรทัศน์ชุดนี้ด้วย และในการสร้างละครโทรทัศน์จากนิยายชุดนี้ต่อๆมาก็จะใช้ชื่อกระบี่เย้ยยุทธจักรแทบทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เอง ในบทความนี้ต่อไปเราจะขอเลี่ยงนิยายและละครจอแก้วกับจอเงินของนิยายชุดนี้ว่า กระบี่เย้ยยุทธจักร ทั้งหมด เราจะขอพูดถึงความประทับใจของภาพยนตร์และละครที่ดัดแปลงจากนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรที่ได้ชมสักหน่อย โดยกระบี่เย้ยยุทธจักรหรือภาพยนตร์เรื่องเดชคัมภีร์เทวดาที่ออกฉายในปี 1990 1993 ทั้งหมด 3 ภาคนั้น มีข้อดีก็คือค่อนข้างจะสรุปรวบเนื้อเรื่องได้ดี แต่จะดัดแปลงเปลี่ยนต้นฉบับไปมากพอสมควร โดยเฉพาะเป็นภาคแรกที่เพิ่มบทตงฟางปุ๊ป้าย ที่แต่เดิมเป็นชายร่างใหญ่น่ากลัวแต่ใจเป็นหญิงเพราะฝึก “วิชาคัมภีร์ทานตะวัน” กลายมาเป็น แม้ว่าจะยังคงเป็นชายที่ตอนตัวเองเพื่อฝึกวิชาคัมภีร์ทานตะวันอยู่ แต่เมื่อตอนแล้วก็กลายมาเป็นหญิงสาวรูปงาม ซึ่งรับบทโดยหลินชิงเสียนางเอกชื่อดังในยุคนั้น กระบี่เย้ยยุทธจักรเวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ในปี 1996 ค่อนข้างจะเก็บรายละเอียดครบตามต้นฉบับนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรของกิมย้งแต่งเอาไว้ แต่ผู้เขียนชอบมากที่สุดจะเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรซึ่งเป็นละครโทรทัศน์เวอร์ชั่น 1999 ที่ช่อง 3 เคยซื้อลิขสิทธิ์มาฉายเมื่อหลายปีก่อน เหตุผลก็เพราะไม่ว่าจะเป็นเทคนิคงานภาพ เนื้อเรื่อง แม้จะถูกดัดแปลงไปบ้างแต่ก็ไม่มาก แต่ฉากการต่อสู้สมกับเป็นนิยายกำลังภายในผสมเทคนิคการใช้สลิงแบบดั้งเดิม ไม่เหมือนกับซีรีย์กำลังภายในยุคปัจจุบันที่เน้นแสงสีเสียงเอฟเฟคอย่างเดียวเข้าว่าเหมือนจอมยุทธยืนอยู่เฉยๆ ปล่อยพลังกัน ไม่มีโชว์ลีลาการต่อสู้วาดลวดลายดาบกระบี่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และจุดแข็งของภาพยนตร์กำลังภายในจีนเลย ละครกระบี่เย้ยยุทธจักรในปี 2000 ก็มีการสร้างขึ้นเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งแต่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จัก และไม่ประทับใจเท่าไหร่ จนหลายคนแทบจะลืมไป จากนั้นแล้วก็ข้ามมาอีก 1 ความประทับใจ เมื่อมีผู้กำกับที่แสนจะมั่นใจ กำกับกระบี่เย้ยยุทธจักรมาสร้างใหม่ในเวอร์ชันปี 2013 ที่ยึดแนวทางที่ ฉีเคอะ เคยทำเอาไว้กับเดชคัมภีร์เทวดาเมื่อปี 1990 ด้วยการเปลี่ยนเพศของตัวละครหญิงแย่งบทบาทนางเอกเกือบทั้งหมดมาใส่ให้   ตงฟางปุ๊ป้าย ตัวร้ายในเรื่องแทน โดยให้เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ ที่หน้าตาสะสวยรับบทโดยเฉินเฉียวเอินนางเอกชื่อดังในเวลานั้นมารับบทนี้ ซึ่งหลงรักพระเอกเล่งฮู้ชง แต่น่าเสียดายที่พระเอกไม่มีใจให้ แม้ว่าจะดัดแปลงจากต้นฉบับไปมาก แต่ด้วยความสามารถของนักแสดงหญิงซึ่งรับบทตัวละครนี้เรียกว่าเอาบทอยู่ จนคนดูแทบจะเรียกว่ายกให้เธอเป็นนางเอก แทนนางเอกตัวจริงของเรื่องได้ไหมก็เลยทีเดียว และเป็นเวอร์ชั่นแรก เวอร์ชั่นเดียว ที่ท่านจะได้เห็นตงฟางปุ๊ป้ายหิ้วปิ่นโตกับข้าวขึ้นเขาไปส่งให้เล่งฮู้ชงที่ฝึกวิชาบนเขา ฮา  จากนั้นก็ข้ามมาเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักร เวอร์ชั่น 2019 ที่ผู้เขียนขอสารภาพว่าอยากจะลืมมากที่สุด เหตุผลก็เพราะอาจเพราะผู้สร้างต้องการหาแนวทางใหม่ในการสร้างกระบี่เย้ยยุทธจักรเป็นละครจึงได้ลดทอนฉากกำลังภายในออกไปแทบจะทั้งหมด ให้เหลือการต่อสู้แบบเสมือนคนจริงๆสู้กัน กลายเป็นว่าจอมยุทธที่เคยเหินเดินอากาศต่อสู้กันดุเดือดจากกระบี่เย้ยยุทธจักรเวอร์ชั่นเก่าทำได้เพียงแค่แกว่งดาบฟันกันนิดหน่อยพอประมาณซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด คือผู้ชมชาวไทยต่างด่าดอไม่พอใจกับเวอร์ชั่นนี้กันจริงๆ เหตุผลก็เพราะฉากบู๊แอคชั่นระดับนี้ไม่สมควรนำมาใช้กับกระบี่เย้ยยุทธจักร เพราะว่ากระบี่เย้ยยุทธจักรนั้นเป็นนิยายกำลังภายในแบบดั้งเดิมที่คนดูชอบความเวอร์วังอลังการ และสุดยอดของวิชายุทธ์ต่างๆในเรื่อง โดยเฉพาะวิชากระบี่เก้าเดียวดายของเล่งฮู้ชง เพลงกระบี่ปราบมารของตระกูลลิ้ม และที่ขาดไม่ได้คือความเว่อร์วังของวิชาคัมภีร์ทานตะวันของตงฟางปุ๊ป้าย แต่นี้อะไรเตะต่อยกันยังยังกะยกพวกตีกันตามงานวัด มันไม่ใช่กระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วล่ะนาย ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังที่มีเนื้อเรื่องของคนที่ถูกกัดขังมี หนัง Oldboy หนังเก่ามาให้ได้ดูกันแก้เซ็ง

หนังที่มีเนื้อเรื่องของคนที่ถูกกัดขังมี หนัง Oldboy หนังเก่ามาให้ได้ดูกันแก้เซ็ง

ในช่วงเวลาที่ต้องโดนกักตัวถึง 14 วันในสถานที่จำกัด ถ้ามองในทางที่ดีก็คงจะได้แก่การที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่อยู่ในฐานะเดียวกัน แต่ในความรู้สึกจริง ๆ แล้วคงไม่ผิดกับผู้ต้องขังแม้ว่าจะมีเครื่องอุปโภคบริโภคอย่างครบครันก็ตาม แต่ก็คงมิอาจมาทดแทนความรู้สึกที่ต้องการอิสระไม่ได้ แต่การดูหนังเพื่อฆ่าเวลาก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ และดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงวิธีเดียวที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้อย่างที่สุด โดยเฉพาะหนังที่มีเนื้อเรื่องของคนที่ถูกกัดขัง หรือกักกันด้วยแล้ว ซึ่งเปรียบเสมือนหัวอกเดียวกันนั่นเอง คราวนี้มี หนัง Oldboy หนังเก่าปี 2003 มาให้ได้ดูกันแก้เซ็ง ไปดูกันเลย ภายในคุกแห่งหนึ่ง โอแทชู ผู้ต้องโทษที่โดนผู้คุมนำมาขังเดี่ยวไว้ โดยไม่แจ้งสาเหตุ และเรื่องที่ถูกขังแยกออกมาอย่างนี้ ทำให้เขาต้องคิดหนัก เขาคิดหาสาเหตุของการถูกขังเดี่ยวนี้อยู่ตลอดเวลา 15 ปี (โห้!! มันมากกว่า 14 วันหลายเท่าทีเดียวนะ) โดยไม่มีคำตอบ แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งเขาก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาให้เป็นอิสระ ก็เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้อีกว่าไม่มีเหตุผล หรือคำอธิบายใด ๆ จากผู้คุมอีกเช่นเคย จึงทำให้เขาต้องออกมาล่าหาความจริงกับผู้ที่จับเขาในครั้งนี้ ทำให้ครอบครัวของเขาตองแตกสลาย  โชคชะตาทำให้โอแทชูได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งได้ให้สัญญาว่าจะช่วยเขาหาเหตุผลเรื่องนี้ให้ได้ แต่เมื่อยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็ทำให้ความจริงเหมือนห่างออกไปทุกที และกลับทำให้เขายิ่งต้องพบกับเรื่องในอดีตที่ผ่านมา จากคู่อริเก่าที่ตามเขามาอยู่ตลอดเวลา  ในช่วงแรกของหนังจะแสดงให้เราเห็นว่าเขาได้ทำอะไรบ้างในช่วงระหว่างถูกขังอยู่ในคุก ทั้งฝึกการต่อสู้ป้องกันตัว และความจำเรื่องอาหารซ้ำซากที่ได้กินอยู่ทุกวัน ก่อนที่หนังจะพาเราไปพบกับความเป็นอิสระของเขา เพื่อการล้างแค้น ผู้ชมหลายคนต่างให้การยกย่องว่า หนัง Oldboy เป็นหนังที่มีพล็อตเรื่องที่เยี่ยมยอดของปี 2003 เป็นหนังที่ทำให้ลืมไม่ลงทีเดียว ติดตามการรีวิวหนังและติดตาม ID4 ภาพยนตร์ดีในอดีตที่ไม่สมควรต้องทำภาคต่อเลยจริงๆ

ID4 ภาพยนตร์ดีในอดีตที่ไม่สมควรต้องทำภาคต่อเลยจริงๆ

ย้อนกลับไปในอดีต ในความทรงจำสีจางจางของผู้เขียน หนึ่งในความสุขในช่วงวัยเด็กอายุ นั่นก็คือการได้ชมภาพยนตร์ซึ่งนำมาฉายเป็นหนังกลางแปลงบนพื้นสนามหญ้า ซึ่งหนึ่งในภาพยนตร์หรือ เป็นภาพยนตร์อันดับต้นๆในใจของผู้เขียนเสมอมารับแต่ช่วงเวลานั้นที่ได้ดูครั้งแรกบนจอภาพยนตร์หนังกลางแปลงจนถึงปัจจุบันนั่นก็คือภาพยนตร์ที่ชื่อ Independence Day : ID4 หรือชื่อไทยว่า “สงครามวันดับโลก” สุดยอดภาพยนตร์ไซไฟซึ่งออกฉายในปี 1996 จากผู้กำกับชื่อดัง Roland Emmerich สำหรับแฟนภาพยนตร์ก็ต้องรู้จักกันดีว่ามันถูกสร้างออกมาในยุคที่งานกราฟิกยังไม่เนียนเลยดีเยี่ยมสุดยอดเช่นในปัจจุบัน หลายฉากเมื่อมองในยุคนี้สามารถฟันธงไปได้เลยว่าเกิดจากการใช้เทคนิคโมเดลในการถ่ายทำ หากแต่สิ่งที่น่าประทับใจเหนือกว่าใครนั่นก็คือตัวบทหรือเนื้อเรื่องของมันที่ทำให้คนดูติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้ไปตลอดความยาว 145 นาที โดยเรื่องราวจะกล่าวถึงช่วงที่สหรัฐอเมริกาใกล้เข้าสู่วันประกาศอิสรภาพซึ่งเป็นเทศกาลวันหยุดยาวอีกวันหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกานั่นก็คือวันที่ 4 กรกฎาคม ของทุกปี นักวิทยาศาสตร์ของโลกจับสัญญาณบางอย่างได้ ซึ่งสัญญาณดังกล่าวไม่ได้มาจากที่ไกลเลย หากแต่มาจากด้านมืดอีกฝั่งหนึ่งของดวงจันทร์นี่เอง ทันใดนั้นพวกเขาก็พบว่ามียานอวกาศปริศนาลำใหญ่มหึมาบินเข้ามาเหนือชั้นบรรยากาศโลก จากนั้นก็ปล่อยยานลำลูกที่แม้ว่าจะแยกตัวออกจากยานลำใหญ่แล้วก็ตามแต่มันก็ยังเป็นยานบินขนาดใหญ่ที่ 1 ลำสามารถลอยลำปกคลุมแทบจะมิตร เมือง แมนฮัตตันและเมืองต่างๆ ของประเทศมหาอำนาจหลักสำคัญในโลก ซึ่งในตอนแรกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้พยายามจะติดต่อสื่อสารกับพวกเขาโดยใช้สัญญาณไฟซึ่งติดตั้งค้นหาเวกเตอร์บินเข้าไปบริเวณที่คาดว่าจะเป็นด้านหน้าของจานบินผลตอบรับก็คือลำแสงที่ยิงเข้ามาทำลายเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว พร้อมกับที่ท่านประธานาธิบดีสหรัฐได้พบกับชายคนหนึ่งที่เป็นสามีของเลขาของเธอซึ่งเขาเป็นเพียงช่างซ่อมโทรทัศน์ในสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง หากแต่เขาอัจฉริยะกว่านั้นเมื่อสามารถจับสัญญาณ และถอดรหัสทราบได้ว่าแท้จริงแล้ว ยานอวกาศเหล่านั้นบินขึ้นเหนือจุดยุทธศาสตร์เมืองสำคัญของโลกเพื่อเตรียมบุกทำรายได้ยึดโลกนั่นเอง หลังจากหลายสิบปีผ่านไป Hollywood ได้นำ ID4 ภาค 2 กลับมาเสนอให้แฟนภาพยนตร์ชมอีกครั้งในปี 2016 อย่างไรก็ตาม มันไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังเอาไว้ แม้ว่าจะได้ผู้กำกับคนเดิมมาสานต่อความมันก็ตาม เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะแม้ว่างานภาพจะเต็มไปด้วย Effect เทคนิคภาพยนตร์สมัยใหม่ หากแต่ในส่วนของเนื้อเรื่องกลับเละเทะไม่เป็นท่า โดยเฉพาะผู้ชมภาพยนตร์สมัยนี้ที่ต้องการเหตุและผลมารองรับมีการดำเนินเรื่องให้ดี หากแต่ในภาคนี้น่าผิดหวังมากรวมทั้งการนำเอาตัวละครเก่าต่างๆในภาคแรกมาฆ่าทิ้งเสียง่ายๆ เพื่อจะตัดบทของพวกเขาในภาพยนตร์ และดันตัวละครใหม่เข้ามาแทน ซึ่งผู้ชมนั้นไม่ชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง เพราะเหมือนกับทรยศผู้ชมที่เคยเชียร์ตัวละครเหล่านั้นในภาคแรกให้รอดและได้รับชัยชนะมาแล้ว กลับกลายเป็นว่ามาตายในภาพยนตร์ภาค 2 แบบง่ายๆ และง่อย ๆ อย่างไม่สมเหตุสมผล รวมทั้งใช้ตัวละครที่มีความขลังจาก วิดีโอตัวอย่างหนัง ID4 ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนัง Ava มาแล้วฆ่า เห็นโปสเตอร์หนังแล้วมีความต้องการที่จะดูเป็นอย่างมาก

Ava มาแล้วฆ่า เห็นโปสเตอร์หนังแล้วมีความต้องการที่จะดูเป็นอย่างมาก

ชื่อภาพยนตร์เรื่อง AVA มาแล้วฆ่า เมื่อได้ยิน หรือเห็นโปสเตอร์หนังแล้วมีความต้องการที่จะดูเป็นอย่างมาก เพราะคิดว่าต้องเป็นหนังแอ็คชั่นที่มีสาวนักฆ่ามือฉมัง และมีบทต่อสู้ หรือบทแอ็คชั่นที่น่าดูเหมือนสาวนักฆ่าที่เคยดูผ่านตามาก่อนหน้า เช่น Lucy, Salt และเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่องแม้แต่ John Wick ซึ่งล้วนเป็นหนังแอ็คชั่นประเภทบู้ล้างผลาญทั้งสิ้น โดยเฉพาะหนังตัวอย่างที่ออกฉายก่อนหน้าก็ดูดีมีราคา เรื่องย่อ ก็บอกแล้วว่าเห็นแล้วทำให้นึกถึงหนังแอ็คชั่นประเภทเดียวกันหลาย ๆ เรื่องอย่างที่กล่าวแล้ว แต่พอได้ดูจริงกลับผิดหวังอย่างแรง เพราะหนังมีฉากแอ็คชั่นให้ดูน้อยมาก เรียกว่าน้อยจริง ๆ แถมในแต่ละฉากที่น้อยอยู่แล้วยังเป็นแอ็คชั่นที่เฉื่อย ๆ ไม่ตื่นเต้นมันธรรมดา ๆ เสียเหลือเกิน ถ้าต้องสอบก็ถือว่าไม่ผ่านครับ ส่วนบทดราม่าของเรื่องที่นำมาใส่ไว้ ก็ยังดูขาด ๆ เกิน ๆ อย่างไรไม่ทราบ ทำให้การดำเนินเรื่องอาจเสียเวลาไปในส่วนนี้อยู่ไม่น้อยทีเดียว ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นการไม่สมควรเนื่องจากเกินพอดีไปอย่างที่บอกแล้ว แต่ที่สำคัญเป็นดราม่าที่ไม่เข้ากับเนื้อเรื่องหรือเหตุการณ์และไม่น่าสนใจอีกต่างหาก มันไม่อิน ไม่สุดอย่างไรชอบกล ดูเลอะเทอะมากกว่า จุดที่น่าสนใจของเรื่องแต่ดันไม่น่าสนใจเพราะไม่เคลียร์ ดูยังไงก็แปลไม่ออกว่าหนังจะสื่ออะไรให้ผู้ชมบ้าง ดูแล้วก็ยังงงอยู่จนบัดนี้ การเดินเรื่องก็ไม่ปะติดปะต่อก็บอกแล้วว่ามันยังขาด ๆ เกิน ๆ อย่างไรชอบกล ทำให้ผิดหวังและเสียเวลาในการเข้าชมไปเป็นอันมาก มันทำให้ความสำคัญของตัวละครในเรื่องลดความสำคัญลงไปมากอย่างไม่น่าเชื่อ น่าเสียดายการโฆษณาที่เห็นก่อนหน้าเป็นอย่างมาก หนังทำให้ดารานำอย่าง Jessica Chastain หมดความเด่นลงไปอย่างมาก เพราะเธอเล่นบทแอคชั่นได้ไม่สมจริง บู้ไม่เข้าขั้น ทำให้ดาราสมทบอย่าง John Malkovich และ Colin Farrell ถูกฉุดลงหลุมไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้  สรุปแล้วหนัง AVA มาแล้วฆ่า เป็นหนังที่สอบไม่ผ่านสักอย่างไม่ว่าจะเป็นบทบู้หรือแอ็คชั่นที่เหมือนเป็นบทเด่นของเรื่อง ก็ไม่สามารถดึงดูดคนดูได้อย่างเต็มที่ น่าเสียดาย ดาราและเนื้อเรื่องที่โฆษณาเอาไว้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเอาเข้าจริงไม่ได้เรื่องเลย ดูแล้วผิดหวังมาก ๆ วิดีโอตัวอย่างหนัง AVA มาแล้วฆ่า ติดตามการรีวิวหนังและติดตาม The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร ภาพยนตร์ผจญภัยยิ่งใหญ่

The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร ภาพยนตร์ผจญภัยยิ่งใหญ่

The Call of The Wild หรือ เสียงเพรียกจากพงไพร เป็นภาพยนตร์ผจญภัยยิ่งใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง ของหมาพันธุ์ยักษ์ใหญ่ที่มีนามว่าบั๊ก ที่ต้องเดินทางผจญกับหลาย ๆ เหตุการณ์ ในการค้นหาสิ่งที่ไม่เคยรู้จัก และคาดคิดมาก่อน The Call of The Wild เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาจากการดัดแปลงบทมาจากนิยายดัง เป็นการตัดตอนมาเพียงบางส่วนที่สำคัญ ทำให้เป็นหนังที่สั้นกว่าที่น่าจะเป็น และยังขาดอะไรไปบางอย่างที่คนดูอาจสงสัยและไม่เข้าใจ ทำให้คิดว่าจริง ๆ แล้วมันน่าจะมีเหตุผลที่มากว่าเรื่องที่นำเสนอ หนังเริ่มจากการเล่า ของชายผู้หนึ่งที่มีอารมณ์ที่ไม่มั่นคงนัก บางครั้งก็ดูว่าเป็นคนเฮอาและสนุกสนาน แต่บางครั้งก็สามารถเปลี่ยนไปได้อย่างฉับไว้ ทำให้การเล่าเรื่องดูเหมือนไม่ประติดประต่อกันสักเท่าไหร่ แต่ก็พอจะรู้สึกได้ว่าเจ้าหมายักษ์นามว่าบั๊กนั้นมันมีนิสัยอย่างไร การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเรียบง่าย และจบลงอย่างง่าย ๆ เช่นกัน จนทำให้คนดูรู้สึกว่า อ้าวจบแค่นี้หรือ ทำไมมันจบง่ายจังเลย แต่สำหรับผู้ชมแล้วยังมีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่อีกมาก เฃ่น ตอนที่เจ้าบั๊ก มันไปเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าหมาป่าดำตัวนั้น ดูเหมือนยังเป็นคำตอบที่ไม่เคลียสำหรับหนังเรื่องนี้เท่าไรนัก ซึ่งมันน่าจะมีเรื่องราวที่มากกว่ารวมทั้งเหตุผลที่เจ้าบั๊กต้องเป็นอย่างนั้นด้วย ดีนะที่ได้ดาราดังอย่างแฮร์ริสัน ฟอร์ดมาเป็นดารานำและรับบท จอห์น ธอร์นตัน ถ้าเป็นคนอื่นจะดูได้หรือไม่ยังไม่รู้ แต่ก็ยังไม่วายที่ทำให้ผู้ชมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเรื่องจึงจบเร็วและเป็นหนังที่สั้นมาก ๆ  ถ้าจะว่าไปแล้วเจ้าบั๊กนั้นมีการพัฒนาที่สั้น และง่ายเกินไป ไม่เป็นไปตามธรรมชาติสักเท่าไหร่ ขาดมิติในการเดินเรื่อง เป็นการแสดงออกของสุนัขที่ไม่สมจริงดูเหมือนเป็นการบังคับหรือการแสดงละครสัตว์เสียมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อต้องนำไปเปรียบกับหนังหมาเรื่องอื่น ๆ ที่มีสุนัขเป็นดารานำ หรือว่าเจ้าบั๊กยังเป็นหมาที่ได้รับการฝึกมายังไม่เต็มที่นัก บางทีถ้าเปลี่ยนตัวสุนัขอาจทำให้หนังเรื่องนี้น่าดูมากกว่านี้ก็เป็นได้ อารมณ์และความรู้สึกมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง The Call of The Wild ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการ REVIEW:THE LURE คลีบกระหาย ออกไปในทางหนังแนว มิวสิคัล