Isn’t It Romantic เมื่อคนที่ไม่เชื่อในความรักต้องกลายเป็นนางเอกหนังเหล่านั้นเอง

“คุณเคยดูหนังรักโรแมนติก แล้วฝันหวานไปกับมันไหม” คำถามนี้น่าจะชวนเปิดเรื่องได้ดีทีเดียว เพราะชีวิตของสถาปนิกสาวคนหนึ่งในหนังเรื่อง “Isn’t It Romantic” กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาลจากความเชื่อที่แม่เธอฝังหัวของเธอตั้งแต่เด็กว่าความรักนิรันดร์ รักแท้ รักแรกพบอะไรพวกนั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และไม่ควรเชื่อมันจากการดูหนังรักโรแมนติก ตั้งแต่วันนั้นฝันของเธอก็เหมือนแตกสลาย และ “นาตาลี” ก็ไม่เคยเชื่อในความรักอีกเลย ชีวิตการทำงานของเธอแม้จะไปได้ดีแต่เพื่อนร่วมงานที่เอาแต่มองว่าเป็นคนไม่มีค่า พวกเขาปฏิบัติต่อเธออย่างไม่ใยดี จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พูดคุยกับชายคนหนึ่งตรงสถานีรถไฟ และเธอคิดว่าหรือบางทีควรจะลองเปิดใจดูดี แต่ทว่าเขาก็เป็นโจรที่จ้องจะขโมยกระเป๋าเธอเท่านั้น นาตาลีวิ่งไล่เขาไปจนตัวเองชนกับเสาอย่างเต็มแรงและสลบไป ฝืนขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่โรงพยาบาลแล้ว แต่เรื่องราวน่าแปลกใจก็คือ คุณหมอที่มาดูอาการเธอดูจะหล่อแซ่บเกินกว่าจะเป็นหมอ และสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ดูไม่เหมือนโรงพยาบาลจริง ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย นิวยอร์กกลายเป็นเมืองสะอาดตั้งแต่เมื่อไร แล้วเสียงเพลงที่จู่ ๆ ก็ขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยคืออะไร นี่มันไม่มีคำอธิบายอื่นแล้ว นอกจากว่าเธอกำลังติดอยู่ในหนังรักโรแมนติกที่เธอเกลียดยังไงล่ะ! ความคอมเมดี้ของหนังเรื่องนี้ไม่มากไปไม่น้อยไปถือว่าใส่มาได้แบบพอดี ๆ ดูเอาเพลิน ๆ อีกทั้งยังเห็นการล้อหนังรักในดวงใจหลายเรื่องซึ่งเป็นกิมมิกที่น่ารักทีเดียว มุกฮา ๆ ก็ใส่มาแบบไม่ยัดเยียดดูแล้วเป็นธรรมชาติดี อีกทั้งสิ่งที่ได้กลับมายังเป็นข้อคิดว่าสุดท้ายแล้วคนที่เราควรรักที่สุดไม่ใช่ใครอื่น นอกจากรักตัวเองและคอยใส่ใจดูแลตัวเองเสมอต่างหาก ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “Isn’t It Romantic” ประเภท : โรแมนติก คอมเมดี้ ผู้กำกับ : ทอดด์ สเตราส์ ชุลสัน นักแสดงนำ : เรเบล วิลสัน,เลียม เฮมส์เวิร์ท,ปริยังกา โจปรา,อดัม ดีไวน์ ความยาว : 1 ชั่วโมง 29 นาที กำหนดฉาย : 13 กุมภาพันธ์ 2562 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น หนังครอบครัวเบาสมอง “Think Like A Dog” เหมาะกับดูช่วงวันหยุดกับคนที่คุณรัก ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิว A Whisker Away เหมียวน้อยคอยรัก หนังอนิเมะอีกเรื่องของญี่ปุ่น

ปัญหาที่มนุษย์อย่างเรา ๆ ต้องประสบพบเจอในแต่ละวัน ทั้งเรื่องอดีต ปัจจุบัน อนาคต ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องน่าปวดหัวทั้งสิ้น จนหลาย ๆ ครั้งเมื่อมองไปที่เจ้าแมวเหมียวผู้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย นอนขดตัว และได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอย่างสบายใจก็มีชีวิตที่ดูน่าอิจฉาสุด ๆ ไปเลย แต่ใครจะรู้บ้างว่าแท้จริงแล้วชีวิตของเจ้าเหมียวเป็นยังไง และหากเลือกได้คุณอยากกลายร่างเป็นแมวบ้างหรือไม่ เหมือนกับในอนิเมะเรื่องใหม่อย่าง A Whisker Away เหมียวน้อยคอยรัก หรือไม่ อนิเมะเรื่องใหม่จากญี่ปุ่นที่ฉายทาง Netflix แล้ววันนี้ได้เล่าเรื่องราวของเด็กสาวมัธยมอย่าง “มุเกะ” เด็กสาวแสนสดใสที่ต้องเผชิญกับปัญหาภายในครอบครัวไม่เว้นแต่ละวัน จนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจอยู่ตลอด แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป เมื่อมุเกะได้รับหน้ากากแมวมาซึ่งเมื่อสวมใส่เธอจะสามารถกลายร่างเป็นแมวได้! มุเกะเองก็เป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างลุยอยู่แล้วโดยเฉพาะเรื่องความรัก ใส่เต็มร้อย ไม่ยั้งแม้แต่น้อย จนทำให้ “ฮิโนเดะ” เพื่อนร่วมชั้นที่โดนเธอจีบอยู่รู้สึกไม่ชอบใจเพราะรู้สึกรำคาญและเลือกที่จะเมินใส่เธอ มุเกะ รู้สึกเหมือนโลกนี้ช่างน่าเบื่อและเธอโดดเดี่ยวเกินไปแล้ว จึงทำให้เธอเลือกที่จะกลายร่างเป็นแมว และทุกครั้งที่ฮิโนเดะเห็นแมวตัวนี้เขาก็มักเข้าไปอุ้มและกอดรัดด้วยความเอ็นดู ซึ่งมันก็ทำให้เด็กสาวอย่างมุเกะอบอุ่นใจอยู่เสมอ และเริ่มที่จะติดใจร่างแมวนี่เสียแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งเธอต้องเลือกว่าสุดท้ายเธอจะอยู่ในร่างไหนกันแน่ก็มาถึง ตัวอนิเมะเรื่องนี้แม้จะเล่าเรื่องได้เบาไปนิด แต่เมื่อเสริมประเด็นเรื่องการหลบหนีปัญหาของมนุษย์เพิ่มเข้าไป และสาเหตุที่นางเอกกลายเป็นคนเรียกร้องความสนใจจากการขาดความรักจากครอบครัวเข้ามาทำให้ตัวเรื่องมีน้ำหนักมากขึ้น น่าติดตามและเอาใจช่วยนางเอกมาก อีกทั้งการเล่าเรื่องโลกของแมวน้อยก็ทำได้น่าสนใจมาก ๆ เราได้เห็นมนุษย์ครึ่งแมว และแมวที่มีสังคมร่วมกัน โปรดักชันภาพสวยงามสดใสทำให้อนิเมะเรื่องนี้ดึงดูดผู้ชมได้ทุกช่วงวัย แต่ก็มีข้อติเพราะเนื้อเรื่องยังไม่สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับตัวละครเท่าที่ควร ส่งผลให้แอนิเมะเรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งกินใจเหมือนหลายเรื่องที่ผ่าน ๆ มา ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังอนิเมะ A Whisker Away เหมียวน้อยคอยรัก ประเภท : แอนิเมชั่น-มังงะ ผู้กำกับ : จุนอิจิ ซาโต้ ตัวละครหลัก : Yoji Sasaki,Miyo Sasaki ความยาว : 1 ชั่วโมง 53 นาที กำหนดฉาย : 18 มิถุนายน 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว Desperados เสียฟอร์ม ยอมเพราะรัก รอมคอมเรื่องใหม่จาก Netflix ปี 2020 ได้อีกที่ filmograd.net

Airplane Mode หนังรักกุ๊กกิ๊กของเด็กสาวที่ติดโลกโซเชียลโดยไม่รู้ผลเสียของมัน!

ต้องยอมรับว่าในยุคปัจจุบัน “โซเชียลมีเดีย” กลายเป็นสื่อกลางที่แสดงความคิดเห็นในความเป็นโลกในอุดมคติมากขึ้นเป็นอย่างสูง ทั้งการคาดหวัง การเลียนแบบ ในโลกโซเชียลก็มีให้เห็นอยู่ในทุกวันนี้ซึ่งนั่นก็เป็นผลเสียมากกว่าผลดีเพราะมันจะทำให้ผู้ใช้งานเกิดการยึดติดกับชีวิตที่แสนจอมปลอมได้ เหมือนกับเด็กผู้หญิงในหนังเรื่อง “Airplane Mode” ซึ่งเธอยกตัวเองเป็นเน็ตไอดอลคนดังซึ่งมีอิทธิพลในด้านแฟชั่นเป็นอย่างมาก ซึ่งพฤติกรรมการเสพติดมือถือของเธอทำให้เธอขับรถชนอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงการปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวที่ลดลงไปอย่างน่าใจหายนั่นนำไปสู่การตัดสินใจครั้งใหญ่ของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่คิดจะให้เธอย้ายไปอยู่ชนบทกับคุณปู่ ซึ่งที่นั่นห่างไกลจากสัญญาณมือถือเพื่อหวังเป็นการบำบัดอาการของเธอให้ดียิ่งขึ้น ช่วงแรก ๆ เด็กสาวก็ไม่พอใจ และการที่เธอเสพติดการใช้งานอินเทอร์เน็ตก็ทำให้ดูเหมือนเธอไร้การใช้วิจารณญาณไปกับหลายเรื่องเลยทีเดียวเพราะเวลามันเดินไวไปหมด ไม่มีความมั่นคงหรือเสถียร ช่วงแรก ๆ ที่ต้องไปอยู่ชนบทโดยไม่ได้ใช้โทรศัพท์ก็เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากมาก แต่ยังโชคดีที่ได้เจอ “รักแรกพบ” หนุ่มเซอร์สุดหล่อผู้คว้าหัวใจของเด็กสาวไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกัน แม้ว่าเธอเพิ่งจะจบความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มมาได้ไม่นาน พ่อหนุ่มคนนี้ทำให้ชีวิตที่ไร้การไล่ตามของเธอมีความสุขมากขึ้น และมันก็ทำให้เธอมีเวลาที่จะได้พูดคุยกับตัวเอง รู้จัก และทำความเข้าใจตัวเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เธอเอาแต่ทำตามคนอื่นอยู่เสมอ ส่วนตัวขึ้นว่าพล็อตหนังค่อนข้องราบเรียบไปบ้าง แต่ก็ดูเพลินดี แม้ว่าหลาย ๆ ฉากจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าที่ควร อีกทั้งการเห็นมิติของตัวละครเพียงด้านเดียวก็เป็นเรื่องที่ผิดหวังไปบ้าง เพราะหนังไม่ได้โชว์การพัฒนาของตัวละครเลย สิ่งที่ประทับใจน่าจะเป็นตัวนักแสดงที่ตีบทค่อนข้างแตกกระจุยแม้ว่าตัวบทจะไม่ได้เสริมมากนักก็ตาม ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “Airplane Mode” ประเภท : โรแมนติก คอมเมดี้ ผู้กำกับ : Cesar Rodriguez นักแสดงนำ : Larissa Manoela,Andre Frambach,Elasmo Graloss ความยาว : 1 ชั่วโมง 35 นาที กำหนดฉาย : 23 มกราคม 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “Nine Days” หนังสุดครีเอท เมื่อเทวดาหาคนมาเกิดใหม่ด้วยการ “สัมภาษณ์” ได้อีกที่ filmograd.net

หนังครอบครัวเบาสมอง “Think Like A Dog” เหมาะกับดูช่วงวันหยุดกับคนที่คุณรัก

หนังเบาสมองอย่าง “Think Like A Dog” จะกล่างถึงเรื่องราวของหนุ่มน้อยนักประดิษฐ์อย่าง “โอลิเวอร์” ที่ตั้งใจประดิษฐ์เครื่องอ่านความคิด แต่เมื่อนำเครื่องนี้ไปโชว์ที่งานโรงเรียนมันก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะเกิดข้อขัดข้องทางเทคนิค ทำให้เครื่องไม่สามารถทำงานได้ จนทำให้เขารู้สึกขายหน้ามาก ๆ เมื่อกลับมาถึงบ้านโอลิเวอร์จึงตัดสินใจทดลองกับสุนัขที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทของเขาอีกคนอย่าง “เฮนรี่” และได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนทางไกลที่เป็นชาวจีน ช่วยให้แฮกดาวเทียมของจีนได้สำเร็จ ทำให้สิ่งประดิษฐ์ของเขามีความก้าวหน้าและพัฒนาจนมันใช้งานจริงได้ ซึ่งการที่พวกเขาทำการแฮกดาวเทียมของจีนก็ทำให้รัฐบาลพยายามสืบหาและต้องการจับตัวเขา ส่วนเรื่องสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำก็ไปเข้าหูเจ้าของบริษัทตัวร้ายที่มองว่ามันต้องเป็นเครื่องผลิตเงินให้เขาในอนาคตจึงวางแผนที่จะขโมยมันจากเด็ก ๆ  ด้วยความที่เป็นหนังดูง่าย สบาย ๆ ปมเรื่องจึงไม่ได้สลับซับซ้อนมาก การที่อ่านความคิดของน้องเฮนรี่ได้ก็เป็นเหมือนตัวช่วยในการแก้ปัญหาในชีวิตของโอลิเวอร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งประเด็นที่พ่อแม่ของเขากำลังจะเลิกกัน หรือแม้กระทั่งการที่เขาไม่กล้าชวนสาวที่แอบหมายปองไปงานก็ตาม แม้มันจะดูง่ายดายไร้ซึ่งอุปสรรคไปเสียหน่อย แต่ก็ทำให้เรื่องราวไม่จืดชืดด้วยความสนุกปนฮาในการพยายามขโมยจากฝั่งตัวร้ายที่ทำออกมาได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนั้นเรายังเห็นประเด็นเล็ก ๆ เกี่ยวกับความรักความอบอุ่นในครอบครัว มิตรภาพระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง และแรงสนับสนุนในการทำความฝันของเด็ก ๆ  อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดูเอาสบายเสพความบันเทิงเป็นหลัก ทำให้ความคาดหวังไม่ได้มากเท่าหนังเรื่องอื่น ๆ แต่ก็มีข้อควรพิจารณาอย่างเช่น การที่ควรเสริมความโดดเด่นให้น้องสุนัขมากขึ้นกว่านี้ เพราะทำให้เกิดแรงดึงดูดจากผู้ชมได้มากขึ้น ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังเบาสมองอย่าง “Think Like A Dog” ประเภท : ดราม่า ไซไฟ ผู้กำกับ : กิล จังเจอร์ นักแสดงนำ : เกเบรียล เบตแมน,เมแกน ฟอกซ์,จอช เดอเมล,นีโอ โฮ ความยาว : 1 ชั่วโมง 35 นาที กำหนดฉาย : 23 กรกฎาคม 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว Pandora หนังเกาหลีที่จะทำให้คุณเข้าใจความเห็นแก่ตัวในสังคมมากขึ้น ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิว Pandora หนังเกาหลีที่จะทำให้คุณเข้าใจความเห็นแก่ตัวในสังคมมากขึ้น

“ความเห็นแก่ตัว” ไม่เคยมีประวัติศาสตร์หน้าไหนจารึกเอาไว้ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมเกิดความสงบหรือเกิดผลดีใด ๆ อย่างยิ่งในเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เราทุกคนควรที่จะให้การช่วยเหลือกันและกันเสียมากกว่า เหมือนกับภาพยนตร์แนวเอาตัวรอดสัญชาติเกาหลีเรื่อง “Pandora” นี้ ที่เปิดฉากตอนแรกของเรื่องมาด้วยการระเบิดครั้งใหญ่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซึ่งก็ส่งผลให้เกิดสารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการล้มตายของผู้คนและสิ่งมีชีวิตโดยรอบ ความน่าหดหู่ใจนั้นมองเห็นได้ตั้งแต่ต้นเพราะเราจะเห็นภาพของผู้คนต่างเป็นห่วงแต่ชีวิตของตัวเองเต็มไปหมด ไม่มีใครพร้อมที่จะเสียสละเลยสักคนเดียว ร้ายที่สุดคือผู้นำประเทศที่เอาแต่กลัวว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเสื่อมถอยจึงเลือกจะปกปิดข่าวนี้เอาไว้ นั่นจึงนำมาซึ่งความเลวร้ายมากขึ้นเป็นทวีคูณ ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ของหนังอัดแน่นไปด้วยความลุ้นระทึก ไม่จำเป็นต้องมีฉากสัตว์ประหลาดหรือสิ่งมีชีวิตสุดสยองนอกโลกเพราะการหนีกัมมันตภาพรังสีก็เป็นเรื่องน่ากลัวมาก ๆ ไม่ต่างกันเลย เผลอ ๆ จะน่ากลัวกว่าด้วยเพราะหนียังไงมันก็หนีไม่พ้นอยู่ดี ตอนดูรู้สึกเลยว่าเวลาผ่านไปเร็วมากเรียกได้ว่าหนังได้อุดรอยต่อทั้งหมดได้ดี ไม่มีช่วงไหนที่เอื่อยเกินไปจนน่าเบื่อเลย อีกทั้งฉากการเสียสละช่วงหลังหรือฉากการเสียชีวิตต่าง ๆ ของผู้คนอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็รีดน้ำตาของผู้ชมอย่างเราไปอย่างหมดบ่อน้ำตากันเลยทีเดียว ถือเป็นหนังเศร้าที่ได้ใจไปเต็ม ๆ  หนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เราได้มองเห็นความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ได้อย่างเด่นชัด และทำให้รู้อีกว่าการเห็นแก่ตัวนั้นไม่มีประโยชน์เลย ทั้งยังจะนำพาให้ทุกคนตายกันจนหมดอีก ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีสติในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของทุกคนมากกว่าที่พึงมีต่อเหตุการณ์ที่ต้องประสบพบเจอ เรื่องโปรดักชันต่าง ๆ เกาหลีก็ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่น่าประทับใจดังเห็นได้จากหนังแนวนี้บ่อย ๆ นักแสดงตีบทแตกและถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือการแสดงที่ประสบความสำเร็จมากเลยทีเดียว ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “Pandora” ประเภท : กระตุกขวัญ,ดราม่า ผู้กำกับ : พัก ช็อง-วู นักแสดงนำ : คิมนัมกิล,คิมจูฮยอน,มูนจองฮี,คิมมยองมิน ความยาว : 2 ชั่วโมง 16 นาที กำหนดฉาย : 7 ธันวาคม 2559 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น The War with Grandpa สงครามชิงเตียงนอนระหว่างหลานสุดซ่ากับคุณปู่รุ่นเก๋า ได้อีกที่ filmograd.net

ซีรีส์ฮิต IT’S OKAY TO NOT BE OKAY ความรักที่ทำให้เราใส่ใจคนรอบตัวมากขึ้น

IT’S OKAY TO NOT BE OKAY นั้นเรียกได้ว่าเป็นซีรีส์เกาหลีน้ำดี งานละเอียด ที่รู้ถึงความประณีตของทีมงานผู้สร้างอย่างแท้จริง โดยเป็นเรื่องราวชีวิตของชายหนุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้ดูแลผู้ป่วยในวอร์ดจิตเวชอย่าง “มุนคังแท” ที่เขาเองก็มีหน้าที่ดูแลพี่ชายแท้ ๆ ที่เป็น “ออทิสติกส์” ด้วยคนหนึ่ง ชื่อ “มุนซังแท” ชีวิตของสองพี่น้องต้องร่อนเร่ ออกเดินทางบ่อยครั้ง มุนคังแทเลือกที่จะเปลี่ยนที่ทำงานไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลที่เชื่อมโยงกับอดีตในวัยเด็กที่แสนโหดร้าย แม้จะเป็นคนที่พยายามมีความสุขกับสิ่งรอบข้างแค่ไหนแต่ใจลึก ๆ ของเขาเองเต็มไปด้วยความเศร้า ทำให้รอยยิ้มที่เราเห็นนั้นไม่ต่างอะไรกับน้ำตาลที่เคลือบยาขมเอาไว้  เขาและพี่ชายสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็กในเหตุการณ์ฆาตกรรมซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นมีมุนซังแทเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่มันกระทบกระเทือนจิตใจของเขาจนสมองดัดแปลงความจำไป จนเขามีปมกับ “ผีเสื้อ” ซึ่งเป็นสัตว์ที่เห็นระหว่างการตายของแม่เท่านั้น ซึ่งการเสียแม่ไปชีวิตของทั้งสองก็เปลี่ยนไปตลอดกาลเพราะตั้งแต่นั้นมุนคังแทก็เหมือนโลกทั้งใบของมุนซังแท เขาต้องสละเวลาเกือบทั้งหมดให้พี่ชายและนั่นทำให้บางครั้งเขาก็ได้แต่น้อยใจและไม่อยากมีพี่ชายอีกต่อไป แต่เมื่อคิดให้ดีแล้วทุกอย่างก็ไม่ใช่ความผิดของมุนคังแทเลย เขาจึงต้องยอมรับและดูแลเขาต่อไป นางเอกของเรา “โกมุนยอง” นักเขียนนิทานเด็กที่แฝงไปด้วยความดาร์กชื่อดังที่เธอเองก็มีอดีตอันแสนเจ็บปวดในวัยเด็กเช่นเดียวกัน และมันก็ทำให้เธอมีอาการทางจิต เช่น การต่อต้านสังคม ความคิดบิดเบี้ยว และโรคชอบลักเล็กขโมยน้อย อีกด้วย แม้ทั้งสามต่างก็เป็นเหยื่อของความเศร้าในจิตใจและดูไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องกันได้ แต่พวกเขาก็กลายมาเป็นคนสำคัญของกันและกันในชีวิตด้วยโชคชะตาของพวกเขาเอง เนื้อเรื่องของซีรีย์มีความแปลกใหม่มากในวงการซีรีส์เกาหลีเองและซีรีส์ทั่วโลก เพราะการแฝงข้อคิดด้านจิตวิทยาและสภาพจิตใจยังไม่ค่อยแพร่หลายในปัจจุบัน แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คนปัจจุบันมักประสบปัญหาแต่มักจะไม่แสดงออกอย่างชัดเจนจนบางครั้งเราก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังป่วยทางจิตอยู่ สิ่งที่ต้องชมต่อไปคืองานภาพซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ทำออกมาได้ดีงามพระรามแปดที่สุด! ความ Contrast ของสี การโชว์ลายเส้นของหนังสือนิทาน การใช้แสงมัวตอนเล่าอดีต คือลงตัวอย่างสมบูรณ์ ทำให้ซีรีส์มีเสน่ห์ ลึกลับ และดูน่าค้นหาคำตอบมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับซีรีส์ “IT’S OKAY TO NOT BE OKAY” ประเภท : โรแมนติก,ดราม่า,แฟนตาซี ผู้กำกับ : ปาร์ค ชินวู นักแสดงนำ : ซอ เย-จี,คิม ซู-ฮยอน,โอจองเซ ความยาว : 16 ตอน กำหนดฉาย : 20 มิถุนายน 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามซีรี่ย์เรื่องอื่นๆ เช่น หนังจีน ดีๆที่ท่านผู้ชอบนิยมดูหนังไม่ควรพลาดตังต่อไปนี้ ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิว Desperados เสียฟอร์ม ยอมเพราะรัก รอมคอมเรื่องใหม่จาก Netflix ปี 2020

รีวิว Desperados จะเป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนนึงที่โชคชะตา (เหมือน) จะไม่เข้าข้างเธอเลยในตอนแรกอย่าง “เวสลีย์” ที่ทั้งเพิ่งเลิกกับแฟนเก่า เงินก็ไม่มีใช้ ชีวิตสิ้นหวังสุด ๆ จนได้บังเอิญมาเจอกับ หนุ่มหล่อสุดฮอตที่สายเปย์อย่างสุด ๆ “จาเรด” ซึ่งทั้งคู่ก็เหมือนจะไปได้ด้วยดี จนกระทั่งพักหลัง ๆ จาเรดไม่ส่งข้อความ หรือติดต่อกลับมาหาเวสลีย์เลย ทำให้เธอคิดว่าเขาคงทิ้งเธอไปแล้วแน่ ๆ เธอโกรธมากและเสียใจด้วยจึงขาดสติขั้นสุดส่งอีเมลไปด่าเขาเสีย ๆ หาย ๆ เรียกได้ว่ากระหน่ำด่าเลยล่ะ จนมารู้ทีหลังว่าสาเหตุที่จาเรดไม่ได้ติดต่อกลับมาเพราะเขาประสบอุบัติเหตุจนต้องอยู่ห้อง ICU ด้วยอาการโคม่า และโทรศัพท์ของเขาก็ยังอยู่ที่เม็กซิโกระหว่างการเดินทางอีกด้วย ทีนี้แหละเป็นเหตุให้เวสลีย์ชวนเพื่อนสาวอีก 2 คนออกเดินทางไปเม็กซิโกเพื่อหวังที่จะแอบลบอีเมลที่ส่งให้เขาไปก่อนหน้านี้ให้ทันเวลา ระหว่างที่อยู่เม็กซิโกสามสาวก็มีโอกาสได้เจอกับผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตและเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับพวกเธอ จะว่าไปก็เป็นประสบการณ์ที่หลากหลายด้าน โดยหนังเรื่องนี้จะใส่ความคอมเมดี้ผ่านมุก 18 + เป็นส่วนใหญ่ ใครที่ชอบมุกฮาเกี่ยวกับใต้สะดือก็อาจจะถูกใจกันเป็นพิเศษ ความแสบร้ายของสามสาวก็มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องสะเปะสะปะ แต่ก็มีการเพิ่มประเด็นของการเป็นตัวของตัวเองแม้ว่าจะอยู่กับคนที่เราชอบ หรือการไม่ยอมทิ้งความฝันของตัวเองก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง อีกทั้งเรายังได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเลือกคู่ชีวิตว่าแท้จริงเราไม่ควรมองกันแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกหรือชื่อเสียงเงินทองของเขาแม้แต่น้อย เพราะความเป็นจริงแล้วเมื่อเราต้องอยู่ร่วมกับใครสักคนสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “การเข้ากันได้” และ “การยอมรับ” ซึ่งกันและกันมากกว่า ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการ รีวิว Desperados ประเภท : คอมเมดี้ ผู้กำกับ : LP นักแสดงนำ : นาซิม เปเดรด,แอนนา แคมป์,ลามอร์น มอร์ริส,ร็อบบี้ อเมล ความยาว : 1 ชั่วโมง 45 นาที กำหนดฉาย : 3 กรกฎาคม 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว Over the Moon เนรมิตฝันสู่จันทรา กับตำนานความรักในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ได้อีกที่ filmograd.net

ห้ามพลาด รีวิว All Together Now หนังนอกกระแสฟีลกู้ดจาก Netflix!

ชีวิตของคนเราหลายครั้งที่ต้องพบเจอกับ “ความยากลำบาก” แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความลำบากเหล่านั้นเองที่เข้ามาเติมเต็มความแข็งแกร่งให้กับตัวของเรา เพราะปัญหาทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามาจะกระตุ้นให้เรารู้จักกับการแก้ปัญหา และการทำอย่างไรให้ไม่เจอมันอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าปัญหาบางอย่างมันจะยิ่งใหญ่เกินตัวของเด็กสาวคนนี้ไปหรือใหม่ อย่างในเรื่อง All Together Now ที่กล่าวถึงเรื่องราวของเด็กสาวคิดบวก ที่คอยแบ่งปันพลังงานบวกให้กับคนรอบข้างอยู่เสมอ อย่าง “แอมบอร์ แอพเพิลตัน” ที่มีเหตุจำเป็นต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน ต้องมาอยู่กับแม่บนรถบัสโรงเรียน และเมื่อต้องอาบน้ำก็ต้องแอบตีเนียนห้องน้ำของที่ทำงานของแอมบอร์เอง ในตัวหนังเราจะได้เห็นมุมมองสุดดาร์กที่เกินคาดเดาของเด็กสาว ที่แม้เธอจะพยายามมองปัญหารอบตัวเป็นสิ่งที่ท้าทายและไม่ใช่บาดแผลอย่างที่หลายคนเลือกมอง มันก็ยากเกินที่จะทำใจให้เข้มแข็งได้ เพราะไม่มีใครอยากที่จะทำเป็นไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังต่อสู้กับอะไรอยู่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยเหลือเกิน แม้ว่าเราจะคาดหวังให้หนังชี้เกี่ยวกับปมของการใช้ชีวิตบนรถบัส แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น หนังได้เล่าเกี่ยวกับปมปัญหาครอบครัวที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของแอมบอร์มากกว่า ซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพราะทำให้หนังไม่ดูน่าเบื่อเกินไป แน่นอนว่าเป็นธรรมดาของหนังวัยรุ่นที่จะมีเรื่อง “รักวัยรุ่น” สอดแทรกเข้ามาหนังเรื่องนี้ก็มีเช่นกัน ซึ่งเป็นความรักที่เกิดกับนางเอกและพระเอกที่เป็นลูกเศรษฐี เธอเลือกที่จะไม่ขอวาดฝันกับมันมากเพราะรู้ว่าช่องว่างระหว่างเธอกับเขามันมากเกินไป ความสามารถด้านดนตรีที่โดดเด่นของแอมบอร์เราได้เห็นเกือบตลอดทั้งเรื่อง ทั้งการร้องเพลงที่ทำออกมาได้ดีทั้งภาคอังกฤษและไทยเอง นางเอกต้องการจะเรียนต่อที่วิทยาลัยด้านดนตรีโดยเฉพาะแต่นั้นก็ต้องใช้เงินจำนวนมากเลยทีเดียวไม่รู้ว่าเธอจะสามารถทำมันได้สำเร็จหรือไม่ ต้องคอยติดตามชมกัน ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “All Together Now” ประเภท : วัยรุ่น ดราม่า ผู้กำกับ : เบร็ทท์ เฮลีย์ นักแสดงนำ : อัลลิ’อิ คราวัลโย,เรนชี่ เฟลิซ,จัสติน่า มาชาโด ความยาว : 1 ชั่วโมง 32 นาที กำหนดฉาย : 28 สิงหาคม 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น ชีวิตนี้ขอเลือกตามหัวใจตัวเอง “The Half Of It” รักครึ่ง ๆ กลาง ๆ หนังดีจาก Netflix ได้อีกที่ filmograd.net

“Nine Days” หนังสุดครีเอท เมื่อเทวดาหาคนมาเกิดใหม่ด้วยการ “สัมภาษณ์”

Nine Days หนังขายไอเดียสุดครีเอท ที่จับเอาความเชื่อเรื่องสวรรค์และการเวียนว่ายตายเกิดเข้ากับพล็อตหนังดราม่าจนบังเกิดเป็นไอเดียที่แปลกและแหวกแนวสุด ๆ ที่ว่าด้วย “เทวดา” ผู้หนึ่งที่คอยทำหน้าที่คัดเลือกดวงวิญญาณที่จะได้ลงไปเกิดใหม่ด้วยการ “สัมภาษณ์” และทดสอบความบริสุทธิ์ของดวงวิญญาณเหล่านั้น แน่นอนว่าNine Daysจะเปี่ยมไปด้วยประเด็นดราม่าสุดเข้มข้นของเหล่าดวงวิญญาณร้อยแปดพันเก้าที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ไปเกิดใหม่ Nine Days หนังขายไอเดียสุดครีเอท Nine Daysกำกับโดย “เอ็ดสัน โอดะ” เปิดตัวที่เทศกาลหนังซันแดนซ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยหนังเรื่องNine Daysเป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ เอ็ดสัน โอดะ (Edson Oda) ผู้กำกับเชื้อสายญี่ปุ่น-บราซิล ที่มีชื่อเสียงด้านการกำกับมิวสิควิดีโอและโฆษณามาก่อน นอกจากนี้Nine Daysยังได้นักแสดงดังสมทบกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น บิลล์ สการ์สการ์ด (Bill Skarsgård) จาก IT ภาค 1-2 (2017-2019), ซาซี่ บีตซ์ (Zazie Beetz) จาก Joker (2019), เบเนดิคท์ หว่อง (Benedict Wong) จาก Dr. Strange (2016) และ วินสตัน ดุ๊ก (Winston Duke) จาก Black Panther (2018) โดยNine Daysเล่าเรื่องราวของ “วิล” (Winston Duke) เทวดาผู้ทำหน้าที่คัดเลือกดวงวิญญาณที่เหมาะสมจะได้กลับไปเกิดใหม่บนโลกมนุษย์ด้วยการ “สัมภาษณ์” ซึ่งเขามีเวลาเพียง 9 วันเพื่อฟันธงว่าวิญญาณดวงไหนคู่ควรจะได้รับสิทธิ์นั้น ส่วนวิญญาณที่ไม่ถูกคัดเลือกก็จะสลายไป แต่วิลต้องคิดหนักเมื่อเขาได้พบกับ “เอ็มม่า” (Zazie Beetz) วิญญาณที่แตกต่างไม่เหมือนกับวิญญาณดวงอื่น จนเกิดเป็นเรื่องราวสุดดราม่าที่วิลมีเวลาเพียงแค่ 9 วันเท่านั้นเพื่อตัดสินใจเลือกอะไรบางอย่าง  ทั้งนี้Nine Daysเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ไปแล้วที่งานเทศกาลหนังซันแดนซ์ตอนต้นปี แถมยังได้รับคำวิจารณ์บนเว็บมะเขือเน่า (Rotten Tomatoes) สูงถึง 86% เลยทีเดียว แต่สำหรับใครที่อยากดูอาจจะต้องอดใจรอสักเล็กน้อย เพราะยังไม่มีข้อมูลว่ามีใครซื้อเข้ามาฉายในเมืองไทยหรือไม่ หรือจะฉายเมื่อไหร่ ซึ่งเราก็หวังว่าจะมีผู้ใหญ่ใจดีซื้อเข้ามาฉายในเร็ววันนี้  หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น เมื่อ “บัสเตอร์ คีตัน” ได้รับบาดเจ็บในหนังเรื่องเชอร์ล็อคจูเนียร์ ได้อีกที่ filmograd.net

เมื่อ “บัสเตอร์ คีตัน” ได้รับบาดเจ็บในหนังเรื่องเชอร์ล็อคจูเนียร์

ขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ตลกในยุคก่อนแล้วก็คงหนีไม่พ้นฉากการขว้างพายต่างๆ หรือจะเป็นมุกเจ็บตัวที่อาจทำให้เลอะเทอะบ้าง แต่ทว่าสำหรับ บัสเตอร์ คีตัน แล้ว เขากลับมีแนวทางการแสดงที่ต่างไปจากคนอื่นทั้งการเสี่ยงตายและมีฉากที่ใช้จังหวะความพอดีอย่างมาก รวมถึงการใช้ความสามารถของร่างกายที่ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จนกระทั่งในเรื่องเชอร์ล็อคจูเนียร์ที่เขาต้องประสบอุบัติเหตุจนต้องพักรักษาตัวเลยทีเดียว “บัสเตอร์ คีตัน” กับอุบัติเหตุในหนังเรื่องเชอร์ล็อคจูเนียร์ สำหรับเรื่องราวภาพยนตร์ตลกของบัสเตอร์ คีตันที่ชื่อเชอร์ล็อคจูเนียร์นั้นจะเกี่ยวข้องกับเจ้าตัวที่รับบทเป็นภารโรงและเจ้าหน้าที่ฉายภาพยนตร์ในโรงหนังและตกลงหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับซื้อขนมให้แก่คนรัก แต่ทว่าเจ้าตัวกลับมีคู่แข่งที่ชื่อชีคมาขัดขวางและใส่ร้ายเขาด้วยการขโมยของจากพ่อคนรักพร้อมแอบนำไปใส่กระเป๋าจนโดนเข้าใจผิดในที่สุด ซึ่งทางภารโรงคนนี้จะต้องไขคดีให้ได้ โดยฉากที่ทำให้บัสเตอร์ คีตันได้รับอาการบาดเจ็บถึงขั้นคอหักระหว่างถ่ายทำก็คือตอนที่เขาได้พยายามหนีออกจากรถไฟผ่านการเดินบนหลังคา ก่อนที่จะกระโดดจับเชือกของแทงค์เก็บน้ำริมทางจนกระทั่งน้ำจำนวนมหาศาลได้เทลงใส่เขาอย่างจังและทำให้เขาตกลงไปกระแทกกับหมอนรถไฟสลบไปทันที ซึ่งอาการบาดเจ็บทำให้เขาปวดหัวกว่าหลายสัปดาห์และต้องหยุดการถ่ายทำไปพักหนึ่งเลยทีเดียว หลังจากที่บัสเตอร์ คีตันถ่ายภาพยนตร์เรื่องเชอร์ล็อคจูเนียร์ได้สำเร็จ อีก 9 ปีต่อมาทางทีมแพทย์จะได้ตรวจร่างกายของเขาและพบว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้คอของเขาทันที โดยที่เจ้าตัวไม่รู้มาก่อนและต้องใช้เวลาในการตัดต่อยาวกว่าปกติกว่าที่ภาพยนตร์เรื่องสั้นจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสี่เดือนนั่นเอง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น The War with Grandpa สงครามชิงเตียงนอนระหว่างหลานสุดซ่ากับคุณปู่รุ่นเก๋า ได้อีกที่ filmograd.net