รีวิวหนังฟีลกู้ดเติมพลังชีวิต The Bucket List เพราะชีวิตต้องการเราจึงต้องทำมัน

เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าคนเรานั้นเกิดขึ้นมาเพื่ออะไร มันเป็นคำถามที่ตอบยากเพราะหากกล่าวว่าเราทุกคนเกิดมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกันก็คงไม่ถูกต้องนัก การที่เราเกิดขึ้นมาแล้วเฝ้าแต่หาคำตอบในเรื่องนี้ถือเป็นการเสียเวลาชีวิตอย่างสูงสุด เพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง ตอนเป็นเด็กหรือวัยรุ่นเราจะรู้สึกว่าชีวิตของเรากำลังเดินไปข้างหน้าและเติบโต แต่เมื่อเราเติบโตมาจนถึงจุดหนึ่งเรากลับรู้สึกว่าชิวตกำลังนับถอยหลังอย่างอกไม่ถูก…การใช้ชีวิตให้มีความสุขจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเหมือนกับหนังเรื่อง “The Bucket List” นั่นเอง หนังเรื่องThe Bucket Listนี้เป็นอีกหนังฟีลกู้ดระดับตำนานและนำมาซึ่งแนวคิดใหม่ ๆ ในการใช้ชีวิตที่ดูจะทำให้เราเปิดใจกล้าทำอะไร ๆ ที่ต้องการมากขึ้น เรื่องราวของ “เอ็ดเวิร์ด” มหาเศรษฐีแสนร่ำรวยที่ได้มาเจอกับ “คาร์เตอร์” ช่างยนต์คนหนึ่ง พวกเขามาจากต่างครอบครัว ต่างฐานะ มีเงินทองและประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่วันนี้พวกเขากำลังเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเหมือนกัน และกำลังเดินทางเส้นเดียวกันในไม่ช้า เวลาของทั้งคู่กำลังนับถอยหลังแต่พวกเขาก็ไม่ได้ร้อนรนใจเสียสติกับสภาวะดังกล่าว แต่กลับพากันมาเขียนสิ่งที่อยากทำก่อนลาโลกแล้วใส่ลงในกระป๋องจึงเป็นที่มาของ Busket List โดยคาร์เตอร์ได้พูดสิ่งที่น่าสนใจกับเอ็ดเวิร์ดคือ ในความเชื่อของชาวอียิปต์เกี่ยวกับโลกหลังความตายคือเมื่อเราไปถึงประตูสวรรค์จะมีเทวดาคอยถามเรา 2 คำถามด้วยกันคือ เราเคยมีความสุขกับชีวิตที่ผ่านมาหรือไม่และเราเคยทำให้ผู้อื่นมีความสุขหรือไม่ คำตอบของเราจะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะได้ไปที่ไหน หนังเรื่องนี้มักจะเล่าผ่านบทสนทนาของชายทั้งสองเป็นหลัก เราจะได้เห็นคนที่ทำสิ่งที่พวกเขาทำได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ได้ทำอย่างไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังเหมือนชีวิตที่ผ่าน ๆ มาของพวกเขา มันทำให้เราเห็นว่าคนที่ใช้ชีวิตเพื่อตนเองมาตลอดกับใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นมาโดยตลอดนั้นแตกต่างกันอย่างไร และเราจะมีวิธีเติมเต็มความสุขให้แก่ชีวิตของเราขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างไร ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “The Bucket List” ประเภท : คอมเมดี้ ดราม่า ผู้กำกับ : ร็อบ ไรเนอร์ นักแสดงนำ : แจ็ก นิโคลสัน,มอร์แกน ฟรีแมน,ฌอน เฮยส์,ร็อบ มอร์โรว์ ความยาว :  1 ชั่วโมง 37 นาที กำหนดฉาย : 15 ธันวาคม 2550 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิวหนังฮาแบบหลุดโลกกับ “The Wrong Missy” มิสซี่สาวในฝัน (ร้าย) ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิวหนังฮาแบบหลุดโลกกับ “The Wrong Missy” มิสซี่สาวในฝัน (ร้าย)

“The Wrong Missy” จะกล่าวถึงเรื่องราวความวายป่วงสุดวุ่นวายของผู้ชายเจ้าเสน่ห์ที่มีสาวมาชอบถึง 3 คนอย่าง “ทิม” ที่ต้องการชวนสาวในฝันที่เขาชอบอย่าง “มิสซี่” ไปงานเลี้ยงของบริษัทเพื่อหวังที่จะได้เลื่อนขั้นในการทำงาน แต่ทว่าเหมือนมีสายฟ้าผ่าลงมากลางอกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น เพราะเขาดันส่งข้อความไปผิด เขาเผลอกดส่งไปให้กับ “มิสซี่” อีกคนที่เป็นเหมือนฝันร้ายของเขา เพราะเขาเคยเดทกับเธอแต่ปรากฏว่าเธอนั้นช่างเป็นคนที่สัปดน ลามก และน่ารำคาญที่สุด! แต่เธอดันตอบตกลงไปเรียบร้อยทำให้เขาไม่มีทางเลือกจึงจำยอมต้องควงมิสซี่คนนี้ไปงานแทน ภายในงานสาวมิสซี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะเธอแสดงความไม่เต็มอย่างสุดขั้ว มุกลามก มุกสัปดนก็จัดส่งให้อย่างรัว ๆ หวังว่าจะเป็นสีสันของงานสักหน่อยแต่กลับเป็นว่าเธอทำให้งานกร่อยไปเสียได้เพราะหลายคนนั้นรับไม่ได้กับความทะลึ่งตึงตังของเธอ ผู้เป็นพระเอกอย่างทิมก็หัวเสียสุด ๆ เขาไม่พอใจที่เธอทำตัวแบบนี้และคิดว่านี่มันฝันร้ายของเขาชัด ๆ จนกระทั่งเมื่อทั้งคู่มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นก็เหมือนได้เปิดใจต่อกัน ทิมเองก็ได้เห็นด้านดีของมิสซี่บ้างและรู้สึกว่าตกหลุมรักเธอเข้า แต่สุดท้ายก็มีเหตุต้องบาดหมางกันจนนำไปสู่การตามง้อของพระเอก ขุ่นพระ! ใครที่กำลังตามหาหนังคอมเมดี้ที่หลุดโลก ฮาไม่มีเขตจำกัดบอกเลยว่าเรื่องนี้ตอบโจทย์ แต่ขอเตือนว่าอย่าดูหนังเรื่องนี้ด้วยความคาดหวังเป็นอันขาดเพราะนอกจากความสมเหตุสมผลของตัวหนังที่หาไม่ได้แล้ว นักแสดงในเรื่องก็ไม่ได้มีความน่าดึงดูดเลยด้วย และใครที่ไม่ชอบเรื่องใต้สะดือ มุกลามกต่าง ๆ บอกเลยว่าไม่ควรดูเพราะหนังเรื่องนี้เล่นเกี่ยวกับมุกพวกนี้ซึ่งเป็นตัวตนของนางเอกถี่มาก ๆ เฉพาะอย่างยิ่งการเปิดให้เด็ก ๆ ดูยิ่งไม่เหมาะสมเลยทีเดียว ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “The Wrong Missy” ประเภท : โรแมนติก คอมเมดี้ ผู้กำกับ : ไทเลอร์ สปินเดล นักแสดงนำ : ลอเรน แลปคัส,เดวิด สปด,แจ็กกี้ แซนด์เลอร์,ซาราห์ ชอล์ก ความยาว : 1 ชั่วโมง 30 นาที กำหนดฉาย : 13 พฤษภาคม 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “I Love You Stupid : รักนะเจ้าโง่” หนังรอมคอมดูเพลินส่งตรงจากสเปน ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิว The Silence เพราะความเงียบเท่านั้นที่จะทำให้มีชีวิตรอด

“The Silence” จะว่าด้วยเรื่องราวความสยองขวัญได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อนักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจได้พบกับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่อาศัยอยู่ในถ้ำลึก พวกมันไม่มีดวงตาที่ใช้มองเห็นแต่มีความสามารถในการได้ยินและดมกลิ่นที่เป็นเลิศ พวกมันมีจำนวนมหาศาลและเมื่อหลุดออกมาจากถ้ำ พวกมันก็ทำการไล่ล่าเพื่อกินเนื้อมนุษย์และทำการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วจนโลกต้องได้รับวิกฤตครั้งใหญ่ หนังได้เล่าถึงครอบครัวของ “แอลลี่” ซึ่งเธอเป็นเด็กสาวที่สูญเสียการได้ยินไปครั้งที่ประสบอุบัติเหตุนำมาซึ่งการสื่อสารผ่านภาษามือกันภายในครอบครัว เธอไม่ได้รู้สึกว่าตนเองนั้นมีปมด้อยแม้ว่าจะมีกลุ่มนักเรียนที่คอยล้อเลียนเธออยู่บ่อย ๆ ก็ตาม เมื่อสถานการณ์ตอนนี้ไม่ปกติ รัฐบาลได้ประกาศคำสั่งฉุกเฉินทำให้ประชาชนหลายคนตื่นตระหนก พ่อของแอลลี่และเพื่อนสนิทพากันอพยพเพื่อหวังจะไปนอกเมืองซึ่งพวกเขาเชื่อว่าปลายทางนั้นปลอดภัย ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะมันต้องเป็นการเผชิญหน้ากับพวกสัตว์ประหลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความน่ากลัวของเจ้าตัวสัตว์ประหลาดนี้ก็มีมาก แต่จุดอ่อนและวิธีกำจัดมันนั้นไม่ได้ยากนักติดแค่ว่ามันมีจำนวนที่มากกว่าและมีการขยายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา หนังแนวเอาตัวรอดเรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นสัญชาตญาณดิบและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ค่อนข้างสูงทีเดียว รวมถึงการกดขี่ของมนุษย์ด้วยกันเองอีกด้วย เพื่อการเอาตัวรอดเราก็เห็นความสยองจากพวกเราเองไม่น้อย แต่เรื่องราวซึ้งกินใจหนังเรื่องนี้ก็ขยี้จนเสียน้ำตาเหมือนกัน ความเห็นส่วนตัวคิดว่าหนังเรื่องนี้เดินเรื่องได้ต่อเนื่อง กระชับทำให้ดูสนุกและลุ้นระทึกอยู่ตลอด อีกทั้งปมของเรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนมากนักพอเข้าใจได้ง่าย หลายเหตุการณ์ก็มีความสมเหตุสมผล แต่ข้อพิจารณาน่าจะเป็นเรื่องการตัดต่อ การทำสีภาพ โปรดักชันโดยรวมที่ดูแล้วไม่ค่อยสมบูรณ์สักเท่าไรอีกทั้งยังส่งผลต่อซีนหนังและอารมณ์อีกด้วย ใครที่ชอบหนังเอาตัวรอดบีบหัวใจบอกเลยเรื่องนี้ห้ามพลาด เพราะมันเป็น 1 ชั่วโมง 30 นาทีที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “The Silence” ประเภท : สยองขวัญ กระตุกขวัญ ผู้กำกับ : จอห์น อาร์. ลีโอเน็ตติ นักแสดงนำ : เคียร์แนน ชิพกา,สแตนลีย์ ทุชชี,มิแรนดา ออตโท,ไคล์ เบรทคอปพ์ ความยาว : 1 ชั่วโมง 30 นาที กำหนดฉาย : 16 พฤษภาคม 2562 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว The Shape Of Water สัมพันธ์สวาทที่ความต่างระหว่างสายพันธุ์ก็ไม่อาจกั้น ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิว Changeling กระชากปมปริศนาคดีอำพราง หนังที่เล่าความเหลื่อมล้ำทางสังคม

ความเหลื่อมล้ำทางสังคมนับเป็นปัญหาเรื้อรังที่เราพบเจออยู่ในเกือบทุกยุคทุกสมัย ย้อนกลับไปราวปี 1928 ได้เกิดคดีเด็กหายที่แสนโด่งดังเพราะมันเป็นการเปิดเผยความเน่าเฟะของวงการตำรวจแห่งเมืองลอสแองเจลลีสได้อย่างเด่นชัดที่สุด อย่างในหนังเรื่อง “Changeling กระชากปมปริศนาคดีอำพราง” ที่เป็นเรื่องราวของ “คริสติน” คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่พบว่าลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวได้หายตัวไป เธอตัดสินใจที่จะออกตามหาเขาทั้งคืนแต่ก็ไม่พบจึงตัดสินใจมุ่งตรงไปยังสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความคดีคนหาย แต่ทว่าตำรวจกลับไม่รับแจ้งความเพราะเป็นการหายตัวไปที่ยังไม่ครบ 24 ชั่วโมง จนกระทั่งเช้าคริสตินก็กลับมาแจ้งความอีกนั่นจึงเป็นเวลาที่ตำรวจรับแจ้งจากเธอ ในหนังเราจะเห็นว่ามีฝ่ายที่ต่อต้านและเปิดโปงการทำงานของเหล่าตำรวจอยู่ ด้วยมีผู้นำคือ “นักบุญกุสตาฟ” ที่เขาเห็นว่าประชาชนในเมืองนี้ต้องโดนกดขี่จากตำรวจ กลายเป็นว่าตำรวจเป็นใหญ่ไปแล้วซึ่งมันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น เรื่องราวของคริสตินและวอเตอร์ลูกชายที่หายตัวไปแพร่สะพัดอย่างรวดเร็วจากฝีมือการกระจายข่าวของฝ่ายต่อต้านตำรวจเพราะต้องการที่จะเปิดให้เห็นข้อผิดพลาดในการทำงานของตำรวจ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 5 เดือน ตำรวจก็ได้พาเด็กที่อ้างว่าเป็นวอเตอร์มาให้คริสติน แน่นอนว่าแค่แวบแรกเธอก็รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ลูกของเธออย่างแน่นอนเพราะเขาดูเปลี่ยนไปมาก แต่คริสตินก็พาเด็กที่แอบอ้างไปที่บ้านเพราะรู้ว่าเขาไม่มีที่ไป แต่เมื่ออยู่ด้วยกันมากขึ้นเธอยิ่งแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ลูกของเธออย่างแน่นอน เมื่อเธอไปบอกตำรวจพวกเขากลับบอกว่าเธอมีอาการทางจิตซึ่งนำให้เธอต้องกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวช ที่ไม่ยอมรับลูกชายของเธอเอง ทำให้เธอได้พบกับเพื่อนในโรงพยาบาลที่ถูกส่งมาด้วยวิธีเดียวกัน คือเมื่อทำเรื่องทับเส้นกับตำรวจแล้วล่ะก็ย่อมได้มาอยู่ที่นี่ แต่สุดท้ายทนายความสุดเก่งก็มาช่วยไขคดีเรื่องนี้ได้สำเร็จ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “Changeling กระชากปมปริศนาคดีอำพราง” ประเภท : ลึกลับ อาชญากรรม ผู้กำกับ : คลินต์ อีสต์วุด นักแสดงนำ : แอนเจลีนา โจลี,จอห์น มัลโควิช,แกตต์ลิน กริฟฟิธ,เอมี่ ไรอัน ความยาว : 2 ชั่วโมง 22 นาที กำหนดฉาย : 23 ตุลาคม 2551 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่นBorn to be King (เกิดมาเป็นเจ้าพ่อ) ปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์สูตรสำเร็จยุคเก่า ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิวหนัง “A Cinderella Story” นางสาวซินเดอเรลลา…มือถือสื่อรักกิ๊ง

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคุณที่เคยฟังเรื่องราวระดับตำนานของนิทานเรื่อง “ซินเดอเรลลากับรองเท้าแก้ว” ล่ะก็ คุณต้องห้ามพลาดหนังรอมคอมฟีลกู้ดเรื่อง “A Cinderella Story” นี้ เพราะมันใช้การเล่าเรื่องจากพล็อตเดิมแต่ปรับหลายอย่างเพื่อให้เข้ากับโลกปัจจุบันได้อย่างแนบเนียนจนเราเองก็รู้สึกชื่นชมทีมเขียนบทเหมือนกัน หนังเล่าเรื่องราวของ นางเอกที่อาศัยอยู่กับพ่อของเธอเพราะแม่ของเธอได้เสียไปแล้ว พ่อของเธอมีธุรกิจร้านอาหารซึ่งกำลังเป็นไปด้วยดี แต่แล้ววันหนึ่งพ่อของเธอก็ได้เจอกับผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกอยากแต่งงานด้วยอีกครั้ง แม้ว่าลูกสาวจะไม่ค่อยชอบหน้าเธอเท่าไร แถมยังได้พี่สาวฝาแฝดเพิ่มมากอีก 2 คนด้วย จากนั้นไม่นานพ่อของเธอก็ได้เสียชีวิต นางเอกเสียใจมากเพราะพ่อเป็นโลกทั้งใบของเด็กหญิง แต่เธอก็อยู่มาจนเติบโตภายใต้การเลี้ยงดูของแม่เลี้ยง ด้วยความที่พ่อไม่ได้เขียนพินัยกรรมอะไรทิ้งไว้เลยทำให้ทรัพย์สินทุกอย่างตกเป็นของแม่เลี้ยงรวมทั้งร้านอาหารที่เธอรักด้วย ตอนนี้นางเอกกลายเป็นลูกจ้างคนหนึ่งในร้านขณะที่แม่เลี้ยงและพี่สาวทำตัวเป็นเจ้าของร้านและหมดเงินไปกับค่าศัลยกรรม นางเอกตั้งใจจะสอบให้ได้มหาวิทยาลัยดี ๆ เพื่อหวังออกไปจากที่นี่ เธอมักโดนกดขี่และใช้งานจากแม่เลี้ยง และเมื่อไม่สบายใจเธอก็จะคุยกับเพื่อนในแชทของเธอ ซึ่งเขากับเธอนั้นมักจะเปิดใจพูดเรื่องความเศร้ากันอยู่เสมอ เหมือนกับว่าเขาเป็น Safe Zone ของเธอเลย ชีวิตไฮสคูลของเธอเป็นไปไม่ได้สวยนักเพราะเธอมักโดนสาวฮอตกลั่นแกล้งเสมอมีเพียงเพื่อนสนิท 1 คนที่คอยอยู่เคียงข้าง แต่สำหรับเธอนั่นก็เพียงพอแล้ว โรงเรียนได้จัดงานพรอมขึ้นทำให้นางเอกรีบไปขอแม่เลี้ยงทันทีแต่แม่เลี้ยงไม่อนุญาต รอนด้าหนึ่งในพนักงานเป็นเหมือนนางฟ้าแม่ทูนหัวที่คอยช่วยเหลือเธอตลอด รอนด้าให้นางเอกยืมชุดแต่งงานแสนสวยที่เธอเก็บไว้มานาน โดยเพื่อนของเธอวางแผนว่าจะไปและกลับมาที่ร้านก่อนเที่ยงคืนเพื่อไม่ให้แม่เลี้ยงรู้ได้ ทางนางเอกก็ได้นัดกับหนุ่มในแชทว่าจะเจอกันในคืนงานพรอมเพื่อให้รู้ความจริงว่าเขาเป็นใคร แต่เมื่อรู้ความจริงแล้ว….เธอกลับอึ้งและทำอะไรไม่ถูก ค่ำคืนนั้นช่างสวยงามราวเทพนิยาย แต่ทว่าเธอกลับทำมือถือตกเอาไว้ และนั่นก็เป็นสิ่งที่พระเอกใช้ตามหานางเอกต่อไป ใครที่กำลังตามหาหนังรอมคอมวัยรุ่นไฮสคูลบอกเลยว่าเรื่องนี้ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ แม้มันจะเป็นหนังที่ตามสูตรสำเร็จไปเสียหมด แต่ก็ทำให้เราได้เห็นแง่มุมทางความคิดของวัยรุ่นและได้ทำความเข้าใจมากขึ้น การที่เชื่อว่าการศึกษาเป็นเครื่องต่อยอดชีวิต และการเห็นใจคนอื่นเป็นสิ่งที่ควรทำอีกด้วย ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “A Cinderella Story” ประเภท : โรแมนติก คอมเมดี้ ผู้กำกับ : มาร์ก รอสแมน นักแสดงนำ : ฮิลารี ดัฟ,แช็ด เมอร์เรย์,เจนนิเฟอร์ คูลิลิดจ์,จูลี่ กอนซาโล ความยาว : 1 ชั่วโมง 35 นาที หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “I Love You Stupid : รักนะเจ้าโง่” หนังรอมคอมดูเพลินส่งตรงจากสเปน ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิว The Shape Of Water สัมพันธ์สวาทที่ความต่างระหว่างสายพันธุ์ก็ไม่อาจกั้น

เรียกได้ว่าสมกับเป็นหนังรางวัลออสการ์ที่เลือกนำเสนอเรื่องด้วยการไม่ใช้สัญญะที่ซ่อนเร้นมากนักอย่างหลายเรื่องที่เรามีโอกาสได้เห็นกันเรื่อง “The Shape Of Water” นี้ถือเป็นอีกหนังที่ครองใจผู้ชมอย่างเราไปเรียบร้อยด้วยการเล่าเรื่องที่ประณีตแต่ไม่ได้เนิบช้า การใส่ใจทุกรายละเอียดจนทำให้เราประทับใจได้ไม่ยาก ซึ่งองค์ประกอบของหนังทำให้คนดูรู้สึกอินไปตามเรื่องและไม่ได้เพียงความบันเทิงแต่ยังได้ข้อคิดกลับมาในชีวิตนั่นถือเป็นสิ่งสูงสุด ฉากหลังของหนังเป็นเหตุการณ์ช่วงสงครามเย็นที่รัสเซียกับอเมริกา ยุค70s หนังได้เล่าถึง “เอไลซ่า” สาวใบ้ที่ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดให้กับสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์แห่งหนึ่ง ซึ่งเธอใช้ชีวิตอย่างปกติทุกวัน แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อทีมวิจัยได้ทำการจับตัว “มนุษย์น้ำ” จากแถบอเมริกาใต้มา ก็ทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไป ในหนังเราจะได้เห็นความสัมพันธ์ของเอไลซ่ากับมนุษย์น้ำที่แม้ว่าทั้งสองจะไม่สามารถสื่อสารกันได้เลย แต่กลับเป็นความเข้าอกเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งผ่านแววตาและท่าทีต่าง ๆ แทน จนความรู้สึกเหล่านั้นก่อเกิดเป็นความรักขึ้นมา ซึ่งก็ถือเป็นจุดแฟนตาซีของเรื่อง ความรักที่บางทีก็ไม่ได้นำมาเฉพาะความสุข มันนำพาให้เราทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่เสมอ เอไลซ่าหวังจะลักลอบพามนุษย์ไปปล่อยที่ทะเลเพื่ออิสรภาพของเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องจบชีวิตลงในห้องทดลองนี้แน่ ๆ และหลังครึ่งหลังต่อจากนี้จะเป็นภารกิจการตามตัวเขากลับมาของตัวร้ายของเรื่อง ความเห็นส่วนตัวคิดว่าหนังเรื่องนี้แทรกประเด็นต่าง ๆ ได้แนบเนียบมาก เช่น การเหยียดสีผิว เพศ เชื้อชาติ อีกทั้งยังทำให้เห็นความมีมนุษยธรรมของมนุษย์แต่ละคนอีกด้วย สำหรับโปรดักชั่นนั้นทำออกมาได้ยอดเยี่ยมและน่าชื่นชมมาก ส่วนนักแสดงนั้นสามารถตีบทได้แตกกระจุยและทำให้คนดูอย่างเราอินไปกับบทบาทมากเสียจนเชื่อว่ากำลังดูชีวิตของหญิงสาวที่รักกับมนุษย์ต่างสายพันธุ์จริง ๆ หนังเรื่องนี้ถือเป็นงานละเอียดที่ควรค่าต่อการเสียเวลาชมอย่างยิ่ง ใครที่เป็นแฟนหนังแฟนตาซีไม่ควรพลาดอย่างแท้จริง ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “The Shape Of Water” ประเภท : ดราม่า ระทึกขวัญ โรแมนติก ผู้กำกับ : กีเยร์โม เดล โตโร นักแสดงนำ : แซลลี ฮอว์กินส์,ดั๊ก โจนส์,ไมเคิล แชนนอน,ออคตาเวีย สเปนเซอร์ ความยาว : 2 ชั่วโมง 3 นาที กำหนดฉาย : 2562 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น Airplane Mode หนังรักกุ๊กกิ๊กของเด็กสาวที่ติดโลกโซเชียลโดยไม่รู้ผลเสียของมัน! ได้อีกที่ filmograd.net

“I Love You Stupid : รักนะเจ้าโง่” หนังรอมคอมดูเพลินส่งตรงจากสเปน

หากใครที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดว่าตัวเองนั้นกำลังเป็นขี้แพ้ คนที่ไม่เอาไหน ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วอย่างยิ่งหากอายุอานามในช่วงวัยทำงานแล้วล่ะก็ บางทีหนังเรื่อง “I Love You Stupid : รักนะเจ้าโง่” นี้อาจทำให้คุณเปลี่ยนความคิดลบ ๆ พวกนั้นออกไปก็ได้ เรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่บุคลิกดูเนิร์ด ๆ ไม่ค่อยคูลนัก ซึ่งเขาเพิ่งถูกบอกเลิกจากแฟนสาวที่คบกันมานาน จนอายุ 35 ปี เหตุผลก็คงเพราะเห็นว่าพระเอกเรานี่ดูไม่เอาไหนเสียเลย ทำงานก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งสูง ๆ ยังอยู่บ้านพ่อแม่ ไม่มีอะไรที่เชิดหน้าชูตาได้เลย ฝั่งพระเอกนั้นเฮิร์ทหนักมากเพราะเขารู้สึกผูกพันกับแฟนเก่าสุด ๆ แต่แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองต้องมูฟออนไปให้เร็วที่สุดเพื่อหลุดพ้นจากความรู้สึกพวกนี้สักที ทำให้เขาตัดสินใจเสริชคำแนะนำจากอินเทอร์เน็ตและลองเอามาทำตามดู ทั้งการกินคลีน โกนขน ดูแลตัวเองแบบที่ไม่เคยคิดจะทำ ซึ่งการคิดเปลี่ยนแปลงเป็นคนที่ดีขึ้นนี้ก็ทำให้เขาได้เจอคนรอบตัวใหม่ ๆ เช่นกัน การได้เจอกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่เธอได้แอบชอบเขาแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้ชอบเพราะเธอไม่สวย จนตอนนี้เธอเปลี่ยนไปทีเดียว แต่เขาก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเกินกว่าเพื่อนอยู่ดี ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป การที่เธอไม่เรียกพระเอกด้วยชื่อแต่เรียกด้วยคำว่า “เจ้าโง่” นั้นก็ฟังดูน่ารักดีอย่างประหลาดอีกอย่างมันเป็นคำอธิบายตัวตนของเขาได้ดีทีเดียว การที่นางเอกคอยให้คำปรึกษาเขาตลอดมา คอยอยู่เคียงข้าง ทำให้พระเอกได้เจอคำตอบของหัวใจ จนกระทั่งการกลับมาของแฟนเก่าที่เห็นว่าพระเอกเป็นคนที่ดีขึ้นเธอจึงกลับมาสนใจ ทำให้เขาเลือกที่จะปิดบังความจริงทุกอย่าง แม้ว่าในใจลึก ๆ เขาเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่า…เขานั้นรักใครกันแน่ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “I Love You Stupid : รักนะเจ้าโง่” ประเภท : คอมเมดี้ ผู้กำกับ : ลอรา มานะ นักแสดงนำ : นาตาเลีย ทีน่า,Quim Gutierrez,Ernesto Alterio,อัลบา ริบาส ความยาว : 1 ชั่วโมง 33 นาที กำหนดฉาย : 24 มกราคม 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น The War with Grandpa สงครามชิงเตียงนอนระหว่างหลานสุดซ่ากับคุณปู่รุ่นเก๋า ได้อีกที่ filmograd.net

Born to be King (เกิดมาเป็นเจ้าพ่อ) ปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์สูตรสำเร็จยุคเก่า

การกลับมาของ “Young and Dangerous” หรือ “กู๋ หว่า ใจ๋” ที่ดูเหมือนจะทิ้งทวนไปแล้วในภาค 5 แต่ 2 ปีต่อมา  ก็ได้คลอดภาคใหม่ในชื่อ “Born to be King”  ซึ่งนับเป็นภาค 6 ที่มีการเชื่อมเรื่องราวการพัฒนาการของตัวละครหลัก  และรวบรวมนักแสดงเก่า ๆ ที่อาจตายไปแล้วในภาคก่อน ๆ  มารับบทใหม่ในภาคนี้  และที่สำคัญการกลับมาของ เฉิน เสี่ยวชุน ผู้รับบทเป็น “ไก่ป่า”  ทำให้หนังภาคนี้ กลับมาปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์อีกครั้งหนึ่ง “Born to be King” กำลังจะกลับมาอีกครั้ง Born to be Kingกล่าวถึง “ไก่ป่า” กำลังจะได้เป็นลูกเขยของ “แก๊งยามาโต้” แก๊งซึ่งทรงอิทธิพลในญี่ปุ่น ในขณะเดียวกัน “เฉิน ห้าว หนาน” เพื่อนสนิทของไก่ป่า กำลังจะก้าวสู่ผู้นำแห่ง “หงซิน” อย่างเต็มตัวอีกเช่นกัน  ขณะที่ “แก๊งสามสหาย” ของใต้หวัน ได้เกิดปัญหาภายใน  โดยมี “เสี่ยหลุย” ลูกชายหัวหน้าแก๊งคนเก่าผู้จบจากอเมริกา  เข้ามาเป็นกาวใจและแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว  โดยทั้งสามแก๊ง ทั้งยามาโต้  หงซิ่ง  และแก๊งสามสหาย  ต่างเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน จนกระทั่งการเข้ามาของผลประโยชน์ด้านการเมือง  นำมาสู่เหตุการณ์วุ่นวายและการแตกหักระหว่างสามแก๊งดังกล่าว ในภาคนี้ ก็ได้แทรกกลิ่นไอของการเมืองอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งใช้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประเทศใต้หวัน เป็นจุดพลิกผันของเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยการพลักบทบาทของ “ไก่ป่า” ให้มีความสำคัญอีกครั้ง  หลังจากหายไปในภาค 5 อย่างมีข้อกังขา ซึ่งสามารถทำหน้าที่ได้ดี  ในซีนอารมณ์ที่ต้องการความหนักเบาได้อย่างกลมกล่อม  ในขณะที่ “เฉิน ห้าว หนาน” พระเอกของเรื่องกลับไม่เด่นเท่าที่ควร  กลายเป็นเพียงแค่ประเด็นรอง ๆ ที่เน้นไปทางโหยหาความรักเก่า ๆ เสียมากกว่า ส่วนการไล่ฆ่า  แก้แค้น  และการหักหลังกัน ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของการปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์  ก็มียังมีอยู่ให้เห็น  ได้หายคิดถึงกันบ้าง  แต่ก็ไม่มีอะไรใหม่ให้เซอร์ไพรส์มากมาย นอกจากงานโปรดักชันที่ดูพัฒนาไปอีกขั้นของหนังชุดนี้Born to be Kingเป็นการจับประเด็น จับแพะชนแกะที่ทำได้ดีพอสมควร  ซึ่งใช้ความคุกรุ่นของการเมืองการปกครองในฝั่งใต้หวันในช่วงนั้น  ในการเล่าเรื่องเชื่อมโยงกับแก๊งอิทธิพลต่าง ๆ   และนำมาซึ่งตัวละครหลัก ๆ ในภาคก่อน   ให้มารียูเนียนนอีกครั้งเพื่อปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์ให้กระหึ่มอีกครั้งหนึ่ง  เพียงแต่การเปลี่ยนผันของหนังฮ่องกงที่เริ่มตกลงในช่วงนั้น  อาจไม่สบความสำเร็จด้านเสียงวิจารณ์มากที่ควร อัตราความสะเด่า เนื้อหา           3.5/5 ระทึกใจ 3.5/5 บทสรุป 3.5/5 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น Airplane Mode หนังรักกุ๊กกิ๊กของเด็กสาวที่ติดโลกโซเชียลโดยไม่รู้ผลเสียของมัน! ได้อีกที่ filmograd.net

แวร์ ภาพยนตร์ มนุษย์หมาป่า ที่ยังเข้าถึงคนในยุคเทคโนโลยี

แม้ว่าเรื่องราวของ มนุษย์หมาป่า อาจจะลดความน่ากลัวลงไปในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนกับทุกชีวิตบนโลกใบนี้ แต่ทว่าผลงานของผู้กำกับวิลเลี่ยม เบนท์ เบล ได้พยายามถ่ายทอดเรื่องราวของปีศาจที่เคยน่ากลัวออกมาอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการที่พยายามอธิบายผ่านทางการแพทย์และการใช้จัมป์สแกร์ที่ทำให้ผู้ชมได้ตกใจตลอดเรื่องจนเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ควรได้รับคำชื่นชมมากกว่าที่ควรจะเป็น ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง มนุษย์หมาป่า ที่ยังดูได้อย่างสนุกในยุคนี้ เรื่องราวของแวร์นั้นก็เริ่มจากทนายสาวอย่างเคท มอร์ต้องไปว่าความให้กับผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมที่ชื่อว่าทาลัน กวีเนคว่าเขาอาจมีส่วนในการทำร้ายร่างกายครอบครัวพอตเตอร์ทั้งสามคน แต่ทว่าแม่ของทาลันกลับชี้แจงว่าเขาคงไม่มีทางไปทำร้ายคนอื่นได้จากการเป็นโรคทางพันธุกรรมของครอบครัวจนทำให้ทาลันมีร่างกายที่อ่อนแอ แม้ว่าสุดท้ายความจริงจะเปิดเผยว่าทาลันสามารถกลายเป็นมนุษย์หมาป่าที่มีพลังเหนือมนุษย์จริงๆ ก็ตาม หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องมนุษย์หมาป่าได้ออกฉายนั้น กระแสตอบรับของพวกเขาก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับแฟนๆ ของภาพยนตร์สยองขวัญ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามอธิบายที่มาของทาลันผ่านวิทยาศาสตร์และโรคพอร์ไฟเรียที่มีอยู่จริงๆ อีกด้วย แม้ว่าช่วงท้ายของเรื่องจะเปลี่ยนทิศทางไปเป็นภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนตามตัวละครหลักของเรื่องที่เป็นตำรวจและทนายนั่นเอง แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อแวร์ให้เป็นภาพยนตร์ที่ควรชมในช่วงฮัลโลวีนนั่นเอง นอกจากเนื้อเรื่องมนุษย์หมาป่าที่เล่าอย่างค่อยเป็นค่อยไปแล้ว ทางเทคนิคการใช้จัมป์สแกร์ที่ทำให้คนดูตกใจนั้นก็ยังใช้ได้ดีกับภาพยนตร์ที่ไม่ได้มีตัวประหลาดหรือปีศาจในเรื่อง โดยพวกเขาใช้จังหวะที่เหมาะสมในแต่ละครั้งจนผู้ชมไม่มีโอกาสตั้งตัว ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ผู้กำกับภาพยนตร์สยองขวัญอย่างวิลเลี่ยม เบนท์ เบลคิดไว้แล้วอีกด้วย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น เมื่อ “บัสเตอร์ คีตัน” ได้รับบาดเจ็บในหนังเรื่องเชอร์ล็อคจูเนียร์ ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณการสนับสนุนจาก ufa9999 สำหรับข่าวสารในวงการภาพยนตร์ หรือซีรี่ย์ต่างๆ ทั้งเก่าและใหม่ ที่นำมาแบ่งปันกันในวันนี้

รีวิวภาพยนตร์ Abattoir สุดลี้ลับ ฉากสยอง ที่ครองใจแฟนๆหลายคน

สวัสดีครับมีใครชอบดูภาพยนตร์แนวลี้ลับ หรือสยองขวัญบ้างไหมครับ และบทความนี้เรามีภาพยนตร์แนวลี้ลับสยองขวัญมาฝากครับ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า Abattoir เป็นภาพยนตร์ที่ครองใจแฟนหลายคนและสร้างรายได้อันมหาศาล เราลองไปทำความรู้จักกับภาพยนตร์เรื่องAbattoirนี้กันเลย รีวิวภาพยนตร์ลี้ลับ-สยองขวัญในเรื่อง “Abattoir” ภาพยนตร์เรื่องAbattoirนี้เป็นภาพยนตร์แนวลี้ลับสยองขวัญ โดยดำเนินเรื่องโดยหญิงสาวคนหนึ่ง โดยเธอเป็นนักข่าวที่ทำข่าวเกี่ยวกับฆาตกรคนหนึ่ง จนเกิดเหตุการที่แม้แต่เธอก็ไม่คาดคิดมาก่อน เพราะเธอได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องพวกนี้ไปแล้ว โดยฆาตกรจะกำจัดผู้คนที่เข้ามายุ่งเรื่องคดีของเขา จนอยู่มาวันหนึ่งพี่สาวและหลานของเธอเองได้ถูกฆ่าตายภายในบ้านของเธอเองโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว เธอกลัวที่จะถูกฆ่าเธอจึงขายบ้านหลังนั้นไป แต่เมื่อเธอนั้นได้เดินเข้าไปภายในจุดที่พี่สาวและหลานของเธอตายนั้น ห้องนั้นก็เกิดความลี้ลับโดยจุดเกิดเหตุที่ผู้ตายนั้นได้ถูกยกออกไป และเธอก็ได้ยินข่าวนี้มาเหมือนกันว่าฆาตกรคนนี้เมื่อฆ่าไปแล้วจะอำพรางโดยยกห้องไป หรือซ่อมแซมห้องนั้นทำให้ดูเสมือนว่าไม่มีใครเข้ามา แต่ภาพยนตร์เรื่องAbattoirก็มีความลี้ลับอยู่อีกมาก เราไปหาคำตอบกันในภาพยนตร์เรื่องAbattoirเราไปหาคำตอบที่ว่า ฆาตกรคนนี้เขาต้องการอะไรกันแน่ และเขาทำลงไปเพื่ออะไร และวิธีที่เขาอำพรางตัวเองโดยการยกห้องออกจากบ้านเขาทำได้อย่างไร และเธอจะเจอจุดจบแบบพี่สาวและหลานของเธอหรือไม่ โปรดติดตามภาพยนต์เรื่องAbattoir สำหรับภาพยนตร์Abattoirนี้คุณจะได้รับทั้งความบันเทิงและความตื่นเต้นไปพร้อมๆกันโดยเนื้อเรื่องทำออกมาได้ดี ทำให้เรานั้นลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่าจะเกิดอะไร และต่างก็สงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่คนร้ายอำพรางโดยการยกห้องออกจากบ้าน เพราะถ้าเป็นหลักความเป็นจริงแล้วมันแทบจะทำไม่ได้เลยที่จะยกเอาห้องทั้งห้องออกจากบ้านโดยที่คนในบ้านไม่มีใครรู้สึกตัว หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “Nine Days” หนังสุดครีเอท เมื่อเทวดาหาคนมาเกิดใหม่ด้วยการ “สัมภาษณ์” ได้อีกที่ filmograd.net