The Untamed Liging Death ภาคต่อสุดประทับใจกับปรมาจารย์ลัทธิมาร

หลังจากประทับใจกับซีรีส์ปรมาจารย์ลัทธิมารไปกันแล้วในปี 2019 และสำหรับใครที่ยังมูฟออนไม่ได้ ยังคงมูฟออนเป็นวงกลมมองทางไหนก็หันกลับมาเจอวั่งจีกับเว่ยอิง เราคงต้องหาสิ่งอื่นมาเยียวยาความคิดถึงเหล่านี้ และทางผู้ผลิตซีรีส์ปรมาจารย์ลัทธิมารก็ได้ส่งภาพยนตร์ภาคต่อของเรื่องนี้ออกมาให้เราได้ชมกันกับเรื่อง The Untamed Liging Death The Untamed Liging Death กลับมาอีกครั้งในภาคต่อ หลังจากที่ประทับใจจนมูฟออนไม่ได้ไปนาน ภาพยนตร์The Untamed Liging Deathนำแสดงโดยสองอาหลานสุดน่ารักอย่างขุนพลผี เหวินหนิง และศิษย์ตระกูลหลานอย่างหลานซือจุย ที่ทั้งคู่เดิมทีเป็นอา-หลานร่วมตระกูลเหวินมาด้วยกัน และเรื่องราวของภาคนี้ก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากการจบลงของเรื่องราวทั้งห้าสิบกว่าตอนในปรมาจารย์ลัทธิมารที่ทั้งเหวินหนิงและซือจุยตัดสินใจออกล่าราตรีร่วมกัน การออกผจญภัยของทั้งคู่เข้าไปพัวพันกับการฆาตกรรม ณ ตระกูลเซียว แห่งเมืองฝูเฟิง ภูเขาฉี ที่เดิมเมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองไร้ราตรี ที่มักมีโคมไฟส่องสว่างทั้งกลางวันกลางคืน แต่แล้วตระกูลเซียวที่เป็นช่างทำโคมของเมืองก็เสียชีวิตทั้งตระกูล จนเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการ์ จุดไฟ สังหารคน ที่ในยามค่ำคืนหากมีการจุดไฟ จะต้องมีผู้เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาและเกี่ยวข้องกับอาถรรพ์ ซึ่งการออกไล่ล่าปีศาจของตัวเอกทั้งคู่ก็ช่วยเปิดเผยความลับและวิญญาณร้ายเบื้องหลังเหตุการณ์น่าพรั่นพรึงเหล่านี้ซึ่งไปเกี่ยวข้องกับตราพยัคฆ์ทมิฬ และการกลายมาเป็นศพเดินได้ของตัวเอกของ The Untamed Liging Death ในภาคนี้  ภาพยนตร์ The Untamed Liging Death ภาคนี้เราจะได้เห็นการกลับมาของนักแสดงคนเดิม และความสามารถ คาถาอาคมตำรับเดิมที่เราเคยพบเจอจากภาคซีรีส์ เพิ่มเติมด้วยเรื่องราวที่ไปเกี่ยวข้องอันสุดแสนประทับใจ และจบลงด้วยความตราตรึง นักแสดงในภาคนี้ยังคงรับบทได้ดี และช่วยให้เราเห็นความผูกพันของอาหลานคู่นี้ได้ชัดเจนขึ้นกว่าในซีรีส์ที่ทั้งคู่แทบไม่รู้ความจริงข้อนี้เลย ทำให้แฟน ๆ ได้เต็มอิ่มกับบรรยากาศความผูกพันธ์ของตัวละครที่ยังไม่จางไป รวมถึงซีจีและโปรดักชั่นที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมตามมาตราฐานที่เราเคยพบมาในภาคซีรีส์ และใครที่ยังคิดถึงกลิ่นอายเหล่านี้อยู่ก็น่าหามาดูแก้ความคิดถึงเป็นอย่างยิ่ง ภาพยนตร์ The Untamed Liging Death ภาคนี้ไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วไป แต่มีให้ดูในแอปพลิเคชั่นสตรีมซีรีส์จีนทั่วไปอย่าง WeTV หรือ iQiYi และนั่นก็ทำให้เราได้เข้าถึงการรับชมภาพยนตร์ The Untamed Liging Death ภาคนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น และใครที่ยังไม่ได้ดูก็ควรได้ดูอย่างยิ่ง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามซีรี่ย์เรื่องอื่นๆ เช่น ซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่น่าดูมาก “Dinner Mate” กับการบำบัดจิตด้วยการทานอาหาร ได้อีกที่ filmograd.net

สเปซแจม ภาคสอง ที่กำลังจะไม่มีตัวมอนสตาร์อีกต่อไปแล้ว

เรียกว่าเป็นภาพยนตร์ที่เคยโด่งดังมาแล้ว สำหรับทาง สเปซแจม ที่ก่อนหน้านี้ได้ไมเคิล จอร์แดนมารับบทเด่นในเรื่องคู่กับตัวลครอย่างบักส์บันนี่ แต่ทว่าในภาคสองหรือนิวเลกาซี่นั้นทางเลเบรอนเจมส์จะมารับบทนี้แทน ก่อนที่จะมีการเปิดเผยว่าเหล่าตัวร้ายอย่างกลุ่มมอนสตาร์จะไม่ได้ปรากฏตัวในภาคนี้อีกแล้ว ซึ่งย้อนกลับไปในยี่สิบปีก่อนนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นการผสมผสานระหว่างบาสเกตบอลกับวงการฮอลลีวูดจนทำรายได้ไปมากมาย ก่อนที่จะมีการนำเรื่องราวมาทำใหม่พร้อมกับนักกีฬาดังแห่งวงการปัจจุบันอีกด้วย กลุ่มมอนสตาร์ เหล่าตัวร้ายในภาพยนตร์ สเปซแจม จะไม่ปรากฎตัวอีกในภาค 2 ในเรื่องสเปซแจมภาคก่อนนั้น ทางไมเคิล จอร์แดนนั้นจะได้ทางตัวละครจากเหล่าลูนีย์ทูนส์มาช่วยเขาเอาชนะเกมสำคัญได้ โดยทีมของจอร์แดนที่ชื่อว่าทูนสควอดจะต้องลงแข่งขันกับเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่ชื่อว่ามอนสตาร์ ซึ่งเกิดจากการนำเอานักกีฬาในลีกเอ็มบีเอคนอื่นๆ ไปฉีดสารกระตุ้นจนกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดในที่สุด ก่อนที่ตอนจบจะทำให้ทางเหล่าตัวการ์ตูนนี้ได้ย้ายไปอยู่ในอวกาศและกลายเป็นตัวละครสำคัญในสวนสนุกบนดาวนั้นอีกด้วย ซึ่งทางแฟนๆ หลายคนยังแอบคิดว่าเหล่าตัวร้ายนี้จะกลับมามาอยู่ในเรื่องนี้อีกครั้ง ด้านตัวละครเอกในเรื่องอย่างเลบรอน เจมส์ก็ได้ออกมาเปิดเผยกับทางโร้ดทริปปินที่เป็นซีรีย์ในยูทูบที่ได้ออกมาพูดถึงเล่าตัวร้ายของเรื่องสเปซแจม ที่ยังคงเป็นมนุษย์ต่างดาวเช่นเดิม โดยเรื่องราวที่นักบาสเกตบอลจากทีมแอลเอ เลเกอร์จะได้เจอกับคู่แข่งนั้นจะมาจากอีกโลกนี้แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ชื่อเดิมก็ตาม ซึ่งเขาพูดได้แค่ว่ามันไม่ใช่ชื่อเดิมและเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลตรงนี้ได้ แม้ว่าทางแฟนๆ จะคาดหวังว่าจะได้เหล่าตัวละครนี้อีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นสัตว์ประหลาดจากอีกโลกหนึ่งเหมือนกันก็ตาม คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่าสเปซแจมภาคใหม่จะเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากเลบรอน เจมส์เองก็ไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้มากนัก ส่วนที่รู้ได้ก็คือเหล่าตัวร้ายของเรื่องก็จะเป็นเหล่ามนุษย์จากดาวอื่นเช่นเดิมแต่ไม่ใช่กลุ่มมอนสตาร์ โดยทางวอร์เนอร์ก็มีแผนจะออกฉายเรื่องนี้ในปี 2021 ว่าจะเป็นทางโรงฉายหรือสตรีมมิ่งก็ตาม หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น“จอห์น ซีน่า” ที่ต้องกินเอ็มพานาดาสถึง 31 ชิ้นในฉากเดียว ได้อีกที่ filmograd.net

วอร์เนอร์ บราเธอส์ ที่โดนวิจารณ์อย่างหนักเรื่องของการฉายภาพยนตร์

แม้ว่าทาง วอร์เนอร์ จะพยายามทำให้แฟนๆ ได้ชมภาพยนตร์ให้ไวที่สุดก็ตาม แต่ทว่าค่ายภาพยนตร์ชื่อดังกลับโดนวิจารณ์อย่างหนักที่จะยอมให้ผลงานของตัวเองเข้าฉายในโรงภาพยนตร์พร้อมกับบริการสตรีมมิ่งของตัวเอง จนโดนเหล่านักวิจารณ์เปลี่ยนชื่อเป็นฟอร์มเมอร์บราเธอร์หรืออดีตพี่น้องของวงการไปแล้ว แม้ว่าทางค่ายจะมีอายุเกือบร้อยปีก็ตามและมีอำนาจมากมายในวงการ แต่พวกเขากลับเลือกที่จะเปลี่ยนระบบการฉายจนส่งผลถึงเหล่าคนทำงานในวงการจนไม่ยอมให้มีการปล่อยฉายภาพยนตร์ในราคาที่ต่ำลงไปนั่นเอง วอร์เนอร์ บราเธอส์ โดนวิจารณ์อย่างหนักถึงการฉายหนังในโรงภาพยนตร์พร้อมกับสตรีมมิ่ง เหตุผลที่ทำให้ทางวอร์เนอร์บราเธอส์เริ่มโดยวิจารณ์มากขึ้นก็คือการยอมจ่ายเงินมากถึง 10 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นค่าตัวของแกล กัลดอทที่แสดงนำในเรื่อวันเดอร์วูแมน 1984 ที่พวกเขานำมาฉายผ่านช่องเอชบีโอแมกซ์หรือสตรีมมิ่งของพวกเขา ซึ่งจากเดิมนั้นรายได้ของนักแสดงจะได้ตามสัญญาก่อนจำแสดงในกองถ่าย ก่อนที่จะได้รับเงินก้อนเป็นส่วนแบ่งหลังจากการฉายภาพยนตร์ แต่การที่ค่ายดังยอมจ่ายเงินก้อนเพิ่มให้หลังจากการฉายในแพลตฟอร์มอื่นได้ กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยทีเดียว หลังจากที่ทางวอร์เนอร์ได้ต้องการจะเปลี่ยนแปลงการฉายภาพยนตร์นี้เอง ที่ทางหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ได้ออกมาล้อเลียนว่าเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นฟอร์มเมอร์บราเธอร์ รวมถึงทางตัวแทนเหล่านักแสดงอย่างมาร์กอท ร็อบบี้ วิลล์ สมิธและคีอานู รีฟส์ได้ออกมาตั้งคำถามของค่ายภาพยนตร์นี้ถึงค่าตัวพวกเขาที่ไม่ได้รับเหมือนกับทางกัลดอท จนทำให้เหล่านักแสดงเริ่มไม่พอใจและมีแผนจะไม่ร่วมงานกับค่ายนี้อีกต่อไป เนื่องจากปัญหาเรื่องเงินที่ทางค่ายอาจเลือกที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายแทนอีกด้วย กลายเป็นว่าคำวิจารณ์เกี่ยวกับทางวอร์เนอร์นั้นอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางค่ายโดยตรง เนื่องจากการสตรีมมิ่งนั้นไม่ได้มีเพียงพวกเขาเท่านั้น แต่ทางดิสนีย์ เน็ตฟลิกซ์และอเมซอนต่างก็มีแพลตฟอร์มของตัวเอง แต่ทว่าเรื่องค่าใช้จ่ายหรือค่าตัวนักแสดงที่ทางค่ายดังไม่ได้มีแบบแผนที่ชัดเจน รวมถึงการไม่นำรายได้จากโรงฉายมารวมกับส่วนแบ่งอาจทำให้เหล่าทีมงานไม่ได้รับเงินอย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิวหนังแอคชั่น “The Outpost” ชัยภูมิมรณะ เพราะสงครามไม่ใช่เรื่องที่สมควรมี!ได้อีกที่ filmograd.net

“The Piper” (คนเป่าขลุ่ย) เมื่อเป็นคนดีแล้วโดนหักหลังถึงเวลาเอาคืนให้สาสมใจ!

ช่วงเวลาในวันหยุดยาวๆ ที่ใกล้จะเข้ามาทุกทีก็มีบางคนที่ไม่รู้จะออกไปไหนดีขอแนะนำ ภาพยนต์แนว Horror ที่จะมาเพิ่มความเร้าใจกับเรื่องราวสุดน่าสงสารของหนังเรื่อง The Piper หรือในชื่อไทย คนเป่าขลุ่ย ที่จะเป็นการสื่อถึงจิตใจอันดำมืดของผู้คนที่เห็นแก่ได้ไม่สนใจในความทุกร้อนของผู้อื่น ที่อำนวยการสร้างจากผู้กำกับชาวเกาหลี Kim Gwang-tae เป็นผู้มาถ่ายทอดเรื่องราวให้กับภาพยนต์เรื่องนี้ อีกทั้งยังยกนักแสดงระดับแถวหน้าอย่าง Ryu Seung-ryong , Goo Seung-Hyeon , Chun Woo-Hee และอีกมากมายที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวสุดสะท้อนสังคมในครั้ง เรื่องย่อ “The Piper” (คนเป่าขลุ่ย) แกนหลักที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับ ภาพยนต์แนว Horror เรื่องนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องราวที่ได้มีการถ่ายทอดลงไปในภาพยนต์ผ่านทางผู้กำกับ Kim Gwang-tae ให้ครบทุกรสชาติ เริ่มเรื่องจะเล่าถึงสองพ่อลูกที่เดินทางเร่ร่อนหนีตายมาจากสงคราม ผู้เป็นพ่อได้เสียภรรยไปพร้อมกับขาข้างนึ่งจากพิษร้ายของสงคราม ส่วนลูกก็ดันเป็นโรคหัวใจ จนเขาได้พบเข้ากับวิธีรักษาคือการมุ่งหน้สไปที่โซลเพื่อให้หมอฝรั่งดูแล ด้วยความที่ผู้เป็นพ่อได้มีวิชาในการเป่าคลุ่ยที่ถือว่าเป็นระดับสุดยอดเลยทีเดียว เมื่อทั้งคู่ได้เดินทางต่อมาจนพบเข้ากลับหมู่บ้านกลางป่าลึกที่ไม่เคยปรากฏในแผนที่ ซึ่งหมู่บ้านนี้กำลังเจอกับเหล่าหนูจำนวนมากที่ค่อยกัดกินพืชพันธุ์รวมถึงอาหารจนเกือบหมดไม่ว่าจะทำวิธีใดพวกมันก็ไม่หายไปเสียที สองพ่อลูกจึงอาสาที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยการแลกกับเงินจำนวนหนึ่งและที่พักไม่กี่วันเมื่อภารกิจสำเร็จก็จะออกเดินทางต่อทันที แต่แล้วเมื่อทุกอย่างกำลังไปในทางทีสวยผู้ใหญ่บ้านกับทำร้ายและขับไล่สองคนนี้ออกไปพร้อมทั้งวางยาในข้าวจนทำให้บางสิ่งบางอย่างของผู้เป็นพ่อที่อดทนมายาวนานได้ระเบิดขึ้นพร้อมหันกลับมาจัดการกับผู้ทีทำให้พวกเขาต้องเป็นแบบนี้ สรุป  ภาพยนต์แนว Horror ที่สร้างมาเพื่อให้ผู้ชมได้เห็นในความมืดดำของจิตใจผู้คนที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปแค่ไหนบุคคลเหล่านี้ก็ยังอยู่อย่าเรื่องThe Piperที่สื่อออกมาได้ดีเลยทีเดียวทั้งการจัดลำดับขั้นในการเล่าเรื่องให้ผู้ชมได้ผูกพันธ์กับตัวละคร งานภาพที่ให้ทั้งความสวยงามของธรรมชาติและส่งต่ออารมณ์ให้คนดูได้แบบเต้มที่อีกด้วย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “Joker” อีกหนึ่งในภาพยนตร์ที่สะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดีมากๆ ได้อีกที่ filmograd.net

“Joker” อีกหนึ่งในภาพยนตร์ที่สะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดีมากๆ

ย้อนกลับไปปีที่แล้ว (2019) ได้มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งออกฉายสู่สายตาแฟนๆ ทั่วโลก กับบทของหนังที่สะท้อนถึงความรู้สึกของมนุษย์ มีการใช้จิตวิทยาระทึกขวัญเข้ามาภายในภาพยนตร์ ทำให้ภาพยนตร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหลายๆ ด้าน รวมถึงตัวนักแสดงนำอย่าง โจอาควิน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ที่ได้รับรางวัลออสการ์กับบทบาทที่เขาได้รับในเรื่องนี้กับภาพยนตร์ที่ชื่อว่า “Joker”  “Joker” หนังที่สะท้อนสังคมได้อย่างเจ็บปวด Jokerจะเล่าถึงเรื่องของ อาเธอร์ เฟล็กซ์ (โจอาควิน ฟีนิกซ์) คนธรรมดาที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นศิลปินตลกชื่อดัง แต่ตัวเขามีโรคประจำตัวคือหัวเราะไม่หยุด เลยถูกตกเป็นเป้าทำร้ายร่างกายหลายครั้ง อาเธอร์ อาศัยอยู่กับแม่ที่ป่วย จากนั้นภายใต้แรงกดดันของสังคมทำให้ อาเธอร์ ได้สืบค้นหาความจริงบางอย่าง และตัวเขากลายเป็นคนที่จุดชนวนการประท้วงในเรื่องของการเหลื่อมล้ำในสังคมระหว่างคนจนและคนรวย โดยกลุ่มประท้วงจะใช้หน้ากากตัวตลกเป็นสัญลักษณ์  โดยJokerเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำของสังคมภายในเมืองก็อทแธ่ม แสดงถึงจิตใต้สำนึกภายในจิตใจของแต่ละคนที่ต้องเอาชีวิตอยู่รอดภายในสังคมที่โหดร้าย ตัวนักแสดงอย่าง โจอาควิน ฟีนิกซ์ ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากว่าเข้าถึงบทบาทของ Joker ได้ดีที่สุดนับตั้งแต่มีตัวละครตัวนี้มา และนอกจากนี้ภาพยนตร์Jokerยังถือว่าเป็นการเล่าถึงจุดกำเนิดที่มาของคู่ปรับคนสำคัญของ บรูซ เวย์น หรือ Bat Man ในซีรี่ส์ Bat Man ที่โด่งดังไปทั่วโลก  อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้Jokerประสบความสำเร็จ คือความสามารถในการแสดงของ โจอาควิน ฟีนิกซ์ ที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก และอีกหลายๆ อย่างผ่านทางตัวละคร อาเธอร์ เฟล็กซ์ ได้อย่างสุดยอด ทำให้ผู้ชมหลายคนมีอารมณ์ร่วมไปกับบทหนัง ซึ่งนั่นทำให้ตัวของ โจอาควิน ฟีนิกซ์ ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาครอง และเท่านั้นยังไม่พอภาพยนตร์ Joker ยังได้รับรางสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งรางวัลด้วย หากใครอยากจะสัมผัสกับสุดยอดภาพยนตร์ที่เน้นในเรื่องของจิตวิทยา, สะท้อนปัญหาของสังคม แนะนำว่าJokerจะถูกใจอย่างแน่นอน หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิวหนังแอคชั่น “The Outpost” ชัยภูมิมรณะ เพราะสงครามไม่ใช่เรื่องที่สมควรมี! ได้อีกที่ filmograd.net

ความตื่นเต้นของสายจากอดีตสู่ความหลอนกับ ‘สายตรงต่ออดีต’ The Call 2020

วงการภาพยนตร์เกาหลีมักมีเรื่องให้เราได้ตื่นเต้นและรอคอยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์อย่างพาราไซต์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ไปเมื่อปีที่ผ่านมาด้วยพล็อตและการถ่ายทำที่น่าตื่นตาตื่นใจ หรือแม้แต่เล่ห์รักนักล้วง (The Handmaiden) ที่ถูกกล่าวถึงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ออกฉาย และปีนี้ Netflix ก็นำเรื่องราวของสายตรงต่ออดีต (The Call 2020) อีกหนึ่งภาพยนตร์เกาหลีที่จะถูกพูดถึงและติดลิสต์ภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในใจของใครหลายคนอย่างแน่นอนมาให้เราได้ชมกัน “สายตรงต่ออดีต” (The Call 2020) ภาพยนตร์เกาหลีที่มีดีมากกว่าที่คิด The Call 2020นำแสดงโดยนางเอกที่เราคุ้นหน้ากันดีอย่างพัคชินฮเย จุนจงซอ และคิมซองรยอง และเรื่องราวก็เริ่มต้นที่ความขัดแย้งของ ซอยอน ตัวเอกของเรื่องที่มีปัญหากับแม่และหันหลังกลับไปที่บ้านเพื่อพบเจอกับสายโทรศัพท์ที่โทรมาจากบ้านหลังเดียวกันนี้ที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 20 ปีก่อน จะรู้สึกดีแค่ไหนหากเรากลายเป็นผู้ช่วยชีวิตเด็กสาวคนหนึ่งจากการถูกฆาตกรรมโดยมารดาของเธอเอง? ซอยอน เป็นคนนั้นที่เลือกช่วย โอยองซุก เด็กสาวที่ขณะนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ แต่กลับโดนแม่ที่คลั่งเวทมนตร์ไสยศาสตร์กักขังไว้ในบ้าน ทำร้ายร่างกายเธอต่าง ๆ นานา และซอยอนเป็นคนเดียวที่รู้อนาคตของเธอและช่วยเธอได้ ซอยอนช่วยยองซุกจากการถูกมารดาฆ่า ในทางกลับกัน โอยองซุกก็ไปช่วยพ่อของซอยอนที่กำลังจะเสียชีวิตเพราะถังแก๊สที่บ้านระเบิด ใน สายตรงต่ออดีต อนาคตถูกเปลี่ยนแปลง และทั้งคู่ดูเหมือนจะยินดีกับความเปลี่ยนแปลงนี้ โยองซุกยังมีชีวิตอยู่ และซอยอนก็ได้กลับมามีชีวิตครอบครัวพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก แต่นั่นกลับจุดความริษยาและอารมณ์อันแปรปรวนของโอยองซุก หลังจากที่ฆ่าแม่เพื่อหนีรอดมาในครั้งนั้น ทำให้เธอต้องเอาตัวรอดในครั้งต่อ ๆ มาและลากเอาซอยอนเข้าไปเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย แต่ซอยอนเมื่อรู้ว่าเธอคือฆาตกรแล้วก็ไม่ต้องการร่วมมือกับเธออีกสายตรงต่ออดีต จากการปูเรื่องแบบหักมุมหลายชั้น เปลี่ยนเส้นเรื่องอนาคตแบบคาดเดาไม่ได้ และเอฟเฟกต์อันเหนือชั้น สู่บทสรุปที่สมเหตุสมผลและยอมรับได้ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์หนึ่งที่เพื่อน ๆ ไม่ควรพลาดสำหรับปี 2020 นี้แม้จะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ลงให้ดูในโรงภาพยนตร์ปกติก็ตาม แน่นอนว่าเราหาภาพยนตร์เรื่องนี้ดูได้ง่ายกว่านั้นด้วย Netflix ที่ช่วยให้ดูได้ทุกที่ทุกเวลา หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น “เดอะเกรย์แมน” ที่เทียบได้กับวินเทอร์โซลเยอร์ของรูสโซ่ ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิวหนังแอคชั่น “The Outpost” ชัยภูมิมรณะ เพราะสงครามไม่ใช่เรื่องที่สมควรมี!

หากกล่าวถถึงคำว่า “สงคราม” พวกเราหลายคนจะนึกถึงอะไรเป็นอย่างแรก ความรุนแรง การฆ่าฟันกันเองของมนุษย์ การสูญเสีย ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ แต่ไม่ว่าจะนึกถึงอะไรก็ขอให้รู้เอาไว้ว่า สงครามไม่เคยสร้างสรรค์แต่มันเป็นเหมือนกับระเบิดที่คอยล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้สลายหายไปจนหมดสิ้น ความจริงแล้วพวกเราไม่ควรจะทำสงครามแต่ควรหาทางเจรจาต่อรองกันอย่างสันติ แต่แน่นอนว่าความคิดของคนเราไม่ได้ตรงกันตลอด มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะทำให้ทุกคนคิดทำสงครามกัน เรื่องราวของหนัง “The Outpost” นี้เลือกที่จะเปิดหัวมาว่า “สร้างจากเรื่องจริง” ถือเป็นคำเรียกกระแสได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เรื่องราวความสยดสยองของโศกนาฏกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเหล่าทหารอเมริกาที่กำลังตกเป็นรองพวกกลุ่มก่อการร้ายตาลีบัน ซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้เป็นรองแค่เรื่องความเจนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเป็นรองเรื่องจำนวนคนอีกด้วยเพราะครั้งนี้ เหล่าทหารกล้าของสหรัฐ 54 นายต้องเผชิญกับเหล่าตาลีบันอุซเบกิซสถานถึง 400 กว่าคน อีกทั้งพื้นที่นี้ยังไม่เอื้อให้หลบหนี้ออกไปได้อีกด้วย ลักษณะการเป็นแอ่งกระทะที่รายล้อมด้วยภูเขาสูงทำให้เหล่าทหารไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการทำสงคราม คว้าชัยชนะที่ช่างดูริบหรี่เหลือเกิน และออกไปจากที่นี่ให้ได้! ส่วนตัวคิดว่าช่วงแรกของหนังเน้นหนักไปเรื่องรายละเอียดของเรื่องราวมาก รู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยให้อารมรณ์เหมือนดูสารคดีสงคราม แต่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้สร้างตั้งใจเพราะต้องการปูเรื่องราวให้เรามองภาพรวมทั้งหมดได้ และไม่งง พอช่วงหลังหนังเน้นความระห่ำทันที มีเท่าไรเขาใส่แบบไม่ยั้ง CG Visual Effect มีเท่าไรใส่มาหมด ให้ความอลังและเป็นช่วงที่บอกเลยว่ามันส์มาก ไม่มีสะดุดให้เคืองอารมณ์ ใครสายเสพหนังสงคราม ความดราม่าต่างๆตีโจทย์แตกละเอียด น้ำตานองกันไปตามกัน ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังเรื่อง “The Outpost” ประเภท : สงคราม แอคชั่น ผู้กำกับ : ร็อด ลูรี่ นักแสดงนำ : สก็อตต์ อีสต์วู้ด,ออร์แลนโด บลูม,ไมโล กิบสัน,เคเล็บ โจนส์ ความยาว : 2 ชั่วโมง 5 นาที กำหนดฉาย : 5 พฤศจิกายน 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น แนะนำหนังเก่าน่าดูในเน็ตฟิกอย่าง “โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet) ได้อีกที่ filmograd.net

“เดอะเกรย์แมน” ที่เทียบได้กับวินเทอร์โซลเยอร์ของรูสโซ่

อาจเป็นภาพยนตร์ที่เปลี่ยนโฉมของแพลตฟอร์มเน็ตฟลิกซ์ก็ว่าได้ เมื่อทางผู้กำกับอย่างพี่น้องรูสโซ่ได้ออกมาพูดถึงภาพยนตร์ใหม่ของพวกเขาอย่าง เดอะเกรย์แมน ที่จะได้รับการเข้าฉายผ่านสตรีมมิ่งชื่อดังว่ามีความใกล้เคียงกับภาพยนตร์เรื่องกัปตันอเมริกาภาควินเทอร์โซลเยอร์อย่างมาก ซึ่งทั้งสองคนกลายเป็นผู้กำกับที่ชื่อเสียงนับตั้งแต่ปล่อยผลงานแรกออกมากับมาร์เวลจนกระทั่งได้รับหน้าที่ในการทำภาพยนตร์เรื่องใหญ่ของค่ายอย่างซีวิลวอร์และอเวนเจอร์ อินฟินิตี้วอร์กับเอนด์เกมเพื่อปิดตำนานในเฟสสามอีกด้วย “เดอะเกรย์แมน” ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของสองพี่น้องตระกูลรูสโซ่ ส่วนภาพยนตร์เรื่องเดอะเกรย์แมนนั้นก็จะได้ชายที่ได้รับบทในกัปตันอเมริกาอย่างคริส อีแวนส์ที่จะได้รับบทเด่นคู่กับไรอัน กอสลิ่งในเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากนิยายที่เขียนโดยมาร์ก กรีนนีย์ที่เกี่ยวข้องกับนักฆ่าอิสระที่ทางอีแวนส์เป็นคนแสดงประกบกับอดีตสายลับซีไอเออย่างคอร์ท เกนทรี ซึ่งทั้งสองจะต้องคอยหนีการตามล่าของหน่วยซีไอเออีกคนอย่างลอยด์ ฮานเซน โดยที่ทางเน็ตฟลิกซ์หวังว่าตัวภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จจนทำภาคต่อออกมาได้ในอนาคตเหมือนกับแฟรนไชส์ดังอย่างสายลับ 007 นั่นเอง หลังจากที่ทางพี่น้องตระกูลรูสโซ่ได้ออกมาเจอกับสื่อในงานซีซีเอกซ์พีนี้เอง จึงทำให้พวกเขาได้พูดถึงผลงานเรื่องล่าสุดอย่างเดอะเกรย์แมนและโอกาสที่จะได้ทำภาคต่อจากตัวละครต่างๆ ในเรื่อง ซึ่งจะมีอารมณ์คล้ายกับเรื่องวินเทอร์โซลเยอร์ที่มีต่อยอดตัวละครอย่างทีชาล่าหรือแบล็คแพนเธอร์ออกไปนั่นเอง โดยสองพี่น้องได้สัมภาษณ์ไว้ว่า เรื่องเกรย์แมนจะเป็นภาพยนตร์สายลับและจะมีความใกล้เคียงกับเรื่องกัปตันอเมริกาในอดีตตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่รวมถึงการเจาะข้อมูลผ่านเครือข่ายต่างๆ อีกด้วย ต้องยอมรับว่าเดอะเกรย์แมนกำลังจะเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่ฉายผ่านทางเน็ตฟลิกซ์หลังจากที่พวกเขาลงทุนไปมากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อดึงตัวนักแสดงและทีมงานต่างๆ เพื่อผลิตภาพยนตร์ที่ทางผู้กำกับกล้าออกมายืนยันว่าแฟนๆ ของเรื่องวินเทอร์โซลเยอร์จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น แนะนำหนังเก่าน่าดูในเน็ตฟิกอย่าง “โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet) ได้อีกที่ filmograd.net

แนะนำหนังเก่าน่าดูในเน็ตฟิกอย่าง “โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet)

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินหนังที่ชื่อเรื่องว่า โรมิโอ + จูเลียต (Romeo and Juliet) มาเป็นเวลาอย่างยาวนานเพราะนี้คือหนังรักในตำนานที่ไม่มีวันตาย เป็นหนังที่ควรค่าแก่การรับชมเป็นอย่างมาก เพราะมันสะท้อนให้เห็นภาพรวมในสังคมได้อย่างชัดเจน และที่ยิ่งน่าสนใจไปกว่านั้นคือ เขียนบทโดย วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) นักกวีชื่อดังที่ได้รับฉายาว่า  (จอมกวี) ที่มีวาทศิลป์ที่งดงามและลึกซึ้ง พาทุกคนย้อนไปดูหนังเก่ากับเรื่อง”โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet) หนังเรื่องนี้นั้นมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครตรงที่ว่า ทั้งเรื่องจะไม่มีภาษาพูดเลย จะมีแต่ถ้อยคำที่เป็นกวีโดย วิลเลียม เชกสเปียร์ เป็นคนแต่งขึ้นมา ถ้าเปรียบเทียบในแบบไทยก็คล้าย ๆ กับบทกวีของท่านสุนทรภูนั่นเอง แต่หนังเรื่องนี้จะเป็นเวอร์ชั่นแบบบทกวีภาษาอังกฤษ ผู้ชมอาจจะต้องใช้วิจารณญาณเล็กน้อยเพราะว่าเขาไม่ได้ใช้ภาษาพูดทั่วไป ขนาดซับไตเติ้ลยังแปลเป็นบทกลอนของ วิลเลียม เชกสเปียร์ เพื่ออรรถรสในการรับชม มีให้รับชมในเน็ตฟิก (Netflix) แล้วนะ นักแสดงหลัก ๆ ก็มี ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ Leonardo DiCaprio รับบทเป็น Romeo Montague (โรมิโอ มอนตะคิว)ช่างเป็นบุญตามากเพราะอยู่ในช่วงที่ลิโอนาร์โดยังเป็นวัยเยาว์อยู่และคนต่อมาคือ แคลร์ แคเทอรีน เดนส์ Claire Catherine Danes แสดงเป็น  Juliet Cabulet (จูเลียต คาปุเล็ต) สาวสวยที่แสดงเป็นตัวเอกในหนังเรื่องนี้นั้นเอง ทั้งคู่แสดงได้อารมณ์มาก ๆ ไม่แปลกเลยว่าทำไมถึงเป็นมืออาชีพขนาดนี้ หนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ครบรสเกี่ยวกับเรื่องความรัก มีต้นต่อและมีเรื่องราว เราจะขอเล่าเรื่องย่อคร่าว ๆ ที่เกี่ยวข้องภายในหนังนะคะ 2 ตระกูลนี้นั้นไม่ถูกกันมาเนินนานแล้ว มีเรื่องทะเลาะกันโดยตลอดโดยไม่มีท่าทีที่จะยุติได้เลย วันหนึ่งโรมิโอได้แอบเข้าไปในงานเต้นรำของฝั่งทางคาปุเล็ตแบบเล่น ๆ และบังเอิญไปเจอลูกสาวของตระกุลคาปุเล็ต โดยที่ตนนั้นยังไม่ทราบว่านั้นคือลูกสาวของตระกูลคู่รักคู่แค้นของตน หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “จอห์น ซีน่า” ที่ต้องกินเอ็มพานาดาสถึง 31 ชิ้นในฉากเดียว ได้อีกที่ filmograd.net

“จอห์น ซีน่า” ที่ต้องกินเอ็มพานาดาสถึง 31 ชิ้นในฉากเดียว

เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดไม่น้อย เมื่อทาง จอห์น ซีน่า จะต้องกินเอ็มพานาดามากกว่า 31 ชิ้นเพื่อแสดงในฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องซูอิไซสควอดที่กำกับโดยเจมส์ กันน์ โดยภาพยนตร์ที่รวมเหล่าตัวร้ายในจักรวาลซีดีนั้นจะต้องมาเจอภารกิจอย่างทาสต์ฟอร์ซเอกซ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำลายห้องทดลองในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองของพรรคนาซี นอกจากนี้ยังจะมีตัวละครเก่ากลับมารับบทเดิมอย่างมาร์กอต ร็อบบี้ในบทบาทของฮารลี่ ควินน์หรือจะเป็นทางวิโอลา ดาวิสที่รับบทอมานด้า ดาวิส รวมถึงตัวละครใหม่อย่างพีซเมเกอร์อีกด้วย “จอห์น ซีน่า” หลังจากที่ทางจอห์น ซีน่าได้ให้สัมภาษณ์กับทางซีซีเอกซ์พีในช่วงต้นเดือนนั้น เขาก็ไม่ได้เปิดเผยว่าตัวละครพีซเมเกอร์จะมีบทบาทอย่างไรบ้าง โดยบางฉากก็มีความลำบากสำหรับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งในฉากหนึ่งที่อดีตนักมวยปล้ำชื่อดังจะต้องร้องขอชีวิตเลยทีเดียวก็คือการกินเอ็มพานาดาเพียงหนึ่งชิ้น แต่ทว่าทางเจมส์ กันน์กลับยังไม่ชอบการถ่ายทำนี้ทำให้ต้องมีการถ่ายใหม่อยู่ตลอดจนกระทั่งจบลงที่การกินไปมากถึง 31 ชิ้นเลยทีเดียว โดยทางจอห์น ซีน่าได้เปิดเผยถึงฉากอันน่าจดจำของเขานั้นว่า ทีมงานได้ไปถ่ายทำที่ด่านฟ้าที่เป็นจุดทานอาหารของกองถ่ายพอดี โดยในฉากนั้นตัวเขาจะต้องกินขนมเข้าไปเพียงหนึ่งชิ้น ก่อนที่ตัวเขาจะเริ่มถ่ายภาพยนตร์ไปจนไม่รู้จบเพราะทางผู้กำกับอย่างเจมส์ กันน์ก็ยังต้องการภาพมากกว่านี้ โดยสุดท้ายตัวเขาต้องกินขนมไป 31 ชิ้นพร้อมกับเล่นมุกตลกอีกว่า หากต้องกินถึง 32 ชิ้นเขาอาจจะอาเจียนออกมาอย่างแน่นอน ก่อนที่สุดท้ายจะต้องไปปลดกางเกงออกเพื่อลดอาการแน่นท้องไปอย่างน่าสงสาร แม้ว่าเรื่องราวของจอห์น ซีน่ากับขนมเอ็มพานาดาจะดูน่าอึดอัดแทนก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็ได้รับบทเด่นเป็นพีซเมเกอร์ในภาพยนตร์เรื่องซูอิไซส์สควอทที่กำกับโดยเจมส์ กันน์ โดยตัวเรื่องราวของเหล่าตัวร้ายนี้จะเข้าสู่โรงภาพยนตร์ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2021 และจะเข้าฉายพร้อมกับแพลตฟรอ์มออนไลน์อย่างเอชบีโอแมกซ์อีกด้วย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น ประกาศแล้ว! “Black Panther” คนใหม่ของเรื่อง คือชูรี่น้องสาวของทีชาล่า ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณการสนับสนุนจาก Ufa369 ที่รวบรวมข้อมูลดีๆในวงการภาพยนตร์ หรือซีรี่ย์ต่างๆ มาให้เราได้แบ่งปันกันอย่างครบถ้วน