“Contagion” ภาพยนตร์ภาคต่อจากคนเขียนและผู้กำกับชุดเดิม

ย้อนกลับไปในปี 2011 Steven Soderbergh ได้ฝากผลงานภาพยนตร์ไว้ในชื่อเรื่อง Contagion ที่เล่าถึงการโรคประหลาดที่คร่าชีวิตคน และในปี 2020Contagionกลายเป็นหนังที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดส่วนหนึ่งมาจากการที่ไวรัสโควิด – 19 ระบาดไปทั่วโลก และล่าสุดทาง Steven Soderbergh ที่มีผลงานชื่อดังอย่าง Ocean Eleven ระหว่างปี 2001 – 2007 ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าตอนนี้กำลังหารือในการสร้างภาคต่อของ Contagion อยู่ เตรียมตัวกันให้พร้อมกับภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง “Contagion” ทาง Steven Soderbergh จะกลับมาจับมือกับ Scott Z.Burns มือเขียนบทชื่อดังจากต้นฉบับดั้งเดิมที่ทำให้ทั้งคู่สร้างชื่อกันมาแล้วในContagionเมื่อปี 2011 และในครั้งนี้ เว็บรีวิวหนัง Steven Soderbergh ให้สัมภาษณ์ในรายการ Podcast Happy Sad Confuse ว่า “ผมกับ Scott กำลังวางแผนโปรเจ็กท์หนังภาคต่อในเชิงปรัชญาของContagionแต่ในบริบทที่ต่างจากเดิม “คนตัดคน” ขุดหนังเก่าดีๆมารีวิวกันกับการเปิดตำนานเซียนไพ่ ผมเลยได้มีการคุยกับ Scott ว่าภาคต่อไปของContagionจะเป็นอย่างไรดี ซึ่งตอนนี้พวกเราต้องรีบจัดการอะไรบางอย่างกับมันแล้ว”  สำหรับContagionภาคแรกจะเล่าถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่กลับมาจากฮ่องกงและเกิดติดเชื้อกะทันหัน จากนั้นในอีก 2 วันเธอก็ได้เสียชีวิตลง ทำให้สามีของเธอเสียใจเป็นอย่างมาก จากนั้นไม่นานคนที่อยู่รอบข้างก็เกิดอาการชักอย่างรุนแรง เลือดคั่งในสมอง ทำให้ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาต้องระดมทีมแพทย์เพื่อจัดการเชื้อไวรัสตัวนี้ ในขณะที่ไวรัสก็ได้มีการกลายพันธุ์เพื่อเอาตัวรอดจากการที่ถูกมนุษย์จัดการ แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็ได้ปิดบังสาเหตุที่แท้จริงของการระบาดในครั้งนี้ และนั่นทำให้เหตุการณ์ลุกลามไปอย่างน่ากลัว และยิ่งกว่าการระบาดของไวรัสContagionในภาคแรกได้มีนักแสดงชื่อดังอย่าง Matt Damon, Jude Law, Kate Winslet และ Gwyneth Paltrow และอีกมากมายซึ่งแต่ละคนก็ถือว่าเป็นนักแสดงระดับพระกาฬที่มีรางวัลติดตัว และสำหรับContagionในตอนนั้นมีทุนสร้างอยู่ที่ 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่กวาดรายได้ไปทั่วโลกถึง 136 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งต้องชมเชยในตัวของ joker777 Scott ซึ่งได้เข้าไปคลุกคลีกับคุณหมอ W.Lan Lipkin ที่เชี่ยวชาญในเรื่องของโรคระบาด ในตอนนี้ต้องรอติดตามข่าวกันต่อไปว่า Steven Soderbergh จะมีความคืบหน้าในเรื่องนี้ออกมาอีกเมื่อไหร่

Wonder Woman1984 กับการเปิดข้อข้องใจว่าทำไมถึงไม่มีโล่กับดาบ

ใครที่เป็นแฟนของตัวละครดีซีอย่าง Wonder Woman1984 คงจะจำได้กับการเปิดตัวเธอครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Superman VS. Batman ในปี 2016 ลากยาวมาถึงภาพยนตร์เรื่องเดี่ยว Wonder Woman ในปี 2017 จนตามมาด้วย Justice League ในปี 2017 เช่นเดียว ทุกคนจะเห็นภาพของบ Wonder Woman มาพร้อมกับอาวุธคู่ใจอย่างดาบกับโล่ที่ใช้ฟาดฟันศัตรู แต่ในภาพล่าสุดกับ Wonder Woman 1984 ที่กำลังภายอยู่เธอกลับเปลี่ยนมาใช้แส้ทองคำแทน ท่ามกลางความงุนงงของแฟนๆ ภาพยนตร์  รู้หรือไม่? ทำไมใน Wonder Woman1984 จึงไม่มีโล่กับดาบ ล่าสุด กัล กาด็อต ดาราสาวที่รับบทเป็น Wonder Woman 1984 เว็บรีวิวหนัง ออกมาเปิดเผยในเรื่องนี้ว่า “เหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้ Wonder Woman ในภาคนี้ไม่ใช้ดาบกับโล่ World War Z สงครามซอมบี้กับการแก้ไขภาพยนต์ที่เสร็จแล้วเกือบครึ่ง ส่วนหนึ่งมาจากการที่ ไดอานา ได้ลดบทบาทจากนักสู้กลายมาเป็นผู้พิทักษ์สันติภาพแทน และการที่ Wonder Woman ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมมนุษย์ทำให้เธอได้เรียนรู้ว่ามนุษย์เองก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป และเมื่อ Wonder Woman ได้เห็นถึงด้านดีของมนุษย์เธอจึงได้วางดาบกับโล่ พร้อมเปลี่ยนมาใช้แส้ทองคำในการปกป้องดูแล และจัดการกับสิ่งร้ายๆ รวมถึงอุทิศทุกอย่างเพื่อนำความดีมาสู่มนุษยชาติ”  จากเหตุผลที่ กัล กาด็อต กล่าวว่าสิ่งนั้นทำให้ภาพลักษณ์ของ Wonder Woman ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะภาพลักษณ์ของเธอที่ปรากฎในภาพยนตร์ Wonder Woman ถูกวางให้เป็นนักรบของชนเผ่าอะเมซอน ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์ของเธอที่ปรากฎในเวอร์ชั่น Comic ที่ Wonder Woman เปรียบเสมือนกับทูตสันติภาพที่คอยแก้ไขปัญหาให้กับมนุษย์โลก ซึ่งในจุดนี้นั้น แพตตี้ เจนกินส์ ผู้กำกับได้มองว่าต้องการจะปรับให้ทั้งเวอร์ชั่นภาพยนตร์และ Comic ไปในทิศทางเดียวกัน และสิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือในภาพยนตร์ Wonder Woman จะต้องไม่มีใครตาย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เธอวางดาบกับโล่แล้วมาใช้แส้ทองคำแทน แต่ก็ใช่ว่าการที่ Wonder Woman มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการต่อสู้จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากทุกคน ยังมีแฟนๆ ภาพยนตร์อีกมากที่ไม่พอใจกับหนังที่มีฉากแอคชั่นน้อยจนเกินไป แต่ 7SlotVip ทางเจนกิสน์ได้ยืนยันแล้วว่าจะเดินหน้าทำให้ภาพยนตร์เป็นแนวนี้ต่อไป ซึ่งนั่นก็ทำให้แฟนๆ ส่วนมากพอจะเดาออกว่าในภาคที่ 3 จะออกมาแนวไหน 

World War Z สงครามซอมบี้กับการแก้ไขภาพยนต์ที่เสร็จแล้วเกือบครึ่ง

ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีสยองขวัญ เป็นภาพยนตร์แนวที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ภาพยนตร์แนว ๆ ในโลกของภาพยนตร์ และในภาพยนตร์แนวสยองขวัญ อีกหนึ่งแนวภาพยนตร์ที่เป็นที่ชื่นชอบและมีแฟน ๆ ติดตามกันอยู่เสมอนั้นก็คือภาพยนตร์แนว “ซอมบี้” มนุษย์ที่ตายไปแล้ว แต่ยังมีการเคลื่อนไหว และกระหายต่ออาหารออกล่ามนุษย์มาเป็นเยื่อ และใครก็ตามที่ถูกมันกัด ข่วนเข้า มันก็จะแพร่กระจายเชื้อซอมบี้ใหกับคนที่ถูกกัด ข่วน นั้นเอง โดยหนึ่งในภาพยนตร์แนวซอมบี้ที่ได้รับความชื่นชอบ และชื่นชมมากนั้นก็คือ “World War Z” (มหาวิบัติสงครามZ) “World War Z“ (มหาวิบัติสงครามZ) ภาพยนตร์แนวลึกลับสยองขวัญที่ผสมแนววิทยาศาสตร์แบบลงตัว ภาพยนตร์เรื่องWorld War Zเป็น เว็บรีวิวหนัง ภาพยนตร์แนวลึกลับสยองขวัญผสมวิทยาศาสตร์ และความตื้นเต้นผจญภัยได้อย่างลงตัว จากประเทศสหรัฐอเมริกา กำกับการแสดงโดย มาร์ก ฟอร์สเตอร์ อำนวยการสร้างและนำแสดงโดย แบรด พิตต์ พระเอกชื่อดังจากฮอลิวู้ด “Gate” หน่วยรบตะลุยโลกต่างมิติ นิยายแฟนตาซีแนวกองทัพสมัยใหม่บุกต่างโลก ออกฉายครั้งแรกในวันที่ 2 มิถุนายน 2556 ทุนสร้างอยู่ที่ 190ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ทำรายได้ไปมากถึง 540 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งสิ่งที่แฟน ๆ อาจไม่ทราบก็คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาจากบริษัทของประเทศเยอรมัน และได้ทุนจากบริษัท พาราเมาส์พิคเจอร์ ซึ่งเรื่องราวจะกล่าวถึง เจอร์รี่ เลน อดีตเจ้าหน้าที่สืบสวนเกี่ยวกับโรคระบาดขององค์กรสหประชาชาติและครอบครัว กลับมาพบเจอเรื่องราวสยองขวัญ เมื่อมีซอมบี้ออกอาละวาดกลางเมืองฟิลาเดลเฟีย ทำให้เขาต้องใช้ทักษะความรู้ที่มีอยู่พาครอบครัวหนีเอาชีวิตรอดไปให้ได้ท่ามกลางเหล่าซอมบี้ที่วิ่งไล่กัดคนด้วยความรวดเร็วแบบนักวิ่งสี่คูณร้อย และพลังกำลังที่เหนือกว่ามนุษย์ปกติ ซึ่งด้วยเส้นสายที่เขามีทำให้เขาสามารถขอความช่วยเหลือจากเพื่อนในกองทัพพาครอบครัวหนีมาได้ หากแต่ต้องแลกมาด้วยการที่จะต้องกลับไปทำหน้าที่สืบสวนหาสาเหตุการเกิดโรคซอมบี้แพร่ระบาดนี้ และหาทางกำจัดโรคนี้ออกไป ซึ่งสำหรับท่านที่ได้ชมภาพยนตร์แล้ว ก็น่าจะพอทราบว่า เมื่อพระเอกได้ขึ้นบินจากเยรูซาเร็มไปแล้ว ตัวภาพยนตร์ก็เปลี่ยนแนวจากการหนีเอาชีวิตรอดในเมืองใหญ่ กลายเป็นการผจญภัยในห้องแลปวิทยาศาตร์แห่งหนึ่ง เพื่อหาวิธีสู้กับเชื้อไวรัสดังกล่าวด้วยวิธีที่ชาญฉลาด อย่างการทำให้ซอมบี้คิดว่าคนนั้นติดเชื้อโรคร้ายจนมันไม่สนใจ หากแต่ในความจริงแล้วในการถ่ายทำและตัดต่อเสร็จ เนื้อเรื่องไม่ใช่แบบนั้นเลย แต่เนื้อเรื่องกลายเป็นว่าพระเอกจับพลัดจับพลูไปเป็นผู้นำทัพต่อสู้กับเหล่าซอมบี้กลายเป็นสงครามใหญ่ ภาพสวย หากแต่เนื้อหากลับออกทะเล และทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์ฟันธงตรงกันว่า แม้จะดูสงครามเวอร์วังสมชื่อ แต่ดันเนื้อหาห่วยลงมาก ไม่เป็นไปในเส้นทางเดียวกัน ในฐานะ gclub1688 พระเอกที่เป็นนักสืบสวน จนสุดท้ายก็มีการลงทุนตัดเนื้อหาหลังออกไปเกือบครึ่ง และถ่ายทำใหม่ ถึงหนึ่งในสามของภาพยนตร์ที่เคยถ่ายทำไว้ เปลี่ยนใหม่มาเป็นการสืบสวนและหาความลับและจุดอ่อนของเชื้อไวรัสซอมบี้ได้สำเร็จ และการค้นพบของพระเอก ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในสงครามระหว่างมนุษย์กับซอมบี้ในครั้งนี้แทน ซึ่งทำให้แฟน ๆ จดจำภาพยนต์เรื่องนี้ได้ และชื่นชอบกันมาก

“คนตัดคน” ขุดหนังเก่าดีๆมารีวิวกันกับการเปิดตำนานเซียนไพ่

สำหรับแฟนๆที่ชอบชมภาพยนตร์จากเกาะฮ่องกง ซึ่งช่วงดังกล่าวมีภาพยนตร์ดีๆจากเกาะฮ่องกงให้เราได้ตีตั๋วเข้าไปชมกันมากมาย และหนึ่งแนวภาพยนตร์ที่ครองใจแฟน ๆ ในช่วงเวลานั้นนั่นก็คือภาพยนตร์แนวเซียนไพ่หรือนักพนันที่ชื่อว่า “คนตัดคน” โดยผู้ที่มารับบทเซียนไพ่อันดับหนึ่งนั่นก็คือ “โจวเหวินฟะ” สุดยอดพระเอกชื่อดัง ห่ง TVB ในอดีตนั้นเอง เรื่องราวของ “คนตัดคน” ภาคแรก เรื่องราวของคนตัดคนในภาคแรกซึ่งเป็นภาคที่คนชอบมากที่สุดก็ว่าได้จะกล่าวถึง เว็บรีวิวหนัง อาเต๋านักเลงหัวไม้ เกกมะเหรกเกเรแห่งเกาะฮ่องกง ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะดี “สปายส์คิด” (Spy Kids) สายลับรุ่นใหญ่หลบไป ในเมื่อโลกมีสายลับรุ่นใหม่แล้ว มักจะมีเรื่องทะเลาะเบาะไว้กับเศรษฐีชาวอินเดียคนหนึ่งที่ชอบจูงสุนัขเดินเล่นอยู่เสมอ ๆ  ในขณะที่อาเต๋าเขาใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยของตนเองอยู่นั้นมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นบนส่วนหนึ่งของเกาะฮ่องกง เมื่อโคตรเซียนเกาจิ้งเซียนพนันอันดับ 1 แห่งเกาะฮ่องกง ซึ่งเป็นตัวเอกของ “คนตัดคน” ถูกเชิญมาเล่นพนันการกุศล แน่นอนการพนันจบลงตรงที่เขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้คว้าเงินรางวัลไปหลายล้าน แน่นอนว่าเมื่อแพ้ในโต๊ะพนัน การเล่นนอกเกมก็เริ่มต้นขึ้น คู่แข่งของเขาได้ส่งคนมาลอบสังหารระหว่างเดินทางกลับ แต่ได้บอดี้การ์ดเซียนพนันคนนี้จัดการเหล่านักฆ่าที่ถูกส่งมาไปจนหมด แต่เกาจิ้งกลับเกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางกลับเสียเอง และกลายเป็นคนความจำเสื่อมจำอะไรไม่ค่อยจะได้ โชคดีที่อาเต๋าได้เดินผ่านมาและพาเขาไปเลี้ยงดูไว้ที่บ้าน ในขณะที่ในบ้านพักของเกาจิ้งก็ถูกลอบโจมตีส่วนภรรยาของเขาก็ถูกคนสนิทที่เขาไว้ใจฆ่าตายเสียชีวิตไปในกองไฟ และอาเต๋าที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชายปัญญาอ่อนที่ความจำเสื่อมก็ทำได้ เพียงจะพาชายความจำเสื่อมคนนั้นไปเล่นพนันที่บ่อนใกล้บ้านเผื่อคำว่าจะโชคดีบ้าง แต่เขากลับค้นพบว่าชายความจำเสื่อมที่เขาช่วยมากลับดันมีฝีมือในการพนันซ่อนอยู่ และสามารถเอาชนะเจ้ามือในวันดังกล่าวได้ ยังไม่ทันที่อาเต๋าของเราจะได้ค้นพบความจริง มือสังหารก็ตามมาทำให้พวกเขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนกันอีกเรื่องราวที่กล่าวมานั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานโคตรเซียนเกาจิ้งรวมทั้งภาพยนตร์คนตัดคนที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ gclub casino ราชาการพนัน ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักชมภาพยนตร์ทั้งหลาย มาจนถึงปัจจุบันท่านใด อยากติดตามต่อไปว่าเรื่องราวเกาจิ้งและอาเต๋า จะจบลงเช่นใดในคนตัดคนภาคแรก ก็ขอให้ท่านไปติดตามชมกันต่อได้ในคนตัดคน ภาค 1

“สปายส์คิด” (Spy Kids) สายลับรุ่นใหญ่หลบไป ในเมื่อโลกมีสายลับรุ่นใหม่แล้ว

สำหรับแฟน ๆ ภาพยนตร์แนวสายลับสืบสวนสอบสวน ก็น่าจะรู้จักกันดีถึงสุดยอดสายลับที่มีชื่อเสียงที่ เอียน เฟลมมิง แต่ขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 และมีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วหลายภาค หากแต่ถ้าคุณเริ่มเบื่อกับหนังชุดเจมส์บอร์ดกันแล้ว เราขอแนะนำอีกหนึ่งภาพยนตร์แนวสายลับที่มาให้ท่านได้สนุกกันนั้นก็คือ “สปายส์คิด” (Spy Kids) สุดยอดภาพยนตร์จากทางฮอลิวู้ด ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อ 19 ปี ที่ผ่านมาภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เคยมาเขย่าวงการภาพยนตร์ของโลกมาแล้วกับเหล่าสปายส์คิดสายลับเด็กผู้มากความสามารถ “สปายส์คิด” (Spy Kids) กับสายลับรุ่นเด็กผู้มากความสามารถ สปายส์คิดSpy Kids เป็น เว็บรีวิวหนัง ภาพยนตร์ที่มีชื่อไทยว่า “พยัคฆ์จิ๋วไฮเทคผ่าโลก” เป็นภาพยนตร์ไซไฟ แฟนตาซีและครอบครัว ที่สร้างโดย “Tale from the Crypt” (season1) ความสยองขวัญปนตลกร้าย ที่กระชับและชัดเจน บริษัท Troublemaker Studios และ Dimension Films อำนวยการสร้างโดย Robert Rodriguez นอกจากนี้เขายังได้ลงมาทำหน้าที่กำกับการแสดงกับผู้กำกับอีกคนนั้นก็คือ Elizabeth Avellán นำแสดงโดย Alexa Vega และ Daryl Sabara สองนักแสดงเด็กที่สามารถดึงให้คนดูติดขอบจอภาพยนตร์ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องราว โดยเรื่องราวของ Spy Kids จะบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่งที่มี พ่อกับแม่ และลูกสาว ลูกชาย รวม 4 คน ซึ่งคนเป็นพ่อกับแม่มักจะเล่านิทานก่อนนอนให้พี่สาวและน้องชายฟังถึงเรื่องราวของสายลับหนุ่มและสายคู่หนึ่ง ซึ่งทั้งสองมาจากสององค์กรที่เป็นศัตรูกัน และมักจะต่อสู้แข่งขันกันเสมอ จนพัฒนามาเป็นความรักและตัดสินใจวางมือจากการเป็นสายลับมาสร้างครอบครัวด้วยกัน ซึ่งภาพลักษณ์ของคุณพ่อที่พวกเขาเห็นมาตอลดนั้นก็คือชายคนซื่อที่มักไม่ยอมสู้คนแม้แต่ผู้ปกครองของเพื่อนที่โรงเรียนที่มักจะมาหาเรื่องเขา จนมาวันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อในคืนวันหนึ่งที่พวกเขาต้องอยู่กับคุณลุง “ฟิลิป” แทน พ่อกับแม่ที่มีธุระด่วน บ้านของพวกเขากลับถูกโจมตีโดยทหารหุ่นยนต์ลึกลับ ทำให้คุณลุงต้องบอกความจริงกับทั้งสองว่า แท้ที่จริงแล้วนิทานที่พวกเขาฟังนั้นคือเรื่องราวของพ่อกับแม่พวกเขาซึ่งเป็นสายลับที่วางมือมาเลี้ยงดูลูก แต่องค์กรได้เรียกตัวพวกเขาไปปฏิบัติภารกิจที่สำคัญและทั้งสองก็ได้หายตัวไปในระหว่างการปฏิบัติงาน จากนั้นคุณลุงก็ได้ส่งทั้งสองคนนั่งเรือดำน้ำฉุกเฉินหนีไปยังเซฟ เฮ้าส์แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์สายเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ถูกเก็บเอาไว้ และเมื่อไม่มีทางเลือกทั้งสองพี่น้องจึงตัดสินใจใช้อุปกรณ์สายลับที่มีติดตามหาครอบครัวของพวกเขากลับคืนมา และนี้เป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์สปายส์คิด(Spy Kids) ,Spy Kids 2001 ประสบความสำเร็จในแง่รายได้อย่างงดงามเพราะลงทุนไป 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ sa gaming 1688 ได้รายได้กลับมา 147.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีภาค ต่อรวมภาคแรกไปมากถึง 4 ภาคด้วยกัน จึงเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แนวสายลับที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดีที่เราอย่างให้ท่านได้ชม

“Gate” หน่วยรบตะลุยโลกต่างมิติ นิยายแฟนตาซีแนวกองทัพสมัยใหม่บุกต่างโลก

นิยายหรือวรรณกรรมยังเป็นสื่อบันเทิงที่ให้สุขกับผู้อ่านผ่านตัวอักษรและนิยมมาตลอดหลายยุคสมัย แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆด้านสื่อบันเทิงออกมา แต่นิยายก็ยังคงเป็นสื่อที่มีแฟนๆนิยมกันอยู่ตลอด โดยหนึ่งในนิยายแฟนตาซีสมัยใหม่จากประเทศญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จมากจนถึงขั้นถูกนำมาสร้างเป็น หนังสือการ์ตูน และอนิเมะมาแล้ว นั้นก็คือนิยายที่ชื่อ “หน่วยรบตะลุยโลกต่างมิติ” หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า “Gate Jieitai Kanochi Nite Kaku Tatakaeri” ที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า “Gate” ถือเป็นอีกหนึ่ง  อนิเมะชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมพอสมควร  “Gate” อนิเมะเกี่ยวกับกองทัพชื่อดังอีกหนึ่งเรื่องจากญี่ปุ่น นิยายเรื่องนี้แต่งโดย “ทาคูมิยะ ไน” ซึ่งว่ากันว่า เว็บรีวิวหนัง ผู้แต่งเคยรับราชการอยู่ในหน่วยงาน “กองกำลังป้องกันตนเอง” ของประเทศญี่ปุ่น หรือ JSDF จึงทำให้การแต่งนิยายถึงขั้นตอนกลยุทธ์ที่หน่วยงานกองกำลังป้องกันตนเองจะตอบสนองเมื่อเกิดภัยพิบัติหรือกลยุทธ์ในการรบแบบสมัยใหม่นั้นสมจริงเป็นอย่างมาก “เล็กเซียวหงส์” สุดยอดนักสืบในนิยายกำลังภายในจากปลายปากกา “โกวเล้ง” โดยนิยายเรื่องนี้จะเปิดฉากเริ่มต้นที่ “โยจิ อิตามิ” พระเอกของเรื่องที่เป็นเจ้าหน้าที่ของ JSDF แต่กลับมีนิสัยที่เอื่อยเฉื่อยและไม่กระตือรือล้นในการรับราชการสักเท่าไหร่ โดยเขามีงานอดิเรกคือการสะสมหนังสือการ์ตูนต่าง ๆ ในเช้าวันหนึ่งที่เขามีวันหยุดและกำลังจะเดินทางไปร่วมงานเทศกาลหนังสือการ์ตูนประจำปีของประเทศญี่ปุ่น อยู่ ๆ ก็ ปรากฏประตูใหญ่มหาศาลบานหนึ่งขึ้นกลางย่านกินซ่า จากนั้นเมื่อประตูเปิดออกกองทัพปริศนาที่เหมือนมาจากยุคโบราณในโลกแฟนตาซีที่มีแต่ในนิยายเท่านั้นกลับออกมากจากประตูดังกล่าวบุกเข้าโจมตีประชาชนในบริเวณนั้น แม้ว่าจะมีอาวุธโบราณแต่พวกเขามาพร้อมกองทัพสัตว์ประหลาดไม่ว่าจะนายทหารที่ขี่ไวเวิร์ดเป็นพาหนะ หรือมีทหารเป็นสัตว์ประหลาดต่าง ๆ ทำให้พระเอกนิยายของเราต้องกลับมาทำหน้าที่ช่วยปกป้องประชาชนและนำพาประชาชนเข้าไปหลบในที่ปลอดภัย และในเวลาต่อมาเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งตัวได้ ก็ได้ระดมกำลังตำรวจและกองกำลังป้องกันตนเองเข้ามาปราบปรามกองทัพเหล่านี้จนราบคาบ เพราะดาบ หอก ธนู จะสู้อาวุธปืนสมัยใหม่ได้อย่างไร เมื่อจัดการความวุ่นวายได้แล้วรัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ทำการส่งกองกำลังกลับไปสำรวจอีกฝั่งของบานประตู โดยอิตามิพระเอกนิยายของเราที่ไม่เคยอยากเลื่อนตำแหน่งก็ได้เลื่อนตำแหน่งเพราะความดีที่ช่วยประชาชนเอาไว้ แต่ปัญหาก็คือเขาเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังที่ถูกส่งออกไปอีกฝากหนึ่งของประตูเพื่อนำทีมออกสำรวจโลกแฟนตาซีที่อยู่อีกฝั่งด้วยนั่นเองซึ่งเนื้อเรื่องจริง ๆ ของนิยายเรื่องนี้เกือบทั้งหมดจะเกิดขึ้นในโลกแฟนตาซีที่พระเอกของเราได้ก้าวข้ามประตูไป เราจะได้พบกับ สล็อต1234 การพัฒนาปฏิสัมพันธ์ระหว่างฝั่งมนุษย์โลก และฝั่งต่างโลก ความต่างชั้นของฝั่งมนุษย์ใยดินแดนแฟนตาซีที่ยังหลงในความยิ่งใหญ่ของดาบและธนูของอัศวิน ที่ต้องมาถูกทำลายลงด้วยอาวุธปืน รถถัง เครื่องบินรบ ที่สยบได้แม้แต่ “มังกรไฟ” ในตำนานของพวกเขา โดยนิยายเรื่องนี้ได้ถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมชั่นเรื่องยาว 2 ภาคด้วยกันซึ่งสามารถดูได้ผ่าน Netflix แล้วในตอนนี้

“เล็กเซียวหงส์” สุดยอดนักสืบในนิยายกำลังภายในจากปลายปากกา “โกวเล้ง”

“โกวเล้ง” เป็นสุดยอดนักเขียนนิยายแนวกำลังภายในจีนโบราณเกิดในฮ่องกงที่เมื่อปี 1937 ก่อนจะย้ายมาทำการศึกษาจนจบคณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาต่างประเทศ แห่งมหาวิทยาลัยต้ากัง ในประเทศไต้หวัน โดยโกวเล้งถือว่ามีพรสวรรค์อย่างมากในฐานะนักแต่งนิยายแนวกำลังภายใน แต่เพราะปัญหาด้านการใช้ชีวิตรวมทั้งการติดเพื่อน และสุรา นารี ทำให้โกวเล้งไม่ค่อยจะมีทรัพย์สินมากนัก ดื่มนักจนมีคนเรียกว่า “ปีศาจสุรา” ทำให้เสียชีวิตไปในตนอายุเพียง 48 ปี นิยายยอดนักสืบจากผลงานของ “โกวเล้ง” นอกจาก เว็บรีวิวหนัง โกวเล้งจะได้สร้างสุดยอดสายลับจีนขึ้นมานั่นก็คือ “ชอลิ้วเฮียง” แล้ว เขายังสร้างสุดยอดนักสืบเป็นของตนเองนั่นก็คือ “เล็กเซียวหงส์” สมญานักสืบสี่คิ้ว ซึ่งในความจริงแล้วคิ้วที่ว่านั้นก็คือหนวดของเขานั่นเอง ในขณะที่ รีวิวหนัง “No Escape” (2020) หนังสยองขวัญ ลุ้นระทึก ที่ตกม้าตาย ชอลิ้วเฮียงถือเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามทรงเสน่ห์แสนสุภาพสุขุมนุ่มลึก แต่เล็กเซียวหงส์กลับออกแนวเสเพลดื่มเหล้าเมาสุรา แต่ก็น่าแปลกที่แม้จะดื่มสุราอยู่เป็นนิจแต่กลับมีวรยุทธ์สูงส่ง ซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่ถือได้ว่าโกวเล้งแต่งไว้ได้ดีนั่นก็คือ แม้ว่าเล็กเสี่ยวหงส์จะเป็นจอมยุทธระดับยอดฝีมือในนิยายเรื่องนี้แต่กลับไม่ใช่ผู้ที่มีฝีมือสูงที่สุด เพราะผู้ที่มีฝีมือสูงที่สุดที่เป็นพวกของเขาก็คือ “ไซมึ้งชวยเสาะ” มือกระบี่อันดับหนึ่งต่างหาก โดยเล็กเสี่ยวหงดูแล้วคล้ายกับซีรี่ส์แนวสืบสวนสอบสวนในยุคปัจจุบันอยู่มากพอสมควร เพราะตัวเองไม่ได้เก่งอยู่แต่คนเดียว แต่เมื่อใดก็ตามที่มีคดีเกิดขึ้นและเล็กเซียวหงส์จำเป็นต้องเข้าไปช่วยสืบเสาะหาความลับที่ซ่อนอยู่ เขาก็จะมีทีมงานคอยช่วยเหลือหลายคนไม่ว่าจะเป็น ฮวยมั่วเล้า ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ แต่น่าสงสารเพราะตาบอดแต่กลับมีสติปัญญาสูงเยี่ยม และมีทักษะอื่นๆที่เล็กเซียวหงส์ไม่มีมาคอยเติมเต็ม รวมทั้งเพื่อนฝูงที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไปเช่นบางคนก็เก่งในด้านสิ่งประดิษฐ์คิดค้นกลไกต่างๆ เป็นต้น โกวเล้งแต่งนิยายเรื่องนี้ออกมาได้สนุกสนานไม่แพ้ละครโทรทัศน์แนวสืบสวนสอบสวนของฝั่งตะวันตก sumoslot ในปัจจุบันเลยทีเดียวโดยนิยายจีนกำลังภายในที่รู้จักกันในชื่อเล็กเซียวหงส์นั้นแท้ที่จริง และชื่อดังกล่าวเป็นชื่อของตัวเอกของเรื่องแต่ชื่อนิยายจริงๆจะเป็นนิยายชุด “หงส์ผงาดฟ้า” โดยโกวเล้งได้แต่งแยกออกเป็น 7 ตอนด้วยกัน และแฟนนิยายกำลังภายในการยกย่องให้นิยายชุดนี้ถือเป็นนิยายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของโกวเล้งเลยทีเดียว อีกทั้ง ยังถูกซื้อลิขสิทธิ์นำไปสร้างเป็นละครและภาพยนตร์มาหลายครั้ง

“Tale from the Crypt” (season1) ความสยองขวัญปนตลกร้าย ที่กระชับและชัดเจน

ภาพยนตร์เรื่อง Tale from the Crypt กับตอนที่มีชื่อว่า “Dig That cat…He’s Real Gone” เป็นการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างมีความแปลกใหม่ในยุคนั้น  ซึ่งเปิดตัวด้วยตัวละครหลักจากเหตุการณ์ท้ายสุดมาเล่าสิ่งที่ตัวเองพบเจอ โดยดำเนินเหตุการณ์อย่างกระชับ รวดเร็ว  ไม่มีช่วงที่น่าเบื่อให้กวนใจ  และมีการแทรกอารมณ์ขันบางช่วง  ที่มีคำชื่นชมจากเหล่านักวิจารณ์ในยุคนั้นอย่างดี อัตราควาสะเด่า เนื้อหา           5/5 ระทึกใจ         4/5 บทสรุป       5/5 เรื่องราวในหภาพยนตร์เรื่อง Tale from the Crypt ตอน Dig That cat…He’s RealGone เนื้อหาหลักของTale from the Cryptในตอนที่มีชื่อว่า Dig That cat…He’s RealGone เว็บรีวิวหนัง กล่าวถึง “อูลริก” หนุ่มขี้เมาไปวันๆที่ได้รับโอกาสTale from the Crypt “And All Through the House” กับความระทึกขวัญที่ไหลลื่น ซึ่งเป็นโอกาสในชีวิตในการรับเชิญให้เป็นหนึ่งในการทดลองบางอย่างของ ดร.เอเมิลแมนเฟรดซึ่งได้ปลูกถ่ายเซลล์แมวไปยังตัวอุลริคให้มีร่างกายเสมือนแมวเก้าชีวิตที่สามารถตายได้เก้าครั้ง ต่อมาเขาทั้งสองได้ร่วมกับเจ้าของการแสดงโชว์พิสดาร ในโชว์ความสามารถพิเศษในการตายแล้วฟื้นสุดแปลกประหลาดที่นำมาซึ่งความร่ำรวยและเหตุการณ์ที่เขาจะต้องจดจำตลอดชีวิต ในตอนนี้เป็นตอนที่ให้ความครบรสอีกตอนหนึ่งของซีซั่นนี้  โดยคอนเซ็ปต์ที่นำเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อมาดัดแปลงให้เข้ากับความโลภนั้น  เป็นการเสนอภาพที่เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งจังหวะการเน้นคำ  มุมกล้องของความมีเล่ห์เหลี่ยม  และผลของการกระทำ  ที่สมเหตุสมผล  โดยนำไปสู่บทสรุปที่คาดไม่ถึง  หากใครยังไม่รับชมให้ปล่อยใจและปล่อยวางติดตามเรื่องราวของตัวละครหลัก  โดยไม่ต้องคิดเยอะ  รับรองว่าจะต้องเซอร์ไพรส์กับสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนแน่นอน นอกจากความกระชับ และการลำดับภาพที่รวดเร็วแล้ว ในส่วนของอารมณ์ขันที่กล่าวไว้ข้างต้นกับตอน “Dig That cat…He’s Real” นั้น  ไม่ใช่การับส่งมุกโบ๊ะบ๊ะไปมา  เหมือนหนังตลกทั่วไป  แต่เป็นความตลกร้ายที่ซ่อนอยู่ในฉากการตายในแต่ละครั้งของตัวเอกที่ไม่ซ้ำแบบกัน  แต่ละแบบก็มีความสมน้ำหน้าพลางสงสารที่ปะปนกันไป  และลุ้นว่าเรื่องราว tiger789 จะสิ้นสุดเช่นไรกับความโลภของมนุษย์คนหนึ่ง ซี่งหากกล่าวถึงเฉพาะความหลอน และ สยองพองเกล้า ให้สมกับคอนเซ็ปต์ของซีรีส์แห่งตำนานของTale from the Crypt นั้น  “มีหรือไม่”  ก็ต้องบอกว่า “มี” แต่เป็นความหลอนที่ซ่อนความขบขัน ในรูปแบบความตลกร้ายอย่างบอกไม่ถูก

Tale from the Crypt “And All Through the House” กับความระทึกขวัญที่ไหลลื่น

“Tale from the Crypt” กับความเป็นซีรีส์สยองขวัญในตำนาน ที่มักหยิบยกเรื่องใกล้ตัว  สิ่งแวดล้อมที่ปกติแต่ไม่ปกติ  และเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับเทศกาลมาเกี่ยวข้อง  โดยสร้างสถานการณ์ให้ดูแปลกประหลาดและวุ่นวายภายในระยะเวลาสั้น ๆ ได้อย่างไม่ติดขัด  และใน “And All Through the House” ก็เป็นหนึ่งในตอน  ที่ใช้พล็อตแนวไล่เชือด สยองขวัญ  ระทึกขวัญ  มาใช้ได้อย่างอร่อยและกลมกล่อม “Tale from the Crypt” ซีรีย์สยองขวัญในตำนานที่ไม่ควรพลาด เนื้อหาหลักของ“Tale from theCrypt”ในตอน “And All Through the House” กล่าวถึง ในวันคริสต์มาสอีฟอันแสนสุข  หญิงวัยกลางคนได้วางแผนฆ่าสามีของตนเองเพื่อเอาเงินประกันจนสำเร็จ  โดยหาวิธีอำพรางศพให้แนบเนียนจากสายตาตำรวจมากที่สุด  ในขณะเดียวกัน  ก็ได้มีผู้ป่วยทางจิตที่หนีออกจากโรงพยาบาลจิตเวช  โดยได้แต่งตัวเลียนแบบซานตาคลอสมาสร้างความอลหม่าน วุ่นวาย  และหลอนระทึก  มายังที่พักอาศัยของเธอ  โดยที่เธอจะต้องปกป้องภัยร้ายเหล่านั้น  ให้พ้นจากลูกสาวตัวน้อย  ที่กำลังนอนหลับอยู่บนห้องตัวเองอีกด้วย  ในขณะเดียวกันศพของสามีเธอก็ยังไม่ถูกกำจัดเสียที พล็อต ที่ว่าด้วยการฆ่าสามีเพื่อเอาเงินประกัน  กับสถานการณ์ไม่ปกติ  ที่จะต้องหาวิธีซ่อนศพและอำพรางให้พ้นจากสายตามากที่สุด  อาจได้เห็นจากภาพยนตร์ทั้งเก่าและใหม่  ซึ่งมีการนำเสนอในความระทึกขวัญที่แตกต่างกัน แต่ในตอนนี้  ได้หยิบยกวันเทศกาล  ให้แปรเปลี่ยนจากวันแห่งความสุข  ให้เป็นวันแห่งความตายได้อย่างน่าติดตาม  โดยสถานการณ์รหรือปมที่ขัดแย้งที่เกิดขึ้น  ล้วนเป็นเหตุเป็นผลที่สามารถเกิดได้  ที่ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างการไล่เชือด  หลอกหลอน ให้ตกใจและลุ้นเอาใจช่วยตัวละครเพียงเท่านั้น  ส่วนบทสรุปที่ทิ้งท้ายด้วยบางอย่าง  อาจเดาทางได้ง่ายไปหน่อย  แต่ก็ถือว่า ทำได้ปลายเปิดให้น่าขบคิด  พลางขำขันในสไตล์ตลกร้ายดีเหมือนกัน “And All Through the House” เป็นหนึ่งในตอนคลาสสิก  แห่งตำนานซีรีส์อย่าง “Tale from theCrypt”  ที่ผ่านไปกี่ปี  หากหยิบมารับชมก็รู้สึกสนุกได้เสมอ  ทั้งในแง่ของตัวละครหลักที่เล่นอย่างไหลลื่นหรือซานตาคลอส  ที่ออกแบบมาได้  ไม่แปลกประหลาดหรือเกินคนธรรมดาไป  มิหนำซ้ำยังมีการโดนเอาคืน  โดนฟาดไปหลายฉาก  ซึ่งได้อารมณ์ขันในเชิงหลอนพอประมาณ อัตราความสะเด่า เนื้อหา           4/5 ระทึกใจ 4/5 บทสรุป 4/5 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม หนังวันสิ้นโลกฟอร์มยักษ์ จากทางฝั่งจีนอย่าง “The Wandering Earth” ได้อีกที่ filmograd.net หลายคนที่ได้ดูซีรีย์เรื่องนี้ไปแล้วนั้นคงจะมีภาพน่ากลัวๆติดตากันอยู่เป็นแน่ ดังนั้นเราจึงอยากชวนให้ทุกคนมาเล่นเกม Gclub5555 กัน โดยเกมนี้นั้นเป็นเกมที่ขึ้นชื่อเรื่องความบันเทิงเป็นอย่างมากเลย

รีวิวหนัง “No Escape” (2020) หนังสยองขวัญ ลุ้นระทึก ที่ตกม้าตาย

“ No Escape (2020) ” เป็นหนังสยอง ระทึกขวัญ  ที่เล่นกับประเด็นกาเอารตัวรอดในห้องปิดตาย  โดยผสมผสานแนวคิด  หรือกลิ่นอายของหนังในอดีตหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Hostel , Saw หรือEscape Room เป็นต้น  ซึ่งต่างทำได้ดีในการวางจังหวะความน่าตื่นเต้น  การลุ้นระทึก  และความสยองเลือดสาด ที่จัดเต็ม ซึ่งใน “NoEscape (2020)” ก็จัดเต็มมาได้ค่อนข้างดี แต่ ! กลับเป็นความซ้ำซากในการดำเนินเรื่อง  โดยสามารถเดาบทสรุปได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก เนื้อหาในหนังเรื่อง “ No Escape (2020) ” เนื้อหาหลัก ใน “NoEscape(2020)” กล่าวถึง “โคล” ชายหนุ่มผู้โด่งดังในสังคมโซเชียล ที่ถ่ายทำรายการ  ในคอนเซ็ปต์การล่า  และค้นหาสถานที่ระทึกขวัญต่าง ๆ ในรูปแบบ vlog เขาและเพื่อน ได้รับเชิญไปยังมอสโกประเทศรัสเซีย เพื่อไปพิสูจน์สถานที่ปิดตายอันน่ากลัว  ที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม ไปตลอดชีวิต การดำเนินเรื่องของ“NoEscape(2020)”ในช่วงแรก  และการปูตัวละครต่าง ๆ นั้น ทำได้เชื่องช้าและน่าเบื่อ  อาจเป็นเพราะต้องการยืดเพื่อจัดเต็มในช่วงหลัง  ที่โชว์ความสยอง  ตื่นเต้น  ได้พอสมควร  แต่สำหรับคอหนังสยองขวัญที่ผ่านการรับชมหนังประเภทดังกล่าวอย่างโชกโชน  เชื่อได้ว่าอาจรู้สึกเฉย ๆ กับเรื่องนี้  เพราะบางฉากเสมือนยืมแนวคิด  และทิศทางของการดำเนินเรื่องจากภาพยนตร์สยองขวัญ  ระทึกขวัญอื่น ๆ มากเกินไป  และบางจุดอาจรู้สึกจับพิรุธ  กับพฤติกรรมบางอย่างของตัวละคร  ท่ามกลางเหตุการณ์น่ายดสยอง  ที่เหมือนจงใจไปสู่บทสรุปที่เดาได้ไม่ยาก  แม้จะพยายามแทรกแง่คิดหรือนัยยะใด ๆ ก็ตาม  แต่ก็เป็นเพียงการเล่นกับปมตัวละครที่มีพฤติกรรมเหล่านั้นอยู่แล้ว  “NoEscape(2020)” จึงเป็นทางเลือกสำหรับ สายผู้ชมที่ดูหนังทั่วไป  ที่ไม่ค่อยได้รับชมแนวระทึกขวัญหรือสยองขวัญมากเท่าไหร่  ที่อาจจะปล่อยสมองโล่ง ๆ ให้ลุ้นระทึกกับตัวหนังที่ได้นำเสนอมา  ทั้งความเสียวสันหลัง  วินาทีกับดักที่กำลังเคลื่อนตัวทำร้ายตัวละคร  หรือการบิ้วอารมณ์ที่โหวกเหวกโวยวาย  นำไปสู่บทสรุปอันน่าตกใจ  ที่อาจได้คะแนนในส่วนนั้นมากขึ้น  เพียงแต่การเลือกบทสรุปของหนังนั้น  เป็นความเซอร์ไพรส์ที่ซ้ำซาก  และขาดความสดใหม่เท่านั้นเอง อัตราความสะเด่า เนื้อหา          2.5/5 ระทึกใจ        3/5 บทสรุป     2.5/5 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม หนังแอนตี้ฮีโร่จากค่าย Netflix อย่าง “The Old Guard” ผลงานจากผู้สร้าง G.I.JO ได้อีกที่ filmograd.net หลังจากที่ลุ้นระทึกกับหนังไปกันอย่างเต็มอิ่มแล้วนั้น เรามาผ่อนคลายสมองไปกับการเล่นเกม ufa6666 ทางเข้า กันเลยดีกว่า เกมที่ได้รับการการันตีว่าสนุกสุดเหวี่ยงไปเลย