กระบี่เย้ยยุทธจักร กับหลากหลายเวอร์ชั่นในจอแก้วและจอเงิน

นิยายเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร นั้นกิมย้งได้ทำการแต่งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513 ปี พ.ศ. 2512 แต่เดิมชื่อไทยใช้ชื่อว่า “ผู้กล้าหาญคะนองศึก” สำหรับในประเทศไทยในการแปลครั้งแรกโดย น.นพนัตน์ ต่อมาสำนักพิมพ์ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เดชคัมภีร์เทวดา” ตามชื่อภาพยนตร์ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ อำนวยการสร้างโดยฉีเคอะผู้สร้างหนังชื่อดังคุ้นหูชาวไทยกันดี ซึ่งออกฉายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2533 โด่งดังถึงขนาดมีการสร้างภาคต่ออีก 2 ภาค ในปีต่อๆ มา และยังถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือละครทางโทรทัศน์หลายครั้งเช่นเดียวกัน ที่รู้จักกันดีก็คือเดชคัมภีร์เทวดาในปี 1996 ก่อนที่จะมีการสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีกเวอร์ชั่นหนึ่งพร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรอย่างที่เรารู้จักกันดี

ซึ่งสำนักพิมพ์ที่ได้ลิขสิทธิ์แปลนิยายต้นฉบับเป็นภาษาไทยก็เปลี่ยนชื่อนิยายเรื่องนี้เป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรตามละครโทรทัศน์ชุดนี้ด้วย และในการสร้างละครโทรทัศน์จากนิยายชุดนี้ต่อๆมาก็จะใช้ชื่อกระบี่เย้ยยุทธจักรแทบทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เอง ในบทความนี้ต่อไปเราจะขอเลี่ยงนิยายและละครจอแก้วกับจอเงินของนิยายชุดนี้ว่า กระบี่เย้ยยุทธจักร ทั้งหมด

เราจะขอพูดถึงความประทับใจของภาพยนตร์และละครที่ดัดแปลงจากนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรที่ได้ชมสักหน่อย โดยกระบี่เย้ยยุทธจักรหรือภาพยนตร์เรื่องเดชคัมภีร์เทวดาที่ออกฉายในปี 1990 1993 ทั้งหมด 3 ภาคนั้น มีข้อดีก็คือค่อนข้างจะสรุปรวบเนื้อเรื่องได้ดี แต่จะดัดแปลงเปลี่ยนต้นฉบับไปมากพอสมควร โดยเฉพาะเป็นภาคแรกที่เพิ่มบทตงฟางปุ๊ป้าย ที่แต่เดิมเป็นชายร่างใหญ่น่ากลัวแต่ใจเป็นหญิงเพราะฝึก “วิชาคัมภีร์ทานตะวัน” กลายมาเป็น แม้ว่าจะยังคงเป็นชายที่ตอนตัวเองเพื่อฝึกวิชาคัมภีร์ทานตะวันอยู่ แต่เมื่อตอนแล้วก็กลายมาเป็นหญิงสาวรูปงาม ซึ่งรับบทโดยหลินชิงเสียนางเอกชื่อดังในยุคนั้น กระบี่เย้ยยุทธจักรเวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ในปี 1996 ค่อนข้างจะเก็บรายละเอียดครบตามต้นฉบับนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรของกิมย้งแต่งเอาไว้

แต่ผู้เขียนชอบมากที่สุดจะเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรซึ่งเป็นละครโทรทัศน์เวอร์ชั่น 1999 ที่ช่อง 3 เคยซื้อลิขสิทธิ์มาฉายเมื่อหลายปีก่อน เหตุผลก็เพราะไม่ว่าจะเป็นเทคนิคงานภาพ เนื้อเรื่อง แม้จะถูกดัดแปลงไปบ้างแต่ก็ไม่มาก แต่ฉากการต่อสู้สมกับเป็นนิยายกำลังภายในผสมเทคนิคการใช้สลิงแบบดั้งเดิม ไม่เหมือนกับซีรีย์กำลังภายในยุคปัจจุบันที่เน้นแสงสีเสียงเอฟเฟคอย่างเดียวเข้าว่าเหมือนจอมยุทธยืนอยู่เฉยๆ ปล่อยพลังกัน ไม่มีโชว์ลีลาการต่อสู้วาดลวดลายดาบกระบี่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และจุดแข็งของภาพยนตร์กำลังภายในจีนเลย

ละครกระบี่เย้ยยุทธจักรในปี 2000 ก็มีการสร้างขึ้นเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งแต่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จัก และไม่ประทับใจเท่าไหร่ จนหลายคนแทบจะลืมไป จากนั้นแล้วก็ข้ามมาอีก 1 ความประทับใจ เมื่อมีผู้กำกับที่แสนจะมั่นใจ กำกับกระบี่เย้ยยุทธจักรมาสร้างใหม่ในเวอร์ชันปี 2013 ที่ยึดแนวทางที่ ฉีเคอะ เคยทำเอาไว้กับเดชคัมภีร์เทวดาเมื่อปี 1990 ด้วยการเปลี่ยนเพศของตัวละครหญิงแย่งบทบาทนางเอกเกือบทั้งหมดมาใส่ให้   ตงฟางปุ๊ป้าย ตัวร้ายในเรื่องแทน โดยให้เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ ที่หน้าตาสะสวยรับบทโดยเฉินเฉียวเอินนางเอกชื่อดังในเวลานั้นมารับบทนี้ ซึ่งหลงรักพระเอกเล่งฮู้ชง แต่น่าเสียดายที่พระเอกไม่มีใจให้ แม้ว่าจะดัดแปลงจากต้นฉบับไปมาก

แต่ด้วยความสามารถของนักแสดงหญิงซึ่งรับบทตัวละครนี้เรียกว่าเอาบทอยู่ จนคนดูแทบจะเรียกว่ายกให้เธอเป็นนางเอก แทนนางเอกตัวจริงของเรื่องได้ไหมก็เลยทีเดียว และเป็นเวอร์ชั่นแรก เวอร์ชั่นเดียว ที่ท่านจะได้เห็นตงฟางปุ๊ป้ายหิ้วปิ่นโตกับข้าวขึ้นเขาไปส่งให้เล่งฮู้ชงที่ฝึกวิชาบนเขา ฮา  จากนั้นก็ข้ามมาเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักร เวอร์ชั่น 2019 ที่ผู้เขียนขอสารภาพว่าอยากจะลืมมากที่สุด เหตุผลก็เพราะอาจเพราะผู้สร้างต้องการหาแนวทางใหม่ในการสร้างกระบี่เย้ยยุทธจักรเป็นละครจึงได้ลดทอนฉากกำลังภายในออกไปแทบจะทั้งหมด ให้เหลือการต่อสู้แบบเสมือนคนจริงๆสู้กัน

กลายเป็นว่าจอมยุทธที่เคยเหินเดินอากาศต่อสู้กันดุเดือดจากกระบี่เย้ยยุทธจักรเวอร์ชั่นเก่าทำได้เพียงแค่แกว่งดาบฟันกันนิดหน่อยพอประมาณซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด คือผู้ชมชาวไทยต่างด่าดอไม่พอใจกับเวอร์ชั่นนี้กันจริงๆ เหตุผลก็เพราะฉากบู๊แอคชั่นระดับนี้ไม่สมควรนำมาใช้กับกระบี่เย้ยยุทธจักร เพราะว่ากระบี่เย้ยยุทธจักรนั้นเป็นนิยายกำลังภายในแบบดั้งเดิมที่คนดูชอบความเวอร์วังอลังการ และสุดยอดของวิชายุทธ์ต่างๆในเรื่อง โดยเฉพาะวิชากระบี่เก้าเดียวดายของเล่งฮู้ชง เพลงกระบี่ปราบมารของตระกูลลิ้ม และที่ขาดไม่ได้คือความเว่อร์วังของวิชาคัมภีร์ทานตะวันของตงฟางปุ๊ป้าย แต่นี้อะไรเตะต่อยกันยังยังกะยกพวกตีกันตามงานวัด มันไม่ใช่กระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วล่ะนาย

ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังที่มีเนื้อเรื่องของคนที่ถูกกัดขังมี หนัง Oldboy หนังเก่ามาให้ได้ดูกันแก้เซ็ง