Birds of Prey หนังที่ได้รับการโหวดให้ติดอันดับต้น ๆ ในโพลล์ของหนังปี 2020

Birds of Prey เป็นหนังที่ได้รับการโหวดให้ติดอันดับต้น ๆ ในโพลล์ของหนังปี 2020 สำหรับเรื่องนี้ที่ได้รวมตัวร้ายของบรรดาสาว ๆ สาวกของ ฮาร์ลีย์ ควินน์ ที่ได้เลิกรากับเจ้าพ่อตัวร้าย โจ๊กเกอร์ เธอก็พยายามล้างมือจะปรับปรุงตัวใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม เริ่มตั้งแต่ทรงผมที่เปลี่ยนใหม่ เลิกกินอาหารขยะ และเปลี่ยนลายสักบนร่างกายใหม่ พร้อมกับได้หมาป่าไฮยีน่าตัวโปรดมาเลี้ยง และได้กลับไปยังสถานที่ผลิตสารเคมีที่โจ๊กเกอร์ได้สร้างเธอขึ้นมา ปัจจุบันเมืองก็อตแธมมีความแตกต่างให้เห็นกว่าเดิม เป็นเรื่องเล่าที่ ฮาร์ลีย์ ควินน์ ได้เล่าผ่านคัลเลอร์ฟูล และยังมีการสมทบกับตัวละครอื่นอีกหลายคน ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นและได้ยินพลังเสียงที่เหนือมนุษย์ของเธอที่มาแสดงเป็นตัวร้ายในเรื่องได้อย่างสมจริง  หนัง Birds of Prey เริ่มด้วยการฉายให้เห็นชีวิตของ ฮาร์ลีย์ ควินน์ที่ต้องการอิสระมาโดยตลอด หลังจากได้เลิกกับโจ๊กเกอร์ และได้ถูกตามเช็คบิลจากวายร้าน โรมัน ไซออนนิส (ยวน แม็คเกรเกอร์) หรือฉายาแบล็กแมสก์ เจ้าพ่อเมืองก็อตแธมคนใหม่ที่ยังหลงใหลอำนาจบ้า ๆ บอ ๆ อยู่กับมรดกเพชรล้ำค่า ทำให้ฮาร์ลีย์ ควินน์ต้องไปช่วย แคสแซนดรา เคน (เอลลา เจย์ บาสโก) สาวนักล้วงจากคุกในสถานีตำรวจ ซึ่งเป็นเหตุให้ เรเน มอนโทยา (โรซี่ เปเรซ) นักสืบสาวแห่งเมืองก็อตแธมต้องรับบทหนักเพราะต้องมาพบกับดาวร้ายจากหลายสำนัก ที่มาพบกันด้วยเป้าหมายเดียว คือ การกำจัดโรมันจอมโหดนั่นเอง นับว่าเป็นความกล้าอย่างมากของทางทีมผู้จัดที่ได้นำผู้กำกับหญิงสัญชาติจีนอย่าง เคธี ยาน ที่มีผลงานการกำกับหนังใหญ่มาเพียงเรื่องเดียวให้มาทำหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ แต่เธอก็ได้แสดงออกได้เป็นอย่างดี ด้วยจิตรวิญญาณของผู้กำกับที่มีอนาคต ที่สำคัญทั้งเธอและวอร์นเนอร์ บารเธอร์ก็ดูว่าจะมีความมั่นใจมากกับเรท R ของฉากในหนังนี้ของฮาร์ลี ควินน์ และเพื่อน ๆ ของเธอที่มีความรุนแรงทั้งคำหยาบ และมุกตลกเรื่องเพศในเมืองก็อตแธมด้วยน้ำเสียงที่ข้นคลั่ก แต่ก็กลมกลืนไปกับบทได้อย่างประหลาด ขอบคุณแหล่งที่มา JokerGame ข้อมูลดีๆคุณไม่ควรพลาด ระดับคะแนนของความน่าดู 9/10 วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Birds of Prey ติดตามการรีวิวหนังและติดตามฟินกับซีรีย์ญี่ปุ่น แนวรักต้องห้าม meet me after school

ฟินกับซีรีย์ญี่ปุ่น แนวรักต้องห้าม meet me after school

แนะนำ ซีรีย์ญี่ปุ่น meet me after school หรือ Chūgakusei Nikki เป็น ละครแนวรักต้องห้าม จากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ในขณะที่ออนแอร์ หรือแม้แต่การนำมาฉายผ่านเว็บไซต์ดูหนังดูซีรีย์ออนไลน์ ในบ้านเราซึ่งบอกได้เลยว่า เป็นเรื่องราวความรัก ที่หลายคนคาดไม่ถึงระหว่าง ครูสาวคนใหม่กับนักเรียนหนุ่มวัยใส ที่ทั้งคู่จะต้องเผชิญปัญหาต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอายุ  ครอบครัวซึ่งซีรีย์ญี่ปุ่นแนวนี้ นำเสนอ หลายแง่มุมมีทั้งสมหวังและผิดหวังแต่สำหรับเรื่องนี้บอกได้เลยว่าดูแล้วฟินอย่างแน่นอน เพราะบทสรุปของความรักในเรื่องนั้นจบได้อย่างสวยงาม แต่ทั้งคู่จะต้องผ่านอะไรมากมาย ที่พิสูจน์ความรักแท้ของทั้งสองคน สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย Kasumi Arimura นักแสดงสาวมากฝีมือ ที่แฟนซีรีย์ญี่ปุ่นในบ้านเราคงรู้จักกันดี เพราะมีผลงานของเธอเข้ามาฉายอยู่เป็นประจำและเป็นการแจ้งเกิดครั้งแรกของนักแสดงหนุ่ม Kenshi Okada  ที่ทำเอาแฟนละครญี่ปุ่นลายเป็นแม่ยกของหนุ่มน้อยรายนี้  เพราะบทบาทของเข้าในเรื่อง  Chūgakusei Nikki  ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวกับการแสดงหนังครั้งแรกและหากคุณยังไม่เคยรับชม บอกได้เลยว่าพลาดจริง ๆแนะนำให้รับชมผ่านหน้าเว็บไซต์ของเราที่จะมีบริการ ดูหนังออนไลน์ดูซีรีย์ฟรี ทุกประเทศและให้คุณสนุกไปกับ ซีรีย์ญี่ปุ่นบรรยายไทยเรื่อง miss me After School  ดูผ่านระบบออนไลน์ได้ทั้งมือถือ และ อุปกรณ์อื่น ๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายแน่นอน บริการฟรีที่นี่มีทุกวัน พร้อมติดตามเรื่องย่อซีรีย์น่าสนใจได้ที่นี่ หนังสนุกมีให้คุณได้ติดตามพร้อมบริการดี ๆ ที่นี่มีให้แน่นอน บริการเมนูดูหนังฟรีที่เลือกได้เอง  ใช้บริการ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังเก่าดูหนังใหม่ หนังชนโรงมีให้คุณเลือกดูฟรีได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีค่าใช้จ่าย บริการผ่านระบบออนไลน์แน่นอน ไม่ต้องสมัครสมาชิก ที่นี่คัดสรรหนังสนุก ๆ ดัง ๆ ทุกแนวให้ติดตามได้ฟรี ตลอดทั้งปีเลือกได้ทุกแนวที่ต้องการ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนัง Interstellar นักบินอวกาศ กับภารกิจและการผจญสุดโหดบนดวงดาว

Interstellar นักบินอวกาศ กับภารกิจและการผจญสุดโหดบนดวงดาว

หนังที่เกี่ยวกับอวกาศ อีกเรื่องหนึ่งที่คอหนังประเภทนี้พลาดไม่ได้นั่นก็คือ Interstellar หรือชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาไทยว่า ทะยานดาวกู้โลก เป็นหนังประเภทไซไฟที่นักบินอวกาศต้องขึ้นไปปฏิบัติการอยู่บนดาวดวงหนึ่งที่ไกลออกไปจากโลกเรามาก อาจเป็นภารกิจที่ไม่น่าเชื่ออยู่บ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงจินตนาการและความเชื่อของผู้สร้างว่าสักวันในอนาคตคงจะต้องเกิดขึ้จริง เป็นความตื่นตา ตื่นใจอย่างมากที่ได้มาพบเห็นอะไรอย่างนี้ เหมือนกับการได้มาอยู่ในความฝันที่เป็นจริง ผู้กำกับสร้างเรื่องและภาพได้อย่างสมจริง มีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ เมื่ออ้างว่าเป็นเรื่องที่ได้เคยเกิดขึ้นจริง ๆ แต่ทางนาซ่าไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดให้โลกได้รับรู้มาก่อน ก็ยิ่งทำให้ผู้ชมเกิดความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น หนังเรื่องนี้นอกจากจะนำเสนอความบันเทิงแล้ว ยังได้ป้อนความรู้ทางวิชาวิทยาศาสตร์ให้ผู้ชมอีกด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของดวงดาวต่าง ๆ เป็นหนังที่สร้างได้อย่างสมจริงมากทีเดียว เพราะมีเรื่องราวให้น่าติดตามอีกเยอะมาก ภาพยนตร์ Interstellar เรื่องนี้เป็นฝีมือการกำกับการแสดงโดย คริสโตเฟอร์ โนแลนด์ ซึ่งมีแนวคิดว่าในอนาคตถ้าโลกได้มากถึงจุดวิกฤติ มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเชื่อชาติไหนผิวสีอะไรก็ไม่สามารถที่จะดำรงชีพอยู่ได้ ทั้งหมอต้องดิ้นรนเพื่อหาทางออกและทางที่ดีที่สุดได้แก่การหาโลกใหม่ ดังนั้นจึงได้มีคนกลุ่มหนึ่งที่ได้ปฏิวัติการทางวิทยาศาสตร์อวกาศขึ้นมา ซึ่งก็คือการหาโลกใหม่เพื่อการอยู่อาศัย และเพื่ออาหารการกินของมนุษย์ชาติ ซึ่งความฝันนี้เป็นความฝันที่เป็นจริงในอนาคตอันไม่ไกลอีกต่อไป แต่มันอยู่ที่ไหนล่ะเพราะอวกาศไม่ใช่ที่ที่จะออกไปเดินเล่นได้ เป็นภาพยนตร์ไซไฟที่เรียกได้ว่าดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ดำเนินเรื่องโดยมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากผู้เชี่ยวชาญควบคู่ไปด้วยตลอดเรื่อง ทำให้ผู้ชมคิดว่าเป็นเรื่องจริง ประกอบกับฝีมือของนักแสดงทั้งหญิงและชายอย่าง ดาราดัง แมทธิว แม็คคอนาเฮย์, แอนด์ แฮทธาเวย์ และเจสซิก้า แซสแทน ที่มาสวมบทบาทของนักบินอวกาศได้อย่างลงตัว และแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดองทีเดียว ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังกระบี่เย้ยยุทธจักร กับหลากหลายเวอร์ชั่นในจอแก้วและจอเงิน

กระบี่เย้ยยุทธจักร กับหลากหลายเวอร์ชั่นในจอแก้วและจอเงิน

นิยายเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร นั้นกิมย้งได้ทำการแต่งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513 ปี พ.ศ. 2512 แต่เดิมชื่อไทยใช้ชื่อว่า “ผู้กล้าหาญคะนองศึก” สำหรับในประเทศไทยในการแปลครั้งแรกโดย น.นพนัตน์ ต่อมาสำนักพิมพ์ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เดชคัมภีร์เทวดา” ตามชื่อภาพยนตร์ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ อำนวยการสร้างโดยฉีเคอะผู้สร้างหนังชื่อดังคุ้นหูชาวไทยกันดี ซึ่งออกฉายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2533 โด่งดังถึงขนาดมีการสร้างภาคต่ออีก 2 ภาค ในปีต่อๆ มา และยังถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือละครทางโทรทัศน์หลายครั้งเช่นเดียวกัน ที่รู้จักกันดีก็คือเดชคัมภีร์เทวดาในปี 1996 ก่อนที่จะมีการสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีกเวอร์ชั่นหนึ่งพร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรอย่างที่เรารู้จักกันดี ซึ่งสำนักพิมพ์ที่ได้ลิขสิทธิ์แปลนิยายต้นฉบับเป็นภาษาไทยก็เปลี่ยนชื่อนิยายเรื่องนี้เป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรตามละครโทรทัศน์ชุดนี้ด้วย และในการสร้างละครโทรทัศน์จากนิยายชุดนี้ต่อๆมาก็จะใช้ชื่อกระบี่เย้ยยุทธจักรแทบทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เอง ในบทความนี้ต่อไปเราจะขอเลี่ยงนิยายและละครจอแก้วกับจอเงินของนิยายชุดนี้ว่า กระบี่เย้ยยุทธจักร ทั้งหมด เราจะขอพูดถึงความประทับใจของภาพยนตร์และละครที่ดัดแปลงจากนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรที่ได้ชมสักหน่อย โดยกระบี่เย้ยยุทธจักรหรือภาพยนตร์เรื่องเดชคัมภีร์เทวดาที่ออกฉายในปี 1990 1993 ทั้งหมด 3 ภาคนั้น มีข้อดีก็คือค่อนข้างจะสรุปรวบเนื้อเรื่องได้ดี แต่จะดัดแปลงเปลี่ยนต้นฉบับไปมากพอสมควร โดยเฉพาะเป็นภาคแรกที่เพิ่มบทตงฟางปุ๊ป้าย ที่แต่เดิมเป็นชายร่างใหญ่น่ากลัวแต่ใจเป็นหญิงเพราะฝึก “วิชาคัมภีร์ทานตะวัน” กลายมาเป็น แม้ว่าจะยังคงเป็นชายที่ตอนตัวเองเพื่อฝึกวิชาคัมภีร์ทานตะวันอยู่ แต่เมื่อตอนแล้วก็กลายมาเป็นหญิงสาวรูปงาม ซึ่งรับบทโดยหลินชิงเสียนางเอกชื่อดังในยุคนั้น กระบี่เย้ยยุทธจักรเวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ในปี 1996 ค่อนข้างจะเก็บรายละเอียดครบตามต้นฉบับนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรของกิมย้งแต่งเอาไว้ แต่ผู้เขียนชอบมากที่สุดจะเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรซึ่งเป็นละครโทรทัศน์เวอร์ชั่น 1999 ที่ช่อง 3 เคยซื้อลิขสิทธิ์มาฉายเมื่อหลายปีก่อน เหตุผลก็เพราะไม่ว่าจะเป็นเทคนิคงานภาพ เนื้อเรื่อง แม้จะถูกดัดแปลงไปบ้างแต่ก็ไม่มาก แต่ฉากการต่อสู้สมกับเป็นนิยายกำลังภายในผสมเทคนิคการใช้สลิงแบบดั้งเดิม ไม่เหมือนกับซีรีย์กำลังภายในยุคปัจจุบันที่เน้นแสงสีเสียงเอฟเฟคอย่างเดียวเข้าว่าเหมือนจอมยุทธยืนอยู่เฉยๆ ปล่อยพลังกัน ไม่มีโชว์ลีลาการต่อสู้วาดลวดลายดาบกระบี่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และจุดแข็งของภาพยนตร์กำลังภายในจีนเลย ละครกระบี่เย้ยยุทธจักรในปี 2000 ก็มีการสร้างขึ้นเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งแต่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จัก และไม่ประทับใจเท่าไหร่ จนหลายคนแทบจะลืมไป จากนั้นแล้วก็ข้ามมาอีก 1 ความประทับใจ เมื่อมีผู้กำกับที่แสนจะมั่นใจ กำกับกระบี่เย้ยยุทธจักรมาสร้างใหม่ในเวอร์ชันปี 2013 ที่ยึดแนวทางที่ ฉีเคอะ เคยทำเอาไว้กับเดชคัมภีร์เทวดาเมื่อปี 1990 ด้วยการเปลี่ยนเพศของตัวละครหญิงแย่งบทบาทนางเอกเกือบทั้งหมดมาใส่ให้   ตงฟางปุ๊ป้าย ตัวร้ายในเรื่องแทน โดยให้เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ ที่หน้าตาสะสวยรับบทโดยเฉินเฉียวเอินนางเอกชื่อดังในเวลานั้นมารับบทนี้ ซึ่งหลงรักพระเอกเล่งฮู้ชง แต่น่าเสียดายที่พระเอกไม่มีใจให้ แม้ว่าจะดัดแปลงจากต้นฉบับไปมาก แต่ด้วยความสามารถของนักแสดงหญิงซึ่งรับบทตัวละครนี้เรียกว่าเอาบทอยู่ จนคนดูแทบจะเรียกว่ายกให้เธอเป็นนางเอก แทนนางเอกตัวจริงของเรื่องได้ไหมก็เลยทีเดียว และเป็นเวอร์ชั่นแรก เวอร์ชั่นเดียว ที่ท่านจะได้เห็นตงฟางปุ๊ป้ายหิ้วปิ่นโตกับข้าวขึ้นเขาไปส่งให้เล่งฮู้ชงที่ฝึกวิชาบนเขา ฮา  จากนั้นก็ข้ามมาเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักร เวอร์ชั่น 2019 ที่ผู้เขียนขอสารภาพว่าอยากจะลืมมากที่สุด เหตุผลก็เพราะอาจเพราะผู้สร้างต้องการหาแนวทางใหม่ในการสร้างกระบี่เย้ยยุทธจักรเป็นละครจึงได้ลดทอนฉากกำลังภายในออกไปแทบจะทั้งหมด ให้เหลือการต่อสู้แบบเสมือนคนจริงๆสู้กัน กลายเป็นว่าจอมยุทธที่เคยเหินเดินอากาศต่อสู้กันดุเดือดจากกระบี่เย้ยยุทธจักรเวอร์ชั่นเก่าทำได้เพียงแค่แกว่งดาบฟันกันนิดหน่อยพอประมาณซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด คือผู้ชมชาวไทยต่างด่าดอไม่พอใจกับเวอร์ชั่นนี้กันจริงๆ เหตุผลก็เพราะฉากบู๊แอคชั่นระดับนี้ไม่สมควรนำมาใช้กับกระบี่เย้ยยุทธจักร เพราะว่ากระบี่เย้ยยุทธจักรนั้นเป็นนิยายกำลังภายในแบบดั้งเดิมที่คนดูชอบความเวอร์วังอลังการ และสุดยอดของวิชายุทธ์ต่างๆในเรื่อง โดยเฉพาะวิชากระบี่เก้าเดียวดายของเล่งฮู้ชง เพลงกระบี่ปราบมารของตระกูลลิ้ม และที่ขาดไม่ได้คือความเว่อร์วังของวิชาคัมภีร์ทานตะวันของตงฟางปุ๊ป้าย แต่นี้อะไรเตะต่อยกันยังยังกะยกพวกตีกันตามงานวัด มันไม่ใช่กระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วล่ะนาย ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังที่มีเนื้อเรื่องของคนที่ถูกกัดขังมี หนัง Oldboy หนังเก่ามาให้ได้ดูกันแก้เซ็ง

หนังที่มีเนื้อเรื่องของคนที่ถูกกัดขังมี หนัง Oldboy หนังเก่ามาให้ได้ดูกันแก้เซ็ง

ในช่วงเวลาที่ต้องโดนกักตัวถึง 14 วันในสถานที่จำกัด ถ้ามองในทางที่ดีก็คงจะได้แก่การที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่อยู่ในฐานะเดียวกัน แต่ในความรู้สึกจริง ๆ แล้วคงไม่ผิดกับผู้ต้องขังแม้ว่าจะมีเครื่องอุปโภคบริโภคอย่างครบครันก็ตาม แต่ก็คงมิอาจมาทดแทนความรู้สึกที่ต้องการอิสระไม่ได้ แต่การดูหนังเพื่อฆ่าเวลาก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ และดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงวิธีเดียวที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้อย่างที่สุด โดยเฉพาะหนังที่มีเนื้อเรื่องของคนที่ถูกกัดขัง หรือกักกันด้วยแล้ว ซึ่งเปรียบเสมือนหัวอกเดียวกันนั่นเอง คราวนี้มี หนัง Oldboy หนังเก่าปี 2003 มาให้ได้ดูกันแก้เซ็ง ไปดูกันเลย ภายในคุกแห่งหนึ่ง โอแทชู ผู้ต้องโทษที่โดนผู้คุมนำมาขังเดี่ยวไว้ โดยไม่แจ้งสาเหตุ และเรื่องที่ถูกขังแยกออกมาอย่างนี้ ทำให้เขาต้องคิดหนัก เขาคิดหาสาเหตุของการถูกขังเดี่ยวนี้อยู่ตลอดเวลา 15 ปี (โห้!! มันมากกว่า 14 วันหลายเท่าทีเดียวนะ) โดยไม่มีคำตอบ แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งเขาก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาให้เป็นอิสระ ก็เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้อีกว่าไม่มีเหตุผล หรือคำอธิบายใด ๆ จากผู้คุมอีกเช่นเคย จึงทำให้เขาต้องออกมาล่าหาความจริงกับผู้ที่จับเขาในครั้งนี้ ทำให้ครอบครัวของเขาตองแตกสลาย  โชคชะตาทำให้โอแทชูได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งได้ให้สัญญาว่าจะช่วยเขาหาเหตุผลเรื่องนี้ให้ได้ แต่เมื่อยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็ทำให้ความจริงเหมือนห่างออกไปทุกที และกลับทำให้เขายิ่งต้องพบกับเรื่องในอดีตที่ผ่านมา จากคู่อริเก่าที่ตามเขามาอยู่ตลอดเวลา  ในช่วงแรกของหนังจะแสดงให้เราเห็นว่าเขาได้ทำอะไรบ้างในช่วงระหว่างถูกขังอยู่ในคุก ทั้งฝึกการต่อสู้ป้องกันตัว และความจำเรื่องอาหารซ้ำซากที่ได้กินอยู่ทุกวัน ก่อนที่หนังจะพาเราไปพบกับความเป็นอิสระของเขา เพื่อการล้างแค้น ผู้ชมหลายคนต่างให้การยกย่องว่า หนัง Oldboy เป็นหนังที่มีพล็อตเรื่องที่เยี่ยมยอดของปี 2003 เป็นหนังที่ทำให้ลืมไม่ลงทีเดียว ติดตามการรีวิวหนังและติดตาม ID4 ภาพยนตร์ดีในอดีตที่ไม่สมควรต้องทำภาคต่อเลยจริงๆ

ID4 ภาพยนตร์ดีในอดีตที่ไม่สมควรต้องทำภาคต่อเลยจริงๆ

ย้อนกลับไปในอดีต ในความทรงจำสีจางจางของผู้เขียน หนึ่งในความสุขในช่วงวัยเด็กอายุ นั่นก็คือการได้ชมภาพยนตร์ซึ่งนำมาฉายเป็นหนังกลางแปลงบนพื้นสนามหญ้า ซึ่งหนึ่งในภาพยนตร์หรือ เป็นภาพยนตร์อันดับต้นๆในใจของผู้เขียนเสมอมารับแต่ช่วงเวลานั้นที่ได้ดูครั้งแรกบนจอภาพยนตร์หนังกลางแปลงจนถึงปัจจุบันนั่นก็คือภาพยนตร์ที่ชื่อ Independence Day : ID4 หรือชื่อไทยว่า “สงครามวันดับโลก” สุดยอดภาพยนตร์ไซไฟซึ่งออกฉายในปี 1996 จากผู้กำกับชื่อดัง Roland Emmerich สำหรับแฟนภาพยนตร์ก็ต้องรู้จักกันดีว่ามันถูกสร้างออกมาในยุคที่งานกราฟิกยังไม่เนียนเลยดีเยี่ยมสุดยอดเช่นในปัจจุบัน หลายฉากเมื่อมองในยุคนี้สามารถฟันธงไปได้เลยว่าเกิดจากการใช้เทคนิคโมเดลในการถ่ายทำ หากแต่สิ่งที่น่าประทับใจเหนือกว่าใครนั่นก็คือตัวบทหรือเนื้อเรื่องของมันที่ทำให้คนดูติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้ไปตลอดความยาว 145 นาที โดยเรื่องราวจะกล่าวถึงช่วงที่สหรัฐอเมริกาใกล้เข้าสู่วันประกาศอิสรภาพซึ่งเป็นเทศกาลวันหยุดยาวอีกวันหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกานั่นก็คือวันที่ 4 กรกฎาคม ของทุกปี นักวิทยาศาสตร์ของโลกจับสัญญาณบางอย่างได้ ซึ่งสัญญาณดังกล่าวไม่ได้มาจากที่ไกลเลย หากแต่มาจากด้านมืดอีกฝั่งหนึ่งของดวงจันทร์นี่เอง ทันใดนั้นพวกเขาก็พบว่ามียานอวกาศปริศนาลำใหญ่มหึมาบินเข้ามาเหนือชั้นบรรยากาศโลก จากนั้นก็ปล่อยยานลำลูกที่แม้ว่าจะแยกตัวออกจากยานลำใหญ่แล้วก็ตามแต่มันก็ยังเป็นยานบินขนาดใหญ่ที่ 1 ลำสามารถลอยลำปกคลุมแทบจะมิตร เมือง แมนฮัตตันและเมืองต่างๆ ของประเทศมหาอำนาจหลักสำคัญในโลก ซึ่งในตอนแรกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้พยายามจะติดต่อสื่อสารกับพวกเขาโดยใช้สัญญาณไฟซึ่งติดตั้งค้นหาเวกเตอร์บินเข้าไปบริเวณที่คาดว่าจะเป็นด้านหน้าของจานบินผลตอบรับก็คือลำแสงที่ยิงเข้ามาทำลายเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว พร้อมกับที่ท่านประธานาธิบดีสหรัฐได้พบกับชายคนหนึ่งที่เป็นสามีของเลขาของเธอซึ่งเขาเป็นเพียงช่างซ่อมโทรทัศน์ในสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง หากแต่เขาอัจฉริยะกว่านั้นเมื่อสามารถจับสัญญาณ และถอดรหัสทราบได้ว่าแท้จริงแล้ว ยานอวกาศเหล่านั้นบินขึ้นเหนือจุดยุทธศาสตร์เมืองสำคัญของโลกเพื่อเตรียมบุกทำรายได้ยึดโลกนั่นเอง หลังจากหลายสิบปีผ่านไป Hollywood ได้นำ ID4 ภาค 2 กลับมาเสนอให้แฟนภาพยนตร์ชมอีกครั้งในปี 2016 อย่างไรก็ตาม มันไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังเอาไว้ แม้ว่าจะได้ผู้กำกับคนเดิมมาสานต่อความมันก็ตาม เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะแม้ว่างานภาพจะเต็มไปด้วย Effect เทคนิคภาพยนตร์สมัยใหม่ หากแต่ในส่วนของเนื้อเรื่องกลับเละเทะไม่เป็นท่า โดยเฉพาะผู้ชมภาพยนตร์สมัยนี้ที่ต้องการเหตุและผลมารองรับมีการดำเนินเรื่องให้ดี หากแต่ในภาคนี้น่าผิดหวังมากรวมทั้งการนำเอาตัวละครเก่าต่างๆในภาคแรกมาฆ่าทิ้งเสียง่ายๆ เพื่อจะตัดบทของพวกเขาในภาพยนตร์ และดันตัวละครใหม่เข้ามาแทน ซึ่งผู้ชมนั้นไม่ชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง เพราะเหมือนกับทรยศผู้ชมที่เคยเชียร์ตัวละครเหล่านั้นในภาคแรกให้รอดและได้รับชัยชนะมาแล้ว กลับกลายเป็นว่ามาตายในภาพยนตร์ภาค 2 แบบง่ายๆ และง่อย ๆ อย่างไม่สมเหตุสมผล รวมทั้งใช้ตัวละครที่มีความขลังจาก วิดีโอตัวอย่างหนัง ID4 ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนัง Ava มาแล้วฆ่า เห็นโปสเตอร์หนังแล้วมีความต้องการที่จะดูเป็นอย่างมาก

Ava มาแล้วฆ่า เห็นโปสเตอร์หนังแล้วมีความต้องการที่จะดูเป็นอย่างมาก

ชื่อภาพยนตร์เรื่อง AVA มาแล้วฆ่า เมื่อได้ยิน หรือเห็นโปสเตอร์หนังแล้วมีความต้องการที่จะดูเป็นอย่างมาก เพราะคิดว่าต้องเป็นหนังแอ็คชั่นที่มีสาวนักฆ่ามือฉมัง และมีบทต่อสู้ หรือบทแอ็คชั่นที่น่าดูเหมือนสาวนักฆ่าที่เคยดูผ่านตามาก่อนหน้า เช่น Lucy, Salt และเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่องแม้แต่ John Wick ซึ่งล้วนเป็นหนังแอ็คชั่นประเภทบู้ล้างผลาญทั้งสิ้น โดยเฉพาะหนังตัวอย่างที่ออกฉายก่อนหน้าก็ดูดีมีราคา เรื่องย่อ ก็บอกแล้วว่าเห็นแล้วทำให้นึกถึงหนังแอ็คชั่นประเภทเดียวกันหลาย ๆ เรื่องอย่างที่กล่าวแล้ว แต่พอได้ดูจริงกลับผิดหวังอย่างแรง เพราะหนังมีฉากแอ็คชั่นให้ดูน้อยมาก เรียกว่าน้อยจริง ๆ แถมในแต่ละฉากที่น้อยอยู่แล้วยังเป็นแอ็คชั่นที่เฉื่อย ๆ ไม่ตื่นเต้นมันธรรมดา ๆ เสียเหลือเกิน ถ้าต้องสอบก็ถือว่าไม่ผ่านครับ ส่วนบทดราม่าของเรื่องที่นำมาใส่ไว้ ก็ยังดูขาด ๆ เกิน ๆ อย่างไรไม่ทราบ ทำให้การดำเนินเรื่องอาจเสียเวลาไปในส่วนนี้อยู่ไม่น้อยทีเดียว ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นการไม่สมควรเนื่องจากเกินพอดีไปอย่างที่บอกแล้ว แต่ที่สำคัญเป็นดราม่าที่ไม่เข้ากับเนื้อเรื่องหรือเหตุการณ์และไม่น่าสนใจอีกต่างหาก มันไม่อิน ไม่สุดอย่างไรชอบกล ดูเลอะเทอะมากกว่า จุดที่น่าสนใจของเรื่องแต่ดันไม่น่าสนใจเพราะไม่เคลียร์ ดูยังไงก็แปลไม่ออกว่าหนังจะสื่ออะไรให้ผู้ชมบ้าง ดูแล้วก็ยังงงอยู่จนบัดนี้ การเดินเรื่องก็ไม่ปะติดปะต่อก็บอกแล้วว่ามันยังขาด ๆ เกิน ๆ อย่างไรชอบกล ทำให้ผิดหวังและเสียเวลาในการเข้าชมไปเป็นอันมาก มันทำให้ความสำคัญของตัวละครในเรื่องลดความสำคัญลงไปมากอย่างไม่น่าเชื่อ น่าเสียดายการโฆษณาที่เห็นก่อนหน้าเป็นอย่างมาก หนังทำให้ดารานำอย่าง Jessica Chastain หมดความเด่นลงไปอย่างมาก เพราะเธอเล่นบทแอคชั่นได้ไม่สมจริง บู้ไม่เข้าขั้น ทำให้ดาราสมทบอย่าง John Malkovich และ Colin Farrell ถูกฉุดลงหลุมไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้  สรุปแล้วหนัง AVA มาแล้วฆ่า เป็นหนังที่สอบไม่ผ่านสักอย่างไม่ว่าจะเป็นบทบู้หรือแอ็คชั่นที่เหมือนเป็นบทเด่นของเรื่อง ก็ไม่สามารถดึงดูดคนดูได้อย่างเต็มที่ น่าเสียดาย ดาราและเนื้อเรื่องที่โฆษณาเอาไว้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเอาเข้าจริงไม่ได้เรื่องเลย ดูแล้วผิดหวังมาก ๆ วิดีโอตัวอย่างหนัง AVA มาแล้วฆ่า ติดตามการรีวิวหนังและติดตาม The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร ภาพยนตร์ผจญภัยยิ่งใหญ่

The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร ภาพยนตร์ผจญภัยยิ่งใหญ่

The Call of The Wild หรือ เสียงเพรียกจากพงไพร เป็นภาพยนตร์ผจญภัยยิ่งใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง ของหมาพันธุ์ยักษ์ใหญ่ที่มีนามว่าบั๊ก ที่ต้องเดินทางผจญกับหลาย ๆ เหตุการณ์ ในการค้นหาสิ่งที่ไม่เคยรู้จัก และคาดคิดมาก่อน The Call of The Wild เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาจากการดัดแปลงบทมาจากนิยายดัง เป็นการตัดตอนมาเพียงบางส่วนที่สำคัญ ทำให้เป็นหนังที่สั้นกว่าที่น่าจะเป็น และยังขาดอะไรไปบางอย่างที่คนดูอาจสงสัยและไม่เข้าใจ ทำให้คิดว่าจริง ๆ แล้วมันน่าจะมีเหตุผลที่มากว่าเรื่องที่นำเสนอ หนังเริ่มจากการเล่า ของชายผู้หนึ่งที่มีอารมณ์ที่ไม่มั่นคงนัก บางครั้งก็ดูว่าเป็นคนเฮอาและสนุกสนาน แต่บางครั้งก็สามารถเปลี่ยนไปได้อย่างฉับไว้ ทำให้การเล่าเรื่องดูเหมือนไม่ประติดประต่อกันสักเท่าไหร่ แต่ก็พอจะรู้สึกได้ว่าเจ้าหมายักษ์นามว่าบั๊กนั้นมันมีนิสัยอย่างไร การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเรียบง่าย และจบลงอย่างง่าย ๆ เช่นกัน จนทำให้คนดูรู้สึกว่า อ้าวจบแค่นี้หรือ ทำไมมันจบง่ายจังเลย แต่สำหรับผู้ชมแล้วยังมีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่อีกมาก เฃ่น ตอนที่เจ้าบั๊ก มันไปเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าหมาป่าดำตัวนั้น ดูเหมือนยังเป็นคำตอบที่ไม่เคลียสำหรับหนังเรื่องนี้เท่าไรนัก ซึ่งมันน่าจะมีเรื่องราวที่มากกว่ารวมทั้งเหตุผลที่เจ้าบั๊กต้องเป็นอย่างนั้นด้วย ดีนะที่ได้ดาราดังอย่างแฮร์ริสัน ฟอร์ดมาเป็นดารานำและรับบท จอห์น ธอร์นตัน ถ้าเป็นคนอื่นจะดูได้หรือไม่ยังไม่รู้ แต่ก็ยังไม่วายที่ทำให้ผู้ชมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเรื่องจึงจบเร็วและเป็นหนังที่สั้นมาก ๆ  ถ้าจะว่าไปแล้วเจ้าบั๊กนั้นมีการพัฒนาที่สั้น และง่ายเกินไป ไม่เป็นไปตามธรรมชาติสักเท่าไหร่ ขาดมิติในการเดินเรื่อง เป็นการแสดงออกของสุนัขที่ไม่สมจริงดูเหมือนเป็นการบังคับหรือการแสดงละครสัตว์เสียมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อต้องนำไปเปรียบกับหนังหมาเรื่องอื่น ๆ ที่มีสุนัขเป็นดารานำ หรือว่าเจ้าบั๊กยังเป็นหมาที่ได้รับการฝึกมายังไม่เต็มที่นัก บางทีถ้าเปลี่ยนตัวสุนัขอาจทำให้หนังเรื่องนี้น่าดูมากกว่านี้ก็เป็นได้ อารมณ์และความรู้สึกมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง The Call of The Wild ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการ REVIEW:THE LURE คลีบกระหาย ออกไปในทางหนังแนว มิวสิคัล

REVIEW:THE LURE คลีบกระหาย ออกไปในทางหนังแนว มิวสิคัล

THE LURE คลีบกระหาย

THE LURE คลีบกระหาย เป็นอีกหนังที่แปลก แขวกแนว ออกไปในทางหนังแนว มิวสิคัล โดยหนังได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาล Gydnia Film Festival อีกด้วย นับว่าน่าสนใจมากๆเลยครับ แต่หนังนางเงือกเรื่องนี้ ไม่ได้สวยงามอย่างที่เราเคยพบเจอ แต่มาในรูปแบบของนางเงือกที่ มีฉากน่ากลัวๆอยู่ในหนังเยอะมาก และหนังนั้นมีฉากพูดน้อยมาก โดยจะเน้นไปในทาง การร้องเพลงมิวสิคัล         โดยวันนี้ผมจะมา REVIEW: THE LURE คลีบกระหาย หนังจะเล่าเรื่องของ นางเงือก หญิงสาวสองพี่น้อง โดยเงือกคนน้องเธอชื่อ ซิลเวอร์ รับบทโดย Marta Mazurek และเงือกคนโตชื่อ โกลเด้น รับบทโดย Micharina Olszanska พวกเธอมีรูปร่างที่สวย และความสามารถในการร้องเพลงที่ไพเราะ เสียงของพวกเธอนั้นมีความไพเราะผิดกับเสียงมนุษย์ทั่วไป เมื่อใครได้ยิน เหมือนดั่งถูกต้องมนต์สะกด โดยพวกเธอทำงานเป็นนักร้องอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนไนท์ผับแห่งหนึ่ง โดยเมื่อใดที่ตัวพวกเธอแห้งเธอจะมีขา เหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่พวกเธอมีขีดจำกัดคือเมื่อพวกเธอตัวแห้งและมีขา พวกเธอจะไม่มีอวัยวะเพศเหมือนกับผู้หญิงทั่วๆ และเงือกคนเล็ก ซิลเวอร์ นั้น เธอมีแฟนหนุ่มซึ่งเป็นมือเบสหน้าตาดีของวงไนท์ผับ แต่ด้วยขีดจำกัดเรื่องขาของเธอที่ไม่มีอวัยวะเพศนั้น เธอจึงกลัวแฟนหนุ่มมือเบสหน้าตาดีที่เธอคบหาจะไม่รักเธอ เธอจึงทำสิ่งที่ไม่คาดคิด และ โกลเด้น พี่สาวของเธอนั้นก็ไม่เห็นด้วย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป สิ่งที่เธอทำนั้นคืออะไร ผมอยากให้เพื่อนๆไปรองรับชมกันเอง และต้องบอกเลย ว่างานภาพ บทของหนังนั้น ดาร์ก มืดหม่น และมีความแฟนตาซีอยู่นิดๆ โดยรวมผมชอบความแปลกใหม่และความกล้าทำของ ผู้กำกับเรื่องนี้มาก จึงไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้จะได้รับรางวัล ภาพยนต์ยอดเยี่ยมจากเทศกาล Gydnia Film Festival         และการ REVIEW: THE LURE ครีบกระหาย  ผมอยากรีวิวให้เพื่อนๆมากๆ เพราะผมชอบความกล้าที่จะทำของผู้สร้าง ความแปลกใหญ่ ความดาร์กของหนังนางเงือก ที่ในด้านของงานภาพสวยนั้นมากๆ จึงของหยิบยกให้เป็นหนังนางเงือกดีๆอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ และใครที่ดูแล้ว ชอบหรือไม่ชอบยังไง อย่าลืมมาแสดงความคิดเห็นหรือบอกต่อกันเยอะๆนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการ REVIEW: PARASITE ชนชั้นปรสิต หนังแนวระทึกขวัญ ดราม่า

REVIEW: PARASITE ชนชั้นปรสิต หนังแนวระทึกขวัญ ดราม่า

PARASITE ชนชั้นปรสิต

และนี่คือหนังแนวระทึกขวัญ ดราม่า หนังที่ได้รางวัลใหญ่จากเทศการเมืองคาน PARASITE ชนชั้นปรสิต เป็นที่แฝงไปด้วยชีวิตและเป็นอยู่ที่มีการแบ่งชนชั้น ของมนุษย์ในโลกของเรา ซึ่งเสียดสีสังคม และหยิบจับประเด็นของสังคมได้ดีเป็นอย่างมาก โดยมีวิธีการเล่าเรื่องที่ดี สนุก และลุ้นระทึก ดราม่า หนังทำให้เรากลับมาคิดทบทวน การใช้ชีวิตของคนเราแต่ละชนชั้นได้เป็นอย่างดี โดยตัวหนังได้ผู้กำกับอย่าง  พง จุน-โฮ โดยมีผลงานที่เรารู้จักกันในเรื่อง โอคจ้า หนังของค่าย NETFLIX และตัวหนังมีนักแสดงดังที่มีชื่อเสียงมากๆอย่าง ซง คังโฮ แสดงนำอีกด้วย และวันนี้ผมจะมา REVIEW: PARASITE ชนชั้นปรสิตหนังเปิดตัวมาที่ครอบครัวของ คิม กีแท็ก หัวหน้าครอบครัว ที่มี คิม กีจอง (ลูกสาว), คิม กีอู (ลูกขาย),  และชุงซุก (ภรรยา) ที่มีฐานะที่ยากจนเอามากๆ โดยลูกทั้ง 2 คน นั้นไม่ได้เรียนต่อในมหาลัยเพราะครอบครัวไม่มีเงินที่จะส่งเรียน โดยหนังจะเปิดมาให้เห็นและพาเราไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัว ของ คิม กีแท็ก ที่อาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กในย่านสลัมของประเทศเกาหลี เป็นชุมชนแออัด ครอบครัวของ คิม กีแท็ก นั้นถือเป็นชนชั้นล่างสุดของสังคมประเทศเกาหลี แต่อยู่มาวันหนึ่ง ลูกชายของ คิม กีแท็ก ก็ได้รับการขอร้องจากเพื่อนสนิทให้ไปช่วยสอนพิเศษ ภาษาอังกฤษให้เด็กน้อย ลูกเศรษฐีคนหนึ่ง เรื่องจากเพื่อนของ คิม กีอู นั้นต้องเดินทางไปที่ต่างประเทศ และเพื่อนของเขาก็ได้เสนอค่าจ้องให้ และ คิม กีอู ตึกตกลงรับงานไป และได้ให้ คิม กีจอง ช่วยปลอมแปลงเอกสารการจบมหาวิทยาลัยให้กับ คิม กีอู เพื่อใช้เป็นเอกสารรับรอง ไว้เพื่อแสดงให้คนว่าจ้างได้เห็นไว้เป็นหลักฐาน การเรียนจบมาวิทยาลัย และเมื่อ คิม กีอู ได้เข้าไปสอนพิเศษเด็กสาวที่บ้านเศรษฐี คิม กีอู ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ ความร่ำรวย ความสุขสบายของบ้านเศรษฐีหลังนี้ จึงเกิดเป็นเรื่องราวต่างของเรื่องนี้ ผมอยากให้ทุกคนไปหาคำตอบกันกับหนังเรื่องPARASITE ชนชั้นปรสิต สำหรับการPARASITE ชนชั้นปรสิตต้องบอกเลยว่ามีเนื้อหาค่อนข้างเยอะผมอยากให้เพื่อนๆไปรับชมกันในหนัง และจะรู้ว่าหนังได้สอดแทรกเนื้อหารายละเอียดต่างๆที่สะท้อนสังคมเราในปัจจุบันอย่างมาก เป็นหนังขึ้นหิ้งของผู้กำกับเค้าเลยแหละครับ กับPARASITE ชนชั้นปรสิต วิดีโอตัวอย่างหนังเรื่อง PARASITE ชนชั้นปรสิต ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนัง Monster Hunter หนังจากเกมส์ชื่อดัง สำหรับคอหนังและคอเกม