The Mummy ภาพยนตร์ไตรภาคฟอร์มยักษ์ที่กลับมาฉายอีกครั้งใน Netflix

The Mummy

ย้อนกลับไปในปี 1999 ได้มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ออกมาเรื่องหนึ่งนำแสดงโดย เบรนแดน เฟรเซอร์ (Brendan Fraser) กับการผจญภัยในดินแดนประเทศอียิปต์ ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานนับพันๆ ปีด้วยกัน แถมยังต้องฟันฝ่ากับอุปสรรคต่างๆ นาๆ เพื่อหยุดยั้งแผนการชั่วร้ายของอดีตนักบวชที่คืนชีพกลับมาอีกครั้งในยุคปัจจุบัน โดยหนังฟอร์มยักษ์เรื่องนั้นมีชื่อว่า The Mummy The Mummy บู๊ล้างผลาญกับเหล่ามัมมี่สุดฮา เนื้อเรื่องของ The Mummy ในจักรวาลนี้ต้องบอกว่าไม่ได้น่ากลัวเหมือนภาพยนตร์ในอดีตที่ถูกสร้างมาก่อนหน้านั้น แต่เนื้อเรื่องจะเน้นไปที่ การผจญภัย, การค้นคว้าอารยธรรมเก่าๆ ในสมัยอียิปต์ และการตะลุมบอนกับเหล่ามัมมี่ ที่คอยตามมากวนใจ ริค โอ คอนเนลล์ (เบรนแดน เฟรเซอร์) และเพื่อนๆ อยู่บ่อยครั้ง โดยเนื้อเรื่องในภาคแรกนั้นเกิดขึ้นเพราะนักขุดสุสานไปเจอกับมัมมี่ของ อิมโฮเทป นักบวชในสมัยฟาโรห์ เซท ที่ 1 ซึ่งเขานั้นตกหลุกรัก อานัก ซู นามูน หนึ่งในสนมของฟาโรห์ แต่สุดท้ายความรักทั้งคู่ไม่สมหวัง เลยทำให้ อิมโฮเทป สาบานว่าในภพหน้าจะต้องแต่งงานกับนางอันเป็นที่รักให้ได้ แม้เขาจะได้คืนชีพกลับมาแต่สุดท้ายพระเอกก็จัดการเอาชนะ อิมโฮเทป ได้สำเร็จ และรักษาความสงบสุขของโลกเอาไว้ได้ เว็บรีวิวหนัง ภาคต่อที่มันระห่ำกว่าเดิม หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในภาคแรก จนกระทั่งในปี 2001 ก็ปล่อยภาคต่อออกมาอีกครั้งในชื่อThe MummyReturnsซึ่งเรื่องราวจะมีการกล่างถึง Scorpions King ราชาแห่งทะเลทรายผู้ยิ่งใหญ่ที่ขอพลังจากเทพเจ้าอนูบิส จนกำราบทัพศัตรูได้ แต่ต้องแลกมาด้วยการเป็นทาสไปชั่วนิรันดร์ ภาคนี้จะมีตัวละครเพิ่มมาคือ อเล็กซ์ ลูกชายของ ริค โอ คอนเนลล์ ที่ไปเจอกับวัตถุโบราณบางอย่างนำไปสู่การคืนชีพของ อิมโฮเทป พร้อมกับการปลุก สกอร์เปี้ยนส์ คิง กลับมาอีกครั้ง สุดท้ายก็เป็น ริค ที่จัดการทั้งหมด จากนั้นหนังในภาคที่ 3 ก็ถูกปล่อยออกมาในปี 2008 ในชื่อTheMummy: Tomb of The Dragon Emperor โดยในภาคนี้จะกล่าวถึงกษัตริย์ของประเทศที่โดนคำสาปจนกลายเป็นมัมมี่ และก็หนีไม่พ้น ริค กับผองเพื่อนต้องตามไปจัดการเหมือนเดิม หลังจากจบภาคที่ 3 เบรนแดน เฟรเซอร์ ประกาศว่าจะถอนตัวออกจากจักรวาลเลยทำให้หนังไม่มีภาคต่อออกมา แม้ว่าในจะมีการสร้างใหมอีกครั้งในปี 2017 ในชื่อThe Mummyเหมือนกันแถมยังได้ ทอม ครูซ ดาราหนุ่มสุดหล่อมาเป็นพระเอก แต่หนังกลับไม่ได้รับความนิยมเท่ากับในไตรภาคก่อนหน้านี้ และจากนั้นโปรเจคต์นี้ก็ไม่มีโผล่มาอีกเลย สำหรับใครที่อยากจะรับชมThe Mummyทั้ง 3 ภาค หาชมได้ใน Netflix และ ufabet1688 กันได้เลย Latest Posts

CODA หนังสร้างแรงบันดาลใจที่จะทำให้หัวใจคุณพองโตได้อย่างไม่คิด

CODA

เรียกว่าเป็นหนังที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว กับ CODA หัวใจไม่ไร้เสียง หนังที่บอกเล่าเส้นทางความฝันของเด็กคนหนึ่ง ร่วมกับการสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในความรักของครอบครัว ลำดับการเล่าเรื่องจะค่อยๆ เพิ่มความรู้สึกบางอย่างให้เกิดขึ้นในจิตใจของผู้ชม แล้วก็ถือได้ว่าครบรส ได้ทั้งความอิ่มใจ เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ยิ่งกว่านั้นยังปลุกไฟในตัวเราได้ด้วย CODA เด็กสาวรักเสียงเพลงในครอบครัวหูหนวก           ในเรื่อง CODA จะมีเด็กสาวคนหนึ่งเป็นคนดำเนินเรื่อง เธอเติบโตมาในครอบครัวคนหูหนวก ทั้งพ่อแม่และพี่ชายต่างไม่ได้ยินอะไร ขณะที่เธอเป็นคนเดียวที่ สื่อสาร ได้เลยดูคล้ายว่าทุกคนต้องพึ่งพาเธอตลอดเวลา เพราะรายได้หลักของบ้านคือการหาปลาที่ต้องคุยกับคนอื่นเป็นประจำ ประเด็นก็คือตัวเธอเองมีความฝันว่าอยากจะร้องเพลง แต่ความฝันนั้นอาจทำให้ครอบครัวต้องลำบาก ทุกอย่างไม่เป็นใจให้เธอเลือกชีวิตได้อย่างที่ตัวเองต้องการ เว็บรีวิวหนัง เสน่ห์ของCODAคือความรักภายในครอบครัว           หนังเรื่องนี้จะไม่ต่างจากหนังล่าฝันอื่นๆ เลย ถ้าCODAไม่ชูจุดเด่นเรื่องความรักอันแน่นแฟ้นของคนในครอบครัว ถึงจะทะเลาะกันอย่างไร พูดจากันรุนแรงแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วทุกคนรักใคร่และหวังดีต่อกันอย่างมาก พ่อแม่ยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ลูกได้มีโอกาสทำตามฝัน พี่ชายพร้อมยืดอกรับผิดชอบทุกอย่างแทนน้อง ขณะเดียวกันตัวเอกก็สนับสนุนครอบครัวกลับ ทุกคนจึงบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ในท้ายที่สุด ภาษามือเป็นอีกอย่างหนึ่งที่น่าติดตามในCODA           นอกจากรายละเอียดทั้งหมดที่อยากให้ผู้ชมไปติดตามต่อในหนังเรื่องCODAกันเอง ก็มีอย่างหนึ่งที่เชื่อว่าจะสะดุดใจหลายๆ คนเช่นกัน ก็คือวิธีการสื่อสารด้วยภาษามือตลอดทั้งเรื่อง บางครั้งพอเราไม่ได้ยินเสียง เราก็เห็นบางอย่างชัดเจนขึ้น เห็นความรู้สึกที่แท้จริงของคนอื่น เห็นความรักแท้ที่ไม่ถูกกลบเกลื่อนด้วยคำพูด และยังเตือนให้เราได้รู้ด้วยว่า เราควรจะต้องตั้งใจฟังคนอื่นมากขึ้นแค่ไหน Latest Posts

หนังจีนแนวกำลังภายใน วิทยายุทธสุดล้ำเลิศ ที่น่าดูประจำเดือนธันวาคม 65

หนังจีนแนวกำลังภายใน

หากพูดถึงแนวหนังที่กำลังได้รับความนิยมกันอย่างมากในตอนนี้ หลายคนก็ต้องยกนิ้วให้กับซีรีย์เกาหลี ที่ไม่ว่าใครได้ลองดูแค่เพียง 1 ครั้ง เหมือนถูกต้องมนต์สะกดจิต ให้กลายเป็นติ่งเกาหลีในบันดล คงด้วยพล็อตเรื่อง ที่น่ารัก พระเอกหล่อนางเอกสวย แต่ในวันนี้เราไม่ได้จะมาพูดถึงซีรีย์เกาหลี แต่เป็นภาพยนตร์จากเมืองจีน แนวกำลังภายใน อันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศจีน ที่ใครอยากจะเลียนแบบได้ หากย้อนเวลากลับไปประมาณ 20 ปี บอกเลยว่าในยุคนั้น ไม่มีภาพยนตร์ หรือซีรีย์เรื่องใด จะโค่นล้มหนังแนวกำลังภายในของจีนได้เลย และตอนนี้หนังแนวนี้ก็กำลังค่อย ๆ กลับมาอย่างช้า ๆ มีการดัดแปลงพล็อตเรื่องให้ดูวัยรุ่น ในส่วนของนักแสดงพระเอกนางเอกก็ดูดี ไม่แพ้ซีรีย์ของเกาหลีเลย และในเดือนธันวาคมนี้ เราได้ทำการคัดเลือก หนังจีนแนวกำลังภายใน มาแนะนำ จะมีชื่อเรื่องอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย 2 หนังจีนแนวกำลังภายใน มีครบทุกรสชาติ สนุกดูเพลินไม่เบื่อแน่นอน Latest Posts

i believe in santa ความรักของคน 2 คน เมื่อความต่างไม่อาจเป็นกำแพงกั้น

i believe in santa

จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ดูหนังเกี่ยวกับซานต้าในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และเรื่อง i believe in santa ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจจริงๆ เนื่องจากเป็นการบอกเล่าอีกมุมหนึ่งที่เราไม่ค่อยเห็นในหนังประเภทนี้ ไม่มีฉากอัศจรรย์ทำนองการร่ายเวทย์มนต์ หรือภาพซานตาครอสลากรถเลื่อนแจกของขวัญ แต่มันกลับมีความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากความรักของคน 2 คน ซึ่งแตกต่างกันอย่างสุดขั้วในเรื่องของความเชื่อ i believe in santa จะจบอย่างไรเมื่อทั้งคู่มาเจอกัน           ปกติเรามักจะเจอคนที่ชื่นชอบ เทศกาลคริสต์มาส แบบกลางๆ ทำนองว่าเข้าร่วมหรือไม่ก็ได้ทั้งนั้น แต่เรื่อง i believe in santa กลับนำเสนอคนที่ไม่ชอบคริสต์มาสอย่างมาก แล้วก็พยายามจะบอกคนรอบตัวว่าซานต้าไม่มีจริง แม้แต่เพลงในช่วงเทศกาลก็ยังไม่อยากฟัง ปัญหาคือเธอต้องมาเจอกับคนที่คลั่งคริสต์มาสถึงขนาดอยู่ในสายเลือด เขาเชื่อจากหัวใจเรื่องซานต้า และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เฉลิมฉลองในเทศกาลนี้ เว็บรีวิวหนัง i believe in santaคือหนังที่ความรักอบอวลทั้งเรื่อง           แม้ว่าปมของหนังจะเป็นความขัดแย้งที่หาจุดตรงกลางได้ยาก แต่บรรยากาศของi believe in santaนั้นกลับอบอวลไปด้วยความรัก เราจะได้เห็นทั้งความรักของแม่กับลูก ความรักของเพื่อน และแน่นอนความรักของคู่รักด้วย นอกจากชวนให้ยิ้มได้ตลอดเวลาแล้ว ยังชวนให้เรากลับมาคิดทบทวนกับตัวเองด้วยว่า การเสียสละเพื่อดูแลและอยู่เคียงข้างคนที่เรารักโดยไม่ต้องเสียตัวตนของเรามันดีแค่ไหน i believe in santaปิดฉากทิ้งท้ายได้อย่างงดงาม           ต่อให้ไม่บอกอะไรเลย แฟนหนังในช่วงเทศกาลคริสต์มาสก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าi believe in santaจะต้องจบแบบมีความสุข แต่ประเด็นที่เราคิดว่าน่าสนใจก็คือ มันเป็นความสุขแบบที่เป็นไปได้จริง เป็นการหาจุดกึ่งกลางร่วมกัน ละทิ้งตัวตนและอีโก้บางอย่าง เพื่อรักษาสิ่งที่เรียกว่าความรักเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นยังย้ำเตือนให้เรารู้ว่า บางครั้งมันไม่สำคัญเลยว่าสิ่งนั้นจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าเราเชื่ออย่างไรมากกว่า Latest Posts

“รักมั้ยนะเลขาคิม” หนังรักสุดโรแมนติกที่จะมาทำให้เราได้ชุ่มชื่นหัวใจ 

รักมั้ยนะเลขาคิม

โดยเรื่องนี้นั้นก็ถือว่าเป็นหนังรักโมแมนติกคอมเมดี้ ที่จะทำให้เราได้สนุกและชุ่มชื่นหัวใจกัน ไปกับ “ รักมั้ยนะเลขาคิม ” ซึ่งเรื่องนี้เลขาสาวสวยมากความสามารถที่เพียบพร้อมไปทุกอย่าง กำลังจะลาออกจากงานเพื่อไปทำให้สิ่งที่ตนเองรัก มันเลยทำให้เจ้านายสุดหล่อที่คิดว่าตัวเองเพอร์เฟค เว็บรีวีวหนัง แถมความหล่อก็ไม่เป็นรองใคร กับทำให้เขารู้สึกว่ากำลังจะขาดอะไรไปจากชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเขาเองนั้นก็ไม่เคยได้สนใจนางเองสักเท่าไร เพราะคิดว่าเลขาสาวยคนนี้จะทำหน้าที่เลขาของเขาตลอดไป ส่วนในด้านของนางเอกเองก็รู้สึกใจหายเหมือนกันที่จะต้องบอกลาเจ้านายอันเป็นที่รัก นั้นมันก็เลยทำให้พระเอกของเรารู้ว่าเขารักนางเอกมากแค่ไหน และไม่อยากจะให้นางเอกหลุดมือไปจากเขา จึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งนางเอกเอาไว้ มันทำให้มันเกิดเรื่องราวความรักอันกุ๊กกิ๊กสุดฮานี้ออกมา   ฟินไปกับความรักของเจ้านายตัวป่วนกับเลขาสาวสุดได้ที่“ รักมั้ยนะเลขาคิม ” แล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นซี่รีย์เกาหลีแนวความรักคอมเมดี้ ที่มีทั้งความสนุก ความตลก และ ความฮา ที่จะทำให้ผู้ชมอย่างเรา ๆ หัวเราะออกมาได้เกือบจะทุกซีน อีกทั้งความสวยน่ารักของนางเอกอย่าง พัก มิน-ย็อง ก็ทำให้เรานั้นหลงไปกับความสวย ความสดใสของเธอแล้วจนโงหัวไม่ขึ้น มันเลยยิ่งทำให้เรื่องนี้ลงตัวแบบสุด ๆ ไปเลย  อีกทั้ง “รักมั้ยนะเลขาคิม” ก็ถือว่าเป็นเรื่องเบาสมอและคลายความเครียดได้ เพราะเนื้อเรื่องที่เขาทำออกมานั้น ส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปในเรื่องของความรัก และ ความเอ็นดูของคู่พระนางที่ไม่รู้หัวใจตนเอง แต่เมื่อทั้งสองคนที่กำลังจะโบกมือลากัน มันยิ่งกับทำให้หัวใจของพวกเขานั้น กับเรียกร้องให้อีกฝ่ายนั้นเข้าหาและทำทุกทางเพื่อที่จะรักษาคนรักเอาไว้ และมันเป็นความรักที่เกิดจากเจ้าสุดเหย่อหยิ่ง และ เลขาสาวสุดมั่น มันเลยเกิดเป็นความรักที่ลงตัวนั่นเอง 

เชอร์ล็อกโฮมส์ หนังแนวสืบสวนสอบสวนที่จะให้เราได้ไปค้นหาความจริง

เชอร์ล็อกโฮมส์

เชอร์ล็อกโฮมส์ ถ้าใครที่ชื่นชอบหนังแนวสืบสวน หรือ การใช้ทฤษฎีในการไขคดีปริศนา หนังเรื่องนี้ก็เหมาะเอามาก ๆ เพราะเนื้อเรื่องจะเป็นเกี่ยวกับการค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น เว็บรีวีวหนัง ไม่ว่าจะเป็นคดีฆาตกรรม หรือ การค้นหาคนร้ายในคดีร้ายแรง ก็ต้องใช้ความสามารถและไหวพริบต่าง ๆ เพื่อเฟ้นหาความจริงที่เกิดขึ้น และ จับพวกคนร้ายมาลงโทษให้ได้ อีกทั้งคดีไหนที่ไม่มีความคืบหน้า และ ดูมีความยาก ก็จะให้พระเอกที่เป็นนักสืบมือทองของเรื่อง รีบให้เข้าไปแก้ไขคดีพวกนี้อย่างเร่งด่วน และในบางคดีนั้นก็ต้องใช้หลักการวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย จึงทำให้ความสนุกและความตื่นเต้นนั้นมีอยู่ในทุกคดี และทำให้พวกเราได้ร่วมลุ้นไปกับการหาความจริงของคดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ที่สามารถหาได้จากหนัง เชอร์ล็อกโฮมส์ นี้เท่านั้น สนุกจนอยากให้มีภาคต่อกับหนังเรื่อง เชอร์ล็อกโฮมส์ เนื่องจากหนังเรื่องนี้ถ้าพูดถึงความสนุกแล้วก็ถือว่าจัดอยู่ในระดับ 10 เต็ม 10 เลย อีกทั้งเนื้อหานั้นของเราเรื่องก็เข้มข้นเอาการ จนทำให้เราแฟน ๆ ก็อยากจะมีภาคต่อของเรื่องนี้ออกมา เพราะตอนตัดจบนั้นมันก็ดูยังมีความค้างคา ที่เหมือนจะมีภาค 2 ให้แฟนคลับได้ตามไปดูแต่กัน แต่ถึงอย่างไรก็ยังไรวี่แววของภาคต่อนี้อยู่ดี และหากใครที่ยังดูยังไม่อิ่มก็สามารถตามไปดู เชอร์ล็อกโฮมส์ ในแนวของซีรีย์ได้ เหมือนกัน  โดยนักแสดงในเรื่องนี้นั้นอย่าง โรเบิตร์ ดาวนีย์จูเนียร์ ที่ประกับคู่กับ จู๊ด ลอว์  ที่แสดงเป็นนักสืบและหมอหนุ่มสุดหล่อมาร่วมมือกันในการไขคดีสุดแปลก ๆ  ที่ต้องใช้ทักษะและพวกไหวพริบต่าง ๆ มาหาต้นตอความจริงของเรื่องคดีที่มันเกิดขึ้น และเหล่าบรรดาคนร้ายเองก็มีฝีมือเก่งกาจจนทำให้แผนการบางอย่างที่วางไว้เกือบจะต้องล่มกลางคัน แถมยังมีการวางแผนสลับตัวที่เราคาดเดาไม่ได้อีกด้วย  

เตรียมซับน้ำตาไปกับหนังรักที่ไม่สมหวังกับหนังเรื่อง  Me before you 

Me before you

หากใครที่เป็นสายดราม่าชอบเสียน้ำตาไปกับการดูหนังแล้วละก็ เรื่อง Me before you ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรค่าแก่การดู และถึงแม้พวกเขาจะไม่สมหวังในความรักเหมือนกับคู่อื่น ๆ แต่มันก็ทำให้เรารับรู้สึกความสุขของทั้งคู่ได้ โดยในเรื่องของเรื่องนี้นั้น เว็บรีวีวหนัง เริ่มจากพระเอกที่เป็นคนหล่อโปรไฟล์ดีแถมบ้านรวยมาก ๆ ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกระทันหัน จึงทำให้เขานั้นกลายเป็นคนพิการที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย จนทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและทำให้ต้องเปลี่ยนคนมาดูแลอยู่บ่อยครั้ง ส่วนในด้านของนางเอกที่กำลังหางานทำอยู่นั้น ก็เลยมาสมัครงานในการดูแลผู้ป่วยเพราะงานนี้นั้นมันจะได้เงินเยอะกว่างานอื่น ๆ แต่เธอหารู้ไม่ว่าคนที่เธอจะมาดูแลนั้นเขาคือพระเอกที่มีรูปโฉมหล่อเหล่า มันเลยเกิดเป็นความรักที่ไม่อาจคาดเดาได้ แม้ตอนจบจะต้องเสียน้ำตาให้กับความรักของทั้งคู่ก็ตาม  ME before you หนังความรักที่ควรค่าแก่การดู  ซึ่งเรื่องนี้แม้จะมีดราม่าในตอนจบ แต่หนังเรื่อง Me before you มันก็จะทำให้ผู้ชมอย่างเรามีความสุขไปกับความรักของพวกเขาทั้งคู่อย่างแน่นอน อีกทั้งในเรื่องของการมีความรักก็ได้ทำให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร หรือ มีข้อบกพร่องตรงไหนก็สามารถที่จะมีความรักได้เหมือนกัน อีกทั้งยังไม่ต้องปิดกั้นตนเองเพื่อเป็นการบั่นทอนความรู้สึกอีกด้วย และยังถือเป็นหนังน้ำดีที่ให้กำลังใจคนดูไม่น้อยเลย  แล้วนอกจากนี้ Me before you ก็ยังแง่คิดกับเรามากมายในเรื่องของความรัก ถึงแม้ในบางครั้งจะต้องมีการพลัดพลากกันบ้าง แต่คนที่อยู่ต่อนั้นก็จะต้องมีความสุขและเดินไปข้างหน้าอย่างมีความสุขได้ โดยที่ไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์ นั้นก็นับว่าเป็นการสอดแทรกกำลังใจให้กับผู้ที่ได้พบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อยู่ และนอนว่าหากใครที่ได้ดูเรื่องนี้นั้นคุณจะต้องมีเสียน้ำตาไปกับความสุข ความทุกข์ของพวกเขาอย่างแน่นอน 

ใครบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงการรับชม หนังระทึกขวัญ ไว้ก่อน

หนังระทึกขวัญ

แม้ว่า หนังระทึกขวัญ จะมีข้อดีหลายอย่าง ตั้งแต่การกระตุ้นจินตนาการของผู้รับชม ช่วยผ่อนคลายความเครียดให้ได้หลังจากรับชมจบเรื่องแล้ว กระทั่งทำให้เกิดบทสนทนาแปลกใหม่ในกลุ่มเพื่อนที่ชื่นชอบหนังแนวเดียกวัน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะรับชมหนังสไตล์นี้ได้ เว็บรีวีวหนัง ยังมีคนบางกลุ่มที่ควรจะหลีกเลี่ยงเลย เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียกับตัวเองทั้งแบบฉันพลันและระยะยาว แต่จะมีใครบ้างนั้น เดี๋ยวเราไปดูพร้อมกันเลย คนที่วิตกจริตมากกว่าปกติไม่ควรดู หนังระทึกขวัญ จะบอกว่าความวิตกจริตนี้ไม่จำเป็นต้องเจ็บป่วยทางจิต หรือมีอาการที่รุนแรงมากนัก แค่เป็นคนคิดมากและย้ำคิดเป็นเวลานานก็ไม่ควรดูหนังระทึกขวัญแล้ว เพราะเนื้อเรื่องของหนังแนวนี้จะเล่นกับความรู้สึก และจี้ปมปัญหาที่คนส่วนใหญ่จะสัมผัสได้ง่าย คนที่วิตกกังวลมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจรู้สึกเครียดมากขึ้น ทั้งยังมีโอกาสสูงที่จะเชื่อมโยงกับชีวิตจริงด้วย คนที่เป็นโรคซึมเศร้าควรเลือกประเภทหนังระทึกขวัญ อันที่จริงก็ขึ้นกับระดับความซึมเศร้าของแต่ละคนด้วย ยิ่งมีอาการหนักมากก็ยิ่งต้องหลีกเลี่ยงหนังระทึกขวัญ แต่ถ้าน้อยกว่านั้นก็สามารถเลือกบางประเภทของหนังมาดูได้ สิ่งที่ต้องระวังมีเพียงแค่ปมในหนัง ไม่ควรจะเป็นเรื่องที่อาจทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจ เช่น ถ้าเราเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ดีอยู่แล้ว ก็ต้องงดหนังระทึกที่เกี่ยวกับครอบครัว เป็นต้น คนที่มีอารมณ์รุนแรงทุกชนิดต้องงดดูหนังระทึกขวัญ เรื่องนี้อาจฟังดูเหลือเชื่อไปสักหน่อยในความคิดใครหลายๆ คน แต่มันมีความเป็นไปได้ที่เนื้อหาในหนังระทึกขวัญจะเปลี่ยนไปเป็นข้อมูลที่เจ้าตัวเก็บไว้ในสมอง เมื่อวันที่เกิดมีปัญหาจนอารมณ์ร้อนและขาดสติ ก็อาจใช้วิธีการแบบในหนังที่พอทำได้มาลองใช้ อย่างที่เราได้เห็นบางคนมีพฤติกรรมรุนแรงกับคนใกล้ตัว กับสิ่งของที่อยู่ใกล้มือ หรือกระทั่งการทำร้ายตัวเองในรูปแบบต่างๆ ยิ่งกว่านั้นถ้าคนอารมณ์ร้อนเป็นเด็กก็ยิ่งอันตราย

The Terminal เมื่อสนามบินเป็นมากกว่าสนามบิน

The Terminal

ย้อนกลับไปในปี 2004 กับภาพยนตร์จากฝั่งของฮอลลีวู้ด ที่มีเรื่องราวเล่าถึงชายคนหนึ่งที่เดินมาจากทาง ยุโรปตะวันออก เพื่อมาที่ นิว ยอร์ค แต่ด้วยเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นภายในประเทศของเขา ทำให้เขาไม่สามารถเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดได้ มิหนำซ้ำยังไม่สามารถเข้าแผ่นดินอเมริกา เว็บรีวีวหนัง ได้เช่นเดียวกัน เขาต้องใช้สนามบินในการใช้ชีวิตประจำวันและเอาตัวรอด จนได้เจอกับมิตรภาพมากมาย ภาพยนตร์เรื่องนั้นมีชื่อว่า “The Terminal”  The Terminal กลับไม่ได้ ไปต่อก็ไม่ถึง เรื่องราวของ The Terminal เล่าถึงชายที่ชื่อว่า วิคเตอร์ นาวอรสกี้ (ทอม แฮงค์ส) เขาเดินทางมาจากคราโคเซีย ยุโรปตะวันออกเพื่อมาที่ นิว ยอร์ค แต่เมื่อมาถึงสนามบิน เขากลับออกไปไหนไม่ได้เนื่องจากสถานการณ์บางอย่างในประเทศ ที่ทำให้ตอนนี้ประเทศของเขากำลังจะหายไป นาวอรสกี้ กลายเป็นคนไร้สัญชาติและเดินทางเข้าอเมริกา ไม่ได้ เขาเลยจำเป็นต้องใช้สนามบินในการหลับนอน และเอาตัวรอดในแต่ละวัน พร้อมกับต้องรับมือกับเจ้าหน้าที่สนามบินที่อยากจะให้เขารีบออกไปจากที่นี่ แต่นั่นทำให้เขาได้พบกับมิตรภาพมากมาย ที่ยากจะลืมเลือนได้ลง  ฐานข้อมูลจากเรื่องจริง กับการแสดงที่สมบทบาท The Terminal มีข้อมูลมาจากเรื่องจริงของ เมห์ราน คาริมี่ นาซเซอรี่ (Mehran Karimi Nasseri) ชายชาวอิหร่านที่ลี้ภัยจากประเทศบ้านเกิดแต่กลับต้องมาติดอยู่ที่สนามบิน “ชาร์ลส์ เดอ โกลล์” กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากหนังสือขอลี้ภัยของเขาหายไป ซึ่ง เมห์ราน ได้ใช้ Terminal ที่ 1 ของสนามบินในการใช้ชีวิตระหว่างปี 1988 – 2006 ซึ่งระหว่างนั้นเขาได้เขียนหนังสือเรื่อง “The Terminal Man” ขึ้นมาซึ่งกลายมาเป็นพล็อตของภาพยนตร์เรื่องนี้ ในแง่ของการแสดงนั้นต้องชม ทอม แฮงค์ส ที่เล่นออกมาได้ดี สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนที่ไร้บ้าน และไม่รู้ภาษา ไม่รู้อะไรเลยของประเทศที่ตัวเองต้องมาอยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าหนังจะออกแนวดราม่า แต่ก็มีจุดขบขัน มีจุดที่ทำให้คนดูได้ยิ้มไปด้วยอย่างอบอุ่น ได้เห็นถึงน้ำใจของมนุษย์ที่มีด้วย สำหรับใครที่อยากรับชม The Terminal สามารถรับชมได้ที่ Netflix ได้เลย 

สิบสามชีวิต ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของไทย

สิบสามชีวิต

หากย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2561 ข่าวที่ทำให้ทุกคนต้องตื่นตระหนกอย่างมากคือการที่ ทีมฟุตบอลพร้อมกับโค้ชรวมทั้งหมด 13 คน ที่เดินทางเข้าไปในถ้ำหลวง จ.เชียงราย และไม่สามารถเดินทางกลับออกมาได้ เนื่องจากมีฝนตกหนักและได้เกิดน้ำหลากทำให้ปิดทางเข้าออกจากถ้ำทั้งหมด เว็บรีวีวหนัง ทำให้ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ รวมทั้งหมด 17 ประเทศ ต้องระดมทีมเพื่อช่วยเหลือทุกคนออกมาได้สำเร็จ จนกระทั่งได้มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในชื่อเรื่อง “สิบสามชีวิต (Thirteen Lives)”   สร้างจากเหตุการณ์จริงที่ทั่วโลกต้องลุ้นระทึก  เรื่องราวของ สิบสามชีวิต (Thirteen Lives) เล่าถึงทีมฟุตบอลเยาวชนของประเทศไทยพร้อมกับโค้ชที่เดินทางเข้าไปเที่ยวเล่นในถ้ำหลวง ที่อยู่ในจังหวัดเชียงราย แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเกิดมีน้ำหลากทำให้ทางเข้านั้นถูกปิดตายทั้งหมด ทั้ง 13 คนเลยโดนขังอยู่ภายในถ้ำท่ามกลางความลุ้นระทึกของคนที่อยู่ด้านนอก ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยของประเทศไทย รวมถึงจากทั่วโลก รวมแล้วทั้งหมด 17 ประเทศด้วยกัน ต้องช่วยกันทำภารกิจช่วยเหลือทั้ง 13 คน ให้ออกมาจากถ้ำให้ไวที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายจนเกินไป  ผู้กำกับระดับตำนาน กำกับเอง  สิบสามชีวิต (Thirteen Lives) ได้ผู้กำกับที่ถือว่าเป็นตำนานที่ยังหายใจอยู่อย่าง “รอน ฮาวเวิร์ด” มากำกับเองทั้งหมด ซึ่งหลายๆ คนอาจจะเดาว่าหนังคงเล่นแค่ช่วยเหลือตัวประกันออกมาแล้วก็จบ แต่ รอน ฮาวเวิร์ด ทำให้มีอะไรมากกว่านั้น ในช่วงแรกเขาเล่าเรื่องได้อย่างกระชับและไม่มีความน่าเบื่อแต่อย่างใด ทำให้คนดูลุ้นระทึกได้ตลอดเวลา แต่อาจจะขัดใจตรงที่ฉากส่วนมากอาจจะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยทั้งหมด แต่บางจุดมีการเซ็ตขึ้นมา แต่เมื่อมองดูองค์ประกอบรวมแล้ว ทำให้คนดูมองข้ามจุดเล็กน้อยๆ ไปได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนในเรื่องของนักแสดงนั้น ตัวผู้กำกับมีการกระจายบทบาทได้อย่างลงตัว มีความโดดเด่นทั้งนักแสดงจากฝั่งฮอลลีวู้ดและนักแสดงจากฝั่งของไทยเอง สำหรับใครที่อยากจะสัมผัส สิบสามชีวิต (Thirteen Lives) สามารถหาดูได้ Google ได้เลย