กระบี่เย้ยยุทธจักร กับหลากหลายเวอร์ชั่นในจอแก้วและจอเงิน

นิยายเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร นั้นกิมย้งได้ทำการแต่งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513 ปี พ.ศ. 2512 แต่เดิมชื่อไทยใช้ชื่อว่า “ผู้กล้าหาญคะนองศึก” สำหรับในประเทศไทยในการแปลครั้งแรกโดย น.นพนัตน์ ต่อมาสำนักพิมพ์ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เดชคัมภีร์เทวดา” ตามชื่อภาพยนตร์ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ อำนวยการสร้างโดยฉีเคอะผู้สร้างหนังชื่อดังคุ้นหูชาวไทยกันดี ซึ่งออกฉายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2533 โด่งดังถึงขนาดมีการสร้างภาคต่ออีก 2 ภาค ในปีต่อๆ มา และยังถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือละครทางโทรทัศน์หลายครั้งเช่นเดียวกัน ที่รู้จักกันดีก็คือเดชคัมภีร์เทวดาในปี 1996 ก่อนที่จะมีการสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีกเวอร์ชั่นหนึ่งพร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรอย่างที่เรารู้จักกันดี ซึ่งสำนักพิมพ์ที่ได้ลิขสิทธิ์แปลนิยายต้นฉบับเป็นภาษาไทยก็เปลี่ยนชื่อนิยายเรื่องนี้เป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรตามละครโทรทัศน์ชุดนี้ด้วย และในการสร้างละครโทรทัศน์จากนิยายชุดนี้ต่อๆมาก็จะใช้ชื่อกระบี่เย้ยยุทธจักรแทบทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เอง ในบทความนี้ต่อไปเราจะขอเลี่ยงนิยายและละครจอแก้วกับจอเงินของนิยายชุดนี้ว่า กระบี่เย้ยยุทธจักร ทั้งหมด เราจะขอพูดถึงความประทับใจของภาพยนตร์และละครที่ดัดแปลงจากนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรที่ได้ชมสักหน่อย โดยกระบี่เย้ยยุทธจักรหรือภาพยนตร์เรื่องเดชคัมภีร์เทวดาที่ออกฉายในปี 1990 1993 ทั้งหมด 3 ภาคนั้น มีข้อดีก็คือค่อนข้างจะสรุปรวบเนื้อเรื่องได้ดี แต่จะดัดแปลงเปลี่ยนต้นฉบับไปมากพอสมควร โดยเฉพาะเป็นภาคแรกที่เพิ่มบทตงฟางปุ๊ป้าย ที่แต่เดิมเป็นชายร่างใหญ่น่ากลัวแต่ใจเป็นหญิงเพราะฝึก “วิชาคัมภีร์ทานตะวัน” กลายมาเป็น แม้ว่าจะยังคงเป็นชายที่ตอนตัวเองเพื่อฝึกวิชาคัมภีร์ทานตะวันอยู่ แต่เมื่อตอนแล้วก็กลายมาเป็นหญิงสาวรูปงาม ซึ่งรับบทโดยหลินชิงเสียนางเอกชื่อดังในยุคนั้น กระบี่เย้ยยุทธจักรเวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ในปี 1996 ค่อนข้างจะเก็บรายละเอียดครบตามต้นฉบับนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรของกิมย้งแต่งเอาไว้ แต่ผู้เขียนชอบมากที่สุดจะเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรซึ่งเป็นละครโทรทัศน์เวอร์ชั่น 1999 ที่ช่อง 3 เคยซื้อลิขสิทธิ์มาฉายเมื่อหลายปีก่อน เหตุผลก็เพราะไม่ว่าจะเป็นเทคนิคงานภาพ เนื้อเรื่อง แม้จะถูกดัดแปลงไปบ้างแต่ก็ไม่มาก แต่ฉากการต่อสู้สมกับเป็นนิยายกำลังภายในผสมเทคนิคการใช้สลิงแบบดั้งเดิม ไม่เหมือนกับซีรีย์กำลังภายในยุคปัจจุบันที่เน้นแสงสีเสียงเอฟเฟคอย่างเดียวเข้าว่าเหมือนจอมยุทธยืนอยู่เฉยๆ ปล่อยพลังกัน ไม่มีโชว์ลีลาการต่อสู้วาดลวดลายดาบกระบี่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และจุดแข็งของภาพยนตร์กำลังภายในจีนเลย ละครกระบี่เย้ยยุทธจักรในปี 2000 ก็มีการสร้างขึ้นเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งแต่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จัก และไม่ประทับใจเท่าไหร่ จนหลายคนแทบจะลืมไป จากนั้นแล้วก็ข้ามมาอีก 1 ความประทับใจ เมื่อมีผู้กำกับที่แสนจะมั่นใจ กำกับกระบี่เย้ยยุทธจักรมาสร้างใหม่ในเวอร์ชันปี 2013 ที่ยึดแนวทางที่ ฉีเคอะ เคยทำเอาไว้กับเดชคัมภีร์เทวดาเมื่อปี 1990 ด้วยการเปลี่ยนเพศของตัวละครหญิงแย่งบทบาทนางเอกเกือบทั้งหมดมาใส่ให้   ตงฟางปุ๊ป้าย ตัวร้ายในเรื่องแทน โดยให้เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ ที่หน้าตาสะสวยรับบทโดยเฉินเฉียวเอินนางเอกชื่อดังในเวลานั้นมารับบทนี้ ซึ่งหลงรักพระเอกเล่งฮู้ชง แต่น่าเสียดายที่พระเอกไม่มีใจให้ แม้ว่าจะดัดแปลงจากต้นฉบับไปมาก แต่ด้วยความสามารถของนักแสดงหญิงซึ่งรับบทตัวละครนี้เรียกว่าเอาบทอยู่ จนคนดูแทบจะเรียกว่ายกให้เธอเป็นนางเอก แทนนางเอกตัวจริงของเรื่องได้ไหมก็เลยทีเดียว และเป็นเวอร์ชั่นแรก เวอร์ชั่นเดียว ที่ท่านจะได้เห็นตงฟางปุ๊ป้ายหิ้วปิ่นโตกับข้าวขึ้นเขาไปส่งให้เล่งฮู้ชงที่ฝึกวิชาบนเขา ฮา  จากนั้นก็ข้ามมาเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักร เวอร์ชั่น 2019 ที่ผู้เขียนขอสารภาพว่าอยากจะลืมมากที่สุด เหตุผลก็เพราะอาจเพราะผู้สร้างต้องการหาแนวทางใหม่ในการสร้างกระบี่เย้ยยุทธจักรเป็นละครจึงได้ลดทอนฉากกำลังภายในออกไปแทบจะทั้งหมด ให้เหลือการต่อสู้แบบเสมือนคนจริงๆสู้กัน กลายเป็นว่าจอมยุทธที่เคยเหินเดินอากาศต่อสู้กันดุเดือดจากกระบี่เย้ยยุทธจักรเวอร์ชั่นเก่าทำได้เพียงแค่แกว่งดาบฟันกันนิดหน่อยพอประมาณซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด คือผู้ชมชาวไทยต่างด่าดอไม่พอใจกับเวอร์ชั่นนี้กันจริงๆ เหตุผลก็เพราะฉากบู๊แอคชั่นระดับนี้ไม่สมควรนำมาใช้กับกระบี่เย้ยยุทธจักร เพราะว่ากระบี่เย้ยยุทธจักรนั้นเป็นนิยายกำลังภายในแบบดั้งเดิมที่คนดูชอบความเวอร์วังอลังการ และสุดยอดของวิชายุทธ์ต่างๆในเรื่อง โดยเฉพาะวิชากระบี่เก้าเดียวดายของเล่งฮู้ชง เพลงกระบี่ปราบมารของตระกูลลิ้ม และที่ขาดไม่ได้คือความเว่อร์วังของวิชาคัมภีร์ทานตะวันของตงฟางปุ๊ป้าย แต่นี้อะไรเตะต่อยกันยังยังกะยกพวกตีกันตามงานวัด มันไม่ใช่กระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วล่ะนาย ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังที่มีเนื้อเรื่องของคนที่ถูกกัดขังมี หนัง Oldboy หนังเก่ามาให้ได้ดูกันแก้เซ็ง

REVIEW:The Platform คุกนรก 200 ชั้น หนังของค่ายสตรีมมิ่ง NETFLIX

สำหรับ The Platform คุกนรก 200 ชั้น นั้นเป็นหนังของค่ายสตรีมมิ่ง NETFLIX หนังจากประเทศสเปน ถือว่าเป็นหนังนอกกระแสเอามากๆ  โดยมีเรท R 20+ เลยทีเดียว โดยหนังเรื่องThe Platform คุกนรก 200 ชั้น นี้เป็นหนังของปี 2020 นี้เอง แต่หนังมีเนื้อหาที่ตรงประเด็น เข้มข้น เสียดสีสังคมได้เป็นอย่างดี หนังจึงดูพูดถึงเป็นอย่างมาก รวมทั้งในประเทศไทยบ้านเรา ก็มีการตัดฉากหนังต่างๆมาแชร์กันอย่างแพร่หลาย           วันนี้ผมจะมา REVIEW:The Platform คุกนรก 200 ชั้นโดยตัวหนังมีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที  หนังจะเปิดเรื่องในเรือนจำแห่งหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นแนวตั้ง และลึกลงไปเรื่อยๆ โดยแต่ละห้องจะมีเลขเขียนอยู่ถึงลำดับชั้นที่นักโทษอยู่ เป็นห้อง สี่เหลี่ยมที่มี รูตรงกลางเพื่อมีไว้เคลื่อนที่อาหาร จากชั้นบนที่ถูกกินเหลือและถูกส่งลงมาเรื่อยๆ พระเอก โกเร็ง ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตนเองอยู่ในคุกแนวตั้ง พร้อมชายแก่คนหนึ่งที่อยู่ในคุกห้องเดียวกัน ในคุกที่ โกเร็ง อยู่นั้นเมื่อมองผ่านรูตรงกลางห้องขึ้นไปก็จะเจออีกชั้นหนึ่ง และมองลงมาผ่านรูตรงกลางก็จะเจออีกชั้นหนึ่ง เมื่อ โกเร็ง รับรู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ในคุก และเข้าใจถึงลำดับห่วงโซ่อาหารที่ไม่เท่าเทียบกันในคุก คนชั้นบนได้เสวยอาหารที่สะอาดและสดใหม่ เมื่อทานเหลือ อาหารที่คนชั้นบนทานเหลือที่จะเลื่อนลงมาให้คนชั้นล่างได้กินต่อ เป็นทอดๆ โกเร็ง รู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำภายในคุก เขาถึงคิดวาวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงความเหลื่อมล้ำภายในคุกแห่งนี้            สำหรับการ REVIEW:The Platform คุกนรก 200 ชั้นนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าผมค่อนข้างชอบหนังเรื่องนี้เอามากๆ เนื้อหาของหนังนั้นถือว่าหยิบจับประเด็นที่เกี่ยวกับสังคมออกมาทำได้ดีมากๆ การแบ่งชนชั้นบน ชนชั้นล่าง ของแต่ละที่ ที่มนุษย์เราพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น อย่างที่ พระเอกของหนังอย่าง โกเร็ง พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงมัน และสำหรับตอนจบของหนังนั้นทำให้เราคิดได้หลายแบบมาก ผมอยากให้เพื่อนๆไปหาคำตอบกันในThe Platform คุกนรก 200 ชั้น วิดีโอตัวอย่างหนังเรื่อง The Platform คุกนรก 200 ชั้น ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการรีวิวหนังดังประจำปี 2019 : 5 อันดับหนังดังที่คุณห้ามพลาด หนังดังที่ควรดู

แนะนำหนัง กลิ้งงับงับ Critters สัตว์ประหลาดตัวกลมดูน่ารักแต่โหดชะมัด

Critters

สำหรับในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่หนังสยองขวัญ ถ้าไม่เป็นแนวฆาตกรโหดไล่ฆ่าคนไปเลย ก็จะวนเวียนอยู่กับแนวผีวิญญาณหลอกหลอนไล่ฆ่าคน หากแต่สำหรับวงการภาพยนตร์ในต่างประเทศแล้ว ภาพยนตร์หลายเรื่อง มีการคิดค้นให้กำเนิดสัตว์ประหลาดต่างๆ ขึ้นมามากมายหนึ่งในนั้นก็คือ Critters กลิ้ง..งับงับ นั้นเอง  โดย กลิ้ง..งับงับ เป็นภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาดสยองขวัญผสมวิทยาศาสตร์ไซไฟแฟนตาซี และปนคนตลกนิดๆ ออกฉายครั้งแรกในปี 1986 ที่ได้รับความนิยม และโด่งดัง ตีคู่มากับสัตว์ประหลาดของค่าย Warner Brothers อย่าง เกรมลินส์ ปีศาจซน Gremlins 1984 ซึ่ง Critters กลิ้ง..งับงับ จะกล่าวถึงเรื่องราวของสัตว์ประหลาดหน้าตากลมคล้ายลูกฟุตบอล หากแต่ขนมันก็เป็นหนามที่แหลมคม สามารถปล่อยไปทำร้ายให้กลายเป็นอัมพาต หรืออาจถึงตายได้คล้ายกับขนเม่น มีที่มาออกจากแตกต่างจากสัตว์ประหลาดอื่นสักหน่อย เพราะแทนที่จะเกิดมาจากความเชื่อแนวแฟนตาซีลีลับ เช่น มนต์ดำหรือภูติผีCritters กลิ้ง..งับงับ กลับเป็นสัตว์ประหลาดจากต่างดาวที่มีดีกรีเป็นนักโทษขององค์กรพิทักษ์จักรวาล ซึ่ง เหล่า กลิ้ง..งับงับ ได้ทำการขโมยยานอวกาศและดิ้นรนหนีออกมาจากคุกแห่งหนึ่งในห้วงอวกาศ ในจุดนี้จะเห็นเลยว่าพวกมันมีสติปัญญาไม่ใช่ระดับเพียงแค่สัตว์ประหลาดที่ออกล่าเหยื่อไปวันๆ แต่ถึงขั้นขับยานอวกาศได้เลยเชียวนะ แม้แต่ฆาตกรที่ฆ่าไม่ตายอย่าง เจสัน วอร์ฮีส์ ในเรื่องเจสันศุกร์ 13 ฝันหวาน พี่แกยังขับยานอวกาศไม่ได้เลย และองค์กรพิทักษ์จักรวาลนี้ก็ได้ทำการจ้างนักล่าค่าหัวฝีมือดี 2 คนให้ทำการบินไล่ล่าCritters กลิ้ง..งับงับ มาจนถึงโลกมนุษย์ ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งออกจะบ้านนอกสักหน่อย แบรต เบรา เด็กชายตัวน้อยและ ชารี หนุ่มว่างงานเป็นเพื่อนสนิทได้พบเจอเรื่องสยองขวัญ ซึ่งในคืนที่พวกกลิ้งงับงับได้มาถึงโลกนั้นเอง มันได้โจมตีใส่บ้านของหนุ่มน้อยและครอบครัว โชคดีที่ได้เหล่านักล่าค่าหัวและชาลีหนุ่มว่างงานขี้เมาเข้ามาช่วยกันต่อสู้จนสามารถฆ่าCritters กลิ้ง..งับงับ ได้ พร้อมกับรับชาลีไปเป็นพวกนักล่าด้วย เป็นอันจบภาคแรก หลังจากนั้นก็ต่อกันด้วยCritters กลิ้ง..งับงับ ภาค 2 ที่ออกฉายในปี 1988 ก็ได้กลับมาสานต่อตำนานความน่ากลัวของเจ้าสัตว์ประหลาดกลิ้ง..งับงับ กันต่อ หากแต่เช้านี้หลังจากในภาคแรกที่มีงบประมาณให้จำกัดจำเขี่ย หากแต่กลับประสบความสำเร็จ ทำให้Critters กลิ้ง..งับงับ ภาค 2 ได้รับทุนสร้างที่เพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก และมีฉากใหม่ๆ น่าตกใจมาให้เราได้ชมกัน โดยจะกล่าวถึงหนุ่มน้อย แบรต เบรา ที่เริ่มโตแล้ว มีอายุมากขึ้นได้ เดินทางกลับมาเยี่ยมเมืองเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่ หลังจากที่ครอบครัวพากันย้ายหนีไปจากเมืองนี้กันหมด เพราะเหตุการณ์ภาคแรก หากแต่ยังเหลือคุณยายของเขาอีก 1 คน ที่ไม่ยอมย้ายหนีไปไหนเพราะรักเมืองนี้ ประจวบเหมาะกับไข่ของเหล่าCritters กลิ้ง..งับงับ ในภาคแรก ที่แอบวางเอาไว้ เกิดฟักเป็นตัวออกมาอาละวาดอีกครั้ง ทำให้เด็กชายจากโลกมนุษย์ต้องร่วมมือกับเหล่านักล่าค่าหัวต่อสู้กับCritters กลิ้ง..งับงับ อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับคราวนี้ ต้องผนึกกำลังร่วมด้วยช่วยกันสู้กับคนทั้งเมืองเพื่อต่อกร กับสัตว์ประหลาดขนฟูหน้าตาน่ารักแต่โหดร้ายจากนั้นเรื่องราวก็ผ่านไปอีกหลายปีทีมนักล่า ที่เคยมาช่วยเหลือชาวโลกต่อสู้กับCritters กลิ้ง..งับงับ 2 ภาคแรก เหลืออยู่บนโลกเพียงคนเดียวคือชาลี ซึ่งออกไล่ล่าเหล่ากลิ้งงับงับที่เหลือรอดอยู่บนโลก จนเกิดเรื่องราวเมื่อเจ้าสัตว์ประหลาดได้ยึดตึกหลังหนึ่งเป็นที่พักอาศัย และไล่ล่าคนในตึกนั้น ซึ่งนอกจากจะได้ชมความน่ากลัวของกลิ้ง..งับงับแล้ว เราจะได้ชมภาพยนตร์ซึ่งเป็นเรื่องแรกของพระเอกชื่อดังอมตะนิรันดร์กาลของฮอลลีวูด Leonardo Dicaprio พระเอกในเรื่องไททานิค ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ และมาแสดงภาพยนตร์เป็นเรื่องเล็กๆ ซึ่งCritters กลิ้ง..งับงับ 3 นี้ เรื่องราวจะต่อเนื่องกับภาค 4 ชื่อฉายในปี 1992 โดยจะกล่าวถึง ชาลี เจ้าเดิม เพิ่มเติมคือหลังจากภาค 3 ที่เขาได้รับคำสั่งให้เอาไข่ Critters กลิ้ง..งับงับ ไปไว้ในจรวด เพื่อส่งมาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์อนุรักษ์สัตว์ของจักรวาล แต่เจ้าตัวดันติดอยู่ในกระสวยอวกาศกับใครดังกล่าว เวลาผ่านไปเป็นร้อยปีจนถึงยุคที่โลกมนุษย์ได้พัฒนาเทคโนโลยีเทียบชั้นกับชาวต่างดาวได้สำเร็จ มีการติดต่อสื่อสาร และบินข้ามดวงดาวด้วยยานอวกาศ ชารีตื่นขึ้นมาในสถานีอวกาศแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีเรื่องวุ่นวายเมื่อCritters กลิ้ง..งับงับ ที่ฝักไข่ออกมาทำการยึดสถานีอวกาศและล่าคนในนั้น อาวุธเดียวในมือของชาลีก็คือ ปืนลูกโม่ขนาด .44 จำนวน 1 กระบอก กับกระสุนมีแค่หยิบมือ ซึ่งเป็นของสะสมของลูกเรือยานอวกาศที่ช่วยเหลือเขา เรื่องราวจะจบลงอย่างไรไปหาดูกันได้ที่ภาพยนตร์เรื่องCritters กลิ้ง..งับงับ วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Critters ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังที่จะพาผู้ชมไปผจญภัยบนเกาะที่มีสัตว์ประหลาดอย่าง Kong: Skull Island

“อนิเมชั่นแนว Action” ของไทยที่ทุกคนไม่ควรพลาดอย่าง ๙ ศาสตรา

๙ ศาสตรา

เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ใช่เวลาในการพิถีพิถันจนสุขงอมอย่าง อนิเมชั่นแนว Action ที่ได้นำความเป็นไทยใส่ไว้อย่างมากมาย ที่มีชื่อเรื่องว่า ๙ ศาสตรา ที่ใครหลายคนอาจเคยได้ยินติดหูมาบ้าง ซึ่งเป็นผลงานของคนไทยที่ได้รวบรวมเอกลักษณ์ของประเทศไว้นับไม่ถ้วน อย่างลีลาแม่ไม้มวยไทย รอยสักของคนโบราณและสิ่งที่เป็นจุดเด่นของเรื่องนี้เลยก็คืออาวุธ นอกจากนี้ก็ยังมีเนื้อเรื่องที่มีความเข้มข้นของครอบครัวและความรักชาติของคนในสมัยนั้น ดังนั้น เป็นอีกหนึ่งอนิเมชั่นของคนไทยที่ท่านผู้ชมคนไทยทุกคนต้องไม่พลาด เรื่องย่อ เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับ อนิเมชั่นแนว Action เรื่องนี้และอีกหลายเรื่อง อย่างเนื้อเรื่องที่มีความน่าติดตามและเป็นเนื้อหาหลักของภาพยนตร์อีกด้วย และยังได้ทีมผู้พัฒนาที่ทุ่มกำลังอย่างเต็มที่ที่มีชื่อว่าเอ็กซ์ฟอร์แมท ฟิล์มส์ ซึ่งทำออกมาได้อย่างน่าชื้นชมเลยทีเดียว โดยเรื่องราวจะเล่าย้อนไปถึงสมัยโบราณที่กำลังเกิดสงครามระหว่างยักษ์กับมนุษย์ซึ่งกำลังแย่งชิงอาณาจักรรามเทพนคร และได้มีทหารกล้านายหนึ่งได้นำเด็กทารกที่จะเป็นผู้กอบกู้ให้มนุษย์กลับมายืนหยัดได้อีกครั้งตามคำทำนาย เมื่อเวลาผ่านไปเด็กทารกได้เติบใหญ่ขึ้นซึ่งเขามีนามว่า อ๊อด ทำได้หลบหนีมาอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่งและได้กำลังฝึกซ้อมวิชาแม่ไม้มวยไทยที่สาบสูญไปอีกด้วย ต่อมาเหล่ายักษาได้บุกมาถล่มที่นี้ทำให้เค้าต้องเอาชีวิตรอด จนได้พบกับอาวุธที่จะช่วยให้มนุษย์กลับมามีความหวังอีกครั้งอย่าง ๙ ศาสตรา ซึ่งเขาจะต้องร่วมมือกับเหล่าพ้องเพื่อนเพื่อให้อาณาจักร รามเทพนครกลับมาสงบสุขเช่นเดิมให้ได้ จุดเด่นของอนิเมชั่นเรื่องนี้ อนิเมชั่นแนว Action เรื่องหนึ่งของประเทศไทยที่ทำออกมาได้ไม่แพ้ของต่างประเทศเลยทีเดียว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทางด้านของกราฟฟิกส์ที่มีความเป็นธรรมชาติและดึงความเป็นไทยออกมาได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้เนื้อเรื่องก็ยังมีความน่าติดตามในตลอดทั้งเรื่อง ดังนั้น ใครที่ชอบอนิเมชั่นแล้วล่ะก็ไม่ควรพลาดการ์ตูนเรื่องนี้เป็นอันขาดอย่างอนิเมชั่น ๙ ศาสตรา วิดีโอตัวอย่างหนังอนิเมชั่นแนว Action อย่าง ๙ ศาสตรา ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการรีวิวหนัง Action มาพร้อมฮีโร่สายพันธุ์ใหม่ อย่าง Venom

แฟนเดย์แฟนกันแค่วันเดียว หนังรักหรือหนังโรแมนติก ของทางค่าย GDH

แฟนเดย์แฟนกันแค่วันเดียว

เป็นคนไม่ค่อยชอบดูหนังรักหรือหนังโรแมนติก จะชอบดูแต่หนังที่สนุกสนาน หรือไม่ก็ตลกหรือหนังสยองขวัญ เท่าที่ดูหนังมาจะดูหนังรักไม่กี่เรื่องเท่านั้น เช่น My Sassy Girls หรือ แฟนเดย์…แฟนกันแค่วันเดียว หรืออื่น ๆ อีกหลายเรื่อง แต่ที่ผมดูหนังรักนี่จะดูที่นางเอกสวย ๆ หรือไม่ก็กึ่งรักปนคอมเมดี้ เพราะดูหนังรักแล้วเขินแล้วตลกกับพระเอกนางเอกเลยไม่ชอบดู เพราะตัวเองเป็นคนไม่โรแมนติกด้วยมั้ง แต่หนังรักที่ผมจะชวนเพื่อน ๆ ชมในวันนี้เป็นหนังรักของทางค่าย GDH ชื่อเรื่อง แฟนเดย์แฟนกันแค่วันเดียว ที่ได้พระเอกนางเอก คือ เต๋อ ฉันทวิชช์ รับบท เด่นชัย, มิว นิษฐา  รับบท นุ้ย เป็นเรื่องของหนุ่มออฟฟิศ ตำแหน่งไอที ที่ไม่มีตัวตัวในสายตาของเพื่อน ๆ ในบริษัท จะมีตัวตนเฉพาะตอนที่คอมพิวเตอร์มีปัญหาเท่านั้น มีเพียงแค่นางเอกของเรื่องเท่านั้นที่จดจำชื่อของเขาได้ และเรียกชื่อของเขาได้ถูกต้อง จนพระเอกประทับใจและรู้สึกดีและแอบชมชอบแอบจดจำรายละเอียดของนางเอกไว้อย่างเงียบ จนบริษัทได้พาพนักงานไปเที่ยวเล่นสกียังประเทศญี่ปุ่น พระเอกได้ไปขอพรที่วัดแห่งหนึ่งว่าขอให้ได้เป็นแฟนกับนางเอกสักครั้งแค่วันเดียวก็ยังดี และในระหว่างไปเที่ยวเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทำให้นางเอกเกิดความจำเสื่อมไป 1 วัน ตอนที่นางเอกฟื้นคืนสติขึ้นมาก็เจอพระเอกที่อยู่ตรงหน้าง นางเอกถามพระเอกว่าเขาคือใคร พระเอกก็บอกนางเอกไปว่า เขาคือแฟนของเธอ และระหว่างที่พนักงานคนอื่น ๆ กลับประเทศไทยหมดแล้ว เหลือแต่นางเอกกับพระเอกที่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นต่ออีก 1 วัน พระเอกดีใจมากที่ได้อยู่เที่ยวและได้เป็นแฟนกับนางเอกแค่ 1 วันก็ยังดี แฟนเดย์แฟนกันแค่วันเดียว เป็นหนังรักโรแมนติก ที่น่าสงสารพระเอกเป็นอย่างยิ่ง คือ สมหวังกับนางเอกแค่วันเดียว เรื่องนี้นางเอกสวยมาก พระเอกก็หน้าตาธรรมดา ชอบบรรยากาศที่ญี่ปุ่นตอนหิมะตก เหมาะกับหนังรักเป็นอย่างมาก วิดีโอตัวอย่างหนัง แฟนเดย์แฟนกันแค่วันเดียว ช่องทางในการรับชมดูได้ทาง True-ID หนังดี GDH , NetFlix , หรือซื้อแผ่นดีวีดีมาดูนะครับร้าน B2S หรือแมงป่อง,บูมเมอแรง ติดตามการรีวิวหนังมาใหม่ทุกวันและติดตามหนังค่ายGTHรถไฟฟ้ามาหานะเธอ

Extraction หนังดังจาก Netflix ถ่ายทำที่ไทย

Chris Hemsworth ได้ยินชื่อนี้สาวกชาวไทยก็นึกถึงภาพของเทพเจ้าสายฟ้าธอร์ บุตรแห่งเทพเจ้าโอดินที่ไม่ว่าเวลาไหนก็ฆ่าเขาไม่ตาย เพราะด้วยบุคลิกที่หล่อ เท่ห์ แถมขี้เล่นนิดๆ ทำให้สาวๆ หลายคนต้องร้องกรี๊ดกันเลย แล้วเขาจะมาเป็นนักแสดงหลักหนังที่ชื่อว่า Extraction          การกลับมาในครั้งนี้ของ Chris Hemsworth ในบทนักแสดงนำของเรื่อง Extraction ที่สร้างคามฮือฮาจากคลิปสั้นๆ บนทางด่วนที่นักแสดงนำของเราได้บ่นถึงเรื่องรถติดในกรุงเทพนั่นเอง เอ๊ะทำไมถึงได้บ่นหละครับ แน่นอนว่า Chris Hemsworth คงไม่ได้มาเที่ยวอย่างเดียวอย่างแน่นอน แต่เขานั้นได้มาถ่ายทำหนังเรื่อง Extraction ที่ประเทศไทยของเรานั่นเอง รู้สึกตื่นเต้นเลยนะครับ ที่บรรยากาศบ้านเราจะไปปรากฎอยู่ในโรงภาพยนต์ระดับโลกกันเลยทีเดียว          การถ่ายทำที่ประเทศไทยถูกเนรมิตเป็นเมืองธากา เมืองหลวงของประเทศบังกลาเทศและประเทศไทยยังได้ถูกดัดแปลงเป็นเมือง เมืองอาห์เมดาบัด ในประเทศอินเดียอีกเช่นกัน          Extraction เริ่มเรื่องด้วย ไทเลอร์ เรค รับบทโดย Chris Hemsworth อดีตทหารสมัคร ที่ภูมิหลังนั้นมีแต่เรื่องร้าวรานในจิตใจ หัวใจของเขาได้แตกสลายไปอย่างสิ้นเชิง เขาได้ผันตัวมาเป็นทหารรับจ้าง การเดินเรื่องก็คงไม่ต่างอะไรกับเรื่องอื่นๆ ที่อดีตเป็นทหารมือดี แต่จับพลับจับผลูมาเป็นทหารรับจ้างอีก ด้วยฝีมือที่เก่งฉกาจ การใช้ชีวิตของเขาก็มีไปวันๆ อยู่อย่างไร้จุดหมาย แต่จู่ๆ เขาก็ได้รับงานจ้างเป็นการชิงตัว ลูกชายมาเฟียในย่านนั้นเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยหัวหน้าเจ้าพ่อผู้คุมเมืองอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งทั้งสองระหองระแหงกันมาอย่างยาวนาน และแล้วเรื่องราววุ่นวาย ความสนุกต่างๆ ก็ได้เกิดขึ้น ความอันตรายที่ปกคลุมด้วยอิทธิพลของมาเฟียในย่านนั้นก็ยากเกินจะอธิบายได้ ในเรื่องยังดำเนินไปถึงการหักหลัง ซ้อนแผนซ่อนเงื่อน จึงเป็นบททดสอบ Chris Hemsworth สำหรับการกลับมาของเขาได้ดีทีเดียว          เรื่องราวได้ถูกดำเนินไป แต่ว่าฉากแอ็คชั่นต่างๆ ทำมาได้อย่างสุดมันส์ด้วยความบ้าระห่ำ ของ Chris Hemsworth บู้ล้างผลาญ และระทึกใจของฉากที่ลำดับภาพมาเป็นอย่างดี ผู้ชมส่วนใหญ่แทบหยุดหายใจกับฉากการต่อสู้ที่ต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ชั่วโมงเต็มกันเลยทีเดียว          จุดขายที่หนัง Extraction พยายามขายก็คือฉาก Long Take ที่มีความยากของการถ่ายทำ และอาวุธสงครามที่ใช้ ประหนึ่งว่าขนมาทั้งกองทัพเพื่อถ่ายทำฉากที่ยากที่สุดในหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าจะทำให้ผู้ชมประทับใจกับฉากนี้และโดนใจอย่างแน่นอน          การถ่ายทำในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ แต่เราก็ยังแทบจะมองไม่ออกว่าถ่ายทำที่ประเทศไทยและเราไปพิสูจน์กันได้ที่ Extraction ใน Netflix กันเลยครับ Movie trailer click เว็บไซต์ที่คัดสรรความบรรเทิงมาให้แบบครบครันทั้งหนังไทย หนังต่างประเทศ หนัง Netflix และซีรีย์ต่างๆ click

Jackass Presents: Bad Grandpa เปิดประวัติหนังตลกป่วนจิต

เปิดประวัติหนังตลกป่วนจิต Jackass

                สำหรับหนัง Jackass เรื่องนี้ อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างแผ่หลายในประเทศไทย แต่ถือว่าเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้เป็นอย่างมาก และถือว่าเป็นหนังตลกป่วนจิตชื่อดัง ในฝั่งอเมริกาเช่นกัน กับรูปแบบของหนังที่ถ่ายทำในรูปแบบกึ่งเรียลลิตี้ ของ 2 ชายต่างวัยอย่าง คนปู่สุดซ่า และเด็กชายสุดแสบ ที่เหมือนทั้ง 2 ได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน แล้วเรื่องราวสุดป่วน ที่ทำให้ผู้ชมหัวเราะจี้ใจไปตาม ๆ กัน ขอบอกก่อนเลยว่าสำหรับผู้ชมที่จะหาสาระ หรือข้อคิดดี ๆ จากหนังนั้นแทบไม่มีเลย มีแต่ความสนุก ความตลกสุดป่วนจิต มอบให้ผู้ชมเท่านั้น                 แต่ในบทความนี้ไม่ได้มาเล่าเรื่องย่อหนังให้ผู้อ่านได้อ่านกันแต่อย่างใด แต่เล่าจะมาเปิดประวัติของหนังเรื่องนี้ กับเหล่านักแสดงที่คุณคาดไม่ถึง อย่างคุณปู่สุดซ่าในเรื่อง แท้จริงแล้วเขาคือชายหนุ่มนิสัยสุดบ้า, สุดห่าม, ที่ชอบทำอะไรแผลง ๆ ชื่อ Johnny Knoxville และแท้จริงแล้วก่อนที่หนังเรื่องนี้จะถูกทำมาเป็นภาพยนตร์นั่น น็อกซ์วิลล์ นั่นทำรายการโทรทัศน์ที่ฉายทางช่อง MTV มาก่อน โดยรายการนั่นเป็นเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงเรื่องราวสุดห่ามพร้อมตลกร้าย ที่กลุ่ม Jackass ที่นอกจากมี น็อกซ์วิลล์ และยังมีเพื่อนร่วมแก๊งอีกหลายคน  และรายการ Jackass นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นที่พวกเขานั้นได้ร่วมมือกับทีมสร้างในการทำหนังคุณภาพดีแบบนี้ออกมา                 ซึ่งหนังเรื่องนี้ ถือว่าเป็นหนังทำเงินของสหรัฐฯ เลยที่เดียว ด้วยทุนสร้างเพียงไม่กี่แสนดอลล่า แต่สามารถโกยกำไรไปหลายสิบล้านดอลล่า และยังมีภาคอื่น ๆ อีก 3 ภาคที่ถูกจัดทำขึ้น และ 1 ในนั้นได้ติดอันดับ 1 ของ Box office อีกด้วย ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ไม่มีเนื้อหาสาระแต่อย่างใด แต่สามารถครองใจคนดูได้จนถึงทุกวันนี้ โดยความตลกร้าย และการให้นักแสดงประกอบนั้นไม่มีการเตรียมบทใด ๆ คือมีแต่อารมณ์ที่เกิดขึ้นจริงล้วน ๆ แล้ว 2 ป่วนนี้จะไปสร้างเรื่องสุดป่วนจิตอะไรกันบ้าง ติดตามได้ใน Jackass Presents: Bad Grandpa #Jackass Presents: Bad Grandpa#Movie #Series #filmograd #หนัง #เรื่องย่อ #ข้อมูลหนัง #Johnny Knoxville#ติดตามหนังใหม่ คลิกที่นี่