รีวิว Enola Holmes กับการไขคดีของนักสืบสาว ดีกรีน้องสาวเชอร์ล็อก โฮล์ม

ถ้าพูดถึงเรื่องหนังแนวสืบสวนที่เกรดดี ๆ หน่อย ก็คงหนีไม่พ้นหนังเรื่อง “Sherlock Holmes” กันหรอกใช่ไหม แต่วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูในอีกมุมมองหนึ่งของหนังแนวเดียวกันนี้ ใน รีวิว Enola Holmes ซึ่งเป็นหนังที่มีเค้าโครงมาจากนิยายชุด “The Enola Holmes Mysteries” ที่เขียนโดย  Nancy Springer นั่นเอง เดิมทีแล้ว ก่อนหน้านี้มีคดีความฟ้องร้องกันอยู่ในข้อหาเรื่องของลิขสิทธิ์ในข้อหาที่ใช้ตัวละคร เชอร์ล็อก โฮล์ม หลังจากที่ยังไม่หมดลิขสิทธิ์ Public Domain (สาธารณสมบัติ ที่มีอายุ 50 ปีหลังจากที่เจ้าของลิขสิทธิ์เสียชีวิตไป) แต่เราคิดว่าทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะเคลียร์กันเรียบร้อยแล้วล่ะ ทาง Netflix ถึงได้เอาหนังมาลงได้ เอาเป็นว่า… เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าหนังเรื่องนี้มันเป็นยังไงบ้าง ไปเล้ยยยย! ชื่อเรื่อง : “Enola Holmes” แนว : ลึกลับ ,สืบสวน นักแสดง : Millie Bobby Brown, Sam Claflin, Henry Cavill, Helena Bonham Carter บทภาพยนตร์ : Jack Thorne ผู้กำกับ : Harry Bradbeer ค่าย : Netflix วันฉาย : 23 กันยายน 2020 เวลา : 02 ชั่วโมง 03 นาที IMDb : 6.7 เรื่องย่อ เรื่องราวของ “เอโนล่า โฮล์ม” (รับบทโดย Millie Bobby Brown) น้องสาวของเชอร์ล็อก โฮล์ม นักสืบชื่อดัง เธอพบว่าแม่ของเธอหายตัวไป เธอจึงตั้งใจออกไปตามหาแม่ที่เลี้ยงเธอมาด้วยตัวคนเดียวมาโดยตลอด โดยแม่ของเธอไม่เคยสอนในเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงเลยสักอย่าง แต่… แม่ของเธอมักจะชอบสอนทักษะการเอาตัวรอดต่าง ๆ รวมทั้งทักษะการต่อสู้ให้เธอมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งในการหายตัวไปของแม่ในครั้งนี้ ทำให้พี่ชายทั้ง 2 คนของเธอที่ประกอบไปด้วย “ไมครอฟต์ โฮล์ม” (รับบทโดย Sam Claflin) และ “เชอร์ล็อก โฮล์ม” (รับบทโดย Henry Cavill) กลับมามีบทบาทในชีวิตเธอมากขึ้น โดย ไมครอฟต์ โฮล์ม นั้นพยายามที่จะบังคับให้เธอเข้าเรียนในโรงเรียนสตรีตามธรรมเนียมของอังกฤษในสมัยนั้น ส่วน เชอร์ล็อก โฮล์ม ก็ออกตามหาแม่ที่หายตัวไปนั่นเอง แต่ในขณะเดียวกัน เอโนล่า ก็หนีออกจากบ้าน เพื่อออกตามหาแม่ของเธอที่ลอนดอน ตามที่แม่ของเธอได้ทิ้งเบาะแสเอาไว้ให้ รีวิว Enola Holmes เรียกได้ว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องที่ต่อยอดจากเรื่องเชอร์ล็อกโฮล์มได้อย่างดีเลยทีเดียว ถึงแม้เนื้อเรื่องจะไม่ได้ต่อกันก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้คนที่ไม่เคยดูเชอร์ล็อกโฮล์มมาก่อน ก็สามารถดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างเข้าใจได้สบาย ๆ โดยหนังเรื่องนี้จะไม่ได้เน้นไปที่การไขคดีของ เชอร์ล็อก โฮล์ม มากเท่าไรนัก เพราะหนังเรื่องนี้จะเน้นไปที่ เอโนล่า เป็นหลักเลย ไม่ว่าจะเป็นฉากบู๊ หรือฉากการไขคดีต่าง ๆ อีกทั้งหนังเรื่องนี้ยังใช้การเล่าเรื่องที่เปรียบเสมือนมีคนๆหนึ่งมาเล่าเรื่องราวในชีวิตตัวเองให้ฟังได้อย่างน่าสนใจ โดยใช้ตัวหลักอย่างเอโนล่าในการหันมาพูดคุยกับคนดูได้อย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง แล้วไหนจะได้ Millie Bobby Brown หรือที่เรารู้จักกันในนามของ “แอล จากสเตนเจอร์ธิงค์” มารับบทเอโนล่า ที่ดูจะซ่าส์ ก๋ากั่น เข้ากับตัวเธอมากๆ ซึ่งหนังเรื่องนี้เราต้องยกให้ Millie Bobby Brown เป็นเจ้าหญิงเลย เพราะหนังเรื่องนี้เธอสวยมากๆ สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะดูดีหรือไม่นั้น คือเรายอมรับเลยว่าหนังเรื่องนี้มันดีทุกๆอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นฉาก โลเคชั่น งานภาพ เนื้อเรื่อง ทุกอย่างคือดีงามเข้ากันได้หมดเลย  แต่มีอยู่อย่างหนึ่งนะที่เรารู้สึก นั่นก็คือ เหมือนมันจบไปแบบง่ายๆเลย อย่างในตอนฉากท้ายของการตามหาแม่ของเอโนล่านั้น น่าจะให้เธอได้แสดงทักษะการสืบสวนมากกว่านี้อีกสักหน่อย เพราะเหมือนที่เธอทำมาตลอดทั้งเรื่องนั้นสูญเปล่าไปเลย เพราะแม่กลับมาพบเธอเองซะอย่างนั้น แต่รวมๆแล้วหนังเรื่องนี้ดีนะ สนุกเลยแหละ! ตัวอย่าง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิวหนัง Sierra Burgess is a Loser (เซียร์รา เบอร์เจสส์ แกล้งป๊อปไว้หารัก) ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Ufabet369

รีวิวหนัง Sierra Burgess is a Loser (เซียร์รา เบอร์เจสส์ แกล้งป๊อปไว้หารัก)

ในสังคมสมัยนี้อย่างที่เรารู้กันว่า คนที่มีรูปร่างหน้าตาดี ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ล้วนมีชัยไปแล้วกว่าครึ่งเลยทีเดียว แต่มันจะเป็นไปได้ไหม? ที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาที่ไม่ได้โดดเด่น หรือสวยตามแบบฉบับอย่างคนอื่นเขา หวังที่จะมีความรักจริงๆสักที หนังเรื่อง Sierra Burgess is a Loser (เซียร์รา เบอร์เจสส์ แกล้งป๊อปไว้หารัก) นี้ จะเป็นหนังที่เป็นคำตอบให้กับทุกๆอย่างเอง ชื่อเรื่อง : SierraBurgess is a Loser (เซียร์รา เบอร์เจสส์ แกล้งป๊อปไว้หารัก) แนว : โรแมนติก นักแสดง : Shannon Purser, Kristine Froseth, RJ Cyler, Noah Centineo บทภาพยนตร์ : Lindsey Beer ผู้กำกับ : Ian Samuels ค่าย : Netflix วันฉาย : 07 กันยายน 2018 เวลา : 1 ชั่วโมง 45 นาที เรื่องย่อ เรื่องราวความรักที่ไม่ได้ตั้งใจ เมื่อ “เวโรนิกา” (รับบทโดย Kristine Froseth) เชียร์หลีดเดอร์สาวสวยที่หลอกชายหนุ่มอย่าง “เจมี่” (รับบทโดย Noah Centineo) ที่เข้ามาจีบเธอ โดยการให้เบอร์โทรของ “เซียร่า” (รับบทโดย Shannon Purser) สาวเรียนเก่งขี้แพ้ประจำโรงเรียนไปแทนเบอร์ของเธอเอง นั่นทำให้เซียร่าและเจมี่เริ่มมีความสัมพันธ์ขึ้นมาเรื่อยๆผ่านการพูดคุยกัน โดยเจมี่หารู้ไม่ว่าคนที่เขาคุยด้วยนั้นไม่ใช่เวโรนิกา คนที่เขาต้องดการจะสานสัมพันธ์ด้วยจริงๆ รีวิว Sierra Burgess is a Loser (เซียร์รา เบอร์เจสส์ แกล้งป๊อปไว้หารัก) สารภาพเลยว่าเข้ามาดูความน่ารักของ Noah Centineo ล้วนๆเลย โอ้ย…คนอะไรน่ารักขนาดนี้ ยิ้มทีโลกสดใสเลยจ้า ฮ่าๆ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า หนังเรื่องนี้แรกๆกฌตามแบบฉบับหนังไฮสคูลเลย คือจะมีคนที่ถูกบูลลี่ แล้วก็จะมีสาวสวยตัวเด่นของโรงเรียนนั่นเอง แต่เมื่อดูไปเรื่อยๆแล้ว ตัวหนังมันบอกเราได้ว่าทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปของมันเอง ตัวเวโรนิกาเองที่ตอนแรกเราคิดว่านางจะมาเป็นตัวร้าย คอยกลั่นแกล้งเซียร่า แต่มันกลับไม่ใช่เลย นางมาเพื่อคอยช่วยเหลือเซียร่า และกลายเป็นเพื่อนรักกันในที่สุด หรือแม้แต่ตัวเซียร่าเองก็ยังแอบมีนิสัยเสียๆที่แสดงออกมาเช่นกัน เอาจริงๆแล้วเราว่าหนังเรื่องนี้ตั้งใจที่จะสะท้อนให้เห็นถึงการมองคนว่า เราไม่ควรมองคนที่ภายนอก แต่เราควรมองกันให้ลึกถึงภายในจิตใจต่างหาก รวมๆแล้วหนังเรื่องนี้มันให้อารมณ์ฟีลกู๊ดดี แต่ว่ามันจบง่ายไปนิดหนึ่งนะ เหมือนจบแบบห้วนๆไปเลยอ่ะ ตัวอย่าง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิวหนังเรื่อง ตีสาม กับเรื่องราวที่บอกว่าผีจะมาหลอกตอนตีสาม ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Ufa1688

รีวิวหนังเรื่อง ตีสาม กับเรื่องราวที่บอกว่าผีจะมาหลอกตอนตีสาม

เรื่องราวที่ถูกเล่าต่อกันมาหลายยุคหลายสมัยกับเรื่องราวเกี่ยวกับผีที่ว่า “ตีสามแล้ว ระวังผีมานะ” ซึ่งเหมือนเป็นความเชื่อว่า ตอนตีสามพวกวิญญาณจะสามารถใกล้ชิดกับมนุษย์ได้มากที่สุดนั่นเอง ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ได้มีการหยิบยกเอาเรื่องราวตรงนี้มาสานต่อ โดยเป็นเรื่องราวของหนังสั้น 3 เรื่องมาต่อกันนั่นเอง เราไปดู รีวิวหนังเรื่อง ตีสาม กันเลยดีกว่า ว่าเป็นยังไงกันบ้าง ชื่อเรื่อง : “ตีสาม” แนว : สยองขวัญ นักแสดง : อภิญญา สกุลเจริญสุข, โฟกัส จีระกุล, วิวิศน์ บวรกีรติขจร, ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร, นัยน์ภัค ภูมิภักดิ์, กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ปีเตอร์ ไนท์, ชาคริต แย้มนาม, เรย์ แมคโดนัลด์, ประชากร ปิยะสกุลแก้ว, กันยรินทร์ นิธินพรัศม์ ผู้กำกับ : พัชนนท์ ธรรมจิรา, กิรติ นาคอินทนนท์, อิสรา นาดี ค่าย : Five Star Production วันฉาย : 22 พฤศจิกายน 2012 เวลา : 1 ชั่วโมง 35 นาที IMDb : 5.5 เรื่องย่อ+ รีวิวหนังเรื่อง ตีสาม เรื่องแรก : เกศสยอง เรื่องราวของ “มินท์” (รับบทโดย อภิญญา สกุลเจริญสุข) และ “เมย์” (รับบทโดย โฟกัส จีระกุล) ลูกสาวเจ้าของร้านวิกผมที่มักจะมีปัญหาทะเลาะกันเป็นประจำ ซึ่งพ่อกับแม่ของพวกเขาไม่ค่อยจะอยู่บ้านและให้พวกเขาอาศัยอยู่กันเองตามลำพัง โดยมินท์ผู้เป็นพี่สาวชอบปล่อยให้น้องสาวทำงานในร้านคนเดียว ไม่ค่อยสนใจงานในร้านเท่าที่ควร จนในวันหนึ่งเมย์ได้รับซื้อเส้นผมมาจากป้าคนหนึ่ง โดยไม่ได้รู้ที่มาที่ไปของเส้นผมนี้ และในขณะเดียวกันมินท์ได้พาเพื่อนมาสังสรรค์ที่บ้าน โดยเพื่อนของมินท์ได้มีการนำวิกผมนั้นออกมาเล่น แต่นั่นมันกลับทำให้มีบางอย่างที่พร้อมจะเล่นงานพวกเขาทุกคนตามมา สำหรับเรื่องนี้เราว่ามันก็ค่อนข้างน่ากลัวในระดับหนึ่งเลยนะ แต่มันอาจจะยังไม่สุดสักเท่าไร อาจจะด้วยความที่มันเป็นเรื่องสั้นด้วย เรื่องราวก็อาจจะไม่ได้ลงลึกไปมากมายนัก แต่เราว่ามันก็โอเคอยู่นะ นักแสดงทุกก็สามารถแสดงออกมาได้อย่างสมบทบาททุกคนเลย เรื่องที่ 2 : เรือนหอคนตาย เรื่องราวของ “ทศ” (รับบทโดย โทนี่ รากแก่น) บุรุษพยาบาลที่ต้องรับหน้าที่ในการดูแลสภาพศพของ “ไมค์” (รับบทโดย ปีเตอร์ ไนท์) และ “เชอรี่” (รับบทโดย กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า) คู่รักชาย-หญิงที่ดันเสียชีวิตก่อนที่จะแต่งงานกันเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น โดยทศจะต้องคอยดูแลรักษาสภาพศพให้มีสภาพดี เหมือนยังมีชีวิตอยู่ แต่ทศนั้นกลับตกหลุมรักในเรือนร่างของเชอรี่ ทศจึงนำร่างของเธอออกมาใช้ชีวิตเหมือนเป็นปกติ แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำของทศนั้นจะก่อให้เกิดเรื่องราวหลอนๆตามมา เรื่องสั้นตอนนี้เกรซ-กาญจน์เกล้านางสวยมาก ไม่ว่าจะมองมุมไหนนางก็สวย แต่ขอบอกเลยว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้มีการหักมุมได้อย่างดีเลย เรียกได้ว่าทางทีมงานทำการบ้านมาดีมากๆ ตัวนักแสดงเองก็แสดงได้สมบทบาทจนเราอินตามไปด้วยเลย แล้วไหนจะฉากเอย อะไรเอย ทุกอย่างมันดูเข้ากันได้เป็นอย่างดีในเรื่องของความหลอนเรื่องนี้ เรื่องที่ 3 : O.T. เรื่องราวในออฟฟิศแห่งหนึ่งที่มี “การัน” (รับบทโดย ชาคริต แย้มนาม) และ “ที” (รับบทโดย เรย์ แมคโดนัลด์) เป็นเจ้าของบริษัท โดยทั้งคู่ต่างไม่มีใครกลัวผีเลย อีกทั้ง ยังชอบแกล้งหลอกผีคนอื่น ๆ อยู่เสมอ จนในวันหนึ่ง “บั๊ม” (รับบทโดย ประชากร ปิยะสกุลแก้ว) และ “งิ๊ง” (รับบทโดย กันยรินทร์ นิธินพรัศม์) ลูกน้องของเขาได้เข้ามาในออฟฟิศกลางดึก เพื่อสะสางงานที่คั่งค้างเอาไว้ การันและทีจึงวางแผนแกล้งหลอกผีบั๊มกับงิ๊ง จนก่อเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น อื้อหือ…เรื่องสั้นเรื่องนี้ คือจะหักมุมอีกกี่รอบกันคะ บางทีดูแล้วคิดว่าผีแหละ ผีแน่ ๆ ก็กลับไม่ใช่อีก โดนหลอกอีกตามเคย แล้วยังโดนหลอกหลาย ๆ รอบด้วยนะ คนบ้าอะไรทำไมขี้แกล้งขนาดนี้ แล้วแกล้งแต่ละอย่างแรงๆทั้งนั้นเลย แกล้งแบบนี้อย่าคุยกันอีกเลยดีกว่า ฮ่าๆ สงสัยจะอินมากไป แต่เอาเป็นว่าเราชอบเรื่องสั้นเรื่องนี้มากๆเลยนะ ตื่นเต้นดี แถมยังต้องมานั่งคิดอีกว่า เรื่องจริงหรือหลอกกันแน่เนี่ย ตัวอย่าง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว Time to Hunt (ถึงเวลาล่า) หนังแนวอาชญากรรมฟอร์มโรงภาพยนตร์จากเกาหลี ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Ufa678

รีวิว Time to Hunt (ถึงเวลาล่า) หนังแนวอาชญากรรมฟอร์มโรงภาพยนตร์จากเกาหลี

เรียกได้ว่าเดี๋ยวนี้เกาหลีสามารถทำหนังแนวอื่นๆออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งในหนังที่เราจะพาทุกคนไปดูกันวันนี้ จริงๆแล้วมันเป็นหนังฟอร์มที่ต้องการนำเสนอในโรงภาพยนตร์เท่านั้น แต่เนื่องจากติดสถานการณ์โควิด-19 จึงทำให้ต้องเปลี่ยนแผนมาลงใน Netflix แทน และในวันนี้เราจะพาทุกคนมารับชม รีวิว Time to Hunt (ถึงเวลาล่า) ไปกับหนังเกาหลีแนวอาชญากรรมกันเลยดีกว่า ชื่อเรื่อง : “Time to Hunt” (ถึงเวลาล่า) แนว : อาชญากรรม นักแสดง : Lee Je-hoon, Ahn Jae-hong, Choi Woo-shik, Park Jung-min บทภาพยนตร์ : Yoon Sung-hyun ผู้กำกับ : Yoon Sung-hyun ค่าย : Netflix วันฉาย : 23 เมษายน 2020 เวลา : 2 ชั่วโมง 14 นาที IMDb : 6.2 เรื่องย่อ เรื่องราวของประเทศเกาหลีที่เรียกได้ว่าเข้าสู่ยุคมืด เศรษฐกิจตกต่ำจนถึงขีดสุด เงินวอนที่เป็นหน่วยเงินของประเทศเกาหลีกลับไม่มีค่าอีกต่อไป บรรดาบ้านเมืองที่เคยมีสีสันก็กลับเป็นสลัมดีๆนั่นเอง นั่นทำให้ “จุนซอก” (รับบทโดย Lee Je-hoon) ที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ เขาเล็งเห็นถึงหนทางที่จะทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้ โดยการออกไปจากเมืองที่เขาอยู่นี้  แต่ประเด็นหลักๆเลยคือเขาไม่มีเงิน เขาจึงไปชวน “จางโฮ” (รับบทโดย Ahn Jae-hong), “กีฮุน” (รับบทโดย Choi Woo-shik) และ “ซังซู” (รับบทโดย Choi Woo-shik) บรรดาเพื่อนสนิทของเขาไปทำการปล้นบ่อนการพนัน เพื่อหวังจะเงินที่ปล้นมานั้นไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เกาะทางตอนใต้ของประเทศไต้หวัน แต่เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะมันมีคนที่หวังจะเอาชีวิตของพวกเขาทั้ง 4 คนอยู่ ซึ่งพวกเขาจะสามารถหนีตายได้หรือไม่ ต้องไปรับชมกันเลย รีวิว Time to Hunt (ถึงเวลาล่า) หลายๆคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาตัวนักแสดงอย่าง “Choi Woo-shik” เป็นอย่างดี ในหนังเกาหลีเรื่อง “Parasite” ที่เป็นลูกชายคนโตของครอบครัวคนจนที่เป็นตัวเอกของเรื่องนั่นเอง และในวันนี้เขากลับมาอีกครั้งในหนังเรื่องนี้ ที่ต้องบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้คุณภาพระดับ HDR ที่ไม่ได้ไก่กาอาราเล่เลยนะ อีกทั้งหนังยังมีฉากแอคชั่นไล่ฆ่า ยิงกันถล่มทลายทั้งเรื่อง แล้วตัวหนังเองยังมีการสอดแทรกเรื่องราวของมิตรภาพระหว่างเพื่อนเอาไว้อย่างชัดเจนมากเลยทีเดียว ถึงแม้มันจะมีช่วงยืดเยื้อไปบ้างนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้เยอะมากจนทำให้น่าเบื่อเลย แต่เราว่ามันเสียแค่อย่างเดียวนั่นก็คือ ในส่วนของเนื้อเรื่องมีการตัดตัวละครบางตัวออกไป แบบไม่ได้กล่าวถึงอีกเลย มันทำให้เราสงสัยกันว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครตัวนั้นกันแน่ แต่รวมๆ ถ้าดูฉากแอคชั่นมันส์ ดูแบบไม่ได้ติดใจกับเนื้อเรื่องอะไรมากนัก หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเลย ตัวอย่าง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว Pandora หนังแนวภัยพิบัติคุณภาพดีที่ควรค่าแก่การเสียเวลาดูเป็นอย่างมาก ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Ufa369

รีวิว Pandora หนังแนวภัยพิบัติคุณภาพดีที่ควรค่าแก่การเสียเวลาดูเป็นอย่างมาก

จะว่าไปวงการหนังหรือซี่รี่ย์สัญชาติเกาหลีไม่ได้มีดีแค่หนังซอมบี้หรือซีรี่ย์รักโรแมนติกเท่านั้นหรอกนะ เพราะวันนี้เราไปค้นพบหนังเกาหลีดีๆเรื่องหนึ่งใน Netflix มา ซึ่งมันจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น เอาเป็นว่าเราไม่รอช้า ไปรับชม รีวิว Pandora กันเลยดีกว่า ชื่อเรื่อง : “Pandora” แนว : ภัยพิบัติ นักแสดง : Kim Nam-gil, Kim Ju-hyeon, Kim Myung-min, Lee Geung-young, Kim Dae-myung, Jung Jin-young บทภาพยนตร์ : Park Jung-woo ผู้กำกับ : Park Jung-woo ค่าย : Next Entertainment World วันฉาย : 07 ธันวาคม 2016 เวลา : 2 ชั่วโมง 16 นาที IMDb : 6.7 เรื่องย่อ เรื่องราวของ “แจฮยอก” (รับบทโดย Kim Nam-gil) ชายหนุ่มผู้ขี้ขลาดของครอบครัว เขาได้ทำงานเป็นวิศวกรซ่อมบำรุงที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งหนึ่งในเกาหลีที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วกว่า 40 ปีแล้ว ถึงแม้แจฮยอกจะเติบโตและทำงานให้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ที่เป็นสาเหตุให้พ่อและพี่ชายของเขาต้องเสียชีวิตจากการที่รังสีรั่วไหล เขาเองก็ยังมีท่าทีต่อต้านโรงงานไฟฟ้าแห่งนี้ไปในตัว จนในวันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.1 ริกเตอร์ขึ้นที่เมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่ นั่นทำให้โรงงานไฟฟ้าแห่งนี้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับภัยพิบัติเกิดรอยรั่วรอยแตกขึ้น เพราะมันผ่านการทำงานมากว่า 40 ปีแล้ว จนในที่สุดเตาปฎิกรณ์ของโรงงานแห่งนี้ก็เริ่มระเบิดขึ้นมา ส่งผลให้เกิดการกระจายของรังสีโดยรอบกว่า 20 กิโลเมตรและยังมีแนวโน้มว่าจะกระจายออกไปเรื่อยๆอีกด้วย นั่นทำให้แจฮยอกและเพื่อนๆในทีมของเขาอาสาสมัครเป็นหน่วยกล้าตายเข้าไปยังโรงงานแห่งนี้เพื่อควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวให้ได้ รีวิว Pandora หนังเรื่องนี้เราเห็นมันขึ้นให้ดูใน Netflix มานานมากแล้วล่ะ แต่ไม่เคยคิดจะเข้าไปดูเลยสักครั้ง ทุกวันนี้ยังคิดอยู่เลยว่าทำไมถึงไม่เข้าไปดูสักที เพราะหนังเรื่องนี้มันคือดีงามมากๆอ่ะ โดยตัวหนังจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติจากโรงงานนิวเคลียร์ในเกาหลีที่เกิดอาการผุพังไปตามกาลเวลา เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็น 2 ชั่วโมงกว่าที่คุ้มค่ามากๆ เพราะมันมีการเดินเรื่องได้อย่างรวดเร็ว กระชับ ไม่มีช่วงไหนของเรื่องเลยที่ทำให้เรารู้สึกง่วง อยากจะหลับ มันจะมีแต่ช่วงที่พาให้เราดราม่าและกดดันได้ตลอดทั้งเรื่องเลยทีเดียว ในช่วงแรกๆของหนังเรื่องนี้จะมีการเน้นไปที่เรื่องราวของความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ซะเป็นส่วนใหญ่เลย ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นำของประเทศเองที่กลัวแต่เรื่องผลกระทบที่อาจจะตามมาหากข่าวนี้หลุดออกไป นั่นทำให้เรื่องราวมันยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ เราต้องบอกก่อนเลยว่า เราไม่ได้ร้องไห้กับหนังมานานมากแล้ว แต่หนังเรื่องนี้มันทำเอาเราอินจนร้องไห้หมดไปเป็นปี๊ปเลย เอาเป็นว่าสำหรับใครที่ยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ เราแนะนำว่าคุณควรไปหามาดูเป็นอย่างมาก คือตัวหนังเรื่องนี้มันอาจจะไม่ได้ให้อารมณ์ฟีลกู๊ดอะไรกับคุณหรอกนะ แต่ต้องยอมรับเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังน้ำดี มีคุณภาพเรื่องหนึ่งเลย ตัวอย่าง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น ชาร์ลี แชปลิน คนที่สองในโลกที่ตัวจริงยังต้องยอมรับในฝีมือของเขาเลยทีเดียว ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Ufabet72

ชาร์ลี แชปลิน คนที่สองในโลกที่ตัวจริงยังต้องยอมรับในฝีมือของเขาเลยทีเดียว

ในช่วงปี 1917 ที่ตัวละครของ ชาร์ลี แชปลิน กลายเป็นนิยมอย่างมาก จนนักแสดงตลกและผู้กำกับชื่อคนนี้ไม่อาจผลิตผลงานออกมาตามความต้องการของโรงภาพยนตร์ได้ ทำให้ค่ายหนังได้ลองหาแชปลินตัวปลอมเข้ามาแสดงแทนตัวจริง ก่อนที่ผลงานของเขาจะถูกออกฉายไปทั่วสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งชาร์ลี แชปลินตัวจริงยังต้องยอมรับในฝีมือของเขาเลยทีเดียว ชื่อของ ชาร์ลี แชปลิน ตัวปลอมคนนั้นก็คือบิลลี่ เวสต์ซึ่งเป็นนักแสดงชาวรัสเซียที่มีเชื่อสายยิวและย้ายถิ่นฐานมาสูชิคาโก้ โดยเริ่มต้นนั้นเขาเป็นเพียงนักแสดงในละครสัตว์เท่านั้น ก่อนที่บริษัทอย่างคิงบีเริ่มเห็นแววในตัวเขาและโอกาสทางธุรกิจจึงได้ให้บิลลี่ที่มักจะแสดงเป็นแชปลินในคณะที่เข้าแสดง มาเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์บนแผ่นฟิล์ม จนเรียกได้ว่าเขาคือต้นตำรับของการเลียนแบบหรือ Parody ที่คนไทยรู้จักกันว่า เป็นการยำหนังนั่นเอง ภาพยนตร์ที่บิลลี่แสดงจนมีชื่อเสียงก็คือ His Day Out ที่เขาแสดงเป็นชาร์ลี แชปลิน โดยมีลีทริซ จอยมาเป็นนางเอกเหมือนเอดน่า เพอร์เวียนซ์และโอลิเวอร์ ฮาร์ดี้รับบทเป็นตัวโกงของเรื่องเหมือนเอริค แคมป์เบลล์ในยุคที่แชปลินอยู่ใน Mutual Studio นั่นเอง และช่วง 5 ปีนั้นเขาได้แสดงภาพยนตร์เป็นดาวตลกคนดังมากกว่า 15 เรื่องเลยทีเดียว ก่อนที่ต่อมาเขาจะกลายเป็นผู้กำกับและฮาร์ดี้จะมีผลงานการแสดงกับคู่หูอย่างสแตน ลอเรลในปลายยุค 20 แม้ว่าตัวชาร์ลี แชปลินจะชอบการเลียนแบบของบิลลี่ก็ตาม แต่สำหรับนักวิจารณ์แล้วกลับมองว่ามันคือการลอกเลียนแบบที่ไม่ควรเกิดขึ้น รวมถึงการหลอกคนดูในโรงภาพยนตร์ว่านี่คือภาพยนตร์ของแชปลินยิ่งเป็นการไม่ให้เกียรติผู้บริโภค จนทำให้บิลลี่เลิกเป็นนักแสดงตัวปลอมของชาลีและผันตัวไปเป็นผู้กำกับ พร้อมทั้งร่วมงานกับโอลิเวอร์ ฮาร์ดี้เช่นเดิม ต้องขอขอบคุณข้อมูลการรีวิวหนังจาก Ufahero มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังจีน ดีๆที่ท่านผู้ชอบนิยมดูหนังไม่ควรพลาดตังต่อไปนี้

หนังจีน ดีๆที่ท่านผู้ชอบนิยมดูหนังไม่ควรพลาดตังต่อไปนี้

สำหรับแฟนหนังสมัยใหม่หากจะถามว่าชอบหนัง หรือภาพยนตร์แนวไหนแน่นอนว่า คนส่วนใหญ่มักจะชอบชมหนังฝรั่ง หรือแฟนตาซีไซไฟซึ่งเป็นที่ยอดนิยมในยุคปัจจุบัน หากแต่ถ้าย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อนที่หนังฝรั่งยังไม่เข้ามาตีตลาดมากนักจนถึงตอนนี้  วันเวลาผันเปลี่ยนไปทำให้หนังจีนที่เคยเป็นหนังยอดฮิตในอดีตกลับแทบไม่มีที่ยืน เหลือไว้เพียงความทรงจำในยุคสมัยที่หนังจีนโด่งดัง ในบทความนี้เราจึงขอแนะนำ หนังจีน ดีๆที่ท่านผู้ชอบนิยมดูหนังไม่ควรพลาดตังต่อไปนี้ 1.หงษ์ทองคะนองศึก 1966 หนังจีน ระดับมาสเตอร์พีซจากบริษัทสร้างภาพยนตร์ชื่อดังของฮ่องกงในอดีต ชอร์บราเธอร์สสตูดิโอ ผลงานการสร้างสรรค์เรื่องราวจากนักเขียนและผู้กำกับชื่อดัง King Hu ผู้ให้กำเนิดหนังจีนชื่อดังมากมายหลายเรื่องราว และยังเป็นหนังจีนเรื่องแรก ๆ ที่มีตัวละครนำเป็นตัวละครหญิง จึงถือเป็นขวัญใจแฟนหนังจีนที่เป็นสุภาพสตรีมาก 2.ฤทธิ์มีดสั้นลี้คิมฮวง 1981 หนังจีนชื่อดังที่คุ้นหูแฟนหนังจีนทุกคน เพราะเป็นหนังจีนที่ดัดแปลงมาจากนิยายกำลังภายในอันยอดเยี่ยมของพญามังกรโกวเล้ง ซึ่งมีต้นฉบับจากนิยายเรื่อง เสียวลี้ปวยตอมีด มีดบินไม่พลาดเป้านั้นเอง ด้วยหนังจีนเรื่องนี้ถือว่าดังมากในยุคนั้นทำให้บริษัท ชอร์บราเธอร์สสตูดิโอ เจ้าเดิม เพิ่มเติมคือสร้างภาคต่ออีก 2 ภาค ในปี 1977 และในปี 1981 แถมยังเป็นหนังจีนที่สร้างชื่อให้กับ ตี้หลุน นักแสดงอาวุโสแห่งดินแดนจีนที่เรารู้จักกันดีอีกด้วย 3.ม่านประเพณี 1963 หากจะพูดถึงหนังจีนในยุคเก่าแล้วล่ะก็อีกหนึ่งหนังจีนที่เราจะไม่กล่าวไม่ได้เลย นั่นก็คือหนังจีนในชื่อม่านประเพณี ซึ่งคาดกันว่าแต่เดิมเป็นตำนานจีนโบราณเล่าสืบต่อกันมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์จิ้นตะวันออก สืบทอดเรื่องราวต่อกันมาเป็นบทขับร้องงิ้ว ซึ่งหนังจีนในเวอร์ชั่นนี้ก็ยังคงมีบทขับร้องงิ้วดังกล่าวคงเอาไว้เหมือนกัน ทำให้เป็นที่ประทับใจแฟนหนังจีนยุคเก่ามากนั่นเอง 4.ฤทธิ์ดาบฟ้าลั่น  1978 เธอเป็นหนังจีนยอดนิยมในยุคดังกล่าวซึ่งหากจะบอกว่ามันมาจากนิยายจีนกำลังภายในเรื่องใดแล้ว เราก็คงต้องบอกว่ามันมาจากนิยายชื่อดังที่เราคุ้นหูกันดีนั่นก็คือนิยายเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรของกิมย้งนั่นเอง เพียงแต่มีการดัดแปลงเนื้อเรื่องให้สั้นลงเพื่อให้สามารถสร้างเป็นหนังได้ในเวลาจำกัด 5.ชอลิ้วเฮียง 1982 เป็นอีกหนึ่งหนังจีนชื่อดังจากชอร์บราเธอร์สสตูดิโอเจ้าเดิมแถมนำแสดงโดย ตี่หลุน อีกเช่นเดียวกัน แต่เป็นชอลิ้วเฮียงที่ค่อนข้างจะพิสดารซะหน่อย เพราะแทนที่เนื้อเรื่องจะเอามาจากนิยายชุดชอลิ้วเฮียงของโกวเล้ง แต่หนังจีนเรื่องนี้กันไปเอาเนื้อเรื่องบางส่วนจากนิยายจีนเรื่องเล็กเซียวหงส์ดำเนินเรื่องแทนซะอย่างนั้น ก็สนุกไปอีกแบบและที่กล่าวมานี้ก็เป็น 5 หนังจีนชื่อดังในยุคเก่าที่เราอยากให้ท่านได้หามาชมอย่างไม่ควรพลาด ด้วยประการทั้งปวงแน่นอนมันอาจจะไม่มีเทคนิค หรืองานภาพคมชัดเช่นหนังยุคปัจจุบันแต่ที่มันมีให้เราก็คือเสน่ห์หนังจีนที่หนังยุคใหม่ไม่มีนั่นเอง ต้องขอขอบคุณข้อมูลการรีวิวหนังจาก Ufa9999 มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามภาพยนตร์ 2012 วันสิ้นโลก ภาพยนตร์วันที่โลกล่มสลายสู่เรื่องโกหกบันลือโลก

2012 วันสิ้นโลก ภาพยนตร์วันที่โลกล่มสลายสู่เรื่องโกหกบันลือโลก

ย้อนกลับไป 9 ปีก่อน ในโลกที่มีการตื่นตัวจากปฏิทินของชาวมายาซึ่งทำลายอนาคตไว้ว่าโลกจะสิ้นสุดในปี 2012 จึงเกิดความกลัวกันว่าโลกจะถึงคราวอวสาน ซึ่งทางผู้กำกับอย่างโรแลน เอมเมอร์ริชก็ได้ถือโอกาสสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับมหันตภัยนี้ โดยมีทางจอห์น คูแชค,  ชเวเตล ออจิโอฟอร์และแธนดี้ นิวตันมาเป็นนักแสดงนำของเรื่อง 2012 วันสิ้นโลก เรื่องราวของภายนตร์มหันตภัยนี้เริ่มจากครอบครัวเคอร์ติสที่มีสามีภรรยาได้หย่าร้างกัน โดยทางแจ๊คสัน เคอร์ติสได้ทำงานเป็นคนขับรถให้กับมหาเศรษฐีชาวรัสเซียอย่างยูริ ก่อนที่พวกเขาได้เจอกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จนทำให้ครอบครัวเคอร์ติสกับครอบครัวของยูริต้องช่วยกันหนีมหันตภัยจากรัฐแคลิฟอร์เนียร์เพื่อไปหาจุดปลอดภัย ก่อนหาทางขึ้นเรือยักษ์ที่สร้างเพื่ออพยพมวลมนุษย์สำหรับอนาคตต่อไป หลังจากที่เรื่องราวของ 2012 วันสิ้นโลก  ออกฉายในปี 2009 ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีและสามารถทำเงินไปได้สูงถึง 790 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนจะได้รับรางวัลจาก Satellite Awards จากสาขาตัดต่อเสียงยอดเยี่ยมและสาขาการสร้างเทคนิกพิเศษ อีกทั้งพวกเขายังสร้างกระแสสังคมไว้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่สะท้อนสังคมและฉากมหันตภัยที่สมจริงจนทำให้ผู้คนต่างกลัวว่าในปี 2012 จะเกิดเหตุการณ์แบบในภาพยนตร์หรือไม่ แม้สุดท้ายแล้วผู้คนจะผ่านปี 2012 ไปอย่างสงบและทำลายทุกข่าวลือเรื่องจะเกิดมหันตภัยอย่างรุนแรง ทว่าปัญหาของโลกนั้นมีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อนหรือการละลายของน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือซึ่งกระทบต่อทุกสิ่งมีชีวิตในวงกว้าง และถ้าหากมนุษย์ยังไม่หาทางเปลี่ยนแปลงอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นใน 2012 อาจจะเป็นเรื่องจริงเข้าสักวันในอนาคตอันใกล้นี้ วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์ 2012 วันสิ้นโลก ต้องขอขอบคุณข้อมูลการรีวิวหนังจาก Vegus688 มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการรีวิวหนัง Bad Boys For Life ภาคต่อสุดระห่ำของคู่หูขวางนรก

รีวิวหนัง Bad Boys For Life ภาคต่อสุดระห่ำของคู่หูขวางนรก

ต้องยอมรับว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานสำหรับการรอคอยภาคต่อของหนังเรื่อง Bad Boys ที่ประสบความสำเร็จจากภาค1-2 ผลงานการแสดงในบทบาทของตำรวจที่ไล่ล่าพ่อค้ายาเสพติดหรือคดีดังหลายคดีโดยคู่หู ไมค์-มาร์คัส ฉกาบู๊ระห่ำสุดมันคงยังตราตรึงในใจของทุกคนเป็นแน่ จนถึงวันนี้นับเป็นเวลายาวนานถึง 17 ปี ก็ได้เวลามาถึงของ Bad Boys For Life ภาคที่ 3 กันแล้ว โดยภาคนี้รับรองได้ว่าจะได้เห็นสิ่งแปลกใหม่มากมายอย่างแน่นอน เรื่องราวของ Bad Boys For Life ภาคนี้ได้เล่าถึงชีวิตของมาร์คัสที่กำลังเป็นคุณตาพร้อมกับชีวิตผู้สูงวัยแสนสงบสุขของตัวเอง สิ่งต่าง ๆ ในตอนนี้ทำให้เขาคิดได้ว่าบางทีเขาอาจต้องพักจริง ๆ เสียที แต่ความคิดนั้นก็ต้องถูกเบรกเอาไว้เมื่อเพื่อนตำรวจคู่หูที่ร่วมเป็นร่วมตายเคียงบ่าเคียงไหล่ตลอดมาอย่าง “ไมค์” ชายโสดที่ไม่คิดมีครอบครัวกำลังโดนพ่อค้ายาเสพติดที่เขาเคยจับยัดเข้าตารางหมายหัวเพื่อเป็นการแก้แค้น งานนี้ทำให้เขาต้องขอร้องให้ “มาร์คัส” กลับมาร่วมทีมด้วยกันอีกครั้ง รับรองว่างานนี้ลีลาการต่อสู้ของตำรวจคู่นี้ยังสนุก ดุเดือดไม่แพ้สองภาคแรกอย่างแน่นอนทีเดียว ส่วนตัวมีความคิดเห็นว่าแม้ภาคนี้เนื้อเรื่องจะมีความจริงจังมากขึ้น เน้นประเด็นครอบครัวและความสำคัญของชีวิตมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้ว แต่ฉากต่อสู้ก็ทำออกมาได้สะใจ เต็มที่เอาใจสายบู๊ แฟนหนังแอคชั่นอย่างแท้จริง ต้องขอชื่นชมฝีมือการแสดงที่เรียกว่าเป็นอมตะของทั้งวิล สมิธ และมาร์ติน ลอว์เรนซ์ ที่มีเคมีอย่างประหลาดออกมาจากทั้งคู่ทุกครั้งเมื่อเข้าฉากด้วยกัน ทำให้เรารู้สึกคล้อยตามกับการร่วมฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ของพวกเขาได้อย่างดี และถือเป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้หนังไตรภาคเรื่องนี้น่าดูเพิ่มมากขึ้น และเป็นหนังที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งยุค 90’s อีกด้วย วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์ Bad Boys For Life ต้องขอขอบคุณข้อมูลการรีวิวหนังจาก Ufa666 มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังรักโรแมนติก The Letter จดหมายรัก นักแสดงมากฝีมืออย่างแอน ทองประสม

หนังรักโรแมนติก The Letter จดหมายรัก นักแสดงมากฝีมืออย่างแอน ทองประสม

The Letter หนังไทยที่ถึงแม้ว่าจะเก่าและผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นหนังรักโรแมนติกที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของคนดูที่ชื่นชอบและประทับใจในเนื้อเรื่องและการแสดงของนักแสดงมากฝีมือ อย่างคุณแอน ทองประสม และคุณอรรถพร ธีมากร รวมถึงผู้กับภาพยนต์อย่างคุณผอูน จัทรศิริ ซึ่งการันตีด้วยรางวัล สาขานักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม The Letter หรือชื่อไทยว่า จดหมายรัก ได้ถูกนำมาจากภาพยนต์แนวรักของเกาหลีใต้ เรื่อง Pyeon Ji โดยคุณดวงกมล ลิ่มเจริญ ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาเพื่อทำการสร้างใหม่ในเวอร์ชั่นไทย เป็นจดหมายรักที่มีเนื้อความบีบอารมณ์ ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนจบเรื่อง เป็นเรื่องราวของคนสองคนที่ได้มาพบกัน ระหว่าง ดิว (แอน ทองประสม) และต้น (อรรถพร ธีมากร) หลังจากที่ทราบข่าวยายเล็กเสียชีวิต และทำให้ดิวและต้นได้รู้จัก ติดต่อกันมาจากนั้น และรู้ถึงความเป็นตัวตนของอีกฝ่าย จนกระทั่งเพื่อนสนิทอย่างเกดเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ดิวจึงตัดสินใจที่จะกลับมาอยู่บ้านที่ยายเล็กทิ้งไว้ให้ที่เชียงใหม่ จดหมายรัก หรือความรักที่อบอุ่นที่แท้จริงจึงเริ่มต้นขึ้นที่นี่ ดิวและต้นได้รู้ถึงการเติมเต็มความรักซึ่งกันและกัน ความห่วงใยและสายใยของคนสองคน จนกระทั่งต้นได้มาเจอจดหมายของยายเล็กและเกิดความประทับใจซึ่งเขียนโดยผู้ชายที่มีความรักให้กับยายเล็ก และนั่นเป็นการเริ่มต้นของความคิดที่ว่าสักวันจะเขียนจดหมายรักแบบนี้สักครั้ง ทิ้งท้ายไว้แค่ตรงนี้ดีกว่า เพราะหลังจากนี้ความพีคของเนื้อเรื่องจะเริ่มบีบคั้น จนน้ำตานองหน้า นักแสดงทั้งสองท่านได้ถ่ายทอดอารมณ์ส่งถึงคนดูได้อย่างมืออาชีพ The Letter หรือจดหมายรัก เป็นความรักที่ไม่มีวันตาย เป็นความห่วงหา รักที่จากกันแค่ไม่ได้พบกันอีก วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์ The Letter จดหมายรัก ต้องขอขอบคุณข้อมูลการรีวิวหนังจาก Ufabetwin มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามเกิดอะไรขึ้นตอนเธอฝัน รีวิวซีรีส์ While You Were Sleeping