หากพูดถึงแนวหนังที่กำลังได้รับความนิยมกันอย่างมากในตอนนี้ หลายคนก็ต้องยกนิ้วให้กับซีรีย์เกาหลี ที่ไม่ว่าใครได้ลองดูแค่เพียง 1 ครั้ง เหมือนถูกต้องมนต์สะกดจิต ให้กลายเป็นติ่งเกาหลีในบันดล คงด้วยพล็อตเรื่อง ที่น่ารัก พระเอกหล่อนางเอกสวย แต่ในวันนี้เราไม่ได้จะมาพูดถึงซีรีย์เกาหลี แต่เป็นภาพยนตร์จากเมืองจีน แนวกำลังภายใน อันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศจีน ที่ใครอยากจะเลียนแบบได้ หากย้อนเวลากลับไปประมาณ 20 ปี บอกเลยว่าในยุคนั้น ไม่มีภาพยนตร์ หรือซีรีย์เรื่องใด จะโค่นล้มหนังแนวกำลังภายในของจีนได้เลย และตอนนี้หนังแนวนี้ก็กำลังค่อย ๆ กลับมาอย่างช้า ๆ มีการดัดแปลงพล็อตเรื่องให้ดูวัยรุ่น ในส่วนของนักแสดงพระเอกนางเอกก็ดูดี ไม่แพ้ซีรีย์ของเกาหลีเลย และในเดือนธันวาคมนี้ เราได้ทำการคัดเลือก หนังจีนแนวกำลังภายใน มาแนะนำ จะมีชื่อเรื่องอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย 2 หนังจีนแนวกำลังภายใน มีครบทุกรสชาติ สนุกดูเพลินไม่เบื่อแน่นอน Latest Posts
จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ดูหนังเกี่ยวกับซานต้าในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และเรื่อง i believe in santa ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจจริงๆ เนื่องจากเป็นการบอกเล่าอีกมุมหนึ่งที่เราไม่ค่อยเห็นในหนังประเภทนี้ ไม่มีฉากอัศจรรย์ทำนองการร่ายเวทย์มนต์ หรือภาพซานตาครอสลากรถเลื่อนแจกของขวัญ แต่มันกลับมีความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากความรักของคน 2 คน ซึ่งแตกต่างกันอย่างสุดขั้วในเรื่องของความเชื่อ i believe in santa จะจบอย่างไรเมื่อทั้งคู่มาเจอกัน ปกติเรามักจะเจอคนที่ชื่นชอบ เทศกาลคริสต์มาส แบบกลางๆ ทำนองว่าเข้าร่วมหรือไม่ก็ได้ทั้งนั้น แต่เรื่อง i believe in santa กลับนำเสนอคนที่ไม่ชอบคริสต์มาสอย่างมาก แล้วก็พยายามจะบอกคนรอบตัวว่าซานต้าไม่มีจริง แม้แต่เพลงในช่วงเทศกาลก็ยังไม่อยากฟัง ปัญหาคือเธอต้องมาเจอกับคนที่คลั่งคริสต์มาสถึงขนาดอยู่ในสายเลือด เขาเชื่อจากหัวใจเรื่องซานต้า และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เฉลิมฉลองในเทศกาลนี้ เว็บรีวิวหนัง i believe in santaคือหนังที่ความรักอบอวลทั้งเรื่อง แม้ว่าปมของหนังจะเป็นความขัดแย้งที่หาจุดตรงกลางได้ยาก แต่บรรยากาศของi believe in santaนั้นกลับอบอวลไปด้วยความรัก เราจะได้เห็นทั้งความรักของแม่กับลูก ความรักของเพื่อน และแน่นอนความรักของคู่รักด้วย นอกจากชวนให้ยิ้มได้ตลอดเวลาแล้ว ยังชวนให้เรากลับมาคิดทบทวนกับตัวเองด้วยว่า การเสียสละเพื่อดูแลและอยู่เคียงข้างคนที่เรารักโดยไม่ต้องเสียตัวตนของเรามันดีแค่ไหน i believe in santaปิดฉากทิ้งท้ายได้อย่างงดงาม ต่อให้ไม่บอกอะไรเลย แฟนหนังในช่วงเทศกาลคริสต์มาสก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าi believe in santaจะต้องจบแบบมีความสุข แต่ประเด็นที่เราคิดว่าน่าสนใจก็คือ มันเป็นความสุขแบบที่เป็นไปได้จริง เป็นการหาจุดกึ่งกลางร่วมกัน ละทิ้งตัวตนและอีโก้บางอย่าง เพื่อรักษาสิ่งที่เรียกว่าความรักเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นยังย้ำเตือนให้เรารู้ว่า บางครั้งมันไม่สำคัญเลยว่าสิ่งนั้นจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าเราเชื่ออย่างไรมากกว่า Latest Posts
“มิตรภาพ” เป็นสิ่งมีค่า หากเราได้พบเจอมิตรภาพแท้นั้นยากกว่าการพบทองคำ หากแต่ว่ามิตรภาพนั้นกำลังพาคุณไปทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องล่ะ!? เราจะยอมละทิ้งมันและเดินไปข้างหน้าบนเส้นทางที่ถูกต้องแทนหรือไม่กันนะ เรื่องราวของ “Time To Hunt” (ถึงเวลาล่า) ประเทศเกาหลีที่กำลังประสบปัญหาภาวะทางเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง ในตัวเมืองที่เคยเจริญรุ่งเรือง ตอนนี้กลับกลายคล้ายเมืองร้าง ตึกรามบ้านช่องพังทลายกันเป็นแถว เงินทองเป็นของหายากยิ่ง เงินเกาหลีที่มีอยู่ก็อ่อนตัวลงมากจนแทบจะไม่มีค่า ทำให้ผู้คนต่างขวนขวายที่จะหาเงินดอลลาร์มาใช้ เช่นเดียวกันกับ เว็บรีวิวหนัง “กีฮุน” นักโทษที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคดีปล้นเพชรเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ได้พบกับเพื่อนของเขาและได้รวมตัวแก๊งค์โจร 4 คน “คุณชายใหญ่” หนังตลก ผ่อนคลายสมองเรื่องใหม่จากหม่ำ จ๊กม๊ก เพื่อร่วมขบวนการปล้นเงินจากคาสิโนของผู้มีอิทธิพล เพื่อความฝันที่พวกเขาได้ตั้งมั่นกันเอาไว้ว่าจะต้องออกจากประเทศนี้ให้ได้และไปอยู่ที่เกาะไต้หวันแทน แต่ทว่าการปล้นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ พวกทำตัวเหนือกฎหมายนั้นตั้งใจไล่ล่าพวกเขาทั้ง 4 อย่างบ้าระห่ำและดูเหมือนว่าพวกมันจะพอใจกับเกมไล่ล่าในครั้งนี้มากทีเดียว ข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่อง “Time To Hunt” (ถึงเวลาล่า) ประเภท : อาชญากรรม/กระตุกขวัญ ผู้กำกับ : ยุน ซุง-ฮยอน นักแสดงนำ : ชเว วู-ชิค, อีแจฮุน, พัคแฮซู, อันแจฮง ความยาว : 2 ชั่วโมง 14 นาที กำหนดฉาย : 22 กุมภาพันธ์ 2563 ส่วนตัวคิดว่าพล็อตเรื่องเริ่มมาได้น่าสนใจมากที่เลือกจะเล่าไทม์ไลน์ในประเทศเกาหลีที่ไม่ได้ห่างจากปัจจุบันนักและมีความเป็นไปได้เหมือนกัน การเซ็ตฉากต่าง ๆ ขึ้นมาทำได้ดีมาก มีความสมจริงสูงและทำให้เรารู้สึกอินว่าตอนนี้สภาพเมืองนั้นเป็นอย่างไรและความจนนั้นส่งผลอย่างไรต่อประเทศชาติ ฝีมือการแสดงของนักแสดงทุกคนทำได้ยอดเยี่ยม ไม่มากไม่น้อยเกินไป จังหวะการเล่าเรื่องถือว่าดีแต่ช่วงที่พักจากการหลบหนีเหมือนจะมีการปล่อยให้ตัวละครออกทะเลไปหน่อย ทำให้เนื้อเรื่องเนือยยืดไปอีก เนื้อเรื่อง joker168 ขาดความกระชับ แต่การเลือกจะเล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมิตรภาพนั้นถือเป็นการเลือกที่ดีทำให้หนังนั้นไม่เต็มไปด้วยความเครียดและความกดดันมากจนเกินไปนัก
เรื่องราวความหลอนที่ต้องพิสูจน์ว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะ “เธอ” หรือเป็นเพราะ “มัน” กันแน่ หนัง “Thing Heard & Seen” ได้เล่าเรื่องราวของครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง ต้องย้ายจากตัวเมืองมาอยู่ในบ้านหลังใหม่ในชนบท หัวหน้าครอบครัวอย่าง “จอร์จ” แม้ว่าเขาจะเป็นพ่อคนแล้วแต่ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเจ้าชู้ของตน และใช่แม้ว่าเขาจะเป็นถึงอาจารย์สอนศิลปะในมหาวิทยาลัยอีกด้วย “แคทเธอรีน” ภรรยาสาวแสนสวยนั้นเธอมีโรคเกี่ยวกับการอ้วน ทำให้เธอนั้นมักจะกินแต่โปรตีนกระป๋องและล้วงคอทุกครั้งที่รับประทานอาหารมากเกินไป สถานการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในบ้านก็ถือว่าระหองระแหงกัน แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่สยองจับจิตกำลังรอคอยพวกเขาอยู่ เมื่อทั้งแคทเธอรีนและลูกน้อยต่างก็พบกับเหตุการณ์ประหลาดในบ้าน เว็บรีวิวหนัง แต่เมื่อบอกกับสามีเขากลับบอกว่าคงเป็นอาการหลอนของภรรยาเอง นอกจากนี้เรายังได้เห็นการตัดสินใจของทั้งภรรยาและสามีในรูปแบบที่ค่อนข้างน่าแปลกใจเกี่ยวกับการเลือกจะมีชู้ ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน เดอะ มูฟวี่:The Scarlet School Tripเตรียมเข้าฉายในไทยแล้ว ซึ่งสุดท้ายไม่ว่าเหตุการณ์มันจะดำเนินไปอย่างเลวร้ายเพียงไหน และพวกเขาจะสามารถหาคำตอบได้หรือไม่ว่าความจริงแล้วเหตุการณ์ประหลาดที่เจอเข้ากับตัว มันคืออะไรกันแน่ ต้องติดตามต่อในหนังเรื่องนี้แล้ว ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “Thing Heard & Seen” ประเภท : สยองขวัญ ชีวิต ผู้กำกับ : ชาริ สปริงเกอร์ เบอร์แมน, โรเบิร์ต พัลซินี่ นักแสดงนำ : เจมส์ จักรพรรดินอร์ตัน, อะแมนดา ไซเฟร็ด, นาตาเลีย ไดย์เออร์, อเล็กซ์ นิวสตาร์ทเตอร์ ความยาว : 2 ชั่วโมง 1 นาที กำหนดฉาย : 29 เมษายน 2564 ความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่าพล็อตค่อนข้างจำเจ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ อีกทั้งยังใช้การเล่าเรื่องที่พบเห็นได้จนชินตาของภาพยนตร์แนวสยองขวัญ นอกจากนี้ตัวละครหลายตัวยังขาดมิติอยู่มาก เห็นได้ชัดว่าผู้สร้างคาแรกเตอร์ตัวละครยังไม่ได้ทำการปูปมเรื่องและความเป็นมาของตัวละครดีนัก เพราะเราจะได้เห็นการตัดสินใจที่ขาดความมีเหตุมีผลหลายครั้งทั้งจากนางเอกและพระเอก รวมทั้ง สูตรสแกนสล็อต หลายสิ่งหลายอย่างมันดูไม่น่าจะเป็นไปได้เลย ที่เป็นจุดขายของหนังน่าจะเป็นการตั้งใจขายความสวยงามของรูปร่างของนางเอกและความสวยงามของศิลปะเสียมากกว่า งานนี้ใครอยากดูหนังผีกระตุกขวัญสั่นประสาทขอเตือนก่อนว่านี่อาจจะไม่ใช่หนังที่คุณตามหาอยู่
“เวลา” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราเชื่อกันว่าเมื่อผ่านไปแล้วนั้นไม่สามารถนำกลับคืนได้ เป็นความจริงที่เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ แต่ความเป็นจริงแล้วนั้นมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ยังไม่มีใครรู้ได้ เรื่องราว “The Call” (เสียงเรียกจากอดีต) ความซับซ้อนเกี่ยวกับเวลา ที่หญิงสาวอย่าง “ซอยอน” ที่พบเข้ากับความลับแสนน่าฉงนข้อหนึ่งคือ โทรศัพท์บ้านของเธอนั้นสามารถติดต่อกลับไปที่โทรศัพท์เครื่องเดียวกันนี้ในระยะเวลา 20 ปีก่อนได้ ซึ่งหญิงสาวที่รับอยู่ปลายสายในอดีตคือ “ยองซุก” การพบเจอกันของพวกเขาในครั้งนี้นั้นทำให้เกิดการล่วงเกินต่อเวลา พวกเขาทำการแก้ไขเวลา และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความระทึกขวัญเมื่อคนที่เรารักนั้นต้องโดนจับตัวไว้และแน่นอนว่าหากเราอยู่ต่างช่วงเวลามันก็เท่ากับว่าเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากทำตามที่คนร้ายต้องการก็เท่านั้น แต่จะไม่มีวิธีแก้ไขจริง ๆ ต้องติดตามกันต่อทาง Netflix รีวิวหนังสัญชาติเกาหลีเรื่อง “The Call” (เสียงเรียกจากอดีต) ประเภท : แฟนตาซี / กระตุกขวัญ ผู้กำกับ : ลี ชุง-ฮยอน นักแสดงนำ : พัก ชิน-ฮเย, จอน จอง-ซอ, อีเอล, คิมซองรยอง ความยาว : 1 ชั่วโมง 52 นาที กำหนดฉาย : 27 พฤศจิกายน 2563 หนังทริลเลอร์สัญชาติเกาหลีเรื่องนี้นั้นได้หยิบพล็อตเรื่องจากหนังดังทางตะวันตกอย่าง The Caller เว็บรีวิวหนัง มาทำใหม่ในรูปแบบที่มีกลิ่นอายของเอเชียมากขึ้น มีความขยี้เกี่ยวกับปมดราม่าหนักขึ้น “Ammonite” มารีวิวหนังหนังนอกกระแสส่งท้ายปี 2020 กันดีกว่า ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวประเด็นนี้คือใช้ประเด็นพ่อแม่แทนเพราะคนเอเชียค่อนข้างมีวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับบุพการี เรื่องนี้จึง Sensitive มาก อีกทั้งการดำเนินของเรื่องก็มีความลงตัวกลมกล่อมค่อนข้างสูงมาก แต่ยังมีจุดที่ควรพิจารณาเช่น ความสมจริงของการตัดสินใจของแต่ละตัวละครที่บางทีก็ไม่มีเหตุผลดี ๆ รองรับทำให้บทลอย ในเรื่อง bacc666 ฝีมือการแสดงนั้นต้องยกนิ้วให้เพราะมีการวิเคราะห์ความคิด ตัวตน บุคลิกของตัวละครค่อนข้างละเอียดมาก เช่น การที่ซอยอนนั้นไม่ได้แสดงให้เห็นเพียงว่าภายนอกของเธอนั้นช่างอ่อนแอแต่ความจริงคือเมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่อันตรายเธอก็พร้อมลุกขึ้นสู้กับมัน ไม่ได้ยอมแพ้ง่าย ๆ
เปิดพล็อตหนังสัญชาติสเปนเรื่อง “The Paramedic” นี้ทำให้อดคิดถึงหนังแนวระทึกขวัญอื่น ๆ ที่ตัวเอกนั้นพิการหรือว่าสูญเสียสมรรถนภาพบางอย่างของร่างกายไปและต้องต่อสู้กับคนปกติ แต่หนังเรื่องนี้จะเปลี่ยนความคิดของคุณไป ตัวหนังได้เล่าเรื่องราวชีวิตรักของคู่แฟนที่คบกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยฝ่ายชายนั้นทำงานเป็นอาสากู้ภัยแต่ดันพลาดท่าประสบอุบัติเหตุเข้าจนเขาไม่สามารถเดินได้ ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างระหองระแหงของทั้งคู่ ทำให้มักมีการทะเลาะวิวาท มีปากเสียงกันตลอดเวลา อีกทั้งตัวฝ่ายชายก็มักจะเลือกถ้อยคำที่เสียดแทงจิตใจของแฟนสาวได้มากที่สุดออกมาอยู่ตลอด ทำให้จนถึงวันที่ความอดทนของนางเอกนั้นหมดลงจึงได้บอกเลิกเขา แต่ทว่าเรื่องราวมันยังไม่จบเมื่อฝ่ายชายไม่ยอมรับความต้องการของเธอ เขาทำการกักขังเธอเอาไว้ ซ่อนตัวเธอจากทุกคน เสมือนกับว่าต่อแต่นี้ไปร่างกายของเธอต้องอยู่กับเขา ต้องเป็นของเขาคนเดียว รีวิวหนังเรื่อง “The Paramedic” ประเภท : ระทึกขวัญ ผู้กำกับ : การ์เลส ดอร์รัส นักแสดงนำ : มาริโอ กาซัส, เดบาร่าห์ ฟรังซัว, กิลเลอร์โม เปเฟนิง, มาเรีย โซโต ความยาว : 1 ชั่วโมง 33 นาที กำหนดฉาย : 16 กันยายน 2563 ความคิดเห็นส่วนตัวเมื่อรับชมหนังเรื่องนี้พบว่า เว็บรีวิวหนัง ความจริงแล้วพล็อตของหนังนั้นมีความน่าสนใจ อีกทั้งยังมีจุดที่ทำให้หนังดูว้าวได้มากกว่านี้มาก “Below Zero” (จุดเยือกเดือด) หนังระทึกขวัญดูมันจากสเปน การพลิกปมเรื่องให้มีความสลับซับซ้อนความจริงแล้วสามารถทำได้และสามารถตีความออกไปได้อย่างหลากหลายมาก ๆ ทีเดียว แต่เรื่องนี้บทต่าง ๆ ค่อนข้างลอย ไม่แน่น ไม่มีการปูพื้นของตัวละครต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกันเลย ขาดมิติทั้งในแง่ของตัวละครและเนื้อเรื่องพอสมควร tsover นั่นจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ค่อยน่าติดตาม อีกทั้งการเล่าเรื่องที่ไม่กระชับค่อนข้างยืดเยื้อในช่วงแรกผนวกกับการที่หนังขาดความสมเหตุสมผลไปเสียหมด ทำให้เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับพล็อตหนังเรื่องนี้ที่ทำออกมายังไม่ดีเท่าที่ใครหลายคนได้คาดหวังเอาไว้
ครอบครัวคือจุดเริ่มต้นของเรา แต่แน่นอนว่าบางครั้งเมื่อเราต้องเดินทางไปจนถึงจุดสุดท้ายของชีวิตนี้ เราเองก็อยากจะเอ่ยคำลาให้กับครอบครัวของเรา เราอยากจะกอดเขาไว้แน่น ๆ แต่สิ่งที่ต้องการนั้น บางครั้งเราก็ทำไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าสะเทือนใจอย่างที่สุด เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของหนังสั้นเรื่อง “If Anything Happen I love You” นี้ ข้อมูลหนังสั้นเรื่อง “If Anything Happen I love You” เรื่องราวของครอบครัวเล็กๆแสนสุขสันต์ที่อยู่กันสามคนได้แก่ พ่อ แม่ และลูกสาวแสนน่ารักอีกหนึ่งคน เว็บรีวิวหนัง ภาพความอบอุ่นของครอบครัวนี้ทำให้ใคร ๆ ต่างก็อิจฉากันถ้วนหน้า “Bliss” (คู่แท้สองโลก) หนังดราม่าไซไฟ สะท้อนปัญหาครอบครัว แต่แล้ววันหนึ่งที่โรงเรียนของเด็กหญิงก็เกิดเหตุยิงกราดทั่วโรงเรียน เสียงปืนลั่นไกนับไม่ถ้วน เสียงรัวกระสุนเป็นสิบ ๆ นัดอย่างต่อเนื่อง วินาทีนั้นเด็กหญิงรู้ดีว่าสิ่งสำคัญที่เธอต้องทำคือการบอกรักพ่อกับแม่ เพราะเธอ “กลัว” กลัวว่าสุดท้ายแล้วเธอนั้นจะไม่มีโอกาสนั้น ถ้อยคำที่กล่าวว่า คนเราพบกันนั้นถือเป็นวาสนาแต่สุดท้ายเราก็ต้องจากกันไม่ว่าจากเป็นหรือจากตาย แต่แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่พวกเรานั้นรู้ดีแก่ใจ แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่ทำใจยากเวลาที่เราต้องสูญเสียสิ่งที่เรารักไป ประเภท : ภาพยนตร์สั้น ผู้กำกับ : วิล แมคคอร์แมก, ไมเคิล โกเวียร์, Michael Govier บทภาพยนตร์ : วิล แมคคอร์แมก, ไมเคิล โกเวียร์, Michael Govier ความยาว : 12 นาที กำหนดฉาย : 20 พฤศจิกายน 2563 หนังสั้นเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยในโรงเรียน อีกทั้งยังทำให้เราเห็นความรักของครอบครัวที่ช่วยหล่อหลอมให้คนทุกคนนั้นต่างมีความสุข แม้จะเป็นหนังสั้นความยาวเพียง 12 นาที แต่การถ่ายทอดเรื่องราว joker6666 ทำออกมาได้ดีมาก ๆ สามารถทำให้คนดูนั้นอินไปกับหนังได้อย่างมาก สิ่งที่ประทับใจคือเส้นของตัวละครต่าง ๆ นั้นมีความหมายเชิงจิตวิทยาซ่อนอยู่เต็มไปหมดทำให้เราสามารถดูไปวิเคราะห์ไปได้อีกด้วย นอกจากนี้หนังสั้นเรื่องนี้ยังมีส่วนสำคัญที่จะทำให้สังคมในประเทศนั้นพัฒนามากขึ้น ไม่ต้องแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยกำลังเสียที
หากกล่าวถึงระบบยุติธรรมของประเทศต่าง ๆ เราอาจจะมองว่าประเทศที่พัฒนาแล้วน่าจะมีระบบที่เที่ยงธรรม แต่ความเป็นจริงมันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสียหมด เพราะยังคงเกิดเรื่องราวการจับแพะ หรือใส่ความให้นักโทษจากข่าวต่างประเทศที่ได้เห็นอยู่บ่อย ๆ หนังสัญชาติสเปนเรื่อง Below Zero นี้ได้พยายามหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาเล่าในมุมมองที่เสพง่ายและทำให้เราได้ตระหนักมากขึ้น รีวิวหนังเรื่อง “Below Zero” (จุดเยือกเดือด) เรื่องราวได้เริ่มต้นว่า “มาร์ติน” ตำรวจที่ได้รับการย้ายให้มาประจำการและได้รับมอบหมายให้คุมตัวเหล่านักโทษไปกักขัง แต่แล้วระหว่างทางนั้นรถบรรทุกคันนี้ก็ถูกโจมตี พวกตำรวจที่ร่วมเดินทางมาด้วยก็โดนเล่นงานจากคนร้ายปริศนา เหลือเพียงแค่มาร์ตินเพียงคนเดียวที่ต้องควบคุมสติเอาไว้ให้ได้ เพราะเขาต้องหลบหนีการไล่ล่าจากคนร้ายและต้องระวัง เว็บรีวิวหนัง ไม่ให้มีนักโทษหนีออกไปได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นงานที่ยากมาก ด้วยข้อจำกัดที่หนังพยายามใส่ให้ ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด และสภาพอากาศที่ย่ำแย่มาก “คุณชายใหญ่” หนังตลก ผ่อนคลายสมองเรื่องใหม่จากหม่ำ จ๊กม๊ก อีกทั้งคนร้ายที่ไล่ล่าก็ไม่ได้เข้าข้างหรือมาช่วยเหลือใคร แต่ไม่ว่ามันจะทำแบบนี้เพื่อเหตุผลอะไร มันก็เป็นการกระทำที่แสนโหดร้ายทั้งการทรมาณ การเผานักโทษให้ตายทั้งเป็น และการฆ่าที่แสนทารุณอีกด้วย ประเภท : ระทึกขวัญ แอ็คชั่น ผู้กำกับ : ลอิส กีเลซ นักแสดงนำ : จาเวียร์ กูเตียร์เรซ, แพทริก คริอาโด, อเล็กซ์ มอนเนร์, เอ็ดการ์ วิตตอริโน่ ความยาว : 1 ชั่วโมง 46 นาที กำหนดฉาย : 29 มกราคม 2564 ส่วนตัวคิดว่าหนังเรื่องนี้ค่อนข้างมีวิธีเล่าเรื่องที่ดี ถูกจังหวะ เนื้อหาบางส่วนนั้นยังเบามากไป แต่เข้าใจได้ว่าด้วยความที่เป็นหนังระทึกขวัญที่มักมุ่งเน้นไปที่ความลุ้น ความระทึกกันเสียมากกว่าความดราม่า แต่ปมบางอย่างที่ใส่เข้ามาตั้งแต่ต้นเรื่องเกี่ยวกับสาเหตุที่คนร้ายต้องตามฆ่าทุกคนเช่นนี้เป็นเพราะอะไร ก็ค่อนข้างมีเทคนิคการพลิกบทไปมาอย่างสมูทและน่าติดตาม แต่เรื่อง xoslot69 ที่รู้สึกขัดใจคือจากชื่อเรื่องนั้นมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้กับสภาพอากาศเย็นยะเยือก แต่ในหนังนั้นใส่ซีนดังกล่าวค่อนข้างน้อยทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าเนื้อเรื่องเป็นไปตามนั้นเท่าที่ควร
จากผลงานนิยายชื่อดัง ที่ถูกดัดแปลก และแต่งเติมเข้าไปจนได้หนัง นักรบอมตะอย่าง The Old Guard ผลงานหนังแอนตี้ Hero จากทางค่าย Netflix ที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีพลังอมตะเหนือมนุษย์ ที่พวกเขาไม่มีวันแก่ และฆ่ายังไงก็ไม่ตาย แต่พลังของพวกเขานั้น ไม่แน่นอน พวกเขาไม่รู้ว่าพลังของพวกเขาจะหมดไปตอนไหน และวันนี้ผมจะมารีวิวThe Old Guardนักรบพันธ์อมตะให้เพื่อนๆได้ฟังกันครับ รีวิว “The Old Guard” หนังแอนตี้ฮีโร่เรื่องล่าสุดจากทายค่าย NetFlix The Old Guardเป็นหนังแอนตี้ฮีโร่ เรื่องล่าสุดจากทายค่าย NetFlix ที่ผสมผสานและดัดแปลงมาจากนิยายชื่อดัง อีกทั้งยังได้ทีมงานคุณภาพจากสตูดิโอที่ฝากผลงานต่างๆไว้มากมายมายมาร่วมสร้างสรรค์ผลงาน เช่น G.I.JO, Mission: Impossible, 6underground, โดยThe Old Guardจะพูดถึง กลุ่มนักรบที่มีพลังวิเศษ อมตะฆ่าไม่ตาย ที่ต้องใช้ชีวิตปะปนไปกับคนธรรมดา ซึ่งเหล่านักรบพันธ์อมตะนั้นมีผู้นำหญิงที่ชื่อว่า “Andy” ที่มีอายุยาวนานมากที่สุดในกลุ่ม และมีประสบการณ์ในการรบและการใช้ชีวิตที่ยาวนานสุด นำแสดงโดย “Charlize Theron” (ชาร์ลีซ เทรัน) ซึ่ง Andy เป็นผู้รวบรวมกลุ่มคนที่มีพลังอมตะนี้เข้าไว้ด้วยกัน โดยเธอหวังที่จะไม่ใช้มนุษย์รู้เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อเผ่าพันธุ์ของเธอได้ และสมาชิกในกลุ่มได้แก่ “Kooker” นำแสดงโดย Matthias Schoenaerts และสมาชิกคนล่าสุดในกลุ่มอย่าง Kiki layne รับบทโดย liyne และ “Nicky”, “Joe” ที่รับบทโดย Luca Marinelli และ Marwan kenzari ,และซึ่งทั้ง 2 ตัวละครนี้ เป็นคู่ ชายรักชายกันภายในหนัง โดยตรงจุดนี้ผมมองว่ามันทำให้หนังมีสเน่ห์ขึ้นเอามากๆ เพราะมีหนังแอคชั่นเพียงไม่กี่เรื่องที่ หยิบยกเพศที่สาม เข้ามามีบทบาทในหนังฮีโร่ ส่วนความสนุกของหนังจะเป็นอย่างไร เพื่อนๆสามารถไปรับชมกันแล้วได้ทาง Netflix และในส่วนความรู้สึกของผมนั้น หนังเรื่องนี้ ค่อนข้างสนุกและน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ยิ่งทางฝั่งนักแสดงอย่าง “Charlize Theron” (ชาร์ลีซ เทรัน) เธอแสดงได้ดีเอามากๆ เธอมีเสน่ห์ สวย เท่ และแบกหนังเรื่องนี้ได้อย่างดีเลยทีเดียวครับ หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม หนังที่ฝากคำถามไว้มากมายจาก Netflix อย่าง In The Tall Grass พงหลอนมรณะ ได้อีกที่ filmograd.net หลังจากที่ดูหนังสนุกสุดมันส์ไปแล้วนั้น เรามาต่อกันที่ gclub168 สถานที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะมันสามารถเปลี่ยนชีวิตทุกคนได้อย่างง่ายดายเลย
หากพูดถึงหนังตำรวจคู่หูเพื่อนๆก็คงจะนึกถึงหนังตำรวจคู่หูจากหนังเรื่อง Bad Boys และหากพูดถึงหนังแฟนตาซีเพื่อนหลายๆคนก็คงจะนึกถึงหนังฟอร์มยักษ์ชื่อดังยัง The Lord of the Rings แต่จะเป็นอย่างไรหากหนังทั้งสองเรื่องนี้อยู่รวมกัน ใช่แล้วครับผมกำลังจะพูดถึงหนังเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นหนังฟอร์มยักษ์จากทางค่าย Netflix อย่าง Bright ซึ่งมองดูผิวเผินอาจเหมือนกันหนังเรื่อง Bad Boys ฉบับเวทมนต์ และวันนี้ผมก็จะมารีวิวหนังแฟนตาซีจัดจ้าย เรื่องแรกจาก netflix อย่างbrightให้เพื่อนๆได้ฟังกันครับ Bright หนังอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การรับชมเป็นอย่างมาก สำหรับหนังฟอร์มยักษ์อย่างBrightนั้น จะพูดถึง โลกในอนาคตที่เกิดความแบ่งชนชั้น ความเสื่อมโทรมของอารยธรรม และการอยู่ร่วมกันระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆ เช่น ออร์ค เอลฟ์ ภูต และมนุษย์ ซึ่งปกติแล้วหนังที่พูดถึงทั้ง 3 เผ่าพันนี้จะเป็นหนังแฟนตาซีย้อนยุค แต่สำหรับbrightนั้น กลับนำเสนอไอเดียร์ที่แตกต่างออกไปกว่านั้น เพราะหนังเดินเรื่องในโลกของอนาคตอันใกล้ แต่ยังคงความเป็นชนชั้นของแต่ละเผ่าไว้เช่นเดิม โดย เอลฟ์ เป็นชนชั้นสูง มนุษย์เป็นชนชั้นกลาง ออร์คเป็นชนชั้นล่าง และภูตเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยที่สุด โดยหนังจะพูดถึงโลกที่อยู่สงบสุขมานาน แต่ต้องเผชิญภัยอันตรายที่กำลังจะมาถึง โดยมีเผ่าเอลที่ไม่หวังดีคิดจะรวบรวมไม้กายสิทธิ์วิเศษ ที่สามารถปลุกชีพจอมมารจากยุคโบราณมืดกลับขึ้นมาอีกครั้ง และคนที่จะมาพิทักษ์โลกนั้นคือ สองคู่หูตำรวจ ที่แตกต่างกันสุดขั้ว ทั้งนิสัย และเผ่าพันธุ์ นั่นคือ มนุษย์ที่นำแสดงโดย “Will Smith” (วิลล์ สมิธ) และ ออร์ค นำแสดงโดย “Joel Edgerton” (โจล เอ็ดเกอร์ทอน) และทั้งสองจะช่วยเหลือโลกนี้ได้อย่างไร คงต้องไปติดตามกันได้ในbrightทาง Netflix เท่านั้น สำหรับความรู้สึกหลังจากที่ผมได้ดู ต้องขอชื่นชมทางค่าย Netflix จริงๆครับที่กล้าจะสร้างความแตกต่างของหนังให้ออกมาได้อย่างลงตัว อาจจะมีเพียงเรื่องเดียวที่ผมรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย ถึงสเกลของหนัง ที่อยากให้ทำออกมาให้กว้างกว่านี้อีกหน่อย แต่ทางค่ายคงต้องการทำหนังแฟนตาซีที่เข้าใจง่าย และสเกลที่สั้นเพื่อสร้างความแตกต่างหรือเปล่าอันนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ก็ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การรับชมเอามากๆเลยครับ หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม รีวิวหนัง “เล มิเซราบล์” (Les Misérables) ความรัก อยุติธรรม และการปฏิวัติ ได้อีกที่ filmograd.net จะว่าไปตอนนี้หนังแนวแฟนตาซีและ gclub1688 ก็กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากเลยเหมือนกัน ซึ่งคำว่าเป็นที่นิยมนั้นก็แสดงได้ว่า สิ่งนั้นมันดีจริงๆ ผู้คนถึงได้ให้ความสนใจกัน