“Below Zero” (จุดเยือกเดือด) หนังระทึกขวัญดูมันจากสเปน

หากกล่าวถึงระบบยุติธรรมของประเทศต่าง ๆ เราอาจจะมองว่าประเทศที่พัฒนาแล้วน่าจะมีระบบที่เที่ยงธรรม แต่ความเป็นจริงมันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสียหมด เพราะยังคงเกิดเรื่องราวการจับแพะ หรือใส่ความให้นักโทษจากข่าวต่างประเทศที่ได้เห็นอยู่บ่อย ๆ หนังสัญชาติสเปนเรื่อง Below Zero นี้ได้พยายามหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาเล่าในมุมมองที่เสพง่ายและทำให้เราได้ตระหนักมากขึ้น รีวิวหนังเรื่อง “Below Zero” (จุดเยือกเดือด) เรื่องราวได้เริ่มต้นว่า “มาร์ติน” ตำรวจที่ได้รับการย้ายให้มาประจำการและได้รับมอบหมายให้คุมตัวเหล่านักโทษไปกักขัง แต่แล้วระหว่างทางนั้นรถบรรทุกคันนี้ก็ถูกโจมตี พวกตำรวจที่ร่วมเดินทางมาด้วยก็โดนเล่นงานจากคนร้ายปริศนา เหลือเพียงแค่มาร์ตินเพียงคนเดียวที่ต้องควบคุมสติเอาไว้ให้ได้ เพราะเขาต้องหลบหนีการไล่ล่าจากคนร้ายและต้องระวัง เว็บรีวิวหนัง ไม่ให้มีนักโทษหนีออกไปได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นงานที่ยากมาก ด้วยข้อจำกัดที่หนังพยายามใส่ให้ ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด และสภาพอากาศที่ย่ำแย่มาก “คุณชายใหญ่” หนังตลก ผ่อนคลายสมองเรื่องใหม่จากหม่ำ จ๊กม๊ก อีกทั้งคนร้ายที่ไล่ล่าก็ไม่ได้เข้าข้างหรือมาช่วยเหลือใคร แต่ไม่ว่ามันจะทำแบบนี้เพื่อเหตุผลอะไร มันก็เป็นการกระทำที่แสนโหดร้ายทั้งการทรมาณ การเผานักโทษให้ตายทั้งเป็น และการฆ่าที่แสนทารุณอีกด้วย ประเภท : ระทึกขวัญ แอ็คชั่น ผู้กำกับ : ลอิส กีเลซ นักแสดงนำ : จาเวียร์ กูเตียร์เรซ, แพทริก คริอาโด, อเล็กซ์ มอนเนร์, เอ็ดการ์ วิตตอริโน่ ความยาว :  1 ชั่วโมง 46 นาที กำหนดฉาย : 29 มกราคม 2564 ส่วนตัวคิดว่าหนังเรื่องนี้ค่อนข้างมีวิธีเล่าเรื่องที่ดี ถูกจังหวะ เนื้อหาบางส่วนนั้นยังเบามากไป แต่เข้าใจได้ว่าด้วยความที่เป็นหนังระทึกขวัญที่มักมุ่งเน้นไปที่ความลุ้น ความระทึกกันเสียมากกว่าความดราม่า แต่ปมบางอย่างที่ใส่เข้ามาตั้งแต่ต้นเรื่องเกี่ยวกับสาเหตุที่คนร้ายต้องตามฆ่าทุกคนเช่นนี้เป็นเพราะอะไร ก็ค่อนข้างมีเทคนิคการพลิกบทไปมาอย่างสมูทและน่าติดตาม แต่เรื่อง xoslot69 ที่รู้สึกขัดใจคือจากชื่อเรื่องนั้นมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้กับสภาพอากาศเย็นยะเยือก แต่ในหนังนั้นใส่ซีนดังกล่าวค่อนข้างน้อยทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าเนื้อเรื่องเป็นไปตามนั้นเท่าที่ควร

หนังแอนตี้ฮีโร่จากค่าย Netflix อย่าง “The Old Guard” ผลงานจากผู้สร้าง G.I.JO

จากผลงานนิยายชื่อดัง ที่ถูกดัดแปลก และแต่งเติมเข้าไปจนได้หนัง นักรบอมตะอย่าง The Old Guard ผลงานหนังแอนตี้ Hero จากทางค่าย Netflix ที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีพลังอมตะเหนือมนุษย์ ที่พวกเขาไม่มีวันแก่ และฆ่ายังไงก็ไม่ตาย แต่พลังของพวกเขานั้น ไม่แน่นอน พวกเขาไม่รู้ว่าพลังของพวกเขาจะหมดไปตอนไหน และวันนี้ผมจะมารีวิวThe Old Guardนักรบพันธ์อมตะให้เพื่อนๆได้ฟังกันครับ รีวิว “The Old Guard” หนังแอนตี้ฮีโร่เรื่องล่าสุดจากทายค่าย NetFlix The Old Guardเป็นหนังแอนตี้ฮีโร่ เรื่องล่าสุดจากทายค่าย NetFlix ที่ผสมผสานและดัดแปลงมาจากนิยายชื่อดัง อีกทั้งยังได้ทีมงานคุณภาพจากสตูดิโอที่ฝากผลงานต่างๆไว้มากมายมายมาร่วมสร้างสรรค์ผลงาน เช่น G.I.JO, Mission: Impossible, 6underground, โดยThe Old Guardจะพูดถึง กลุ่มนักรบที่มีพลังวิเศษ อมตะฆ่าไม่ตาย ที่ต้องใช้ชีวิตปะปนไปกับคนธรรมดา ซึ่งเหล่านักรบพันธ์อมตะนั้นมีผู้นำหญิงที่ชื่อว่า “Andy” ที่มีอายุยาวนานมากที่สุดในกลุ่ม และมีประสบการณ์ในการรบและการใช้ชีวิตที่ยาวนานสุด นำแสดงโดย  “Charlize Theron” (ชาร์ลีซ เทรัน) ซึ่ง Andy เป็นผู้รวบรวมกลุ่มคนที่มีพลังอมตะนี้เข้าไว้ด้วยกัน โดยเธอหวังที่จะไม่ใช้มนุษย์รู้เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อเผ่าพันธุ์ของเธอได้ และสมาชิกในกลุ่มได้แก่ “Kooker” นำแสดงโดย Matthias Schoenaerts และสมาชิกคนล่าสุดในกลุ่มอย่าง Kiki layne  รับบทโดย liyne และ “Nicky”, “Joe” ที่รับบทโดย Luca Marinelli และ Marwan kenzari ,และซึ่งทั้ง 2 ตัวละครนี้ เป็นคู่ ชายรักชายกันภายในหนัง โดยตรงจุดนี้ผมมองว่ามันทำให้หนังมีสเน่ห์ขึ้นเอามากๆ เพราะมีหนังแอคชั่นเพียงไม่กี่เรื่องที่ หยิบยกเพศที่สาม เข้ามามีบทบาทในหนังฮีโร่  ส่วนความสนุกของหนังจะเป็นอย่างไร เพื่อนๆสามารถไปรับชมกันแล้วได้ทาง Netflix และในส่วนความรู้สึกของผมนั้น หนังเรื่องนี้ ค่อนข้างสนุกและน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ยิ่งทางฝั่งนักแสดงอย่าง “Charlize Theron” (ชาร์ลีซ เทรัน) เธอแสดงได้ดีเอามากๆ  เธอมีเสน่ห์ สวย เท่ และแบกหนังเรื่องนี้ได้อย่างดีเลยทีเดียวครับ หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม หนังที่ฝากคำถามไว้มากมายจาก Netflix อย่าง In The Tall Grass พงหลอนมรณะ ได้อีกที่ filmograd.net หลังจากที่ดูหนังสนุกสุดมันส์ไปแล้วนั้น เรามาต่อกันที่ gclub168 สถานที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะมันสามารถเปลี่ยนชีวิตทุกคนได้อย่างง่ายดายเลย

หนังแฟนตาซีจัดจ้านเรื่องแรกจากทาง netflix อย่างเรื่อง “Bright”

หากพูดถึงหนังตำรวจคู่หูเพื่อนๆก็คงจะนึกถึงหนังตำรวจคู่หูจากหนังเรื่อง Bad Boys และหากพูดถึงหนังแฟนตาซีเพื่อนหลายๆคนก็คงจะนึกถึงหนังฟอร์มยักษ์ชื่อดังยัง The Lord of the Rings แต่จะเป็นอย่างไรหากหนังทั้งสองเรื่องนี้อยู่รวมกัน ใช่แล้วครับผมกำลังจะพูดถึงหนังเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นหนังฟอร์มยักษ์จากทางค่าย Netflix อย่าง Bright ซึ่งมองดูผิวเผินอาจเหมือนกันหนังเรื่อง Bad Boys ฉบับเวทมนต์ และวันนี้ผมก็จะมารีวิวหนังแฟนตาซีจัดจ้าย เรื่องแรกจาก netflix  อย่างbrightให้เพื่อนๆได้ฟังกันครับ Bright หนังอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การรับชมเป็นอย่างมาก สำหรับหนังฟอร์มยักษ์อย่างBrightนั้น จะพูดถึง โลกในอนาคตที่เกิดความแบ่งชนชั้น ความเสื่อมโทรมของอารยธรรม และการอยู่ร่วมกันระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆ เช่น ออร์ค เอลฟ์ ภูต และมนุษย์ ซึ่งปกติแล้วหนังที่พูดถึงทั้ง 3 เผ่าพันนี้จะเป็นหนังแฟนตาซีย้อนยุค แต่สำหรับbrightนั้น กลับนำเสนอไอเดียร์ที่แตกต่างออกไปกว่านั้น เพราะหนังเดินเรื่องในโลกของอนาคตอันใกล้ แต่ยังคงความเป็นชนชั้นของแต่ละเผ่าไว้เช่นเดิม  โดย เอลฟ์ เป็นชนชั้นสูง มนุษย์เป็นชนชั้นกลาง ออร์คเป็นชนชั้นล่าง และภูตเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยที่สุด โดยหนังจะพูดถึงโลกที่อยู่สงบสุขมานาน แต่ต้องเผชิญภัยอันตรายที่กำลังจะมาถึง โดยมีเผ่าเอลที่ไม่หวังดีคิดจะรวบรวมไม้กายสิทธิ์วิเศษ ที่สามารถปลุกชีพจอมมารจากยุคโบราณมืดกลับขึ้นมาอีกครั้ง และคนที่จะมาพิทักษ์โลกนั้นคือ สองคู่หูตำรวจ ที่แตกต่างกันสุดขั้ว ทั้งนิสัย และเผ่าพันธุ์ นั่นคือ มนุษย์ที่นำแสดงโดย “Will Smith” (วิลล์ สมิธ) และ ออร์ค นำแสดงโดย “Joel Edgerton” (โจล เอ็ดเกอร์ทอน) และทั้งสองจะช่วยเหลือโลกนี้ได้อย่างไร คงต้องไปติดตามกันได้ในbrightทาง Netflix เท่านั้น สำหรับความรู้สึกหลังจากที่ผมได้ดู ต้องขอชื่นชมทางค่าย Netflix จริงๆครับที่กล้าจะสร้างความแตกต่างของหนังให้ออกมาได้อย่างลงตัว อาจจะมีเพียงเรื่องเดียวที่ผมรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย ถึงสเกลของหนัง ที่อยากให้ทำออกมาให้กว้างกว่านี้อีกหน่อย แต่ทางค่ายคงต้องการทำหนังแฟนตาซีที่เข้าใจง่าย และสเกลที่สั้นเพื่อสร้างความแตกต่างหรือเปล่าอันนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ก็ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การรับชมเอามากๆเลยครับ หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม รีวิวหนัง “เล มิเซราบล์” (Les Misérables) ความรัก อยุติธรรม และการปฏิวัติ ได้อีกที่ filmograd.net จะว่าไปตอนนี้หนังแนวแฟนตาซีและ gclub1688 ก็กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากเลยเหมือนกัน ซึ่งคำว่าเป็นที่นิยมนั้นก็แสดงได้ว่า สิ่งนั้นมันดีจริงๆ ผู้คนถึงได้ให้ความสนใจกัน

รีวิวซีรี่ย์เรื่องใหม่อย่าง “Sweet home” ทั้งมันส์ ทั้งสนุก ครบรสสุดๆ

สวัสดีครับทุกคนวันนี้อยู่กับผมในหัวข้อรีวิวหนังใหม่และหนังที่เราจะนำมารีวิวในวันนี้คือ Sweet home ครับ ซีรีย์แนวระทึกสยองขวัญของเกาหลีจากทาง Netflix ที่เป็นที่จับตามองของผู้ชมหลายคนเลยทีเดียวตั้งแต่ทีเวซอร์ออกมาก็ทำให้ใครหลายๆคนถึงกับเตรียมตัวดูกันยาวๆเลยละ แล้วในที่สุดทาง Netflix ก็ได้ปล่อยตัวหนังมาให้ดูกันยาวๆเต็มๆถึง 10 ep. บอกเลยหนังจะมีความน่าสนุกขนาดไหนติดตามได้ต่อไปนี้เลยครับ เรื่องราวของซีรี่ย์ใหม่อย่างเรื่อง “Sweet home” หนังนะครับได้ว่าด้วยเรื่องราวของ หนุ่มคนนึงที่มีปมในใจเรื่องครอบครัวที่เขาเสียไปเพราะอุบัติเหตุ จึงได้หนีย้ายมาพักอยู่อพาร์ทเม้นท์ที่นึงในเกาหลี แต่แล้วเรื่องราวพิลึกและไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อโลกได้วิบัติเปลี่ยนคนเป็นสัตว์ประหลาดทั่วเมืองโดยผู้คนจะติดเชื้อจากภายในหรือเรียกว่าคำสาปก็ได้ แล้วจะกลายเป็นปีศาจในทันทีเหลือเพียงกลุ่มผู้รอดชีวิตในอพาร์ทเม้นท์เท่านั้นที่ต้องช่วยเหลือและรักษาความเป็นมนุษย์ ให้ได้นานที่สุด เหลือเพียงพระเอกคนเดียวเท่านั้นที่ดูเหมือนจะเป็นที่พึ่งเพราะเขามีพลังที่สามารถควบคุมสัตว์ประหลาดในตัวของเขาได้  บอกเลยครับหนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลหรืออ้างอิงมาจาก นิยายชื่อดังในWebtoonที่มีผู้คนดูเยอะมากๆอยู่แล้ว และยิ่งเอามาสร้างเป็นหนังทำให้ยิ่งน่าดูเข้าไปใหญ่และแล้วเมื่อได้ดูปรากฏว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ทางเกาหลีทำซีรีย์เรื่องนี้ออกมาได้สนุกมากๆ ทั้งด้านการแสดง ภาพ เสียง ในด้านการแสดงนะครับได้ตัว นักแสดงชื่อดังมากมายทั้ง ซงคัง, ลีจินอุค,ลีซิยอง  และคนอื่นๆอีกมากมาย ที่มาร่วมความสนุกครั้งนี้ ในด้านภาพทางทีมงานทำCG สัตว์ประหลาดแต่ละตัวออกมาได้น่ากลัวสยดสยองมากๆ สมกับเป็นหนังสัตว์ประหลาดขึ้นหิ้งความน่ากลัวของเกาหลีเลย ต่อมาในด้านเสียงและฉากในส่วนนี้ทำออกมาได้ฟิวบรรยากาศอพาร์ทเม้นท์นึงที่รวมๆแล้วน่ากลัวมากๆ ส่วนเสียงของสัตว์ประหลาดบอกเลยทั้งน่ากลัวทั้งเเสบหู และในสว่นสำคัญที่สุดของหนังคือเนื้อเรื่อง ที่ทำออกมาได้ดีมากๆไม่มีความน่าเบื่อเลย สามารถดูได้เรื่อยๆและมีส่วนที่น่าติดตามในแต่ละ ep. ถือว่าสนุกมากๆครับ   ยังไงเนื้อหาต่อไปนี้ ต้องได้รับชมกันเอาเองครับถึงได้อารมณ์มากกว่า ทั้งสนุก ทั้งน่ากลัว ห้ามพลาดจริงๆ ยังไงถ้าเนื้อหาที่เรานำมาไม่ถูกต้องประการใดต้องขอกราบอภัยมานะทีนี้ด้วยครับ ในครั้งต่อไปเราจะนำหนังเรื่องไหนมารีวิวให้ผู้ชมได้ดูกันนั้นอย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม รีวิวหนัง “เล มิเซราบล์” (Les Misérables) ความรัก อยุติธรรม และการปฏิวัติ ได้อีกที่ filmograd.net หลังจากที่ได้ดูหนังสนุกๆ ลุ้นระทึกไปแล้วนั้น เรามาผ่อนคลายสมองต่อกันที่ mm888bet เลยดีกว่า ต้องเรียกได้ว่าเมื่อคุณได้ลองแล้วจะสนุกจนลืมเรื่องราวเครียดๆไปได้ในทันที

แนะนำหนัง “ฮอลิเดท” (Holidate) : แฟนกันเฉพาะวันหยุด

“ฮอลิเดท” (Holidate) หนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ฟิลกู้ดอีกเรื่องหนึ่งของ Netflix ที่มีพลอตเรื่องง่ายๆ เชยๆ ตามสูตรของหนังแนวนี้เป๊ะๆ ว่าด้วยเรื่องของ “สโลน” สาวสวยสุดมั่นที่หวงความโสดของตัวเองนักหนา เพราะยังไม่ลืมบาดแผลจากรักครั้งเก่า แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ ครอบครัวและคนรอบข้างกลับมองว่าเธอนั้นปิดกั้นตัวเองเกินไป และพยาย๊ามพยายามจะช่วยหาทางให้เธอมีคู่ให้ได้ ถึงแม้ว่าสโลนจะแสดงออกให้ทุกคนได้เห็นว่าชีวิตโสดๆ ของเธอนั้นมันช่างสุดแสนจะแฮปปี้ก็ตาม  เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่อง “ฮอลิเดท” (Holidate) สโลนเหนื่อยใจกับคนรอบข้างที่คอยจับคู่เธอกับคนนั้นคนนี้เต็มที แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะหาทางออกให้ตัวเองยังไง กระทั่งได้มาเจอกับ “จอห์นสัน” หนุ่มรูปหล่อคารมดีผู้ไม่นิยมการผูกมัดกับใครง่ายๆ ข้อตกลงประหลาดๆ ที่เรียกว่า “ฮอลิเดท (Holidate) จึงเกิดขึ้น โดยการให้จอห์นสันแกล้งมาเป็นแฟนปลอมๆ เพื่อให้เธอได้พาไปพบครอบครัวในวันหยุดเทศกาลต่างๆ ส่วนวันอื่นๆ ก็แยกย้ายตัวใครตัวมันไปตามระเบียบ  แรกๆ ก็เหมือนจะไม่มีอะไร แต่การที่จอห์นสันได้ใช้เวลากับครอบครัวของสโลนบ่อยๆ ทุกเทศกาล ก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและผูกพันกับครอบครัวนี้ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ระหว่างเขากับสโลนเอง ความรู้สึกดีๆ ก็ค่อยๆ ก่อตัวทีละน้อยด้วยเช่นกัน  ด้วยพลอตของเรื่องที่เบาๆ และเดาง่าย จึงเหมาะจะเป็นหนังที่ดูกันเพลินๆ ในวันพักผ่อนสบายๆ ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ก็ใช่ว่าทั้งเรื่องจะเบาใสไร้สาระไปซะหมด เพราะหลายฉากในเรื่องก็ทำให้ดูแล้วรู้สึกดีมากๆ ตามสไตล์ของหนังฟิลกู้ดเขาชอบทำกันนั่นแหล่ะ ส่วนฉากตลกก็ทำออกมาได้ดี ไม่ฝืด เรียกว่าดูไปแล้วต้องอมยิ้มไป หัวเราะไปตลอดทั้งเรื่องเลยล่ะ ส่วนงานภาพก็นับว่าทำออกมาได้ดีเช่นกัน มีฉากสวยๆ ของเทศกาลต่างๆ ให้เราได้ดูเยอะเลยทีเดียว นักแสดงก็มีแต่สวยหล่อทั้งนางเอกและพระเอก นับว่าเป็นหนังที่ดูแล้วให้ความรู้สึกเจริญตาเจริญใจมากๆ อีกเรื่องหนึ่ง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม หนังต่างประเทศ เรื่องอื่นๆ เช่น แนะนำหนังอิสระอย่าง “Jumper” หนังสุดมันส์ที่คุณต้องห้ามพลาด ได้อีกที่ filmograd.net แต่!! ความสนุกยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะเรามีเกมมาแนะนำกันอย่าง ufabet007 ที่จะมาตอบโจทย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นความสนุก หรือความเร้าใจต่างๆ มากันอย่างครบถ้วนเลยทีเดียว

ความตื่นเต้นของสายจากอดีตสู่ความหลอนกับ ‘สายตรงต่ออดีต’ The Call 2020

วงการภาพยนตร์เกาหลีมักมีเรื่องให้เราได้ตื่นเต้นและรอคอยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์อย่างพาราไซต์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ไปเมื่อปีที่ผ่านมาด้วยพล็อตและการถ่ายทำที่น่าตื่นตาตื่นใจ หรือแม้แต่เล่ห์รักนักล้วง (The Handmaiden) ที่ถูกกล่าวถึงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ออกฉาย และปีนี้ Netflix ก็นำเรื่องราวของสายตรงต่ออดีต (The Call 2020) อีกหนึ่งภาพยนตร์เกาหลีที่จะถูกพูดถึงและติดลิสต์ภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในใจของใครหลายคนอย่างแน่นอนมาให้เราได้ชมกัน “สายตรงต่ออดีต” (The Call 2020) ภาพยนตร์เกาหลีที่มีดีมากกว่าที่คิด The Call 2020นำแสดงโดยนางเอกที่เราคุ้นหน้ากันดีอย่างพัคชินฮเย จุนจงซอ และคิมซองรยอง และเรื่องราวก็เริ่มต้นที่ความขัดแย้งของ ซอยอน ตัวเอกของเรื่องที่มีปัญหากับแม่และหันหลังกลับไปที่บ้านเพื่อพบเจอกับสายโทรศัพท์ที่โทรมาจากบ้านหลังเดียวกันนี้ที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 20 ปีก่อน จะรู้สึกดีแค่ไหนหากเรากลายเป็นผู้ช่วยชีวิตเด็กสาวคนหนึ่งจากการถูกฆาตกรรมโดยมารดาของเธอเอง? ซอยอน เป็นคนนั้นที่เลือกช่วย โอยองซุก เด็กสาวที่ขณะนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ แต่กลับโดนแม่ที่คลั่งเวทมนตร์ไสยศาสตร์กักขังไว้ในบ้าน ทำร้ายร่างกายเธอต่าง ๆ นานา และซอยอนเป็นคนเดียวที่รู้อนาคตของเธอและช่วยเธอได้ ซอยอนช่วยยองซุกจากการถูกมารดาฆ่า ในทางกลับกัน โอยองซุกก็ไปช่วยพ่อของซอยอนที่กำลังจะเสียชีวิตเพราะถังแก๊สที่บ้านระเบิด ใน สายตรงต่ออดีต อนาคตถูกเปลี่ยนแปลง และทั้งคู่ดูเหมือนจะยินดีกับความเปลี่ยนแปลงนี้ โยองซุกยังมีชีวิตอยู่ และซอยอนก็ได้กลับมามีชีวิตครอบครัวพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก แต่นั่นกลับจุดความริษยาและอารมณ์อันแปรปรวนของโอยองซุก หลังจากที่ฆ่าแม่เพื่อหนีรอดมาในครั้งนั้น ทำให้เธอต้องเอาตัวรอดในครั้งต่อ ๆ มาและลากเอาซอยอนเข้าไปเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย แต่ซอยอนเมื่อรู้ว่าเธอคือฆาตกรแล้วก็ไม่ต้องการร่วมมือกับเธออีกสายตรงต่ออดีต จากการปูเรื่องแบบหักมุมหลายชั้น เปลี่ยนเส้นเรื่องอนาคตแบบคาดเดาไม่ได้ และเอฟเฟกต์อันเหนือชั้น สู่บทสรุปที่สมเหตุสมผลและยอมรับได้ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์หนึ่งที่เพื่อน ๆ ไม่ควรพลาดสำหรับปี 2020 นี้แม้จะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ลงให้ดูในโรงภาพยนตร์ปกติก็ตาม แน่นอนว่าเราหาภาพยนตร์เรื่องนี้ดูได้ง่ายกว่านั้นด้วย Netflix ที่ช่วยให้ดูได้ทุกที่ทุกเวลา หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น “เดอะเกรย์แมน” ที่เทียบได้กับวินเทอร์โซลเยอร์ของรูสโซ่ ได้อีกที่ filmograd.net

“เดอะเกรย์แมน” ที่เทียบได้กับวินเทอร์โซลเยอร์ของรูสโซ่

อาจเป็นภาพยนตร์ที่เปลี่ยนโฉมของแพลตฟอร์มเน็ตฟลิกซ์ก็ว่าได้ เมื่อทางผู้กำกับอย่างพี่น้องรูสโซ่ได้ออกมาพูดถึงภาพยนตร์ใหม่ของพวกเขาอย่าง เดอะเกรย์แมน ที่จะได้รับการเข้าฉายผ่านสตรีมมิ่งชื่อดังว่ามีความใกล้เคียงกับภาพยนตร์เรื่องกัปตันอเมริกาภาควินเทอร์โซลเยอร์อย่างมาก ซึ่งทั้งสองคนกลายเป็นผู้กำกับที่ชื่อเสียงนับตั้งแต่ปล่อยผลงานแรกออกมากับมาร์เวลจนกระทั่งได้รับหน้าที่ในการทำภาพยนตร์เรื่องใหญ่ของค่ายอย่างซีวิลวอร์และอเวนเจอร์ อินฟินิตี้วอร์กับเอนด์เกมเพื่อปิดตำนานในเฟสสามอีกด้วย “เดอะเกรย์แมน” ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของสองพี่น้องตระกูลรูสโซ่ ส่วนภาพยนตร์เรื่องเดอะเกรย์แมนนั้นก็จะได้ชายที่ได้รับบทในกัปตันอเมริกาอย่างคริส อีแวนส์ที่จะได้รับบทเด่นคู่กับไรอัน กอสลิ่งในเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากนิยายที่เขียนโดยมาร์ก กรีนนีย์ที่เกี่ยวข้องกับนักฆ่าอิสระที่ทางอีแวนส์เป็นคนแสดงประกบกับอดีตสายลับซีไอเออย่างคอร์ท เกนทรี ซึ่งทั้งสองจะต้องคอยหนีการตามล่าของหน่วยซีไอเออีกคนอย่างลอยด์ ฮานเซน โดยที่ทางเน็ตฟลิกซ์หวังว่าตัวภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จจนทำภาคต่อออกมาได้ในอนาคตเหมือนกับแฟรนไชส์ดังอย่างสายลับ 007 นั่นเอง หลังจากที่ทางพี่น้องตระกูลรูสโซ่ได้ออกมาเจอกับสื่อในงานซีซีเอกซ์พีนี้เอง จึงทำให้พวกเขาได้พูดถึงผลงานเรื่องล่าสุดอย่างเดอะเกรย์แมนและโอกาสที่จะได้ทำภาคต่อจากตัวละครต่างๆ ในเรื่อง ซึ่งจะมีอารมณ์คล้ายกับเรื่องวินเทอร์โซลเยอร์ที่มีต่อยอดตัวละครอย่างทีชาล่าหรือแบล็คแพนเธอร์ออกไปนั่นเอง โดยสองพี่น้องได้สัมภาษณ์ไว้ว่า เรื่องเกรย์แมนจะเป็นภาพยนตร์สายลับและจะมีความใกล้เคียงกับเรื่องกัปตันอเมริกาในอดีตตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่รวมถึงการเจาะข้อมูลผ่านเครือข่ายต่างๆ อีกด้วย ต้องยอมรับว่าเดอะเกรย์แมนกำลังจะเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่ฉายผ่านทางเน็ตฟลิกซ์หลังจากที่พวกเขาลงทุนไปมากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อดึงตัวนักแสดงและทีมงานต่างๆ เพื่อผลิตภาพยนตร์ที่ทางผู้กำกับกล้าออกมายืนยันว่าแฟนๆ ของเรื่องวินเทอร์โซลเยอร์จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น แนะนำหนังเก่าน่าดูในเน็ตฟิกอย่าง “โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet) ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิวหนังรอมคอมเรื่องใหม่ Love Guaranteed ฉายแล้วทาง Netflix

ความรักสามารถการันตีได้หรือไม่? นี่คงเป็นคำถามที่พวกเราหลายคนคิดอยากหาคำตอบทั้งที่ก็เหมือนจะรู้คำตอบกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังเลือกที่จะออกค้นหามันต่อไปอย่างมีความหวังว่าสักวันจะได้เจอ ไม่ว่าความรักจะสามารถการันตีได้หรือไม่ก็คงสุดแล้วแต่ตัวของเราเองมากกว่าว่าจะให้คุณค่าและความหมายกับคำนี้อย่างไร ทาง Netflix เองก็คงเห็นความสำคัญกับรักแท้ไม่น้อยจึงสร้างหนังรักรอมคอมเรื่องใหม่เรื่อง “Love Guaranteed” นี้ขึ้นมา แม้ดูภายนอกแล้วจะเป็นหนังที่ไม่ได้น่าตื่นเต้นหรือน่าติดตามเรื่องราวต่อ แต่บอกเลยว่าเมื่อได้ดูแล้วจะพบกับความลึกซึ้งของหนังเรื่องนี้และหลงรักตัวละครในเรื่องอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เรื่องราวของ “ซูซาน” ทนายหญิงที่ต้องพยายามหาเงินจำนวนมากมาค้ำจุนสำนักงานทนายความของเธอเอาไว้ให้ได้ จนทำให้เธอต้องรับว่าจ้างคดีให้กับหนุ่มผิวสีคนหนึ่งชื่อ “นิค” ซึ่งเขาตั้งใจจะฟ้องร้องเว็บไซต์หาคู่หนึ่งที่ชื่อ Love Guaranteed ที่เขานั้นได้ใช้งานและพบว่าไม่เห็นจะพบความรักอย่างที่เว็บไซต์อวดอ้างมาแต่น้อยเลย ซึ่งการว่าความนั้นก็เป็นไปอย่างดุเดือดทีเดียว การที่เว็บไซต์ถูกจอมตีนั้นก็ได้ให้การมาหากจะโจมตีเว็บไซต์นี้ก็เหมือนโจมตีแอปหาคู่อื่น ๆ ด้วย และทำให้ตลอดการที่เราชมหนังเรื่องนี้ก็ได้กลับมาฉุกคิดอยู่ตลอดว่า “ความรักมันการันตีได้ไหม” อยู่ตลอด ซึ่งก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจมากทีเดียว อีกทั้งการที่ทนายสาวเริ่มจะมีใจให้กับนิคที่เป็นลูกความก็ทำให้เนื้อเรื่องดูน่าติดตามขึ้นไปอีกมาก สุดท้ายแล้วฝ่ายไหนจะได้รับชัยชนะในการฟ้องครั้งนี้คงต้องติดตามต่อไปภายในเรื่อง แล้วคุณล่ะคิดว่าความรักสามารถการันตีได้หรือไม่ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “Love Guaranteed” ประเภท : โรแมนติก ดราม่า ผู้กำกับ : มาร์ก สตีเวน จอห์นสัน นักแสดงนำ : เรเชล ลีห์คุ๊ก,เดม่อน วายนส์ จูเนียร์,เฮเทอร์ แกรห์ม,แคนดิส แมคเคลอร์ ความยาว : 1 ชั่วโมง 30 นาที กำหนดฉาย : 3 กันยายน 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิวอนิเมชั่นเรื่องฮิตอย่าง “Over The Moon” กับการผจญภัยบนดวงจันทร์ ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิวอนิเมชั่นเรื่องฮิตอย่าง “Over The Moon” กับการผจญภัยบนดวงจันทร์

จากตำนานความเชื่อปรัมปราเกี่ยวกับความเป็นมาของเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ของจีนซึ่งถูกนำมาตีความใหม่และใส่จินตนาการลงไป ทำให้แอนิเมชั่นเรื่อง “Over The Moon” นี้ได้ใจเหล่าผู้ชมไปเต็ม ๆ เรื่องนี้เล่าถึง “เฟยเฟย” เด็กสาวที่ต้องสูญเสียแม่ไปตลอดหาล ซึ่งแม่ก็เปรียบเสมือนทุกอย่างของเธอ ความเชื่อความศรัทธาที่เธอได้ยินผ่านนิทานก่อนนอนของแม่มันมีส่วนสำคัญกับการเดินทางของเธอในครั้งนี้ ผู้เป็นพ่อพยายามหาแม่เลี้ยงใหม่เพื่อมาดูแลเด็กหญิง แต่แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการคนที่จะมาแทนที่แม่ของเธอ ทำให้เฟยเฟยบอกกับพ่อว่าเธอเชื่อว่า “ความรักเป็นสิ่งที่เรารอคอยได้” เหมือนอย่างที่แม่เคยพูดกับเธอไว้ การผจญภัยของเธอและกระต่ายน้อยบันจี้ได้เริ่มต้นขึ้น ทำให้เด็กหญิงได้มีโอกาสไปเจอกับอาณาจักรแห่งดวงจันทร์อย่างลูนาเลีย และได้พบเจอกับ “ฉางเอ๋อ” เทพีแห่งดวงจันทร์ที่ต้องทนทุกข์ทรมาณกับการสูญเสียสามีอันเป็นที่รักและต้องอยู่ด้วยความโดดเดี่ยว อนิเมชั่นเรื่องนี้ให้กลิ่นอายของดิสนีย์ได้อย่างดี มีเพลงประกอบที่ไพเราะและมีพลังอยู่หลายเพลง การแปลเพลงบางท่อนรู้สึกว่าแปลตรงตัวมากไปหน่อย จึงรู้สึกว่าต้นฉบับนั้นทำได้ดีกว่าเล็กน้อย ปมหลักของเรื่องเล่าออกมาได้ดีมาก ๆ จินตนาการของผู้สร้างนั้นสวยงามตระการตาผนวกกับโปรดักชันสุดอลังการที่ยิ่งใหญ่สร้างความประทับใจได้อย่างมาก ส่วนตัวคิดว่าเรื่องที่น่าพิจารณาน่าจะเป็นเรื่องปมท้ายของเรื่องที่ดูจะเฉลยง่ายไปเสียหน่อย และความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เล่าไม่ได้ลึกมากทำให้เราไม่รู้สึกอินมากนัก แต่ก็เป็นไปได้ว่าผู้สร้างต้องการให้โฟกัสที่อาณาจักรแห่งดวงจันทร์มากกว่าก็เป็นได้ สุดท้ายนี้ใครที่กำลังมองหาแอนิเมชั่นมิวสิคัลน้ำดีสักเรื่องให้ความรู้สึกเหมือนดูดิสนีย์ก็ต้องเป็นเรื่องนี้แน่นอน รับรองว่าดูแล้วไม่ผิดหวัง! ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับอนิเมชั่น “Over The Moon” ประเภท : อนิเมชั่น ผจญภัย ผู้กำกับ : เกล็น คีแอน นักแสดงนำ : ฟิลลิปา ซู,แซนดรา โอห์,เคน จอง,คิมิโกะ เกล็นน์ ความยาว : 1 ชั่วโมง 40 นาที กำหนดฉาย : 23 ตุลาคม 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว A Whisker Away เหมียวน้อยคอยรัก หนังอนิเมะอีกเรื่องของญี่ปุ่น ได้อีกที่ filmograd.net

Isn’t It Romantic เมื่อคนที่ไม่เชื่อในความรักต้องกลายเป็นนางเอกหนังเหล่านั้นเอง

“คุณเคยดูหนังรักโรแมนติก แล้วฝันหวานไปกับมันไหม” คำถามนี้น่าจะชวนเปิดเรื่องได้ดีทีเดียว เพราะชีวิตของสถาปนิกสาวคนหนึ่งในหนังเรื่อง “Isn’t It Romantic” กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาลจากความเชื่อที่แม่เธอฝังหัวของเธอตั้งแต่เด็กว่าความรักนิรันดร์ รักแท้ รักแรกพบอะไรพวกนั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และไม่ควรเชื่อมันจากการดูหนังรักโรแมนติก ตั้งแต่วันนั้นฝันของเธอก็เหมือนแตกสลาย และ “นาตาลี” ก็ไม่เคยเชื่อในความรักอีกเลย ชีวิตการทำงานของเธอแม้จะไปได้ดีแต่เพื่อนร่วมงานที่เอาแต่มองว่าเป็นคนไม่มีค่า พวกเขาปฏิบัติต่อเธออย่างไม่ใยดี จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พูดคุยกับชายคนหนึ่งตรงสถานีรถไฟ และเธอคิดว่าหรือบางทีควรจะลองเปิดใจดูดี แต่ทว่าเขาก็เป็นโจรที่จ้องจะขโมยกระเป๋าเธอเท่านั้น นาตาลีวิ่งไล่เขาไปจนตัวเองชนกับเสาอย่างเต็มแรงและสลบไป ฝืนขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่โรงพยาบาลแล้ว แต่เรื่องราวน่าแปลกใจก็คือ คุณหมอที่มาดูอาการเธอดูจะหล่อแซ่บเกินกว่าจะเป็นหมอ และสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ดูไม่เหมือนโรงพยาบาลจริง ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย นิวยอร์กกลายเป็นเมืองสะอาดตั้งแต่เมื่อไร แล้วเสียงเพลงที่จู่ ๆ ก็ขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยคืออะไร นี่มันไม่มีคำอธิบายอื่นแล้ว นอกจากว่าเธอกำลังติดอยู่ในหนังรักโรแมนติกที่เธอเกลียดยังไงล่ะ! ความคอมเมดี้ของหนังเรื่องนี้ไม่มากไปไม่น้อยไปถือว่าใส่มาได้แบบพอดี ๆ ดูเอาเพลิน ๆ อีกทั้งยังเห็นการล้อหนังรักในดวงใจหลายเรื่องซึ่งเป็นกิมมิกที่น่ารักทีเดียว มุกฮา ๆ ก็ใส่มาแบบไม่ยัดเยียดดูแล้วเป็นธรรมชาติดี อีกทั้งสิ่งที่ได้กลับมายังเป็นข้อคิดว่าสุดท้ายแล้วคนที่เราควรรักที่สุดไม่ใช่ใครอื่น นอกจากรักตัวเองและคอยใส่ใจดูแลตัวเองเสมอต่างหาก ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “Isn’t It Romantic” ประเภท : โรแมนติก คอมเมดี้ ผู้กำกับ : ทอดด์ สเตราส์ ชุลสัน นักแสดงนำ : เรเบล วิลสัน,เลียม เฮมส์เวิร์ท,ปริยังกา โจปรา,อดัม ดีไวน์ ความยาว : 1 ชั่วโมง 29 นาที กำหนดฉาย : 13 กุมภาพันธ์ 2562 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น หนังครอบครัวเบาสมอง “Think Like A Dog” เหมาะกับดูช่วงวันหยุดกับคนที่คุณรัก ได้อีกที่ filmograd.net