ซิยิ่นกุ้ย ขุนศึกคู่บัลลังก์ สำหรับใครที่ชื่นชอบซีรี่ส์จากฝั่งประเทศจีน

ซิยิ่นกุ้ย ขุนศึกคู่บัลลังก์

สำหรับใครที่ชื่นชอบซีรี่ส์จากฝั่งประเทศจีน ที่มักจะหยิบยกเอาประวัติศาสตร์จีนมาสร้าง จะต้องรู้จักกับ ซีรี่ส์เรื่องดังที่เล่าถึงตำนานของแม่ทัพคู่พระทัยของพระเจ้าถังไท่จง กษัตริย์ผู้ปราดเปรื่องแห่งราชวงศ์ถัง กับขุนศึกคู่บัลลังก์นามว่า “ซิยิ่นกุ้ย” อย่างแน่นอน เพราะเป็นซีรี่ส์ที่นำเรื่องราวของ ซิยิ่นกุ้ย ตั้งแต่ก่อนเข้ารับราชการจนกระทั่งได้เป็นอ๋องมาเผยแพร่ให้กับลูกหลานได้รับรู้กับซีรี่ส์เรื่องเยี่ยมที่ชื่อว่า ซิยิ่นกุ้ย ขุนศึกคู่บัลลังก์ ปัจจุบันมีให้รับชมทาง Youtube             ซิยิ่นกุ้ย ขุนศึกคู่บัลลังก์ กับเรื่องราวของแม่ทัพในตำนานจีน                 เรื่องราวของ ซิยิ่นกุ้ย ขุนศึกคู่บัลลังก์ จะมีไทม์ไลน์อยู่ในสมัย ราชวงศ์ ถัง หลังจากที่ ถังไท่จงฮ่องเต้ ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจาก ถังเกาจู่ และหลังจากที่ ถังไท่จง จัดการเรื่องราวต่างๆ ในบ้านเมืองเสร็จเรียบร้อย คืนหนึ่งพระองค์ได้ทรงพระสุบินแปลกประหลาด จึงให้ ฉีเม่ากง กุนซือทำนายและได้ความว่า จะได้ขุนศึกคู่พระทัยมาในไม่ช้า ประจวบกับตอนนั้นข้าศึกกำลังบุกเข้ามาใกล้ชายแดน ถังไท่จง จึงสั่งให้ อี้ฉือกง นำทัพไปจัดการและตามหาขุนศึกคู่พระทัยมาให้ได้ สุดท้ายกว่าจะได้พบเจอกัน ทั้งสองฝ่ายก็ต้องผ่านอะไรมามากมาย แต่ก็จบแบบแฮปปี้เอ็นด์ดิ้งทั้งสองฝ่าย เว็บรีวิวหนัง             ตำนานเรื่องเล่าที่มากกว่าเรื่องจริง                 อย่างไรก็ตามเรื่องราวของซิยิ่นกุ้ย ขุนศึกคู่บัลลังก์กลับไม่ได้มีบันทึกเอาไว้มากนัก ทำให้หลายคนมองว่า ซิยิ่นกุ้ย อาจไม่มีตัวตนอยู่จริงเป็นเพียงแค่ตำนานที่แต่งขึ้นมามากกว่า แต่หลังจากที่สืบค้นหา ก็พบว่า แม่ทัพรายนี้มีตัวตนอยู่จริงและเป็นแม่ทัพคู่พระทัยของถังไท่จงจริงๆ ทำให้นักประวัติศาสตร์หลายคนสงสัยว่าทำไมแม่ทัพชื่อดังขนาดนี้ถึงมีบันทึกเกี่ยวกับตัวท่านน้อยเหลือเกิน โดยบันทึกส่วนมากจะเล่าถึง ซิเตงซัน ลูกชายเสียมากกว่า สำหรับใครอยากจะสัมผัสกับเรื่องราวของ ซิยิ่นกุ้ย ขุนศึกคู่บัลลังก์ สามารถค้นหาดูได้แล้วใน Google หรือจะเซิร์ชหาใน Youtube ก็มีเช่นเดียวกันตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนจบ รับรองได้เลยว่าสนุกแน่นอน Latest Posts

The King’s Speech หนังชีวประวัติ สร้างแรงบันดาลใจ

หนังชีวประวัติ

สำหรับท่านที่เป็นแฟนหนังภาพยนตร์ ก็คงจะได้รับความสุขกันอย่างเต็ม ที่ด้วยในปัจจุบันแวดวงภาพยนตร์จากนานาประเทศ จะมีการผลิต มีการสร้างสรรค์หนังดี ๆ ให้พวกเราได้รับชมกันในหลายประเภท จากในหลาย ๆ หมวดหมู่ สำหรับในวันนี้ เราอยากจะขอนำเสนอ หนังชีวประวัติ เรื่องราวดี ๆ ที่จะทำให้ท่านได้รับแรงบันดาลใจ เผื่อให้ท่านที่กำลังท้อแท้ และสิ้นหวัง ลองได้รับชมเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ จากหนังเรื่องนี้ แล้วท่านจะได้มีพลังใจ ที่จะก้าวต่อไปทำในสิ่งดี ๆ ทำในสิ่งที่ท่านมุ่งหวังให้ประสบความสำเร็จ หนังชีวประวัติ The King’s Speech The King’s Speech สำหรับ หนังชีวประวัติ ในเรื่องนี้ จะเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับท่าน ที่มีความเป็นกังวล ไม่มีความั่นใจ มีความเขินอาย ในขณะที่ต้องยืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มคนมาก ๆ หรือต้องยืนอยู่ต่อหน้าสาธารณชน ที่เป็นทางการ ทั้งยังจะต้องมีการแสดงออกมีการพูดให้ผู้อื่น ให้เกิดความประทับใจในตัวของคุณ หนังชีวประวัติคุณภาพ ที่ได้สร้างมาจากเหตุการณ์จริง เรื่องราวของ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งตัวของพระองค์เองนั้น ได้ขึ้นครองราชย์ในช่วงระยะเวลา เดียวกันกับการเริ่มต้นขึ้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 จากสถานการณ์ในขณะนั้น ตัวของพระเจ้าจอร์จเอง ซึ่งดำรงตำแหน่งกษัตริย์ จึงจะต้องมีการขึ้นรากถาขึ้นปราศรัยสร้างขวัญกำลังใจ ให้กับประชาชนภายในประเทศ ทั้งยังต้องปลุกเร้าปลุกระดมให้ทุกคนมีจิตใจที่เข้มแข็ง พร้อมที่จะต่อสู้กับภาวะสงครามที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ แต่ทว่าตัวของพระเจ้าจอร์จเองนั้น มีปัญหาโรคประจำตัว นั่นก็คือปัญหาอาการพูดติดอ่าง ซึ่งพระองค์มีปัญหาอยู่ในระดับที่รุนแรงมาก ๆ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ The King’s Speech ในเรื่องนี้ จึงจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของพระองค์ ที่จะต้องทำการฝึกฝนฝึกหัดอย่างหนัก ที่จะต้องพูดต่อหน้าสาธารณชนประชาชนภายในประเทศ ให้มีความสุขขุมให้มีความมั่นใจ จึงจะเป็นการแสดงออก ซึ่งถึงความพยายามอย่างยิ่งยวด ซึ่งหากเราได้รับชมภาพยนตร์ในเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เชื่อได้ว่าทุกคนคงจะมีความประทับใจ จากความพยายามของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 และผู้ที่จัดทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็มีความคาดหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจจะเป็นหนังชีวประวัติ ที่จะสามารถพลิกชีวิต เปลี่ยนความคิดของกลุ่มคนในบางคน ที่ยังมีความไม่มั่นใจ ให้กลับมามีเรี่ยวแรง มีพลังสามารถเผชิญหน้ากับสิ่งรอบกาย ได้อย่างสง่าผ่าเผยThe King’s Speech เป็นภาพยนตร์ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับผู้ที่ประสบปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เราจึงมีความมุ่งหวังที่ว่าอยากจะให้ผู้คนทั้งหลาย ได้รับชมหนังชีวประวัติ ในเรื่องนี้ ซึ่งสร้างมาจากเรื่องจริงอย่างน้อย ๆ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของการรับชมเพื่อแสดงความชื่นชม กับความสามารถของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ที่พยายามทำสิ่งที่ยาก ที่ใครต่างคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้ประสบความสำเร็จกันได้นั่นเอง และต้องขอบคุณเว็บ filmograd ที่มาแชร์ประสบการณ์ต่างๆให้พวกเราได้รับชมกัน

โปเยโปโลเย 2020 ตำนานรักบัณฑิตหนุ่มและปีศาจสาวที่ยังคงถูกสานต่อ

โปเยโปโลเย

โปเยโปโลเย มีที่มาจากการตำนานเล่าเรื่องราวลึกลับว่า “เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ” แต่ในประเทศไทยจะรู้จักกันในชื่อโปเยโปโลเยเสียมากกว่า ถูกแต่งขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงของประเทศจีนโบราณโดย “ผู ซงหลิง” ซึ่งที่จริงแล้วจะกล่าวถึงตำนานภูตผีปีศาจโบราณ ซึ่งมักจะบอกเล่าเรื่องราวระหว่างคนกับปีศาจ แต่ที่เป็นภาพยนตร์ที่ทุกมุมโลกต่างรู้จักกันดีนั่นก็คือเรื่องเล่าในตอนที่ชื่อว่า “เนี่ย เสี่ยวเชี่ยน” ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวระหว่างบัณฑิตที่มีชื่อว่า “หนิงไฉ่เฉิน” และผีสาวที่มีหน้าที่ล่อลวงมนุษย์ไปให้ปีศาจต้นไม้ดูดวิญญาณ “เนี่ยน เสี่ยวเชียน” และโปเยโปโลเยถูกหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรก ในชื่อ The Enchanting Shadow  (1960) แต่จะรู้จักกันดีตอนที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อ Chinese Ghost Story  ในปี 1987 ที่สนามเด็กแสดงนำโดย เลสลีจาง และ หวังจู่เสียน  โดยภาพยนตร์ โปเยโปโลโย ในปี 1987 ได้รับการตอบรับอย่างดีเป็นจากแฟน ๆ อย่างมากถึงขั้นมีการสร้างภาคสองเป็นภาคสองในปี 1990 และภาคสามในปี 1991  จากนั้นตำนานโปเยโปโลเยก็ถูกหยิบยกมา  สร้างเป็นทั้งภาพยนตร์และซีรี่ส์เรื่องยาวมากมายหลายตอน ไม่ใช่ตอนที่กล่าวมาเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ตอนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและถูกนำมาสร้างใหม่บ่อยครั้งมากก็ยังเป็นภาพยนตร์ในตอนของ หนิงไฉ่เฉิน และเนี่ย เสี่ยวเชี่ยน ว่ากันว่านิยมตลอดกาลเลยทีเดียว จากนั้นในปี 2020 ที่ผ่านมาตำนานของโปเยโปโลเยในตอนของบัณฑิตหนุ่มและปีศาจสาว ก็ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้งในชื่อ The Enchanting Phantom (2020)  ได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง เฉินซิงซวี่ รับบท หนิงไฉ่เฉิน  บัณฑิตหนุ่มกำลังจะเดินทางไปสอบเข้ารับราชการในเมืองหลวง หลี่ข่ายซิน รับบท เนี่ยเสี่ยวเชี่ยน ปีศาจสาวผู้น่าสงสาร จากนั้นก็ได้ปรมาจารย์นักบู๊ชื่อดังที่มักจะเป็นผู้ปิดทองหลังพระผลักดันพระเอกนางเอกอยู่เสมออย่าง หยวนหัว มารับบท เยี่ยนชื่อเสีย สุดยอดมือปราบปีศาจประจำเรื่อง และยังได้อดีตพระเอกชื่อดังระดับตำนานของฮ่องกงอย่าง ฉีเส้าเฉียน รับบทเป็นปีศาจต้นไม้ พันปี  นอกจากปีศาจต้นไม้แล้วโปเยโปโลเยในเวอร์ชั่นนี้ ยังได้เพิ่มบทสุดยอดปีศาจขุนเขาที่ร้ายกาจกว่าปีศาจต้นไม้ เพิ่มเข้ามาให้พระเอกและพวกพ้องต้องประผจญภัยหาทางจัดการมันให้ได้ พบกับตำนานคนกับผีบทใหม่ได้ใน The Enchanting Phantom (2020)

รีวิวหนัง “A Christmas Prince” (เจ้าชายคริสต์มาส) กับหนังน่ารักๆอีกหนึ่งเรื่อง

ต้องยอมรับเลยว่าช่วงนี้สิงสถิตอยู่แต่ใน Netflix และหลังจากที่นั่งหาว่าจะดูหนังเรื่องไหนดีน๊า ที่มันไม่ค่อยเครียดหรือต้องคิดตามอะไรมากมาย เพราะทุกวันนี้เจอแต่อะไรเครียดๆมาเยอะมาก แล้วเหมือนทาง Netflix จะรู้ใจว่าเราต้องการดูหนังแนวไหนนะ เพราะอยู่ดีๆ Netflix ก็โผล่หนังเรื่อง “A Christmas Prince” (เจ้าชายคริสต์มาส) นี้ขึ้นแจ้งเตือนมาให้ดูซะอย่างนั้น เอาเป็นว่าเราไปดูกันเลยดีกว่าว่ามันจะเป็นอย่างไรบ้าง ชื่อเรื่อง : “A ChristmasPrince” (เจ้าชายคริสต์มาส) แนว : โรแมนติกคอมเมดี้ นักแสดง : Rose McIver, Ben Lamb, Tom Knight, Sarah Douglas, Daniel Fathers, Alice Krige, Tahirah Sharif บทภาพยนตร์ : Karen Schaler, Nathan Atkins ผู้กำกับ : Alex Zamm ค่าย : Netflix วันฉาย : 17 พฤศจิกายน 2017 เวลา : 01 ชั่วโมง 32 นาที IMDb : 5.8 เรื่องย่อ เรื่องราวของ “แอมเบอร์” (รับบทโดย Rose McIver) นักข่าวหญิงไฟแรง ที่ได้รับมอบหมายงานให้ไปทำข่าวเกี่ยวกับการขึ้นครองราชย์ของ “เจ้าชายริชาร์ด” (รับบทโดย Ben Lamb) เจ้าชายคนแรกของราชวงศ์แห่งอัลโดเวียที่ขึ้นชื่อเรื่องของคาสโนว่าตัวพ่อ นั่นทำให้แอมเบอร์ต้องตกกระไดพลอยโจรปลอมตัวไปเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษให้กับเจ้าหญิง น้องสาวของเจ้าชายริชาร์ด เพื่อตามสืบข่าวของเจ้าชายและนำมาเขียนสกู๊ป เพื่อหน้าที่การงานที่ก้าวหน้าของเธอเอง แต่หลังจากที่เธอเข้าไปอยู่ในวังแล้ว ความรู้สึกที่เธอมีต่อเจ้าชายกลับเปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งเธอยังใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้ามากกว่าเดิมอีกด้วย รีวิว A Christmas Prince (เจ้าชายคริสต์มาส) ต้องยอมรับเลยว่าช่วงนี้เครียดมากกับภาระหลายๆอย่างรอบตัว ก็เลยเลือกที่จะดูหนังเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นหนังเบาๆสบายสมอง เนื่องจากได้ดูจากหน้าปกแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องของเจ้าชายก็เลยเลือกเข้าไปดู แต่หลังจากที่ได้เข้าไปดูแล้วไม่ผิดหวังเลย ในส่วนของเนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้มีพล็อตที่แตกต่างไปจากเรื่องอื่นๆมากมายสักเท่าไร คือเราสามารถเดาทางของเนื้อเรื่องได้ตั้งแต่ต้นจนจบเลยแหละ แต่หนังเรื่องนี้คือมันน่ารักมากกก (ให้ ก.ไก่ ล้านตัวเลย) เรียกได้ถ้าใครที่ต้องการดูหนังเพื่อผ่อนคลายเรื่องราวเครียดๆที่เราต้องประสบพบเจอมาทั้งวันนั้น แอดขอแนะนำหนังเรื่องนี้เลย มันเหมาะที่จะเป็นหนังที่ช่วยคลายเครียดได้อย่างดีเลยทีเดียว แล้วไหนจะตัวหนังแสดงอีกที่สามารถแสดงได้อย่างร่ารัก น่าเอ็นดูมากๆ และถ้าหากใครอยากดูหนังที่ภาพสวยๆ โลเคชั่นดีๆ หนังเรื่องนี้สามารถตอบโจทย์คุณได้เลย เพราะหนังเรื่องนี้นั้น สามารถทำงานภาพออกมาได้เป็นอย่างดี การรันตีได้ด้วยคุณภาพหนังระดับ 4K ไปเลยจ้า ตัวอย่าง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว The Princess Switch (สลับตัว ไม่สลับหัวใจ) กับเรื่องราวน่ารักๆสบายสมอง ได้อีกที่ filmograd.net

หนังจีน ดีๆที่ท่านผู้ชอบนิยมดูหนังไม่ควรพลาดตังต่อไปนี้

สำหรับแฟนหนังสมัยใหม่หากจะถามว่าชอบหนัง หรือภาพยนตร์แนวไหนแน่นอนว่า คนส่วนใหญ่มักจะชอบชมหนังฝรั่ง หรือแฟนตาซีไซไฟซึ่งเป็นที่ยอดนิยมในยุคปัจจุบัน หากแต่ถ้าย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อนที่หนังฝรั่งยังไม่เข้ามาตีตลาดมากนักจนถึงตอนนี้  วันเวลาผันเปลี่ยนไปทำให้หนังจีนที่เคยเป็นหนังยอดฮิตในอดีตกลับแทบไม่มีที่ยืน เหลือไว้เพียงความทรงจำในยุคสมัยที่หนังจีนโด่งดัง ในบทความนี้เราจึงขอแนะนำ หนังจีน ดีๆที่ท่านผู้ชอบนิยมดูหนังไม่ควรพลาดตังต่อไปนี้ 1.หงษ์ทองคะนองศึก 1966 หนังจีน ระดับมาสเตอร์พีซจากบริษัทสร้างภาพยนตร์ชื่อดังของฮ่องกงในอดีต ชอร์บราเธอร์สสตูดิโอ ผลงานการสร้างสรรค์เรื่องราวจากนักเขียนและผู้กำกับชื่อดัง King Hu ผู้ให้กำเนิดหนังจีนชื่อดังมากมายหลายเรื่องราว และยังเป็นหนังจีนเรื่องแรก ๆ ที่มีตัวละครนำเป็นตัวละครหญิง จึงถือเป็นขวัญใจแฟนหนังจีนที่เป็นสุภาพสตรีมาก 2.ฤทธิ์มีดสั้นลี้คิมฮวง 1981 หนังจีนชื่อดังที่คุ้นหูแฟนหนังจีนทุกคน เพราะเป็นหนังจีนที่ดัดแปลงมาจากนิยายกำลังภายในอันยอดเยี่ยมของพญามังกรโกวเล้ง ซึ่งมีต้นฉบับจากนิยายเรื่อง เสียวลี้ปวยตอมีด มีดบินไม่พลาดเป้านั้นเอง ด้วยหนังจีนเรื่องนี้ถือว่าดังมากในยุคนั้นทำให้บริษัท ชอร์บราเธอร์สสตูดิโอ เจ้าเดิม เพิ่มเติมคือสร้างภาคต่ออีก 2 ภาค ในปี 1977 และในปี 1981 แถมยังเป็นหนังจีนที่สร้างชื่อให้กับ ตี้หลุน นักแสดงอาวุโสแห่งดินแดนจีนที่เรารู้จักกันดีอีกด้วย 3.ม่านประเพณี 1963 หากจะพูดถึงหนังจีนในยุคเก่าแล้วล่ะก็อีกหนึ่งหนังจีนที่เราจะไม่กล่าวไม่ได้เลย นั่นก็คือหนังจีนในชื่อม่านประเพณี ซึ่งคาดกันว่าแต่เดิมเป็นตำนานจีนโบราณเล่าสืบต่อกันมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์จิ้นตะวันออก สืบทอดเรื่องราวต่อกันมาเป็นบทขับร้องงิ้ว ซึ่งหนังจีนในเวอร์ชั่นนี้ก็ยังคงมีบทขับร้องงิ้วดังกล่าวคงเอาไว้เหมือนกัน ทำให้เป็นที่ประทับใจแฟนหนังจีนยุคเก่ามากนั่นเอง 4.ฤทธิ์ดาบฟ้าลั่น  1978 เธอเป็นหนังจีนยอดนิยมในยุคดังกล่าวซึ่งหากจะบอกว่ามันมาจากนิยายจีนกำลังภายในเรื่องใดแล้ว เราก็คงต้องบอกว่ามันมาจากนิยายชื่อดังที่เราคุ้นหูกันดีนั่นก็คือนิยายเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรของกิมย้งนั่นเอง เพียงแต่มีการดัดแปลงเนื้อเรื่องให้สั้นลงเพื่อให้สามารถสร้างเป็นหนังได้ในเวลาจำกัด 5.ชอลิ้วเฮียง 1982 เป็นอีกหนึ่งหนังจีนชื่อดังจากชอร์บราเธอร์สสตูดิโอเจ้าเดิมแถมนำแสดงโดย ตี่หลุน อีกเช่นเดียวกัน แต่เป็นชอลิ้วเฮียงที่ค่อนข้างจะพิสดารซะหน่อย เพราะแทนที่เนื้อเรื่องจะเอามาจากนิยายชุดชอลิ้วเฮียงของโกวเล้ง แต่หนังจีนเรื่องนี้กันไปเอาเนื้อเรื่องบางส่วนจากนิยายจีนเรื่องเล็กเซียวหงส์ดำเนินเรื่องแทนซะอย่างนั้น ก็สนุกไปอีกแบบและที่กล่าวมานี้ก็เป็น 5 หนังจีนชื่อดังในยุคเก่าที่เราอยากให้ท่านได้หามาชมอย่างไม่ควรพลาด ด้วยประการทั้งปวงแน่นอนมันอาจจะไม่มีเทคนิค หรืองานภาพคมชัดเช่นหนังยุคปัจจุบันแต่ที่มันมีให้เราก็คือเสน่ห์หนังจีนที่หนังยุคใหม่ไม่มีนั่นเอง ต้องขอขอบคุณข้อมูลการรีวิวหนังจาก Ufa9999 มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามภาพยนตร์ 2012 วันสิ้นโลก ภาพยนตร์วันที่โลกล่มสลายสู่เรื่องโกหกบันลือโลก

Kingdom2 แรงบันดาลใจ 5

แรงบันดาลใจที่แท้จริงเบื้องหลัง หากคุณมีความอยากสยองขวัญซอมบี้คุณภาพแล้ว ‘ ราชอาณาจักร ‘ ของ Netflix คือสิ่งที่ต้องทำ ละครอิงประวัติศาสตร์ที่มีการวางแผนอย่างรวดเร็วและหนาแน่นมีส่วนร่วมอย่างมีรสนิยมและช่วยให้คุณหลงไหลตลอดทั้งฤดูกาลซึ่งคุณจะต้องรู้สึกเหนื่อยล้าในตอนท้าย รายการผสมผสานการเมืองภายในศาลและความสยองขวัญของการระบาดของโรคจากภายนอกด้วยประสิทธิภาพที่ดูเหมือนว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ในขณะที่รายการประเภทอื่นนำผู้ชมไปสู่อนาคตอันแสนเยือกเย็นโดยไม่มีการหลบหนี ‘ราชอาณาจักร’ พาเราย้อนกลับไปในอดีตและทำให้เราตั้งคำถามว่าภัยพิบัติเช่นนั้นทำให้ประเทศชาติน่าสะพรึงกลัวและหลงทางในประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ใน ‘ราชอาณาจักร’ เป็นจริงได้หรือไม่ นี่คือคำตอบ   ‘ราชอาณาจักร’ เกี่ยวกับอะไร? ตั้งอยู่ในยุคโชซอน ‘ราชอาณาจักร’ ติดตามเรื่องราวของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารที่มีการอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ เมื่อพระราชาล้มป่วยลงเพราะโรคลึกลับโจฮาคจูผู้เป็นหัวหน้าของ Haewan Cho Clan และพ่อของราชินีรับสายบังเหียนและในไม่ช้าผ่านการวางแผนและการข่มขู่ทำให้ทุกคนที่ว่าช้างเป็นคนทรยศ ในขณะเดียวกันเจ้าชายก็ตามแพทย์ที่เข้าร่วมพ่อของเขาเพื่อค้นหาสิ่งที่ผิดปกติกับเขา สิ่งที่เขาค้นพบนั้นเกินความเชื่อและขู่ว่าจะทำลายทั้งประเทศ   ‘ราชอาณาจักร’ มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงหรือไม่? ‘ราชอาณาจักร’ มีพื้นฐานมาจากซีรีส์มิคอม ‘ดินแดนแห่งพระเจ้า’ โดยคิมอึนฮีและหยางคยองกู อึนฮีเข้าร่วมกับซีรี่ส์ในฐานะนักเขียนเมื่อ Netflix ตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาเพื่อดัดแปลงหน้าจอ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องสมมติที่ยกระดับด้วยจินตนาการที่ไม่มีใครเทียบของอึนฮี แต่เธอก็พบว่ารากของเรื่องนี้อยู่ในบัญชีจริง   มันเป็นในปี 2011 ในขณะที่ต้องผ่านพงศาวดารของราชวงศ์โชซอนเธอเจอสิ่งที่ทำให้เธอแย่มากจนเธอไม่สามารถกำจัดมันออกจากความคิดของเธอได้ ในบทหนึ่งเกี่ยวกับการครองราชย์ของกษัตริย์ Soonjo บันทึกดังกล่าวเป็นโรคลึกลับที่คร่าชีวิตผู้คนนับพัน บันทึกในศตวรรษที่ 19 อ่านว่า: “ในฤดูใบไม้ร่วงโรคลึกลับเริ่มแพร่กระจายจากทางตะวันตกและใน 10 วันผู้คนหลายหมื่นคนเสียชีวิตในฮันยาง”     ฮันยางซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโชซอนใน ‘ราชอาณาจักร’ และเป็นกรุงโซลในปัจจุบันกลายเป็นที่นั่งแห่งการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในการแสดง ซีรีส์เพิ่มความถูกต้องทางประวัติศาสตร์มากขึ้นในเรื่องราวเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลที่สองกษัตริย์องค์ใหม่ได้ค้นพบว่าไม่มีใครแม้แต่เขาจะได้รับอนุญาตให้อ่านบันทึก ทุกคนต้องเชื่อในสิ่งที่บอกกับพวกเขา   ในขณะที่พงศาวดารทำให้เป็นไปไม่ได้สำหรับทุกคนที่จะรู้ว่าสิ่งที่เป็นโรคระบาดและวิธีการที่ถูกเหนี่ยวรั้งในที่สุดไม่เคยลุกขึ้นมาอีกครั้ง ม่านแห่งความลึกลับที่ขัดขวางไม่ให้ค้นพบความจริงยังช่วยให้จินตนาการของพวกเขาทะยานขึ้นและทำสิ่งที่พวกเขาต้องการ อึนฮีใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้และเราได้ ‘ราชอาณาจักร’   ด้วยการใช้คำจำกัดความของโรคเธอเพิ่มรายละเอียดของเธอเองโดยเน้นที่จุดกำเนิดของโรค สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้และสิ่งที่มันต้องเกิดขึ้น – นี่คือคำถามที่ทำให้เธอยังคงดำเนินต่อไปและเพื่อฝังความอยากรู้อยากเห็นนี้ในการแสดงเธอใช้ตัวละครของ Seo-bi แพทย์ที่ดีที่สุด โอกาสของราชอาณาจักรที่เข้าใจและเอาชนะโรคระบาด แม้จะมีการแสดงที่เป็นซอมบี้เป็นศูนย์กลาง แต่ความสยองขวัญไม่ใช่สิ่งเดียวในใจของเธอในขณะที่เขียนเรื่องราว สำหรับเธอมันเป็นเรื่องความหิวโหยทางการเมืองมากพอ ๆ กับความอยากได้เนื้อมนุษย์ หัวใจของมัน ‘ราชอาณาจักร’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความกระหายที่ไม่รู้จักพอและนำไปสู่การทำลายล้างตนเองและโลก “ ฉันต้องการที่จะพรรณนาคนที่ถูกทำร้ายโดยผู้มีอำนาจที่ต้องดิ้นรนกับความอดอยากและความยากจนผ่านสัตว์ประหลาด หิวมากที่สุดคือสัญชาตญาณของมนุษย์สากล” เธออธิบาย “ ฉันต้องการเขียนเรื่องราวที่สะท้อนถึงความกลัวและความวิตกกังวลของยุคปัจจุบัน แต่สำรวจผ่านเลนส์แห่งความหลงใหลในยุคโชซอนแห่งประวัติศาสตร์” เธอกล่าวเกี่ยวกับการเลือกที่จะวางเรื่องราวในยุคอดีตที่มักจะใช้เป็น ฉากหลังในรายการทีวีเกาหลีมากมาย

Kingdom2 EP.1

รีวิว: Kingdom S02 ในทศวรรษที่ผ่านมาการแสดงเช่น ‘ The Walking Dead ‘ และภาพยนตร์เช่น ‘ Zombieland ‘ ได้สำรวจทุกมุมของซอมบี้สยองขวัญอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งการกลับไปสู่โลกหลังยุคสันทรายที่เต็มไปด้วยไวรัสซึ่งทำให้ผู้คนที่อยู่ในมนุษย์ไม่สนใจกลายเป็นคนน่าเบื่อ รายการเดียวที่จัดการมันแตกต่างกันถึงแม้ว่าจะเป็นแนวโค้งเล็กน้อยของเรื่องราวก็คือ ‘ Game of Thrones ‘ เรื่องราวของ GRRM นั้นไม่เหมือนกับที่เราเคยเห็นมาก่อนและพวกเขาก็น่ากลัว แต่ไม่สนใจอย่างที่ควรจะเป็นดูเหมือนว่าพวกเขาเข้ามาในฤดูกาลที่แล้วหรือมากกว่านั้นในรายการและทุกอย่างก็ตกนรก ถ้าฉันต้องสรุปฤดูกาลที่สองของ ‘ ราชอาณาจักร ‘ ด้วยคำพูดไม่กี่คำมันจะเป็นการสังเกตว่ามันเป็นสิ่งที่ฤดูกาลสุดท้ายของ GoT ควรจะเป็น เลือดและน่ากลัวด้วยพล็อตหนาแน่นที่ขยายขอบเขตของตัวละครเช่นเดียวกับตำนานของภัยพิบัติลึกลับนี่คือจุดสิ้นสุดที่เราสมควรได้รับ เราไม่เข้าใจเรื่องนี้ของ Westeros ดังนั้น Netflix จึงมอบมันให้กับเราในรูปแบบของราชวงศ์โชซอน และสิ่งที่มหัศจรรย์ได้กลายเป็น   สรุปราชอาณาจักรซีซั่น 2 มกุฎราชกุมารลีชางต่อสู้ทางของเขาไปทั่วประเทศด้วยผู้คนเพียงไม่กี่คนและในที่สุดก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ประตูซางเพื่อปกป้องเมืองจากความตาย ก่อนหน้านี้เชื่อกันว่าคนที่เป็นโรคระบาดจะออกมาในเวลากลางคืนเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกเขาออกไปข้างนอกในระหว่างวันและช้างก็อยู่ในจุดสิ้นสุดของเขา ในขณะเดียวกัน Seo-bi และ Beom-pal ที่ติดอยู่ในน้ำตกทำทางขึ้นเขาและลงเอยที่ Mungyeong Sangjae ซึ่ง Lord Cho พร้อมที่จะวางแผนการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเขากับ Chang สมเด็จพระราชินีทรงวางแผนแผนการของเธอในการควบคุมราชอาณาจักร หากฤดูกาลแรกของ ‘ราชอาณาจักร’ ยอดเยี่ยมฤดูกาลที่สองจะเกินความคาดหมายของทุกมาตรการ หยิบขึ้นมาทันทีหลังจากเหตุการณ์ในฤดูกาลแรกที่มกุฎราชกุมารและประชาชนของเขาถูกอ้าปากค้างที่ซอมบี้วิ่งไปหาพวกเขาในเวลากลางวันชุดเริ่มต้นด้วยตอนที่น่าเบื่อ คุณอยู่ที่ขอบที่นั่งของคุณตลอดเวลาและเมื่อสถานการณ์เย็นลงในที่สุดซีรีส์จะย้ายไปที่ปัญหาถัดไป ความตื่นเต้นที่มันเริ่มต้นด้วยไม่เคยจางหายไป ในตอนท้ายของแต่ละตอนผู้ชมจะถูกทิ้งไว้กับหน้าผาที่แขวนไว้เพื่อให้ดูต่อไปจากนั้นต่อไปและถัดไปและต่อไปและก่อนที่คุณจะรู้ว่าฤดูกาลสิ้นสุดลงและคุณต้องรออีก ปีเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในร้านสำหรับอาณาจักรโชซอน การผสมผสานระหว่างความสยองขวัญและนิยายอิงประวัติศาสตร์ทำให้เกิดเรื่องราวที่ไม่คาดคิดและทำให้นักเล่าเรื่องสามารถทำอะไรที่ไม่เหมือนใครกับแนวเพลงที่บิดเบี้ยวและพลิกผันมากในทศวรรษที่ผ่านมาซึ่งเรื่องราวทั้งหมดรู้สึกเหมือนกันในตอนนี้ ซีรีส์ Netflix น่าจะตกอยู่ในหลุมพรางที่เหมือนเดิม แต่แทนที่จะไปตามวิธีปกติพวกเขาทำให้มันเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสิ่งที่คุณไม่สามารถทำได้เพียงพอ   การ จำกัด ฤดูกาลให้เหลือเพียงหกตอนเท่านั้นเช่นเดียวกับที่ทำในตอนแรก ‘ราชอาณาจักร’ กลั่นกรองเรื่องราวที่เหมาะสมกับเนื้อหาสาระและแพร่กระจายออกไปด้วยความสม่ำเสมอที่ทำให้ผู้ชมใช้เวลาทุกวินาที แม้ว่าความขัดแย้งกลางเป็นโรคระบาดลึกลับที่จับประเทศ แต่เรื่องราวยังคงรักษาสมดุลกับการวางแผนทางการเมืองและการแทงข้างหลังซึ่งทำให้ความตื่นเต้นยังมีชีวิตอยู่แม้ว่าซอมบี้จะไม่อยู่ก็ตาม เมื่อมนุษย์ดูอันตรายกว่ามนุษย์เราก็รู้ว่าเรื่องราวนั้นประสบความสำเร็จในความพยายาม   เช่นเดียวกับฤดูกาลแรก ‘ราชอาณาจักร’ ดึงดูดผู้ชมด้วยภาพที่งดงามของเกาหลียุคกลาง ภาพที่โดดเด่นจับคู่กับเครื่องแต่งกายที่ประณีตและพระราชวังที่ยิ่งใหญ่เป็นงานฉลองสำหรับดวงตาโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่ชอบประวัติศาสตร์ที่ชอบเลือกรายละเอียดดังกล่าว ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างกลางวันและกลางคืนซึ่งเน้นในฤดูกาลที่ผ่านมานั้นได้ถูกทำให้กระชับขึ้นเล็กน้อยเพื่อสร้างอารมณ์ที่หนาวเหน็บและให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อคุณรอด้วยลมหายใจซึ้งซึ้งทำให้ซอมบี้ออกมาจากหน้าปกของ หมอก. ‘ราชอาณาจักร’ เกินความคาดหมายที่กำหนดไว้ในฤดูกาลแรกและเมื่อสิ้นสุดซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ตึงเครียดอีกครั้ง ก่อนหน้านั้นในการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดมันจะล้างแผนย่อยหลาย ๆ อันออกจากตารางดังนั้นเราจึงรู้ว่าจะไม่มีการยืดความคิดที่ล้าสมัยโดยไม่จำเป็นออกไป ผู้เขียนรู้ดีว่าเมื่อใดควรจะสรุปส่วนโค้งหรือพล็อตที่แน่นอนและนี่คือสิ่งที่ทำให้เราเชื่อว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้รายการนี้เปลี่ยนไปในภายหลัง