รีวิวหนัง Penelope สาวน้อยจมูกหมูถูกจับขังในบ้านนาน 18 ปี

Penelope

รีวิวหนัง Penelope สาวน้อยจมูกหมูถูกจับขังในบ้านนาน 18 ปี กลับมาอีกครั้งกลับภาพยนตร์แนวเทพนิยายตามหารักแท้ แต่อย่าพึ่งเบือนหน้าหนีกับเรื่องราวแสนน่าเบื่อของพล็อตเรื่องเทพนิยายรักโรแมนติกเรื่องนี้ เพราะสำหรับหนังเรื่อง Penelope รักแท้ ขอแค่ปาฏิหาริย์ นั้นเป็นหนังแนวเทพนิยายสุดเก๋ที่ไม่เหมือนหนังเทพนิยาย รักโรแมนติก เรื่องอื่น ๆ อย่างแน่นอน เพราะเนื่องจากการคำสาปที่แสนประหลาดอย่างการทำให้หญิงสาวมีจมูกหมูตั้งแต่เกิด และการถอนคำสาปนั้นต้องใช้เพียงรักแท้เท่านั้น ซึ่งเรื่องราวโดยย่อนั้นจะเป็นอย่าง ไปดูกันเลย สำหรับเรื่องย่อของหนังเรื่อง Penelope รักแท้ ขอแค่ปาฏิหาริย์ นั้นได้นำเสนอเรื่องราวของ เด็กหญิงนามว่า เพเนโลปี้ เธอได้เกิดมาในตระกลูที่ร่ำรวยเป็นอย่างมาก แต่ชีวิตของสาวน้อย เพเนโลปี้ นั้นไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบแต่อย่างใด เมื่อเธอนั้นเกิดขึ้นมาพร้อมกับคำสาปประจำตระกลู โดยที่ เพนเนโลปี้ นั้นมีจมูกที่เป็นจมูกของหมู ซึ่งแม่หรือครอบครัวของเธอนั้น รังเกียดจมูกหมูของเธอมาก โดยเฉพาะกับแม่ของ เพเนโลปี้ ที่เธอนั้นรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากที่มีลูกสาวหน้าตาแสนประหลาด แม่ของเธอจึงตัดสินใจขัง เพเนโลปี้ ไว้ในบ้านโดยไม่ให้ออกไปพบเจอโลกภายนอกยาวนานมากถึง 18 ปี เนื่องจากเธอนั้นกลัวว่าผู้คนทั่วไปจะพารังเกียจเธอไปด้วยที่มีลูกสาวหน้าตาแปลกประหลาดเช่นนี้ โดยที่วิธีถอนคำสาปนี้ เพเนโลปี้ จำเป็นต้องตามหารักแท้จากผู้ชายที่ยอมรับตัวตนเธอได้จริง ๆ ซึ่งบอกได้เลยว่ารักแท้จากชายหนุ่มที่เธอตามหานั้นไม่มีอยู่จริง เมื่อเป็นเช่นนี้ เพเนโลปี้ จะทำอย่างไรต่อไป เธอจะถอนคำสาปที่เป็นตราบาปมาอย่างยาวนานถึง 18 ปีได้หรือไม่ หรือว่า เพเนโลปี้ จะต้องทุกข์ทนกับการโดนขังอยู่ในบ้านกับแม่ผู้ที่รังเกียดจมูกหมูเธอเข้าไส้ไปตลอดชีวิต สำหรับหนังเรื่อง Penelope รักแท้ ขอแค่ปาฏิหาริย์  เรียกได้ว่าเป็นหนังเทพนิยายที่ทำให้ผู้ชมนั้นลืมเรื่องราวเทพนิยายเวอร์ชั่นเก่า ๆ ที่น่าเบื่อไปได้อย่างแน่นอน มาร่วมลุ้นและเอาใจช่วยสาวน้อยจมูกหมูได้ใน Penelope ติดตาม เว็บรีวิวหนัง หนังแนวโรแมนติก ได้ที่นี่

ตัวอย่างของจรรยาแพทย์ที่ไม่ดีสุดๆต้องดูจากหนังต่างประเทศเรื่อง Pathology

Pathology

ตัวอย่างของจรรยาแพทย์ที่ไม่ดีสุดๆต้องดูจากหนังต่างประเทศเรื่อง Pathology หมอเป็นบุคคลหนึ่งที่คนเราไว้ใจในการรักษาและให้ความเชื่อใจมากที่สุด แต่ถ้าหากคุณรู้ในอีกมุมหนึ่งของหมอแล้วที่เป็นมุมไม่ดีนัก เช่น มีการขายอวัยวะคนไข้หรือมีการทำร้ายคนไข้เพื่อจุดประสงค์ที่เกี่ยวกับเงินล่ะก็แน่นอนว่าคุณต้องขยาดที่จะไม่อยากไปหาหมอเลยทีเดียว ซึ่งหนังต่างประเทศเรื่อง Pathology เป็นหนังที่สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของแพทย์ที่ไม่ดีได้อย่างชัดเจน เรื่อง Pathology เป็นหนังต่างประเทศที่มีสถานที่ถ่ายทำโดยหลักจะเป็นที่โรงพยาบาล ซึ่งจะทำให้เห็นถึงพฤติกรรมของหมอที่สุดแปลกพิสดาร มองว่าร่างกายของคนนั้นเหมือนขยะ อยากที่จะทำลายด้วยการโยนเผาทิ้งขว้างเป็นเรื่องที่สนุกสนานโดยทำไปไม่คิดถึงจรรยาบรรณของแพทย์เลยสักนิดเดียวหรือจะเป็นการฆ่าคนพวกเขาก็ทำกันได้อย่างหน้าตาเฉย หนังต่างประเทศ เรื่อง Pathology นอกจากเราจะเห็นเรื่องพฤติกรรมของหมอที่เราจะเห็นว่าไม่มีความยำเกรงทั้งกฎหมายและศีลธรรมแล้ว เรายังเห็นพฤติกรรมของหมอในเรื่องของ sex ที่สามารถจะมีอะไรกันในสถานที่ที่เป็นโรงพยาบาลเลยก็มี ซึ่งเรื่องนี้พระเอกเป็นหมอจะเป็นคนที่ดำเนินเรื่องทั้งหมด แต่การกระทำที่พระเอกทำลงไปนั้นก็เพราะคบกับเพื่อนที่เป็นหมอที่มีความคิดที่ไม่ดีกระทำในสิ่งที่ชั่วช้าอย่างถึงที่สุด แต่อย่างไรแล้วสุดท้ายกลายเป็นว่าพระเอกเองก็มีพฤติกรรมที่ไม่ต่างอะไรจากเพื่อนที่เป็นหมอเหล่านั้นเลย และสุดท้ายบรรดาหมอในเรื่อง Pathology ที่มีพระเอกอยู่ในกลุ่มเดียวกันก็มีจุดจบที่ไม่สวยเลย นอกจากจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ยังสูญเสียคนที่รักไปอีกด้วย ซึ่งคนที่สูญเสีย นั่นก็คือ พระเอกที่ต้องสูญเสียแฟนไปก็เพราะฝีมือของเพื่อนที่เป็นหมอในกลุ่ม เป็นการหักหลังที่แสนเจ็บปวด ทั้งนี้ ก็เริ่มมาจากการไม่ซื่อสัตย์ต่อคนที่ตัวเองรักนั่นเอง เป็นหนังต่างประเทศที่ดูแล้วเข้าใจถึงที่มาของการสูญเสียได้อย่างชัดเจน ฉะนั้น หนังต่างประเทศ Pathology เป็นหนังที่สะท้อนให้เห็นว่าหากคนเราคิดดีทำดีก็คงไม่มีอะไรที่จะสามารถทำร้ายเราได้ แต่เมื่อเราเลือกที่จะเข้าไปทำในสิ่งที่ไม่ดีแล้วผลตอบรับที่ได้นั้นอาจจะมากกว่าสิ่งที่ทำลงไปก็ได้ Movie Trailer ติดตามข่าวสาร การรีวิวหนัง ล่าสุดที่นี่ก่อนใคร.. ข้อมูล หนังต่างประเทศ เรื่องหดหู่ที่สร้างแรงบันดาลใจ

แนะนำหนัง Into the wild เรื่องหดหู่ที่ สร้างแรงบันดาลใจ

Into the wild

การ สร้างแรงบันดาลใจ นั้น ก็ไม่ได้ทำง่ายอย่างที่คิด ผู้ที่รักการดูหนังหลาย ๆ ท่านคงเคยรับชมหนังมากมายหลายเรื่องที่มีเนื้อหาสอดแทรก ที่จะทำให้ผู้ที่รับชมนั้นเกิดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต หรือทำเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งเนื้อหาของหนังที่ สร้างแรงบันดาลใจ ต่าง ๆ นี้ส่วนใหญ่นั้น จะมีเรื่องราวที่สดใส หรือตอนจบที่สุขสันต์ แต่สำหรับภาพยนตร์ Into the wild เรื่องนี้นั้นสามารถให้ข้อคิด หรือแรงผลักดันการเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาได้ แต่กลับมีเนื้อหาที่แสนหดหู่ใจ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านเรื่องย่อกันเลย  แม้จะมีทุกอย่างแต่กลับไม่มีความที่แท้จริง… คริส เด็กหนุ่มวัย 23 ปี ตัวเขานั้นเกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อม และมีครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย พ่อและแม่ของเขานั้นมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูง แต่ตัวคริสเองนั้น กลับไม่รู้สึกถึงความสุขอย่างแท้จริงเลย หลังจากที่เขานั้นเรียนจบปริญญาตรีในวัย 23 ปี คริสนั้นมีความคิดที่สุดโต่ง เขานั้นเบื่อชีวิตสังคมเมืองอย่างมาก กับการที่ต้องปั่นหน้าเข้าหากันในสังคม การฝืนตัวเองทำงานเช้าเย็น วนลูปไปในทุก ๆ วัน การสร้างฐานะเพื่อให้คนในสังคมยอมรับ คริสรู้สึกว่าเรื่องพวกนี้นั้นไม่ได้ทำให้เขานั้นมีความสุขอย่างแท้จริง เขาจึงตัดสินใจเข้าป่า พร้อมกับรถแวนสีเขียวหนึ่งคัน เขานั้นยอมทิ้งงาน เงิน ครอบครัว รวมถึงคนที่รัก โดยหวังว่าชีวิตของเขานั้นจะพบความสุขสงบอย่างแท้จริงได้ จากการใช้ชีวิตในป่าเพียงลำพัง ซึ่งระหว่างที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในป่า เขาได้พบคำตอบของชีวิตมากมาย ที่ผู้ชมนั้นสามารถนำไป สร้างแรงบันดาลใจ ให้ตัวเองได้  ซึ่งตอนจบของหนังเรื่องนี้นั้นทำเอาน้ำตาผู้ชมไหลอาบแก้มได้อย่างง่ายดาย เรื่องราวอันน่าหดหู่ของชีวิตคริสนั้นได้จบลงไปพร้อมกับตอนจบของหนัง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของ คริสโตเฟอร์ แม็คแคนเลส สำหรับผู้ที่อยากทราบถึงเรื่องราวที่ สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับผู้ชมได้ และฉากจบอันหดหู่ใจนี้ สามารถรับชมได้ใน Into the wild เข้าป่าหาชีวิต  3 หนังสุดสะเทือนใจที่ สร้างจากเรื่องจริง หนังที่คุณไม่ควรพลาด และ ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่นี่

พาดูหนังซอมบี้เรื่อง Train to Busan ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง​

Train to Busan ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง

สำหรับ หนังซอมบี้ Train to Busan ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง เรื่องนี้บอกเลยว่าคนน่ากลัวยิ่งกว่าซอมบี้เสียอีก สำหรับเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากการที่พระเอกซึ่งเป็นคุณพ่อมีลูกสาว 1 คน อายุน่าจะประมาณ 7-8 ขวบ ซึ่งแยกทางกันภรรยาแล้วต่อมาในวันเกิดลูกบอกว่าอยากจะไปหาแม่ที่ปูซานพ่อก็ตกลงพาลูกสาวขึ้นรถไฟเดินทางเพื่อที่จะไปหาคุณแม่ของลูกสาวหรือก็คือภรรยาเก่าของเขา และแล้วบนรถไฟที่พระเอกและลูกของเขาโดยสารไปมีผู้หญิงคนนึงที่ติดไวรัสหรือก็คือไวรัสซอมบี้นะแหละขึ้นมาอยู่ในรถไฟขบวนด้วยโดยที่ทุกคนตอนแรกไม่รู้เลยว่าไวรัสมันคืออะไรที่จะทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ พอผู้หญิงคนนั้นติดมาแล้วก็เริ่มมากลายเป็นซอมบี้รถไฟหลังจากนั้นเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามสไตล์หนังซอมบี้ทั่วไปก็คือคนก็เปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดากลายเป็นซอมบี้แล้วก็วิ่งกันเยอะแยะเต็มไปหมดเหลือคนที่ยังไม่กลายเป็นซอมบี้อยู่แค่ไม่กี่กลุ่มเท่านั้นเอง ซึ่งในกลุ่มคนกลุ่มนั้นท้ายที่สุดก็เริ่มกลายเป็นซอมบี้ไปทีละคนทีละคนจากการที่โดนซอมบี้กัด ซึ่ง หนังซอมบี้เรื่อง Train to Busan ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง เป็นหนังซอมบี้ที่ดูแล้วบอกได้เลยว่าสนุกมาก ๆ เลยทั้งลุ้นทั้งซึ้งและกดดันไปด้วยกับตัวละคร สำหรับข้อดีของ หนังซอมบี้เรื่อง Train to Busan ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง ที่เห็นได้ชัดเลยคือทุกบทบาทของตัวละครในหนังซอมบี้มีความน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นตัวเด่นหรือตัวรองทำให้คนเข้าถึงตัวละครได้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นพระเอกหรือตัวละครอื่นๆ มีการแก้ปัญหาที่ดูแล้วหลากหลายไม่น่าเบื่อแล้วก็ดูกดดันมาก ๆ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ปัจจัยภายใน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความหวาดกลัวของมนุษย์ซึ่งก็มีคนอยู่บางประเภทที่จะใช้ความหวาดกลัวนี้มาเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง มาดูที่ข้อด้อยของ หนังซอมบี้ Train to Busan ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง กันบ้างซึ่งหนังเรื่องนี้มีบางจุดที่มีวิธีการถ่ายทอดยตัวละครทำให้เราหงุดหงิดอยู่บ้างหรือว่าสงสัยนะว่าทำไมเขาไม่ทำแบบนั้นอีกแค่นิดเดียวและอีกอย่างหนึ่งก็คือหนังยังไม่ค่อยได้ชี้แจงหรือว่าไปเจาะลึกถึงสาเหตุของซอมบี้  สรุปเรื่องนี้สนุกมากตื่นเต้นกดดันแล้วก็มีโมเม้นที่ซึ้งใจ มีตลกคอมเมดี้บ้างและบทบาทตัวละครแต่ละตัวให้แง่คิดกับเราในเรื่องต่างๆ เช่น ความเสียสละเพื่อส่วนรวม มิตรภาพของความเป็นเพื่อน ความรักของหนุ่มสาว ความเห็นแก่ตัว และความรักที่บริสุทธิ์ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก สำหรับหนังซอมบี้เรื่องนี้ให้ 9 คะแนน หักคะแนนตรงการแต่งเอฟเฟคพวกซอมบี้และการไล่ล่าต่อสู้กับซอมบี้ยังไม่ค่อยดูสยดสยองสักเท่าไร  ติดตามรีวิวหนังซอมบี้และรีวิวหนังใหม่อีกมากมายได้ที่นี่

รีวิวหนัง captain phillips ฝ่านาทีพิฆาต โจรสลัดระทึกโลก

Captain Phillips

เรื่องราวที่ถูกนำมถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นของ Captain Phillips เรื่องราวของกัปตันผู้โด่งดัง ในขณะที่เขาเดินเรือสินค้าไปในท้องทะเลไปส่งยังเป้าหมาย เขาได้แล่นเรือผ่านน่านน้ำโซมาเรีย น่านน้ำที่ไม่ว่านักเดินเรือคนไหนก็ต่างรู้ดีว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดเพราะน่านน้ำโซมาเรียเต็มไปด้วยโจรสลัดที่ประเทศยากจนอย่างโซมาเรียยึดครองอยู่ เรือลำใดที่ต้องการผ่านน่านน้ำนี้มักจะมักต้องจ้างเรือรบของทหารหรือทหารรับจ้างคอยคุ้มครองเรือทุกลำ แต่ว่าเรือขนสินค้าของ Captain Phillips ไม่มีแม้แต่การอารักขาใดๆ จนกระทั่งเขาต้องเดินทางผ่านน่านน้ำที่ขึ้นชื่อว่ามีโจรสลัดชุกชุม เขารู้ดีว่าจะต้องพบเจอกับอะไรเขาจึงออกคำสั่งให้ลูกเรือเตรียมตัวรับมือไว้ให้ดีตามแผนการปฏิบัติที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เขาเร่งความเร็วเรือเพื่อให้ผ่านน่านน้ำนี้ไปให้ไวที่สุด แต่แล้วจู่ๆสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ปรากฏ สิ่งที่เขาเห็นนั่นก็คือเรือประมงลำเล็กที่มีคนผิวสีติดอาวุธขับตามเรือสินค้ามาด้วยความเร็ว เราจึงพยามใช้กลยุทธ์ที่เขาพอจะทำได้เพื่อหลบเลี่ยง ทั้งการโยกเรือเพื่อให้เกิดคลื่นน้ำให้ให้เรือเล็กที่ตามเสียการควบคุมและยากต่อการประกบเรือ อีกทั้งยังฉีดพ้นน้ำบริเวณโดยรอบลำเรือเพื่อไม่ให้เรือโจรสลัดสามารถปีนขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะคนบนเรือสินค้าไม่มีอาวุธใดเลยที่จะต่อสู้ Captain Phillips จึงต้องจำใจยอมปล่อยให้กลุ่มโจรสลัดขึ้นเรือมาได้ โจรสลัดโซมาเรียจึงจับทุกคนเป็นตัวประกัน พวกเขาได้เรียกร้องให้ลูกเรือติดต่อกลับไปยังรัฐบาลหรือบริษัทของตน เพื่อแลกกับค่าไถ่ ท่ามกลางความตื่นกลัวของลูกเรือ Captain Phillips จึงเสนอให้ปล่อยทุกคนไปแล้วจับเขาไว้เป็นตัวประกันเพียงคนเดียว โดยให้เหตุผลว่าเขาคือคนสำคัญที่สุดในเรือลำนี้และอาจมีอำนาจต่อรองเงินประกันได้มากกว่าคนอื่นๆรวมถึงสินค้าทั้งหมดบนเรือ โจรสลัดจึงนำตัว Captain Phillips ลงเรือฉุกเฉินของเรือและลอยอยู่กลางทะเล ระหว่างนั้นเขาใกล้ชิดกับกลุ่มโจรสลัดจนความกลัวกลายเป็นความรู้สึกสงสาร แต่ฉากสุดท้ายเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปิดชีพพวกเขาทั้งหมด  ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม เว็บไซต์ที่คัดสรรความบรรเทิงมาให้แบบครบครันทั้งหนังไทย หนังต่างประเทศ หนัง Netflix และซีรีย์ต่างๆ 3 หนังสุดสะเทือนใจที่ สร้างจากเรื่องจริง หนังที่คุณไม่ควรพลาด แนะนำซีรี่ส์ Netflix สายดาร์ค นี่มันพระเอก หรือตัวร้ายกันแน่!

3 หนังสุดสะเทือนใจที่ สร้างจากเรื่องจริง หนังที่คุณไม่ควรพลาด

สร้างจากเรื่องจริง

อยากที่หลาย ๆ ท่านนั้นทราบดีว่าภาพยนตร์ส่วนใหญ่นั้น เป็นเพียงการเขียนบทและเรื่องราวขึ้นมา เพื่อความสนุกและความบันเทิง แต่ก็ยังมีภาพยนตร์อีกมากที่ สร้างจากเรื่องจริง แต่สำหรับบทความนี้เราจะขอนำเสนอภาพยนตร์ที่สร้างจากพื้นฐานของเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งแต่ล่ะเรื่องนั้นสุดแสนที่จะสะเทือนใจจนไม่อยากคิดว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง 1. 127 hours   เป็นภาพยนตร์การเอาตัวรอด ที่นำเสนอเรื่องราวจริงของชีวิต Aron Ralston นักปีนเขาสุดเก่ง ที่พลาดท่าพลัดตกลงไปในร่องถูเขาหิน ทำให้ร่างกลายของเขานั้นบาดเจ็บและติดคาอยู่กับก้อนหินใหญ่ ในร่องภูเขาอันห่างไกล เขานั้นติดอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังเป็นเวลา 127 ชั่วโมง เรื่องราวของหนังได้นำเสนอถึงความกดดัน การเอาชีวิตรอด และความหวัง รวมถึงเรื่องราวในอดีตของตัวละครหลัก ได้อย่างสะเทือนใจ เมื่อคิดว่าเหตุการณ์นี้สร้างจากเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นกับคน ๆ หนึ่ง127 hours Movie trailer 2. The 33 ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ สร้างจากเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นของคนงานเมือง ในประเทศชิลี เรื่องราวนั้นเกิดขึ้นเมื่อเมืองทองแดงที่มีอายุเก่าเกือบ 100 ปี ได้ถล่มลงและปิดทางเข้าออกของคนงานเมือง ทั้ง 33 ชีวิต ต้องพยายามหาวิธีที่จะติดต่อกับคนภายนอก ซึ่งเมืองนี้มีความลึกเสมือนตึก 200 ชั้น โดยภาพยนตร์นั้นได้ถ่ายทอดเรื่องราผ่านตัวคนงานในเมืองได้อย่างลึกซึ้ง พร้อมกับเรื่องราวของญาติคนงานเมืองที่สุดแสนสะเทือนใจ ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่น่าติดตาม และคอยลุ้นไปกับพวกเขาทั้ง 33 คน The 33 Movie trailer 3. American sniper ภาพยนตร์เรื่องนี้ เรียกได้ว่าถูกยกขึ้นหิ้งให้เป็นตำนาน โดยเนื้อหานั้นได้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของ คริส ไคล์ นายผลนักแม่นปืนของหน่อยซีล ใยกองทัพของสหรัฐฯ คริสนั้น เรียกได้ว่าเป็นนักแม่นปืนมือฉกาจ ที่คอยทำงานให้กับกองทัพได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงชีวิตครอบครัวของเขานั้นก็ดีเยี่ยมไม่ต่างกัน แต่ด้วยความที่เขานั้นเก่งกาจและจัดการศัตรูมานับไม่ถ้วน ทำให้ตัวเขาเองนั้นตกอยู่ในความอันตรายแบบไม่ทันตั้งตัว สำหรับภาพยนตร์ที่ สร้างจากเรื่องจริง ที่มีเรื่องราวสุดแสนสะเทือนใจในตอนจบ จนสามารถเรียกน้ำตาจากคนดูได้แทบทุกคน และได้ถูกเข้าชิงรางวัลออสการ์ไปถึง 6 รางวัลด้วยกันAmerican sniper Movie trailer เว็บไซต์ที่คัดสรรความบรรเทิงมาให้แบบครบครันทั้งหนังไทย หนังต่างประเทศ หนัง Netflix และซีรีย์ต่างๆ

แนะนำซีรี่ส์ Netflix สายดาร์ค นี่มันพระเอก หรือตัวร้ายกันแน่!

ซีรี่ส์ Netflix

Netflix ถือเป็นแหล่งรวมของภาพยนตร์ ซีรี่ส์ รวมถึงการ์ตูนที่น่าสนใจมากมาย มีเยอะแยะเสียจนคอหนังเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียวว่าจะดูเรื่องไหนก่อนหลัง เพราะจะแนวคอมเมดี้ โรแมนติก ไซไฟ หรือสารคดี Netflix เขาก็จัดให้ได้หมด วันนี้ขอเอาใจสายดาร์คกันหน่อยละกัน ใครที่กำลังเบื่อ ๆ แนวพระเอกเทพบุตรสุดใจดี มีความเป็นฮีโร่สุดเท่ห์แล้วละก็ นี่เลยขอแนะนำซีรี่ส์ Netflix สายดาร์ค นี่มันพระเอก หรือตัวร้ายกันแน่!  1. Peaky Blinders –  ซีรีส์ Netflix  แนวมาเฟีย โหด ดิบ เถื่อน สมัยยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ณ เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ “พีคคี้ ไบล์นเดอร์ส” คือชื่อกลุ่มอันธพาลหรือโค้ดลับของตระกูลเชลบี้ (Shelby) ซึ่งมีอิทธิพลในเงามืดอย่างมากในเมืองเบอร์มิงแฮมสมัยนั้น  ทอมมี่ เชลบี้ (Tommy Shelby) พระเอกของเรื่องที่มาพร้อมกับใบหน้าเรียบนิ่งยากที่จะคาดเดา เป็นผู้นำตระกูลผู้มีความฉลาดแกมโกง หลังจากถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารสู้กับฝรั่งเศสเขากลับมาพร้อมกับความคิดที่จะขยายอำนาจของตระกูล ให้กลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลเหนือกฎหมาย เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อตระกูลทั้งฆ่า หลอกลวง คดโกง จนเกิดความสงสัยว่านี่มันพระเอก หรือตัวร้ายกันแน่! Movie trailer 2. You – ซีรี่ส์ Netflix  แนวรักโรแมนติกสายดาร์ก เมื่อ “โจ” ผู้จัดการร้านหนังสือดันไปตกหลุมรัก “เบค” ลูกค้าสาวของตัวเองซึ่งเป็นผู้หญิงที่ตรงสเปคของเขาทุกอย่าง เขาเชื่อในการตกหลุมรักแรกพบจึงทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้รู้จักเธอและให้เธอตกหลุมรักเขา ดูเผิน ๆ อาจเหมือนการกระทำของคนที่อินเลิฟทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อดูซีรี่ส์ไปสักพักก็ต้องฉุกใจคิดว่านี่มันพระเอก หรือตัวร้ายกันแน่ เมื่อหนุ่มโจได้สืบค้นข้อมูลทางโซเชียลมีเดียของเธออย่างละเอียดยิบ จนรับรู้ทุกความเคลื่อนไหวของเธอ ทั้งข้อมูลเรื่องครอบครัว เพื่อน หรือความสัมพันธ์กับคนรัก กระทั่งยอมฆ่าคนเพื่อให้ได้เธอมา เรียกได้ว่าคนเราทำได้ทุกอย่างเพื่อความรักล่ะน่า Movie trailer 3. Extracirricular – ซีรี่ส์Netflix  วัยรุ่นเกาหลีแบบแหวกแนว เพราะเป็นสายดาร์คที่ไกลห่างจากความเป็นซีรี่ส์เกาหลีสายหวานละมุนอบอุ่นหัวใจอย่างสิ้นเชิง ดำเนินเรื่องโดย โอจีซู นักเรียนผลการเรียนยอดเยี่ยมขวัญใจคุณครู แต่ดูเป็นหนุ่มติ๋ม ๆ ขี้แพ้ในสายตาเพื่อน ๆ แต่จะมีใครรู้บ้างว่าเบื้องหลังภาพลักษณ์เด็กธรรมดา ๆ นั้นพระเอกของเราถึงขั้นยอมทำอาชญากรรมเพื่อที่จะส่งเสียตัวเองเล่าเรียน! คงไม่ถึงขั้นตั้งคำถามว่านี่มันพระเอก หรือตัวร้ายกันแน่ เพราะชีวิตของโอจีซูค่อนไปทางน่าสงสาร แต่ก็ต้องยอมรับว่าความมืดได้เข้าสู่จิตใจของเด็กหนุ่มทีละนิด ๆ จนไม่รู้ว่าเรื่องราวของเขาจะจบลงที่หัวหรือก้อย ต้องมาลุ้นกันว่าเขาจะสามารถกลับมาสู่ทางสว่างอีกครั้งได้หรือไม่Movie trailer เว็บไซต์ที่คัดสรรความบรรเทิงมาให้แบบครบครันทั้งหนังไทย หนังต่างประเทศ หนัง Netflix และซีรีย์ต่างๆ

หนังแอคชั่นสนุกๆ กับเรื่อง Birds of Prey

หนังแอคชั่น

สำหรับหนังเรื่องนี้เป็น หนังแอคชั่น ที่ดูแล้วค่อนข้างเบาสมอง ฉากต่อสู้ก็ทำสนุกสุดเหวี่ยง ถ้าใครกำลังหาหนังแอคชั่นที่ดูมันส์ๆ ฮา ๆ มีภาพสีสันสวยและมีฉากแอคชั่นลีลาการต่อสู้แนะนำเข้ามาดูเรื่องนี้ ตัวเอกของหนังแอคชั่นเรื่องนี้ก็คือฮาร์ลีย์ ควินน์ ได้เลิกกับโจ๊กเกอร์ที่เคยเป็นแฟนและคุ้มกะลาหัวของเธอ ปัญหาคือฮาร์ลีย์เมื่อตอนที่คบกับโจ๊กเกอร์ ได้สร้างคู่อริไว้ค่อนข้างมากมายนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว เมื่อข่าวการเลิกรากับโจ๊กเกอร์แพร่ออกไปเหล่าอริที่เคยเกรงกลัวโจ๊กเกอร์ต่างมุ่งหน้าไล่ล่ามาที่ฮาร์ลีย์ทันที เธอต้องทำทุกอย่างเพื่อหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ความวุ่นวายรอบๆตัว ทำให้ได้ไปพบเจอกับเหล่าหญิงสาวที่จะมาร่วมชะตากรรมด้วยอีกหลายๆคน  หลังจากดูหนังแอคชั่นเรื่องนี้จบร้องโอ้โหเลยทีเดียว ต้องยอมรับเลยว่าประหลาดใจมาก ๆ สำหรับหนังแอคชั่นเรื่องนี้ที่ทำได้ดีกว่าที่คิดไว้จากที่ดูตัวอย่างหนังไปหลายรอบแล้วก็ตาม รูปแบบการนำเสนอของหนังแอคชั่นเรื่องนี้มันเหมือนกับว่า เรากำลังฟังฮาร์ลีย์ ควินน์ มาเล่าเรื่องราวให้เราฟังด้วยตัวเองเกือบตลอดทั้งเรื่อง เพราะจะมีเสียงของฮาร์ลีย์ คิดในใจประกอบด้วยเสมอ ซึ่งตรงจุดนี้ก็เติมสีสันให้เรื่องได้อย่างดีมากและเอกลักษณะของฮาร์ลีย์ความน่ารักไร้เดียงสาเปิ่นๆฮาๆ แต่มีความโหดเหี้ยมและบ้าระห่ำทำให้เราจดจำเธอได้เป็นอย่างดีสิ่งเหล่านี้มันทำให้ทุกอย่างในเรื่องสนุกไปหมด ฉากที่มีต่อสู้ทั้งคิวบู๊และรูปแบบการต่อสู้ก็สามารถทำและถ่ายทอดออกมาได้ดีเพราะไม่ใช่แค่ต่อยธรรมดามันดูแบบหลุดโลกดีซึ่งหนังแอ็คชั่นปกติก็คงจะดูแปลกที่มันจะทำให้น่ารักแบบฮา ๆ แต่พอมันเป็นฮาร์ลีย์ ที่เป็นแบบนี้มันก็ดูเข้ากับเธออย่างที่สุด ต้องยกเครดิตให้ผู้กำกับจอห์นวิคทั้ง 3 ภาค ซึ่งพอรู้ว่าเป็นผู้กำกับคนนี้ก็น่าจะการันตีถึงความมันส์ของหนังแอคชั่นเรื่องนี้ได้ระดับนึงรวมถึงการใช้สีสันต่างๆ ไม่ดูดาร์กเกินไปภายในเรื่องทำให้การต่อสู้ดูน่าตื่นเต้นน่าสนใจดูแล้วไม่ได้ชวนง่วง อีกทั้งหนังเรื่องนี้เป็นการต่อสู้ของผู้หญิงซึ่งรูปแบบของการต่อสู้จะใช้ทักษะต่าง ๆ ที่ใช้ความเร็วมากกว่าการเข้าใช้กำลังปะทะแบบตรงๆ ให้อารมณ์การนั่งดูหนังแอคชั่นที่รู้สึกแปลกใหม่อยู่พอสมควร ในส่วนของตัวละครที่แสดงโดย มาร์ โก ร็อบบี ตัวเอกที่แสดงเป็นฮาร์ลีย์ ควินน์ บทนี้เหมาะกับเธอมาก ๆ เรียกได้มาเธอเอาอยู่เพราะจะบอกว่าเกือบทั้งเรื่องถูกเล่าเรื่องด้วยฮาร์ลีย์ เราจะได้เห็นการแสดงของเธอแบบเต็มๆ ทั้งสีหน้าท่าทางแล้วก็คำพูดวาจาใจของเธอมันไม่ใช่แค่น่ารักแต่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ทำให้ไม่ยากเลยที่ถ้าใครได้ดูเรื่องนี้แล้วก็จะพากันหลงรักตัวละครตัวนี้ เว็บไซต์ ที่ให้บริการภาพยนตร์ ซีรีส์รายการทีวี ต่างๆ มีให้เลือกตั้งแต่ภาพยนตร์ ซีรีส์ของไทย อังกฤษ อเมริกา สเปน ฝรั่งเศส จนถึงรัสเซียเลย นอกจากนั้นยังมีผลงานของ Netflix เองด้วย เว็บไซต์ที่คัดสรรความบรรเทิงมาให้แบบครบครันทั้งหนังไทย หนังต่างประเทศ หนัง Netflix และซีรีย์ต่างๆ

Knives Out ใครฆ่าคุณปู่ หนังสืบสวนสอบสวนชิงมรดกฆ่าตกรรมซ่อนเงื่อน

Knives Out ใครฆ่าคุณปู่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากงานเลี้ยงรวมญาติของ ตระกูล ธรอมบีย์ ที่ ฮาร์ลาน ธรอมบีย์ นักเขียนแนวสอบสวนชื่อดัง ถูกพบเป็นศพลักษณะคล้าย ว่าฮาร์ลานฆ่าตัวตาย ด้วยทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลของตระกูลนี้ ก็อดคิดไม่ได้ว่า ฮาร์ลานนั้นได้ถูก Knives Out ใครฆ่าคุณปู่ ถูกดำเนินเรื่องชวนไขปริศนามากมายจากนักสืบ เบนัวต์  บล็องก์ ซึ่งนำแสดงโดย คริส อีแวนส์ รับบทเป็นนักสืบที่เขาได้ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม การสืบสวนของนักสืบ ดำเนินการไปอย่างเข้มข้นกับทุกคนในครอบครัว ทั้งลูกสาวคนโต ลูกชายคนเล็ก ลูกสะใภ้ รวมถึง มาร์ทา คาร์เบลลา พยาบาลของฮาร์ลานก็ถูกสอบสวนเช่นกัน ในช่วงแรกของหนังถูกดำเนินไปด้วยความเรียกว่าที่ค่อนข้างจะน่าเบื่อ แต่เมื่อพินัยกรรมถูกเปิดขึ้นก็ทำให้หนังนั้นดูสนุกยิ่งขึ้นเพราะ มาร์ทา คาร์เบลลา เป็นผู้ได้รับพินัยกรรม ส่งผลให้เธอต้องพบกับความโกลาหลยิ่งนัก แรนซัม ดรายส์เดล  รับบทโดย คริส อีแวนส์ ใน Knives Out ใครฆ่าคุณปู่ เปลี่ยนลุคจากพระเอกนักกล้ามที่เราเคยเห็นเขาแสดงมากมายหลายเรื่องเช่น กัปตันอเมริกา การพลิกบทบาทในครั้งนี้ มากับมาดกวนก็ชวนให้น่าติดตาม ด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกลของ แรนซัม เขาได้เกลี้ยกล่อม มาร์ทา นั้นยอมรับว่าเป็นคนฆ่า แรนซัมเองก็ยื่นข้อเสนอว่าจะช่วยเหลือเธอทุกอย่าง แต่ต้องแบ่งสมบัติส่วนหนึ่งให้แรนซัม ระหว่างการสืบสวนนั้นการลำดับภาพต่างๆ ทำให้ผู้ชมรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับหนัง คล้ายกับดูนักสืบเชอรอคโฮม และโคนั้น เพลงประกอบหนังกลิ่นอายของความตื่นเต้นถูกสรรสร้างมาได้อย่างลงตัว ความมึน เอกลักษณ์ของแต่ละคนในตัวละคร ถูกจัดวางทำให้เนื้อเรื่องการสืบนั้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก การพลิกไปมาระหว่างการตามล่าหาตัวคนร้ายนั้นได้ถูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง คนที่ดูจะยุ่งที่สุดก็น่าจะเป็น มาร์ทาเอง เพราะเธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกสร้างมาจากผู้ร้ายตัวจริงที่ได้สร้างขึ้นเพื่อหลอกล่อเธอต่างๆ นาๆ แต่สุดท้ายแล้วคดีทั้งหลายก็ถูกคลี่คลาย ด้วยความเอาจริงเอาจังของนักสืบ เบนัวต์  บล็องก์ มีลูกล่อลูกชนจนทำให้พบว่า แรนซัมคือผู้ร้ายตัวจริง หลักฐานต่างๆ ถูกตีแผ่ให้คนในครอบครัวได้รับรู้ สุดท้ายก็ดิ้นไม่หลุด เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับเนื้อเรื่องโดยย่อ แต่ถ้าอยากเต็มอิ่มไปมากกว่านี้เราก็สามารถหาดู Knives Out ใครฆ่าคุณปู่ กันได้เลยนะครับ เว็บไซต์ที่คัดสรรความบรรเทิงมาให้แบบครบครันทั้งหนังไทย หนังต่างประเทศ หนัง Netflix และซีรีย์ต่างๆ click เว็บไซต์ ที่ให้บริการภาพยนตร์ ซีรีส์รายการทีวี ต่างๆ มีให้เลือกตั้งแต่ภาพยนตร์ ซีรีส์ของไทย อังกฤษ อเมริกา สเปน ฝรั่งเศส จนถึงรัสเซียเลย นอกจากนั้นยังมีผลงานของ Netflix เองด้วย click

รีวิวหนัง The Platform แฝงข้อคิดที่หลายคนมองข้าม

ภาพยนตร์เรื่อง The Platform เป็นภาพยนตร์ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในขณะนี้ ด้วยรูปแบบของหนังที่แปลกใหม่ มีความลึกลับที่ทำให้ผู้ชมนั้นอยากติดตาม ชายคนหนึ่งชื่อ โกเรง ที่ตื่นขึ้นมาในห้องแห่งหนึ่ง ที่อยู่ในตึกแบบทึบไม่มีประตูหรือหน้าต่าง แต่มีรูหรือหลุมตรงการห้อง ที่มีไว้เพื่อส่งอาหารให้กับผู้ที่อยู่ในตึกนี้ ซึ่งตึกแห่งนี้ที่มีมากึง 333 ชั้น โดยที่อาหารจะเริ่มส่งมาจากชั้นบน และค่อย ๆ เลื่อนลงไปชั้นล่าง ตามชั้นต่าง ๆ จนถึงล่างสุด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาหารที่ถูกส่งมานั้นจะหมดไปตั้งแต่ชั้นแรก ๆ ส่วนคนที่อาศัยอยู่ชั้นล่าง ๆ นั้นแทบจะไม่ได้กินอาหารเลย ส่วนเรื่องราวจะจบลงอย่างไรนั้น สามารถติดตามได้ใน The Platform The Platform เรียกได้ว่าเป็นหนังที่น่าติดตามเป็นอย่างมาก และสำหรับผู้ชมหลายท่านที่รับชมจนจบอาจจะสงสัยว่า หนังเรื่องนี้จะสื่อถืออะไร นอกจากเนื้อหาเรื่องราวที่น่าติดตาม และลุ้นไปกับตัวเอกอย่างตื่นเต้นนั้น แท้จริงแล้ว หนังเรื่องนี้ได้แทรกข้อคิด เกี่ยวกับเรื่องของการแบ่งชั้นวรรณะ ไว้ได้อย่างแนบเนียน อย่างที่ในหนังได้สื่อว่าผู้คนที่อยู่ชั้นบนสุดนั้น จะได้กินอาหารก่อนและเป็นของที่ดีที่สุด แล้วหลังจากคนเบื้องบนกินเสร็จ เศษอาหารเหลือก็จะถูกส่งลงมาด้านล่างต่อไปเรื่อย ๆ จนผู้คนที่อยู่ชั้นล่างนั้นเกิดความขัดแย้ง ความรุนแรง เพราะอาหารที่ส่งมานั้นไม่ถึงพวกเขา ซึ่งจะสะท้อนถึงสังคมที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ในเรื่องความเลื่อมล้ำต่าง ๆ มากมาย ที่คนเบื้องบน เปรียบได้กับคนที่มีอิทธิพลในสังคม ซึ่งในหนังสำหรับผู้คนในที่อยู่ในตึกนั้นจะได้รับการจัดอันดับในแต่ล่ะชั้น เช่นเดียวกับผู้คนในสังคมที่มีผู้คนอยู่หลายระดับ และคนที่อยู่ระดับล่างสุดของสังคมก็จะไม่ได้รับถึงอาหาร หรือทรัพยากรดี ๆ อย่างที่คนในระดับสูงกว่านั้นมี เรียกได้ว่า The Platform เป็นหนังที่แฝงข้อคิดได้อย่างลึกซึ้งเป็นอย่างมาก Movie trailer click เว็บไซต์ที่คัดสรรความบรรเทิงมาให้แบบครบครันทั้งหนังไทย หนังต่างประเทศ หนัง Netflix และซีรีย์ต่างๆ click