King the Land ซีรี่ย์ชวนฝัน ครองใจคนไทย สายซีรี่ย์ห้ามพลาดเด็ดขาดKing the LandKing the Land ซีรี่ย์ชวนฝัน ครองใจคนไทย สายซีรี่ย์ห้ามพลาดเด็ดขาด

King the Land

เรียกได้ว่าฟินกันทั้งประเทศ เมื่อซีรี่ย์เกาหลียอดนิยมอย่าง King the Land เข้าฉายใน platform ระดับโลกอย่าง netflix แค่เปิดหัวมาไม่กี่ตอนก็เรียกเสียงฮือฮาจากคอซีรีส์คอภาพยนตร์หลายๆคนได้ไม่ยากเย็น หนังที่ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากมายเป็นหนังรักคอมเมดี้เบาสมอง แต่มีความแปลกใหม่ในเรื่องของการนำเสนอทำให้ผู้คนติดกันงอมแงม ความน่ารักของพระเอกนางเอกที่นอกจากบทในจอแก้ว ก็ยังสามารถติดตามได้ในชีวิตจริงในเรื่องจริง ถือว่าเป็นซีรีย์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและถูกกล่าวถึงใน platform ต่างๆอย่างต่อเนื่อง สนุกทุกตอน King the Land ยิ้มตามได้ทุกฉาก                 เรื่องราวของ King the Land ที่เป็น ซีรี่ย์เกาหลี มาแรงช่วงนี้ อาจจะทำให้หลายคนที่ไม่ได้มีความคลั่งไคล้และไม่ได้ชอบการติดตามซีรีย์เลยกลับต้องเปลี่ยนใจ เนื่องจากกระแสที่มาแรงไม่ว่าคุณจะเข้าไปใน Facebook Twitter LINE หรือสื่อต่างๆก็จะมีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ซีรีย์ที่มีโครงเรื่องง่ายๆ พระเอกเป็นลูกคุณหนูเจ้าของบริษัทอภิมหาเศรษฐี พบรักกับพนักงานในโรงแรมที่พ่อของตนเองเป็นเจ้าของ ถึงแม้ว่าช่วงแรกๆอาจจะไม่ได้มีใจอะไรต่อกัน แต่ความสัมพันธ์ก็ขยับเข้ากันทีละนิดทีละนิดโดยที่ไม่ชวนให้อึดอัดใจ ฉากแต่ละชาติตอนจราจรแสงความสนุกสนานความตลกโปกฮา และไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเลี่ยนกับบทรักที่มีให้ฟินกันบ่อยๆ เว็บรีวิวหนัง 1 ในสิ่งที่ทำให้ซีรีย์เรื่องนี้King the Landได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทยก็คงหนีไม่พ้นฉากที่ทั้งพระเอกเพื่อนพระเอกเพื่อนนางเอกและตัวสำคัญทั้งหลาย พาเหรดกันมาเที่ยวประเทศไทย ซึ่งมีการนำเสนอสิ่งต่างๆที่ถูกใจคนไทยเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการแนะนำเรื่องของอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว บรรยากาศต่างๆที่ดูเหมือนกับว่าจะสร้างมาเพื่อชักชวนชาวต่างชาติให้มาเที่ยวประเทศนี้โดยแท้ มีทั้งการตะลุยกันไปรับประทานอาหารแบบ Street food นำเสนอที่พักบรรยากาศที่มีความเป็นวิถีไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งก็ไม่เหมือนซีรีย์หรือภาพยนตร์จากเรื่องอื่นๆที่อาจจะมีบรรยากาศของไทยวับๆแวมแวมเพียงเท่านั้น แต่คนที่ดูเรื่องนี้ก็ได้ซึมซับบรรยากาศของประเทศไทยอย่างเต็มอิ่มแน่นอน                 ถึงแม้ซีรี่ย์ยอดนิยมอย่างKing the Landจะจบไปแล้ว และทั้ง 16 ตอนที่มีการนำเสนอให้ผู้คนติดตามในทุกๆอาทิตย์จะยังตราตรึงอยู่ในหัวใจ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนพูดถึงความน่ารักของซีรีย์เรื่องนี้ ที่ทั้งพระเอกนางเอกก็มีความเป็นตัวตนของตนเองอย่างเต็มที่ ภาพยนตร์รักหรือซีรีย์ต่างๆในสมัยนี้อาจจะมีวิธีการนำเสนอที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับซีรี่ย์ที่กินใจและน่าสนใจอย่างคิงส์เดอะแลนด์ก็อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่นักชมภาพยนตร์ทั้งหลาย เขียนไว้ในหัวใจและใครที่ยังไม่ได้ดู ufawallet อยากจะแนะนำให้ไปหาชมกันได้เลย Latest Posts

มาตาลดา ซีรี่ส์ไทย ปนดราม่า ของครอบครัวหนึ่งที่ไม่ยอมรับ LGBT

มาตาลดา

ต้องบอกว่าในตอนนี้ Netflix ได้โกยเอาซีรี่ส์ดีๆ มารวมไว้ในที่เดียวไม่ว่าจะมาจากเกาหลีใต้, จีน, ญี่ปุ่น หรือฝั่งตะวันตก ก็มีให้ดูมากมาย โดยเฉพาะซีรี่ส์ของไทยเอง กับเรื่องราวคอมเมดี้, โรแมนติก ปนดราม่า ของครอบครัวหนึ่งที่ไม่ยอมรับในเรื่องของ LGBT ทำให้ลูกชายคนเดียวตัดสินใจหนีออกจากบ้านมาใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการและวันเวลาผ่านไปเด็กสาวคนหนึ่งก็เตรียมแผนการที่จะเป็นกาวใจให้ทุกคนกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง กับเรื่อง มาตาลดา             มาตาลดา ซีรี่ส์น้ำดีอันน่ารัก                 เรื่องราวของ มาตาลดา จะกล่าวถึง ครอบครัว ชายจีน-ไทย ครอบครัวหนึ่งที่มีลูกชายชื่อว่า “เกริกพล” (รับบทโดย ชาย ชาตโยดม) เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความรักจากพ่อและแม่ แต่แล้วเมื่อโตขึ้น เกริกพล ได้รับรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นเพศที่ 3 และต้องการจะให้ครอบครัวยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น แต่ไม่ว่าอย่างไรพ่อของเขา (รับบทโดย ตู่ นพพล โกมารชุน) ก็ไม่เข้าใจและไล่เขาออกจาก เกริกพล เปลี่ยนชื่อเป็น “เกรซ” และเลี้ยงดูลูกสาวเพียงคนเดียวคือ มาตาลดา จนกระทั่งเธอนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่น่ารักและมีการศึกษาที่ดี เธอได้สืบเรื่องราวของครอบครัวจนรู้ที่อยู่ของอาม่ากับอากง เธอเลยตัดสินใจที่จะเป็นแกนกลางในการสานสัมพันธ์ของครอบครัวให้กับมาดีอีกครั้ง เว็บรีวิวหนัง             ดาราระดับคุณภาพคับคั่ง                 ต้องบอกว่ามาตาลดาเป็นซีรี่ส์เรื่องเยี่ยมที่เต็มไปด้วยนักแสดงคุณภาพแถวหน้าของประเทศไทย เริ่มตั้งแต่ มาตาลดา ที่ได้ เต้ย จรินทร์พร มารับบทนี้ร่วมกัน เจมส์ จิรายุ รับบทเป็นคุณหมอ ปุริม ชายที่อยู่เคียงข้างนางเอกตลอด แต่ที่หลายคนต่างชื่นชมเป็นอย่างมากคือการที่ ชาย ขาตโยดม พระเอกหนุ่มหล่อหุ่นแน่นมารับบทเป็น เกรซ สาวประเภทสองที่ต้องหนีจากครอบครัวมาใช้ชีวิตเพียงคนเดียว ซึ่งหลายคนต่างชมว่า ชาย ชาตโยดม ถ่ายทอดบทบาทการเป็นเกรซออกมาได้อย่างน่าประทับใจ และเป็นการเปิดให้สังคมยอมรับในเรื่องราวของ LGBT มากขึ้นกว่าเดิม                 มาตาลดาถือว่าเป็นซีรี่ส์เรื่องหนึ่งของประเทศไทยที่ได้รับคำชมมากมายจากคนดู ทั้งในเรื่องของความน่ารักของพระเอกนางเอก, การพลิกบทบาทของพระเอกอย่าง ชาย และการถ่ายทอดให้สังคมยอมรับในเรื่อง LGBT สำหรับใครที่อยากจะรับชมติดตามสามารถดูได้ใน Netflix และ gclub รับรองได้ว่าครบทุกรสชาติแน่นอน Latest Posts

7 ประจัญบาน หนังไทยฉายใหม่บน Netflix ย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว

7 ประจัญบาน

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว เฉลิม วงศ์พิมพ์ ได้กำกับหนังออกมาเรื่องหนึ่งและสร้างกระแสตอบรับได้เป็นอย่างดี กับการเอานักแสดงชื่อดัง 7 คนมารวมกันเป็นกลุ่มทหารรับจ้างในภารกิจสุดฮาและดราม่าไปพร้อมๆ กัน กับเรื่อง 7 ประจัญบาน และจากกระแสตอบรับนั่นเองเลยทำให้มีหนังภาคที่ 2 ตามออกมาและได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมไม่แพ้ภาคที่หนึ่งจนกลายเป็นหนังในตำนานของประเทศไทยไปเรื่องและ Netflix ก็ไม่พลาดที่จะหยิบเอาตำนานบทนี้กลับมาฉายอีกครั้งให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงกัน 7 ประจัญบาน จากบทประพันธ์ชื่อดังของ ส.อาสนจินดา                 เรื่องราวของ7 ประจัญบานในภาคแรกนั้นจะกล่าวถึงกองทหารอาสาสมัครทั้ง 7 คน ประกอบไปด้วย ,จ่าดับ จำเปาะ, ดั่ม มหินธรา, จุก เบี้ยวสกุล, อัคคี เมฆยันต์, กล้า ตะลุมพุก, หมัด เชิงมวย และ ตังกวย แซ่ลี้ ทั้งหมดอยู่ภายใต้การคุมของ ผู้กององอาจ หลังจากเสร็จภารกิจในสงครามเวียดนามทั้งหมดได้แยกย้ายกันไปตามทาง แต่ตอนนั้นอเมริกาได้ส่งทหารเข้ามาใน ประเทศไทย เลยทำให้มีกองกำลังต่อต้าน ทำให้ทั้งหมดต้องกลับมารวมตัวอีกครั้ง เพื่อสืบหาความจริงและพบว่า อเมริกา ได้ซ่อนอาวุธชีวภาพเอาไว้นั่นคือสารเคมี “ฝนเหลือง” ที่เคยใช้ถล่มป่าในเวียดนามมาก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาต้องจัดการชิงเอาสารเคมีพวกนี้กลับคืนมาและส่งให้ผู้ใหญ่ตรวจสอบพร้อมกับช่วยชาวบ้านไปด้วย เว็บรีวิวหนัง ภาคต่อสุดฮาไม่แพ้ภาคแรก                 หลังจากภาคแรกได้รับกระแสตอบรับอย่างดี ทำให้7 ประจัญบานภาค 2 ได้ถูกปล่อยออกมาทันทีหลังจากภาคแรก 3 ปี (ภาคแรก ปี 2545 ภาคสอง ปี 2548) และภาคนี้ได้เปลี่ยนตัวละครจาก หมัด เชิงมวย มาเป็น เหมาะ เชิงมวย พี่ชายของหมัดแทน โดยเหตุการณ์ภาคนี้จะย้อนไปสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้กององอาจสั่งให้ จ่าดับ และพวกไปเจรจากับพวกญี่ปุ่นที่นำโดย ผู้พันทาเคดะ ที่ยกพลขึ้นมาทางตอนใต้ของไทย แต่ความเลินเล่อของ จ่าดับ ทำให้เขาไปถีบผู้พันทาเคดะ ตกบันไดตาย ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นไม่พอใจเป็นอย่างมาก และสั่งให้ทางการไทยส่งตัวทั้ง 7 คน มาให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น ทำให้ทั้ง 7 ต้องหลบหนีไปอยู่กับพ่อของ ตังกวย จากนั้นก็หนีไปกาญจนบุรี จนได้เห็นว่าทหารญี่ปุ่นทำมิดีมิร้ายกับเชลยแถมยังเอาหญิงไทยไปบำเรอความสุข ทั้ง 7 คน เลยตัดสินใจอาละวาดเพื่อขับไล่ทหารญี่ปุ่นออกไปจากแผ่นดินไทย                 สำหรับเนื้อเรื่องทั้งสองภาคของ7 ประจัญบานนั้น ส.อาสนจินดา ไม่ได้เน้นอะไรมากนอกจากเรื่องของการบู๊ล้างผลาญและมีมุขตลกเข้ามาสอดแทรกเพื่อหนังมีจุดขาย แถมด้วยฉากดราม่าเล็กในเรื่องของการรักแผ่นดินบ้านเกิด ซึ่งทั้งหมดผสมผสานกันได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่อยากจะดูสามารถรับชมได้ที่ Netflix และ aesexy premier ได้เลย

ซีรี่ย์ไทย ทาง Netflix คือเธอ พล็อตเรื่องรีเมคจากเกาหลี

ซีรี่ย์ไทย

ในปัจจุบัน ซีรี่ย์ไทย เริ่มมีความหลากหลายมากขึ้นที่ไม่ใช่เน้นเพียงแต่เรื่องรักๆใคร่ๆ หรือการตบตีแย่งชิงกันเท่านั้น แต่ในช่วงนี้เริ่มมีซีรี่ย์แนวระทึกขวัญ สืบสวนสอบสวนเข้ามากันอยู่บ้าง อาจเป็นพล็อตเรื่องแนวๆผีๆ หรือแนวไสยศาสตร์ แต่การที่กล้าตีโจทย์ใหม่ๆ โดยการนำซีรี่ย์เกาหลีชั้นดีมารีเมคเป็นเวอร์ชั่นไทยนับว่าเปรี้ยงปรางมากอย่างเช่นเรื่อง Voice ซีรี่ย์สืบสวนสอบสวนชั้นที่ไล่ตามฆาตกร และก็ได้มีอีกหนึ่งซีรี่ย์ที่กำลังฉายอยู่ทาง Netflix อย่างเรื่อง คือเธอ หรือชื่อเกาหลีมีชื่อว่า Remember you ที่มาในแนวสืบสวนสอบสวนเช่นกัน สำหรับเรื่องนี้เริ่มต้นที่ว่าได้เกิดเหตุคดีฆาตกรรมในหลายๆ คดีที่พระเอกอย่างธันว่าที่คิดว่ามีใครบางคนอยู่เบื้องหลังต่อผู้กระทำผิดเหล่านั้น ซึ่งพระเอกได้บินกลับมาจากต่างประเทศและเข้ามาเป็นทีมที่ปรึกษาโดยมีนางเอกอย่างอัยย์ที่ทำงานอยู่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนเพื่อตามจับในคดีต่างๆ เรื่องนี้ประเด็นสำคัญจะอยู่ที่ปมของพระ ที่ตอนยังเด็กอาศัยอยู่กับพ่อ และน้องชายกันอยู่ 3 คน พ่อของพระเอกทำอาชีพเป็นนายตำรวจที่คอยจับคนเข้าคุก ในขณะที่เนื้อเรื่องได้บอกว่าพระเอกมีพฤติกรรมในการทารุณสัตว์ (ฆ่าสัตว์ตาย) แทนที่ผู้เป็นพ่อจะพาไปพบจิตแพทย์ แต่กลับกลายเป็นขังลูกไว้ในบ้าน เพราะมองลูกตัวเองว่าเป็นปีศาจ วันหนึ่งได้เกิดเหตุมีใครบางคนฆ่าพ่อพระเอกตาย และน้องชายได้หายไป พระเอกที่เห็นภาพนั้นจึงสลบ และความทรงจำได้สูญหาย ในขณะที่นางเอกซึ่งเมื่อตอนเด็กเป็นเด็กข้างบ้านที่แอบตามชอบพระเอกอยู่บ่อยๆ แต่ทว่าพระเอกไม่เล่นด้วย ก็มีส่วนเกี่ยวพันกับคดีของพ่อพระเอกที่โดนฆ่า เพราะคิดว่าพ่อนางเอกได้พานักโทษแหกคุก และนักโทษคนนั้นก็ได้มาฆ่าพ่อพระเอกนั่นเอง ซึ่งนับว่าเรื่องนี้มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือ เคสแต่ละคดีที่เกิดขึ้นมากกว่า ที่ร่วมให้ทุกคนสามารถไขคดีและลุ้นได้ไปพร้อมๆกันอีกด้วย

Kingdom2 แรงบันดาลใจ 5

แรงบันดาลใจที่แท้จริงเบื้องหลัง หากคุณมีความอยากสยองขวัญซอมบี้คุณภาพแล้ว ‘ ราชอาณาจักร ‘ ของ Netflix คือสิ่งที่ต้องทำ ละครอิงประวัติศาสตร์ที่มีการวางแผนอย่างรวดเร็วและหนาแน่นมีส่วนร่วมอย่างมีรสนิยมและช่วยให้คุณหลงไหลตลอดทั้งฤดูกาลซึ่งคุณจะต้องรู้สึกเหนื่อยล้าในตอนท้าย รายการผสมผสานการเมืองภายในศาลและความสยองขวัญของการระบาดของโรคจากภายนอกด้วยประสิทธิภาพที่ดูเหมือนว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ในขณะที่รายการประเภทอื่นนำผู้ชมไปสู่อนาคตอันแสนเยือกเย็นโดยไม่มีการหลบหนี ‘ราชอาณาจักร’ พาเราย้อนกลับไปในอดีตและทำให้เราตั้งคำถามว่าภัยพิบัติเช่นนั้นทำให้ประเทศชาติน่าสะพรึงกลัวและหลงทางในประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ใน ‘ราชอาณาจักร’ เป็นจริงได้หรือไม่ นี่คือคำตอบ   ‘ราชอาณาจักร’ เกี่ยวกับอะไร? ตั้งอยู่ในยุคโชซอน ‘ราชอาณาจักร’ ติดตามเรื่องราวของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารที่มีการอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ เมื่อพระราชาล้มป่วยลงเพราะโรคลึกลับโจฮาคจูผู้เป็นหัวหน้าของ Haewan Cho Clan และพ่อของราชินีรับสายบังเหียนและในไม่ช้าผ่านการวางแผนและการข่มขู่ทำให้ทุกคนที่ว่าช้างเป็นคนทรยศ ในขณะเดียวกันเจ้าชายก็ตามแพทย์ที่เข้าร่วมพ่อของเขาเพื่อค้นหาสิ่งที่ผิดปกติกับเขา สิ่งที่เขาค้นพบนั้นเกินความเชื่อและขู่ว่าจะทำลายทั้งประเทศ   ‘ราชอาณาจักร’ มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงหรือไม่? ‘ราชอาณาจักร’ มีพื้นฐานมาจากซีรีส์มิคอม ‘ดินแดนแห่งพระเจ้า’ โดยคิมอึนฮีและหยางคยองกู อึนฮีเข้าร่วมกับซีรี่ส์ในฐานะนักเขียนเมื่อ Netflix ตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาเพื่อดัดแปลงหน้าจอ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องสมมติที่ยกระดับด้วยจินตนาการที่ไม่มีใครเทียบของอึนฮี แต่เธอก็พบว่ารากของเรื่องนี้อยู่ในบัญชีจริง   มันเป็นในปี 2011 ในขณะที่ต้องผ่านพงศาวดารของราชวงศ์โชซอนเธอเจอสิ่งที่ทำให้เธอแย่มากจนเธอไม่สามารถกำจัดมันออกจากความคิดของเธอได้ ในบทหนึ่งเกี่ยวกับการครองราชย์ของกษัตริย์ Soonjo บันทึกดังกล่าวเป็นโรคลึกลับที่คร่าชีวิตผู้คนนับพัน บันทึกในศตวรรษที่ 19 อ่านว่า: “ในฤดูใบไม้ร่วงโรคลึกลับเริ่มแพร่กระจายจากทางตะวันตกและใน 10 วันผู้คนหลายหมื่นคนเสียชีวิตในฮันยาง”     ฮันยางซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโชซอนใน ‘ราชอาณาจักร’ และเป็นกรุงโซลในปัจจุบันกลายเป็นที่นั่งแห่งการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในการแสดง ซีรีส์เพิ่มความถูกต้องทางประวัติศาสตร์มากขึ้นในเรื่องราวเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลที่สองกษัตริย์องค์ใหม่ได้ค้นพบว่าไม่มีใครแม้แต่เขาจะได้รับอนุญาตให้อ่านบันทึก ทุกคนต้องเชื่อในสิ่งที่บอกกับพวกเขา   ในขณะที่พงศาวดารทำให้เป็นไปไม่ได้สำหรับทุกคนที่จะรู้ว่าสิ่งที่เป็นโรคระบาดและวิธีการที่ถูกเหนี่ยวรั้งในที่สุดไม่เคยลุกขึ้นมาอีกครั้ง ม่านแห่งความลึกลับที่ขัดขวางไม่ให้ค้นพบความจริงยังช่วยให้จินตนาการของพวกเขาทะยานขึ้นและทำสิ่งที่พวกเขาต้องการ อึนฮีใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้และเราได้ ‘ราชอาณาจักร’   ด้วยการใช้คำจำกัดความของโรคเธอเพิ่มรายละเอียดของเธอเองโดยเน้นที่จุดกำเนิดของโรค สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้และสิ่งที่มันต้องเกิดขึ้น – นี่คือคำถามที่ทำให้เธอยังคงดำเนินต่อไปและเพื่อฝังความอยากรู้อยากเห็นนี้ในการแสดงเธอใช้ตัวละครของ Seo-bi แพทย์ที่ดีที่สุด โอกาสของราชอาณาจักรที่เข้าใจและเอาชนะโรคระบาด แม้จะมีการแสดงที่เป็นซอมบี้เป็นศูนย์กลาง แต่ความสยองขวัญไม่ใช่สิ่งเดียวในใจของเธอในขณะที่เขียนเรื่องราว สำหรับเธอมันเป็นเรื่องความหิวโหยทางการเมืองมากพอ ๆ กับความอยากได้เนื้อมนุษย์ หัวใจของมัน ‘ราชอาณาจักร’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความกระหายที่ไม่รู้จักพอและนำไปสู่การทำลายล้างตนเองและโลก “ ฉันต้องการที่จะพรรณนาคนที่ถูกทำร้ายโดยผู้มีอำนาจที่ต้องดิ้นรนกับความอดอยากและความยากจนผ่านสัตว์ประหลาด หิวมากที่สุดคือสัญชาตญาณของมนุษย์สากล” เธออธิบาย “ ฉันต้องการเขียนเรื่องราวที่สะท้อนถึงความกลัวและความวิตกกังวลของยุคปัจจุบัน แต่สำรวจผ่านเลนส์แห่งความหลงใหลในยุคโชซอนแห่งประวัติศาสตร์” เธอกล่าวเกี่ยวกับการเลือกที่จะวางเรื่องราวในยุคอดีตที่มักจะใช้เป็น ฉากหลังในรายการทีวีเกาหลีมากมาย

Kingdom2 อาณาจักรสิ้นสุด 4

ภาคต่อเนื่อง ละครเกาหลีเรื่องแรกของ Netflix ‘Kingdom’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘Kingdeom’ เป็นซีรีส์สยองขวัญซอมบี้ชาวเกาหลีใต้ที่ได้รับความชื่นชอบจากเหล่าซอมบี้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2019 ดัดแปลงมาจาก Kim Eun-hee และ Yang Kyung ซีรีย์การ์ตูนเรื่อง Land of the Gods หนังสยองขวัญเรื่องลึกลับที่บันทึกเรื่องราวชีวิตของมกุฎราชกุมารลีชางผู้เริ่มต้นการเดินทางเพื่อล้างข้อกล่าวหาเท็จที่ก่อกวนเขาพร้อมกับการรับมือกับภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่า ราชอาณาจักร – คติซอมบี้ เกือบจะอยู่ในเส้นเลือดของ’Game Of Thrones’และ’The Walking Dead’ผู้นอนหลับที่ได้รับเสียงโห่ร้องอย่างมากจากความมุ่งมั่นทางการเมืองความรุนแรงที่น่าสยดสยองและเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วซึ่งปูทางให้มันวางไข่สองฤดูกาล ตอนนี้แฟน ๆ กำลังรอการอัพเดทอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลที่สาม นี่คือทุกสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับ ‘ราชอาณาจักร’ ซีซัน 3   วันที่วางจำหน่าย Kingdom Season 3 ‘Kingdom’ ซีซัน 2 ออกมาอย่างครบถ้วนใน Netflix เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 ออกอากาศทั้งหมด 6 ตอนโดยใช้เวลาประมาณ 50-60 นาที เท่าที่มีความเกี่ยวข้องกับฤดูกาลที่ 3 นี่คือสิ่งที่เรารู้ หากเราพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่ารายการนั้นมีพื้นฐานมาจากการ์ตูนบนเว็บพร้อมกับตอนจบที่สรุปไม่ได้ของซีซั่นที่ 2 รายการนี้รับประกันอีกซีซันหนึ่ง นอกจากนี้ความนิยมที่เพิ่มขึ้นอาจทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการต่ออายุโดยเครือข่าย หากทุกอย่างทำงานได้ดีและการแสดงจะได้รับการต่ออายุเราคาดว่า ‘Kingdom’ ซีซั่นที่ 3 จะวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2564ในNetflix  มีโอกาสสูงที่ฤดูกาลที่สามอาจมีตอนยาวหกชั่วโมง   Kingdom Season 3 นักแสดง: ใครอยู่ในนั้น? ยกเว้นสมาชิกไม่กี่คนสมาชิกทั้งหมดจากทีมนักแสดงหลักจะถูกตั้งค่าให้กลับมาในซีซั่น 3   Ju Ji-hoon (‘Dark Figure of Crime’) จะพาดหัวนักแสดงในฐานะมกุฎราชกุมารลีชาง Bae Doona (‘The Host,’ ‘Sense8’ ) จะตอบโต้ตัวละครของเธอในฐานะแพทย์ Seo-Bi ​​ที่เฉียบแหลม Kim Hye-Jun อาจปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะ Queen Consort Cho สมาชิกคนอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มจะกลับมามากที่สุดคือรยูซึงรยในฐานะรัฐมนตรี Cho Hak-ju, Kim Sung-kyu เป็น Young-shin, Jun Ji-hyun (‘My Sassy Girl,’ ‘My Love From The Star,’) Kim Sang-ho รับบทเป็นหนุ่มสาว Heo Joon-ho เป็น Ahn Hyeon, Jeon Seok-ho เป็น Beom-pal, Jung Suk-won เป็น Cho Beom-il, ชื่อเสียงของคุณ ‘Park Byung Eun และ Kim Tae Hoon ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเรื่อง ‘Rose’ ‘The Pit and the Pendulum’ และ ‘Way to Go’ ฤดูกาลที่ 3 อาจเห็นส่วนเพิ่มเติมใหม่ของตัวละครหลัก   Kingdom Season 3 เรื่องย่อ: มันเกี่ยวกับอะไรกัน? หลังจากที่วางแผนจะสั่งการป้องกันการยิงของซางจูในซีซั่นที่ 2 เราจะเห็นลีชางบุกเข้าไปใน Mungyeong Saejae โดยไม่รู้ตัวถึงไฟที่กำลังจะตก ในขณะเดียวกัน Seo Bi และ Beom-pal ช่วยเหลือ Cho Hak-ju ผู้เผชิญหน้ากับราชินีเกี่ยวกับภารกิจลึกลับของเธอ ตลอดทั้งฤดูกาลเราเห็น Seo Bi ที่เป็นห่วงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อหาวิธีกำจัดโรคระบาดและช่วยชีวิตผู้คน ในตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่ 2 ลีชางเข้ารับตำแหน่งฮันยางและต่อสู้อย่างเต็มที่ระหว่างพวกเขากับชายของควีนโชซึ่งนำไปสู่การหลั่งเลือด เพื่อให้แน่ใจว่าสมเด็จพระราชินีจะไม่ประสบความสำเร็จในการดำเนินแผนการชั่วร้ายของเธอโซบีพาลูกและซ่อนตัวจากกองทัพของราชินี   ซีซัน 3 อาจมาจากตอนจบฤดูกาลที่ 2 ด้วยการซ่อนตัวของ Seo Bi ราชินีอาจย้ายสวรรค์และนรกเพื่อให้ลูกกลับมา เราสามารถคาดหวังให้ลีชางเผชิญกับความท้าทายเพิ่มเติมในการเดินทางของเขาเพื่อค้นหาแหล่งที่มาของโรคระบาดและหยุดยั้งการบริโภคมนุษย์ทั้งหมด มีโอกาสสูงที่ Yeong-shin ซึ่งเป็นหมาป่าโดดเดี่ยวผู้ลึกลับอาจมีบางอย่างติดแขนเสื้อซึ่งอาจช่วยต้นเหตุของลีชางได้ ด้วยความตายเพียงไม่กี่ก้าวจากการปนเปื้อนมวลมนุษยชาติซีซั่น 3 จึงต้องเป็นรถไฟเหาะตีลังกา    

Dracula Netflix EP.3 Review 1.2

รีวิว: Dracula Episode 3 ข้อเสียเปรียบแรกและสำคัญที่สุดที่ ‘Dark Compass’ ได้รับจากการที่ไม่มีคู่ปรับที่มีค่าสำหรับ Count เมื่อซิสเตอร์อกาธาหายไปแล้วไม่มีใครเข้มแข็งพอที่จะยืนหยัดต่อสู้เขาได้ แม้ว่าเราจะมีโซอี้ผู้เป็นผู้อุปถัมภ์ของอากาธาเธอก็ไม่ได้มีเสน่ห์หรือมีชีวิตชีวาเหมือนบรรพบุรุษของเธอ เธอน่าจะเป็นทั้งหมดนั้นและอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ตัวละครของเธอไม่ได้รับการรักษาที่เธอสมควรได้รับ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าไม่มีใครที่สามารถจะต่อกลอนกับแดรกคิวลา      ได้เลย จึงขาดความสนุกไปอย่างมาก ในขณะเดียวกันเราก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละครสำหรับแดรกคิวลา เขายังคงเป็นตัวละครที่น่าดึงดูดและยากต่อการต่อต้าน แต่มีการลดความน่ากลัวและความน่ากลัวที่การปรากฏตัวของเขาได้รับคำสั่ง เราไม่รู้สึกกลัวเขาอีกต่อไปและแม้ว่านี่จะเป็นเครื่องหมายของความอ่อนแอของเขาและสิ่งต่าง ๆ ที่นำไปสู่การล่มสลายของเขาในที่สุด แต่อาร์คทั้งหมดดูเหมือนว่ายังไม่สุก นอกจากนี้ไม่เหมือนตอนก่อนหน้าซึ่งแต่ละประเภทมีประเภทและบรรยากาศที่กำหนดของพวกเขาเองอันนี้ดูเหมือนไม่มีทิศทาง มันไม่ได้เป็นเรื่องสยองขวัญที่น่าสนใจไม่ได้เป็นความลึกลับที่ครอบงำ บรรยากาศของหนังดูทันสมัยขึ้นจนขาดเสนห์ของความน่ากลัว ความขลังของตัวแดรกคิวลาเอง ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยในการจับตัวเขาไว้ทำให้อารมย์ของผู้ดูถึงกับเปลี่ยนขั้วคล้ายดูหนังสมัยใหม่ อย่างดีที่สุดดูเหมือนว่าจะเป็นละครผู้ใหญ่เรื่องหนึ่งที่มีสโนว์บอลเมื่อไม่มีเจ้าชายในหมู่แวมไพร์ Claes Bang ยังคงแน่วแน่ต่อตัวละครและรักษาระดับ Count, สุภาพและมีไหวพริบ เขายังเปิดเผยถึงความอ่อนแอในตัววายร้ายซึ่งรู้สึกว่าถูกบังคับในเรื่องของการเขียนด้วยความสง่างาม อย่างไรก็ตามเขาไม่เพียงพอที่จะบันทึกตอนที่ค่อนข้างน่ากลัวในซีรีส์ที่น่าสนใจ ‘เข็มทิศแห่งความมืด’ พยายามผูกปลายทั้งหมดที่หลวม นำเสนอเหตุผลเชิงเหตุผลสำหรับจุดแข็งและความกลัวของ Dracula มันเตรียมพื้นสำหรับฉากสุดท้ายของละครที่ทำให้ละครเรื่องนี้จบลง อย่างไรก็ตามวิธีการและจุดจบไม่เป็นที่น่าพอใจ อาจเป็นเพราะความหลงใหลในความมืดมนของยุควิคตอเรีย แต่ฉันพบว่าสภาพแวดล้อมที่ทันสมัยค่อนข้างน่าเบื่อ ‘Dracula’ ควรจะออกมาพร้อมกับเสียงปัง แต่มันพังใต้น้ำหนักของความสามารถของตัวเอง หวังแต่เพียงว่าใน EP. หน้าจะกลับไปสู่ยุคเดิม ยุคของความน่ากลัวเคล้าบรรยากาศเก่าๆ ที่ชวนให้เราติดตามมากว่าตอนนี้ที่ดูไม่มีอะไรเลย แล้วเราจะรอตอนต่อไปเพราะด้วยเนื้อเรื่องก็ชวนติดตามอยู่ไม่น้อย  

Dracula Netflix EP.2 Review 1.2

ความรู้สึกอึดอัดที่ยากจะบรรยายเป็นตัวหนังสือได้ห้อมล้อมรอบตัวเรือเปรียบเสมือนหมอกที่คอยติดตามคุณไปทุกที่เพื่อให้ความรู้สึกไม่มั่นคงในสายตา คุณรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น               แต่คุณก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนจะมีความชัดเจนและยังคุณจะถูกหลอกลวงอย่างง่ายดาย หากตอนแรกเป็นหนังสือของแบรมสโตเคอร์ผู้อ่านคนนี้จะอ่านคล้ายกับอากาธาคริสตี้ลึกลับมากกว่า Agatha และ Dracula ดื่มด่ำกับเกมแมวและเมาส์อีกเกมหนึ่งซึ่งมักจะพยายามทำให้ดีที่สุดผ่านการซ้อมรบทางจิตวิทยาและไหวพริบแบบหนึ่งคู่ มันเป็นการแข่งขันที่เกิดขึ้นในสวรรค์ อย่างใดอย่างหนึ่งจะไม่ทำให้รู้สึกโดยที่อื่น ๆ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่แสนสนุก แต่ตอนนี้ค่อนข้างน่าเบื่อ รันไทม์ที่ดูเหมือนว่าจะมีลมพัดผ่านในตอนก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะนานเกินไปสำหรับเรื่องนี้และใคร ๆ ก็บอกได้ว่ามันเป็นเพราะนักเขียนเริ่มให้ความสำคัญกับตัวละครหลักมากเกินไปที่จะให้ความสนใจอย่างมาก เวลาที่ Dracula และ Agatha อยู่บนหน้าจอเราหลงรัก การแสดงของพวกเขาทำได้สมบูรณ์แบบและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมจนเราเชื่อในสิ่งที่ได้รับรู้มา เราถึงกับได้เห็นแดร๊กคูล่าเล่นไพ่ล่อลวงของเขาและความบิดเบี้ยวทางเพศของเขาก็เป็นสิ่งที่ดี Gatiss และ Moffat ยกระดับตัวละครคลาสสิกไม่ใช่แค่ในระดับของความกระหายเลือดของเขาและหลาย ๆ วิธีที่เขาสามารถสร้างความสยองขวัญได้อย่างน่าสะพรึงกลัว แต่ยังใช้อุบายที่เขาใช้เล่นกับอาหารของเขาและความจริงที่ว่าเขาไม่ได้ถูก จำกัด ด้วยข้อจำกัด ที่คนอื่นจะยอมรับไม่ได้ เขาให้ความสำคัญกับคลาสและพรสวรรค์และน้ำใสใจจริงเหนือสิ่งอื่นใดคือสิ่งที่ทำให้เขาเย้ายวนยิ่งกว่าที่เขาเป็น แต่ในการกล่าวถึงคุณสมบัติที่น่ารักเหล่านี้ของเขาผู้เขียนก็เล่นกับความคิดของทุกสิ่งที่ถูกพิจารณาว่าเป็น “ไม่บริสุทธิ์” กลับมาที่การขาดดุลของตอนนี้รันไทม์อาจจะสั้นกว่าซึ่งในที่สุดแผนการก็อาจจะรุนแรงขึ้น ‘Blood Vessel’ ควรจะเล่นเหมือนการเผาไหม้ที่ช้าและในระดับที่ดี แต่มีบางครั้งที่คุณต้องการให้ฉากหนึ่งหรือสองฉากถูกตัดออกและสิ่งต่าง ๆ จะเคลื่อนไหวเร็วขึ้น โดยรวมตอนที่สองของ ‘Dracula’ มีส่วนร่วมมากพอ แต่ก็ไม่น่าดึงดูดเท่าตอนแรก มันดูเอื่อยไปสักนิดจนแทบจะงีบหลับไปสักครู่ก็เป็นไปได้ แต่ไม่ว่าคุณจะมีข้อสงสัยอะไรก็ตามในตอนนี้ทุกอย่างจะถูกล้างออกด้วยตอนจบของกรามที่ทำให้คุณต้องดูว่าแดรกคิวลาต่อไปคืออะไรและมีสิ่งที่น่าค้นหายังรออยู่

Dracula Netflix EP.2 Review 1.1

ในการวิเคราะห์ของคุณเคานต์แดรกคิวลา ซิสเตอร์อกาธา เรียกการกินเลือดของเขาว่าไม่ใช่การกินไปเพื่อเป็นอาหารสำหรับการอยู่รอดของชีวิต แต่เป็นการติดยาเสพติดชนิดหนึ่งที่ต้องทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบไม่มีที่สิ้นสุด ในตอนที่สองดำเนินต่อไปกับการเดินทางของ Dracula ที่มีความพยายามไปยังประเทศอังกฤษซึ่งจะทำให้เรามีความเข้าใจในตัวละครของเขามากขึ้น คุณสามารถบอกนักล่าได้มากมายเกี่ยวกับวิธีการล่าสัตว์และตอนนี้ให้พื้นที่การล่าสัตว์แก่แดรคคิวล่า ในขณะที่การหาประโยชน์ก่อนหน้าของเขาเกี่ยวกับการฆ่าคนนี้แสดงวิธีการคำนวณของเขาและการจัดการที่ขี้เล่น แดร๊กคูล่าฆ่าแม่ชีทั้งหมดแบบน่าสยดสยอง เขาใช้ทั้งเล่ห์และกลในการที่จะได้รับเชิญให้เขาไปในโบสถ์แห่งนั้น เขาต้อนมีน่าและอกาธาจนเข้ามุม แต่กลับปล่อยให้มินาไป แต่อกาธายังคงอยู่ในเงื้อมมือของเขา เขารู้สึกหลงใหลในตัวเธออย่างชัดเจนและมีความรู้สึกร่วมกันดังนั้นแทนที่จะฆ่าเธอในทันทีเขาจึงตามใจเธอในการสนทนาเสมือนจะดูใจเธอ ในฐานะที่เป็น Goldmine แห่งความเฉลียวฉลาดและการเสียดสีที่เธอเป็น Agatha พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นเพื่อนที่ดีนับ Dracula เล่าเรื่องราวของวิธีหลังจากออกจากคอนแวนต์ในฮังการีเขาพบทางขึ้นเรือไปอังกฤษ ในขณะที่เล่นเกมหมากรุกกับเธอเขาบอก Agatha เกี่ยวกับผู้โดยสารทุกคนพลวัตของพวกเขากับแต่ละอื่น ๆ พวกเขาอยู่ที่ไหนและวิธีการที่พวกเขาเชื่อมต่อ มันแพร่กระจายออกมาเหมือนปริศนาต่อหน้าเธอและแม่ชีต้องพบชิ้นส่วนที่หายไปถ้าเธอจะรอดจากการเผชิญหน้าในครั้งนี้ หลังจากเหตุการณ์ที่น่าตกใจในตอนแรกการแสดงกระโดดขึ้นไปบนเรือที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง มันกำจัดปีศาจออกจากความสะดวกสบายและความปลอดภัยของปราสาทของเขาและทำให้เขาขึ้นเรือที่เขาถูกล่อลวง ซิสเตอร์อกาธาพยายามที่จะเอาชีวิตรอดอย่างเต็มที่และอยู่ท่ามกลางเกมหมากรุกที่ให้โอกาสเธอได้สัมภาษณ์นักล่าของเธออย่างใจจดใจจ่อ ในขณะที่ตอนแรกที่เล่นออกมาเหมือนหนังสยองขวัญตอนที่สองไหลในเส้นเลือดของความลึกลับฆาตกรรม เท่านั้นเรารู้ดีว่าใครเป็นผู้กระทำผิด มันใช้น้ำเสียงของจิตวิทยาสยองขวัญซึ่งเตรียมเราให้พร้อมสำหรับความจริงที่ว่าตอนต่อไปสามารถกระโดดเข้าไปในประเภทที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สิ่งนี้ทำให้เรื่องราวสดใหม่และเราถูกดึงเข้าไปเพื่อค้นหาสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างน่าพิศวงและชวนสงสัยเป็นอย่างมากให้เราร่วมกันค้นหาความจริงและวิธีการที่จะเปิดออกสำหรับผู้โดยสารบนเครื่องบิน

Dracula Netflix EP.1 Review 1.2

Mark Gatiss และ Steven Moffat ก่อนหน้านี้ทำให้เราตื่นตากับการตีความสมัยใหม่ของ Sherlock และอีกครั้งที่พวกเขาได้ดัดแปลงวรรณกรรมคลาสสิกอีกเล่ม น้ำเสียงแบบกอธิคแห่งยุควิคตอเรียนภาพที่น่าสะพรึงกลัวและความพยายามอย่างกล้าหาญที่จะทำให้สยองขวัญก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยการเพิ่มการบิดและความประหลาดใจในเรื่องราวทั้งหมดนี้ทำงานได้อย่างมหัศจรรย์ การเขียนเป็นฮีโร่ที่แท้จริงของการแสดง แม้จะมีความสยองขวัญบทสนทนาก็จบลงด้วยอารมณ์ขันที่ทำให้คุณหัวเราะออกมาดัง ๆ แม้ในสถานการณ์ที่น่ากลัวของตัวละคร การเคลื่อนไหวไปมาของเรื่องราวจากมุมมองที่มีข้อบกพร่องของ Jonathan Harker ทำให้มันลึกลับและชุ่มฉ่ำและทำให้คุณอยากติดตามเป็นอย่างมาก สิ่งพิเศษที่เพิ่มเข้ามาคือการคัดเลือกนักแสดงที่ไร้ที่ติ Claes Bang ในบทบาทของปีศาจที่น่ากลัว ที่มีเสน่ห์และไม่สามารถหาใครที่จะสมบูรณ์แบบได้มากกว่านี้ ในอีกกรณีเขาสร้างความสมดุลให้กับความมืดและความอ่อนแอของสัตว์ร้ายที่มีปัญหาอย่างมาก แต่นั่นไม่ใช่กรณีที่นี่ มารนี้ไม่ได้แสวงหาความเห็นอกเห็นใจของคุณ เขาต้องการเลือด เขาโหดเหี้ยมและน่ากลัวและคุณควรจะกลัวเขา การพรรณนาถึงการนับของ Bang นั้นเยือกเย็นและมีเสน่ห์ แน่นอนว่าคุณไม่ต้องการข้ามเส้นทางกับเขา แต่คุณไม่สามารถช่วยได้ แต่ให้เขาหลงใหล ก่อนหน้านี้ Gatiss และ Moffat ได้ปรับตัวเองกับ Jim Moriarty ซึ่งเป็นนักซวยของ Sherlock ผลที่ได้คือการแสดงที่น่าจดจำโดย Andrew Scott (หรือ Hot Priest) ในฐานะนักฆ่าโรคจิตที่เราอดไม่ได้ที่จะรัก ด้วย Dracula เวอร์ชั่นของ Bang เราได้สิ่งที่คล้ายกัน ในส่วนของซิสเตอร์อกาธา ภิกษุณีแวมไพร์ที่ต่อสู้อย่างดุเดือดและชาญฉลาดปราดเปรื่องซึ่งเป็นปรปักษ์กับท่านเคานต์ ด้วยความสามารถของ Dolly Wells ทำให้ Agatha กลายเป็นคนโปรดอย่างรวดเร็วกลายเป็นฮีโร่ที่คุณชื่นชอบไม่ว่าคุณจะหลงใหลกับ Dracula แค่ไหนก็ตาม การสะกดคำด้วยวาจาระหว่างทั้งสองเป็นไฮไลต์ของการแสดงซึ่งทุกครั้งต้องขอบคุณการเขียนพิเศษ ‘กฎของสัตว์ร้าย’ นำเสนอเรื่องราวใหม่ที่เราทุกคนต่างรู้ดี เราได้รับการสัญญาเลือดและการทำร้ายร่างกายและนั่นคือสิ่งที่เราได้รับ ตอนนี้เป็นงานที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้เรากลัวท่านเคานต์ แต่ยังทำให้เรามีความเข้าใจอย่างใกล้ชิดกับเขา มากจนเมื่อเขาเพลิดเพลินกับความรุนแรงคุณก็ทำเช่นกัน แต่ไม่ได้โดยไม่จู้จี้อย่างไม่หยุดยั้งของความกลัวที่ถูกถ่ายทอดออกมาทั้งภาพ เนื้อหา ซาวด์ประกอบทำให้เราชวนขนหัวลุกแทบทุกฉากที่เน็ดฟิกซ์ได้สร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา