รีวิวหนังเรื่อง The Autopsy of Jane Doe ศพหลอน ซ่อนปริศนา

The Autopsy of Jane Doe

ถ้าหากใครที่ชื่นชอบหนังแนวประเภทการสืบสวนหรือแนวสยองขวัญ ก็ไม่ควรที่จะพลาดภาพยนตร์เรื่อง The Autopsy of Jane Doe เลยนะคะ เพราะหนังเรื่องนี้มีการดำเนินเรื่องที่ไม่ซับซ้อน แต่ชวนน่าติดตามเป็นอย่างมากอีกครั้ง ยังเป็นหนังที่ติดอันดับการดาวน์โหลดเป็นอันดับ 1 ในปีที่ผ่านมา ซึ่งบอกก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่น่าค้นหามากจริง ๆ ค่ะ เพราะจะวนเวียนไปเกี่ยวกับเรื่องการสืบและชันสูตรศพแต่ที่น่าแปลกคือ ไม่ว่าจะพยายามหาคำตอบอย่างไร แต่ก็เหมือนเจออะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้ค้นหา เปิดเรื่องมาที่บ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งในหมู่บ้านซึ่งจะมีสองพ่อลูกที่ทำธุรกิจการฌาปนกิจศพหรือการชันสูตรศพนั่นเองค่ะ โดยมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลและตำรวจได้นำศพศพหนึ่งมาให้กับสองพ่อลูกได้ชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการตายเพราะเขาพบศพนี้ที่ถูกฝังในห้องใต้ดิน แต่ยังไม่สามารถหาฆาตกรพบได้ แต่ที่แปลกและไม่น่าเชื่อเลยก็คือสภาพศพของหญิงสาวคนนี้ถูกเปลือยเปล่าแต่ไม่มีการเน่าแต่อย่างใด รวมถึงเธอยังเหมือนเพียงนอนหลับไปเท่านั้น แต่ในขณะที่ทอมสันและ Austin กำลังชันสูตรศพของหญิงสาวเหล่านี้ ตั้งแต่ขั้นตอนการถ่ายรูปจนไปถึงการเริ่มผ่าศพเพื่อนำมาชันสูตรนั้น กลับมีสาเหตุหลายสาเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องขวัญผวา และมีสิ่งผิดปกติอยากมากมายที่เกิดขึ้น จนพวกเขาเริ่มสงสัยเพราะว่าไม่ว่าจะเริ่มหาคำตอบเข้าไปเท่าไหร่ก็ยิ่งเหมือนเจอสิ่งพี่ไม่น่าจะเป็นไปได้มากเท่านั้น ติดตามพบกับภาพยนตร์ The Autopsy of Jane Doe ศพหลอน ซ่อนปริศนา สำหรับการรีวิวหนังเรื่อง The Autopsy of Jane Doe ศพหลอน ซ่อนปริศนา โดยหนังสื่อให้เห็นถึงการชันสูตรศพและการทำงานของเจ้าหน้าที่ และหญิงสาวที่ถูกฆาตกรรมแต่สิ่งที่ต้องการจะสื่อคือลัทธิและความเชื่อของคนยุคโบราณ ซึ่งอาจเลือนหายไปจากคนรุ่นใหม่ จนทำให้การหาคำตอบต้องวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปอย่างต่อเนื่อง วิดีโอตัวอย่างเรื่อง The Autopsy of Jane Doe ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการรีวิวหนังเรื่อง Look That Kill หนุ่มผู้มีใบหน้าที่หล่อ จนใครเห็นก็ต้องตาย

รีวิวหนังเรื่อง Look That Kill หนุ่มผู้มีใบหน้าที่หล่อ จนใครเห็นก็ต้องตาย

look That Kill

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากคุณเกิดขึ้นมาบนโลกนี้แล้วมีใบหน้าที่หล่อเหลาที่สุดในโลก รีวิวหนังเรื่อง look That Kill หนุ่มผู้มีใบหน้าที่หล่อ จนใครเห็นก็ต้องตาย เด็กหนุ่มผู้หน้าตาดีที่สุดจนหมอทำคลอดต้องเอ่ยปากชมแต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีพ่อ และแม่ของเขาก็ต้องตกใจ เพราะหมอและพยาบาลที่ทำคลอดให้เขานั้น ต้องตายกันทุกคนหลังจากที่เห็นหน้าเขา  แล้วเด็กหนุ่มคนนี้จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรล่ะ แม็คเด็กหนุ่มผู้ที่มีใบหน้าหล่อที่สุดในโลกจนใครเห็นก็ต้องตาย เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ตอนที่เขานั้นเกิดขึ้นมาซึ่งใบหน้าของเขานั้นมันเหมือนถูกสาปถ้าเกิดใครได้เห็นก็จะต้องตายกันทุกคน ยกเว้นเพียงพ่อกับแม่ของเขาเท่านั้นที่สามารถเห็นได้ พ่อกับแม่ของเขาจึงพาเขาไปหาหมอจิตแพทย์ เพื่อรักษาอาการของแม็คแต่แล้วเขาก็ต้องทำให้หมอจิตแพทย์คนนั้นต้องตาย จนเขารู้สึกอับอายเลยเอาก้อนอิฐทุบไปที่ใบหน้าตัวเองแต่พ่อของแม่ก็มาห้ามทันเลยได้พาเขาไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง ในช่วงเวลาที่เขาเข้าไปในคลินิกนั้นเขารู้สึกอับอายมากเพราะมีแต่คนจ้องมองคนที่เขาอเล็กซ์ หญิงสาวที่อยู่ที่บ้านพักคนชราได้เข้ามาที่คลินิกนี้เช่นกัน จึงได้ยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้เขาได้เอาไปปิดหน้า หลังจากนั้น แม็คได้คิดจะไปฆ่าตัวตายโดยการกระโดดน้ำที่สะพานแต่อเล็กซ์ก็ได้เข้ามาเจอแม็คและพูดคุยกัน และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นในการใช้ชีวิตของแม็คเด็กหนุ่มผู้ที่มีใบหน้าหล่อ  เพราะอเล็กซ์เป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เขาอยากจะมีชีวิตต่อไป สำหรับรีวิวหนังเรื่อง Look That Kill  หนุ่มผู้มีใบหน้าที่หล่อ จนใครเห็นก็ต้องตาย นักเขียนดูเหมือนว่าผู้กำกับจะต้องการฝึกให้เราเห็นคุณค่าในชีวิต และ ยกตัวอย่างตัวละครที่ประสบปัญหากับชีวิตและสามารถหาทางออกได้เป็นอย่างดี และ สามารถนำความสามารถที่ตนมีนั้นไปช่วยเหลือผู้อื่นได้และเห็นคุณค่าในตัวเอง วิดีโอตัวอย่าง look That Kill ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการรีวิวหนังเรื่อง Bird Box ถ้าไม่อยากตาย ระวังอย่ามองมัน !!!

รีวิวหนังเรื่อง Bird Box ถ้าไม่อยากตาย ระวังอย่ามองมัน !!!

Bird Box

ภาพยนตร์เรื่องนี้โด่งดังมาจาก Netflix  ซึ่งเป็นหนังประเภทภาพยนตร์สยองขวัญ ที่เอาใจคนรักหนังสยองขวัญและทำลายได้ไปถึง 629 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกนับว่าประสบความสำเร็จกับผลงานของผู้กำกับสายหนังสยองขวัญยางซูซานเบียร์ ผู้กำกับสุดเก่งจากอเมริกาที่เข้าฉายเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมเมื่อปีที่ผ่านมา วันนี้นักเขียนจะมารีวิวหนังเรื่อง Bird Box ให้กับทุก ๆ คนได้ติดตามไปพร้อม ๆ กัน เพื่อรับรู้ถึงความสยองและความน่าแปลกใจของหนังเรื่องนี้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้ทุกคนตายถ้าหากเปิดผ้าปิดตา โดยหนังเรื่องนี้จะดำเนินเนื้อเรื่องหลักคือเมโลลี่ ซึ่งเธอก็คือนางเอกของเรื่องนี้นี่เอง ซึ่งหนังเรื่องนี้เปิดตัวขึ้นมาก็คือทุกคนในบ้านเมืองจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนพร้อมกับทุกคนในเมืองก็จะตายลงโดยที่ไม่ทราบสาเหตุและมีพฤติกรรมที่แปลก ๆ หลังจากนั้นเธอได้ขับรถมาจาก Jessica ซึ่งเป็นพี่สาวของเธออยู่ ๆ เธอก็มีอาการร้องไห้เหมือนเห็นอะไรบางอย่างแล้วรถบรรทุกก็พุ่งเข้าชนอย่างจังจนพี่สาวของเธอตายคาที่ ฉากตัดมาที่มีชาวบ้านเข้ามาช่วยมาโลลี่และพาเข้าไปอยู่ในบ้านซึ่งสิ่งที่แปลกคือ ทุกคนถ้าออกไปข้างนอกเมื่อไหร่จะต้องใส่ผ้าปิดตา  ถ้าหากใครที่ไม่ใส่ผ้าปิดตาจะเกิดเห็นภาพหลอนแล้วก็ตายในทันที แต่หนังคนอึดอัดตรงที่มักจะมีคนที่แวะเข้ามาในบ้านหลังนี้แล้วมาก่อกวนให้ทุกคนในบ้านเปิดผ้าปิดตาแล้วออกมามองดูโลกภายนอกซึ่งก็จะทำให้คนในบ้านตายไปทีละคน ซึ่งแต่ละวันก็จะมีเหตุการณ์ให้ทุกคนนั้นออกไปจากบ้านเช่นหาอาหาร ก็ทำให้แต่ละคนค่อยๆตายไป เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรและมาโลลี่ จะใช้ชีวิตที่เหลือกับลูกของเขาอย่างไร ต้องลองไปติดตามกันในภาพยนตร์ Bird Box สำหรับการรีวิวหนังเรื่อง Bird Box ถ้าไม่อยากตาย ระวังอย่ามองมัน เป็นหนังแนวลึกลับทางวิทยาศาสตร์ปนกับหนังสยองขวัญ แต่ตัวเรื่องหนังต้องการจะสื่อเกี่ยวกับความรักของมาโลลี่ และลูกเป็นหลักและสอนในเรื่องของการไว้เนื้อเชื่อใจของคนแปลกหน้ารวมถึงฝึกประสาทการฟังได้เป็นอย่างดี ซึ่งนักเขียนคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นอีกภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจนะคะ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการแนะนำ หนังสร้างแรงบันดาลใจ ตลอดกาลที่ไม่ควรพลาด!!

แนะนำ หนังสร้างแรงบันดาลใจ ตลอดกาลที่ไม่ควรพลาด!!

หนังสร้างแรงบันดาลใจ

หนังสร้างแรงบันดาลใจ ถือว่าเป็นหนังที่สามารถแฝงข้อคิดดี ๆ ที่นอกจากตัวหนังจะมีเนื้อหาที่ทั้งสนุก และน่าติดตามมากเพียงใด แต่สำหรับผู้รับชมแล้วนั้น คุณยังสามารถได้รับข้อคิดดี ๆ หรือแรงบันดาลใจจากหนังเรื่องนั้น ๆ ได้อีกด้วย และนั้นจะทำให้ผู้ชมได้มีแง่คิด หรือมุมมองที่เปลี่ยนไป และยังช่วยให้เหล่าผู้ชมทั้งหลายนั้นมีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตที่ดีอีกด้วย ดังนั้นทางเราจึงอยากนำเสนอหนังที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจ หรือข้อคิดดี ๆ ให้กับผู้ชมได้ดังต่อไปนี้ 1. Forrest Gump (1994) ถ้าให้กล่าวถึงหนังสร้างแรงบันดาลใจแล้วล่ะก็ หนังเรื่องแรกที่หลาย ๆ คนนึกถึงคงหนีไม่พ้น หนังเรื่อง Forrest Gump อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะถูกปล่อยฉายมามากกว่า 20 ปี แล้วก็ตาม แต่ด้วยเนื้อหาที่เน้นการมอบแรงบันดาลใจให้กับผู้ชม อย่างตัวเอกของเรื่องที่ไม่ว่าจะพบเจอสถานการณ์ใด หรือจะแย่ขนาดไหนก็ตาม แต่เขากับมีความสุข และใช้ชีวิตกับช่วงสถานการณ์ที่เลวร้ายได้อย่างดีเยี่ยมนั่นเอง 2. The Terminal (2004) เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่กล่าวได้ว่าสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมได้อย่างมากมาย กับเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ติดอยู่ในสนามบิน โดยที่เขาไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศ หรือบินกลับประเทศตัวเองได้ นั้นทำให้เขาต้องติดอยู่ในสนามบินนานนับปี และเขาก็ได้พบกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ หรือเหตุการณ์ที่คุณคาดไม่ถึง เรียกได้ว่าหนังสร้างแรงบรรดาลใจเรื่อง The Terminal นั้นจะสามารถให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตของคุณได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว 3. The Intern (2015) สำหรับหนังสร้างแรงบันดาลใจเรื่องนี้ เรียกได้ว่านอกจากจะมอบแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตให้กับผู้ชมแล้วนั้น ตัวหนังยังมอบข้อคิดดี ๆ กับเรื่องราวฟิลกู๊ดสุดน่ารัก ที่จะทำให้ผู้ชมนั้นกลับมาปรับเปลี่ยนแนวคิดของตนได้อย่างแน่นอน กับเนื้อเรื่องของหนังที่เริ่มต้นจาก ชายวัยเกษียณ เขาได้เริ่มงานใหม่อีกครั้งในวัย 60 ปี และยังต้องทำงานกับ CEO สาวสวยไฟแรง ผู้ที่ไม่ชอบผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก ชายสูงวัยผู้นี้จะทำอย่างไรให้เขานั้นสามารถกับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง พร้อมหาแรงบันดาลใจและเอาใจช่วยเขาได้ใน The intern ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการรีวิว หนังไทยน่าดูใน Netflix ดูช่วงวันหยุดรับรองว่าสนุกถูกใจแน่นอน

รีวิวภาพยนตร์ Tag เล่นเกมตลอด 30 ปีกับแรงบันดาลใจที่มาจากเรื่องจริง

Tag

ในวัยเด็กคุณเคยมีเพื่อนที่เล่นด้วยกันมากถึงกี่คน? และในปัจจุบันเพื่อนในวัยเด็กของคุณยังเป็นเพื่อนคุณอยู่หรือเปล่า? หรือกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า ภาพยนตร์เรื่อง Tag จะทำให้คุณหวนคำนึงถึงเพื่อนวัยเด็กที่เล่นด้วยกันมาอย่างสนุกสนาน และในปัจจุบันพวกเขายังเล่นเกมแปะโป้งด้วยกันมามากกว่า 30 ปี ภาพยนตร์เรื่อง Tag เป็นหนังแนวคอมเมดี้ ที่นอกจากหนังจะนำเสนอเรื่องราวความตลกสุดแสบของแก๊งเพื่อนชายทั้ง 5 คนแล้วนั้น หนังยังได้แฝงข้อคิดดี ๆ ที่คุณคาดไม่ถึง หรือคุณอาจลืมที่จะนึกถึงมันไว้ได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งหนังเรื่อง Tag ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของกลุ่มชายวัย 30 กว่า ที่พวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นเพื่อนเล่นด้วยกันในสมัยเด็ก และเกมยอดฮิตของเด็ก ๆ ในยุคที่ยังไม่มีสมาร์โฟนนั้นคงหนีไม่พ้นการเล่น แปะโป้ง เป็นแน่ โดยที่ในปัจจุบันพวกเขานั้นเติบโตและมีหน้าที่การงานที่มั่นคง แต่ในทุก ๆ เดือนพฤษภาคม พวกเขาได้นัดกันเล่นแปะโป้งในรูปแบบที่โตขึ้น มีลีลามากขึ้น และมีกลยุทธ์ที่แพรวพราวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ถึงแม้ว่าหนังเรื่อง Tag จะเป็นภาพยนตร์ตลกที่มอบเสียงหัวเราะ และคลายเครียดได้อย่างดีเยี่ยม แต่แท้จริงแล้วถ้าผู้ชมได้รับชมหนังเรื่องนี้จบแล้วนั้น คุณจะทราบได้ถึงข้อคิด หรือการสะท้อนเรื่องราวการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วไปได้อย่างดีเยี่ยม จากตัวหนังจะเห็นได้ว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจนโตจนมีหน้าที่การงาน หรือมีเรื่องราวให้คอยคิด และแก้ปัญหาในการใช้ชีวิตอยู่ตลอดนั้น พวกเขาก็ยังไม่ลืมถึงความสุขในวัยเด็ก ที่พวกเขาสามารถหาได้ง่าย ๆ จากการละเล่นในวัยเด็กของกลุ่มเพื่อนที่เข้าใจกัน และจริงใจต่อกันนั่นเอง และตัวหนังยังสะท้อนทำให้เราย้อนกลับมาคิดว่า เพราะอะไรผู้คนส่วนใหญ่ถึงละทิ้งความสุขที่สามารถหาได้ง่าย ๆ เหมือนอย่างการเล่นกับกลุ่มเพื่อนในวัยเด็ก ซึ่งนั้นอาจเป็นเพราะเมื่อเราโตมา เรามีหน้าที่การงานที่แสนจะเคร่งเครียด หรือเราหมกมุ่นกับการใช้ชีวิตที่สุดแสนจะกดดันมากเกิดไป จนทำให้เรานั้นลืมที่จะนึกถึงการมีความสุขง่าย ๆ จากการเล่นกับเพื่อนในวัยเด็กนั่นเอง โดยเราสามารถนำแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Tag ที่สร้างจากชีวิตจริงของแก๊งเพื่อนชายนี้ไปปรับใช้ในชีวิตได้เช่นกันอีกด้วย ติดตามการรีวิวหนังและเราขอแนะนำหนัง Into the wild เรื่องหดหู่ที่สร้างแรงบันดาลใจ

รีวิวหนังสะท้อนสังคม The Belko Experiment หนังไล่ฆ่าที่แฝงข้อคิดดี ๆ

The Belko Experiment

สำหรับภาพยนตร์สะท้อนสังคมแบบเลือดสาด หรือหนังไล่ฆ่าที่เรา ๆ เคยรับชมกันมานั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการนำเสนอเนื้อหาที่เน้นเรื่องความตื่นเต้น ความกดดัน และความลุ้นระทึก ที่จะทำให้ผู้ชมนั้นรู้สึกเอาใจช่วยเหล่าตัวละครในเรื่องเพียงเท่านั้น แต่นั้นยังไม่ทั้งหมดของหนังเรื่อง The Belko Experiment ที่นอกจากเป็นหนังแนวไล่ฆ่า ระทึกขวัญแล้วนั้น ตัวหนังยังได้แฝงข้อคิดที่สะท้อนการใช้ชีวิตของสังคมได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย หนังสะท้อนสังคม The Belko Experiment เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวของ ไมค์ พนักงานชาวอเมริกาที่มาทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่งในโคลัมเบีย โดยที่บริษัทแห่งนี้จะรับพนักงานแค่คนอเมริกาเท่านั้น และในเช้าวันหนึ่งไมค์ได้มาทำงานปกติ แต่จู่ ๆ ก็มีประกาศจากทางบริษัทได้กล่าวว่า พนักงานทั้งหมดในบริษัทต้องทำการไล่ฆ่าเพื่อนร่วมงานทั้งหมด จนตนเองนั้นสามารถเหลือดรอดเป็นคนสุดท้ายได้ ถึงจะถูกปล่อยตัวออกไป และทางเข้าออกของบริษัทก็ได้ถูกปิดกั้นด้วยเหล็กหนาที่พวกเขาไม่สามารถหาทางออกได้ นอกจากการไล่ฆ่ากันเองเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นพล็อตเรื่องของหนังไล่ฆ่าโดยสมบูรณ์แบบ แต่หลังจากที่รับชมหนังสะท้อนสังคมเรื่อง The Belko Experiment จบแล้วนั้น คุณจะได้รับข้อคิดอย่างทันทีว่า แท้จริงแล้วหนังเรื่องนี้กำลังสะท้อนสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างการเป็นพนักงานในบริษัท ที่ตัวหนังนั้นจะนำเสนอให้เห็นถึง พนักงานบางคนที่ทำงานมานานจะคอยกดขี่พนักงานใหม่อยู่เสมอ หรืออย่างการให้ไล่ฆ่ากันเองที่สะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของเหล่าพนักงานบริษัทที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเป็นที่หนึ่ง แม้เขาจะต้องฆ่าเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันก็ตาม ติดตามการรีวิวหนังมาใหม่และเราขอแนะนำหนัง The help หนังเสียดสีสังคม การเหยียดผิวที่แสนตลกร้าย

แนะนำหนัง The help หนังเสียดสีสังคม การเหยียดผิวที่แสนตลกร้าย

The help

ถ้ากล่าวถึงเรื่องราวการถูกเหยียดผิวของคนชาวผิวสีที่ผ่านมานั้น ต้องบอกเลยว่าไม่สามารถเรียบเรียงเหตุการณ์ได้หมดภายในบทความนี้เป็นแน่ เพราะเรื่องราวของการเหยียดผิว หรือเยียดชนชาตินั้นมีมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ และยิ่งในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเราจะก้าวเข้าสู่ยุค 2020 แล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์สุดสะเทือนใจที่เกิดขึ้นเพราะการเหยียดผิวนั้นก็ยังคงให้มีเห็นได้อย่างไม่ขาดสาย จนต้องสร้าง The help หนังเสียดสีสังคมขึ้นมา สำหรับบทความนี้เราจึงขอนำเสนอภาพยนตร์ที่นอกจากสะท้อนสังคมและเป็นหนังเสียดสีสังคมของเรื่องราวการเหยียดผิวได้ดีแล้วนั้น ยังแฝงข้อคิดในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของประชากรโลกได้เป็นอย่างดี พร้อมการนำเสนอเนื้อหาของหนังที่แสนตลกร้าย ทำเอาผู้ชมนั่นเอนจอยกับหนังได้อย่างไม่กดดันอีกด้วย กับภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า The help เป็นหนังที่ถูกฉายในปี 2011 โดยหนังเรื่องนี้ได้สร้างมาจากหนังสือขายดีตลอดกาลอย่าง The help ซึ่งมีชื่อเดียวกับหนังเรื่องนี้นั่นเอง โดยที่หนังเสียดสีสังคม เรื่อง The help นั้นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1960 ถือว่าเป็นยุคที่ชาวผิวสีส่วนใหญ่นั้นยังเป็นได้แค่ทาส หรือคนรับใช้ของชาวผิวขาวเท่านั้น โดยตัวเอกคือสาวผิวขาวหัวสมัยใหม่ เธอเป็นนักเขียนคอลัมน์หนังสือ ที่เดินทางกลับมาบ้านเกิดในเมืองแห่งหนึ่ง และเธอก็ได้สนใจเขียนเรื่องราวของชาวผิวสี เพื่อที่จะสะท้อนสังคมให้ทุกคนได้ทราบ ถึงชีวิตที่ถูกกดขี้ ข่มเหง และโดนเยียบย่ำมาโดยตลอดของชาวผิวสีทุกคน โดยที่เธอต้องคอยรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ในการตีพิมพ์เรื่องราวที่ชาวผิวขาวเกือบทั้งประเทศไม่ยอมรับอีกด้วย ภาพยนตร์เรื่อง The help นอกจากที่ตัวหนังเสียดสีสังคมจะสื่อเรื่องราวการถูกเหยียดผิวที่สุดจะสะเทือนใจแล้วนั้น ตัวหนังยังสามารถบอกเล่าเรื่องราวให้ออกมาในแนวเชิงเสียดสี และตลกร้ายได้อย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าทำเอาคนดูสะใจไปตาม ๆ กัน แต่นั่นคงไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของหนังรางวัลออสการ์เรื่องนี้ เพราะเมื่อคุณได้รับชมหนังเรื่องนี้จบแล้วล่ะก็ ความคิดของคุณจะกลายเป็นคนได้อย่างแน่นอน ด้วยรูปแบบของหนังที่นอกจากจะสะท้อนสังคมให้เห็นในทุกแง่มุมแล้ว ข้อคิดต่าง ๆ ในหนังยังทำให้เรากลายเป็นบุคคลที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น หรืออย่างการเอาใจเขามาใส่ใจเราได้อย่างที่จริงอีกด้วย ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการรีวิวหนังสุดโรแมนติก 365 DNI กับกระแสที่มาแรงที่สุดในตอนนี้

ภาพยนตร์ Rambo 4 นักรบพันธุ์เดือด มาพร้อมสุดยอดนักรบอย่าง “จอห์น แรมโบ้”

จอห์น แรมโบ้

เรื่องราวภาคต่อของสุดยอดนักรบอย่าง “จอห์น แรมโบ้” อดีตนักรบที่เคยถูกส่งไปทำภารกิจเดนตายในสงครามเวียดนาม จอร์นกำลังใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบในชนบททางภาคเหนือของไทย ใกล้กับพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ คือระหว่างชายแดน ไทย ลาว พม่า ซึ่งจอร์นมาอาศัยอยู่ที่นี่หลังจากที่สงครามเวียดนามสิ้นสุดลง แต่ทว่าความทรงจำของเพื่อนนักรบที่เคยร่วมสู้ด้วยกันมา ยังไม่จางหายไปในความทรงจำของเขาเลย โดยเขาอาศัยอยู่ท่ามกลางพื้นที่ความขัดแย่งของรัฐพม่าและเผ่ากระเหรี่ยง แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีความอันตรายแต่เขารู้ดีว่านี่คือที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขา เพราะไม่ต้องคอยตอบคำถามของกองทัพและหลีกเลี่ยงความวุ่นวายต่างๆที่รัฐบาลต้องการจะใช้เขา แต่ในที่สุดการมาของกลุ่มมิชชันนารี่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เหล่ามิชชันนารีที่เขามาทำการรักษาคนในหมู่บ้านด้วยใจอาสาแต่ตัวยาที่พวกเขานำมานั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนป่วย การร้องขอยารักษาก็เป็นไปได้ยากลำบาก ทางเดียวที่พวกเขาจะได้ยารักษามาก็คือต้องเดินทางข้ามพรมแดนไปยังค่ายของกองทัพสหรัฐที่ใกล้ที่สุดทางตอนเหนือ และพวกเขาต้องการคนที่จะนำทางล่องแม่น้ำไปยังค่ายอพยพเพื่อนำยากลับมารักษาชาวบ้าน ชาวบ้านจึงได้ขอร้องให้แรมโบ้ช่วยพากลุ่มอาสากลุ่มนี้ขึ้นไปยังพื้นที่เป้าหมายและพากลับมา แต่”จอห์น แรมโบ้“ได้ปฏิเสธไปเพราะไม่อยากที่จะใช้ชีวิตอย่างวุ่นวายดั่งตอนที่เคยเป็นนักรบอีกแล้ว เมื่อเหล่ามิชชันนารีถูกปฏิเสธแต่นั่นก็ไม่อาจหยุดใจปารถนาได้พวกเขาจึงตัดสินใจออกเดินทางด้วยตัวเอง ระหว่างเดินทางได้ถูกขัดขวางและจับกุมโดยกองทัพพม่า พวกเขาจึงต้องการจอห์นเพื่อมาช่วยพวกเขาแต่”จอห์น แรมโบ้“กลับปฏิเสธพวกเขาอีกครั้ง ในสองสัปดาห์ต่อมาได้รับข่าวว่ากลุ่มมิชชันนารี่ยังไม่ได้รับการพาตัวกลับมา ชาวบ้านจึงรวมตัวขอร้องให้จอห์นช่วยอีกครั้ง โดยรวบรวมเงินกันทั้งหมดที่มีเพื่อหาทหารรับจ้างและให้จอห์นเป็นผู้นำทาง “จอห์น แรมโบ้“จึงเอ่ยปากรับคำและทำทุกวิธีทางเพื่อพาคนเหล่านั้นกลับมากับนักรบรับจ้างที่มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังแนวคาวบอยได้ที่นี่

หนังแนวคาวบอย The Magnificent Seven 7 สิงห์แดนเสือ

7 สิงห์แดนเสือ

พูดถึงหนังคาวบอยกันบ้างนะครับ 7 สิงห์แดนเสือ เรื่องนี้จะเป็นหนังคาวบอยแบบว่า ชาวเมืองโดนเจ้าพ่อรังแก ต้องการจะซื้อที่ดินของชาวเมืองในราคาที่ถูกแสนถูก จนชาวเมืองบางคนต้องออกตามหา หรือว่าจ้างคนมีฝีมือเพื่อขจัดปัดเป่าผู้มีอิทธิพลให้สิ้นซาก กว่าจะทำได้เล่นเอาเหล่าผู้มีฝีมือทั้ง 7 คนล้มตายลงไปจนเหลือรอดไม่กี่คน หนังเรื่องนี้เป็นหนังรีเมคนะ ภาคก่อนหรือสร้างคราวก่อน ผมไม่เคยดู แต่ภาคก่อนหรือครั้งก่อนสร้างไว้นานแล้วกี่ปีผมก็ไม่ทราบได้ แต่ภาคนี้ถึงจะไม่มีดาราดังแสดงอย่างคับครั่ง แต่เนื้อหาของหนังเนื้อเรื่องของหนังก็จัดวามันส์ใช้ได้ ปูเนื้อเรื่องได้ราบรื่นได้เนียนตามาก ฉากที่ใช้ก็สมจริง 7 สิงห์แดนเสือ เรื่องมีอยู่ว่า ณ เมือง ๆ หนึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ มีเจ้าพ่อชื่อ บาโท โป๊บ และลูกน้องได้เข้าไปยังเมืองและบังคับให้ชาวเมืองขายที่ดินที่ตัวเองครอบครองให้แก่เขา ในราคาที่ถูกแสนถูก และยังฆ่าและทำร้ายชาวเมืองไปหลายคน และบอกว่าอีก 7 วันจะกลับมาเอาคำตอบ หญิงสาวที่เสียสามีไปตอนที่โป๊บบุกเข้ามา ได้ออกจากเมืองไปกับชายอีกคน เพื่อไปตามหาและจ้างชายผู้มีฝีมือมาปราบหรือขับไล่โป๊บและลูกน้องให้ออกจากเมืองของตัวเองไปซะ จนไปเจอพันอากาศเอก แซม ชิซ่อม นักล่าฆ่าหัว และคนอื่น ๆ อีก 6 คน เธอได้พาพวกของแซม กลับเข้าเมือง แซมและพวก ๆ ได้กลับเข้าเมืองและเจอกับลูกน้องของโป๊บซึ่งเป็นมือปืนรับจ้างยืนตอนรับอยู่ และสู้กันจนมือปืนรับจ้างตายเกือบหมด มีเหลือรอดไปได้แค่คนเดียว กับนายอำเภอที่หนีหลบซ่อน และแซมได้ฝากสาส์นไปถึงเจ้าพ่อ โป๊บว่า ถ้าอยากได้เมืองคืน ให้กลับมาเอาเอง นายอำเภอได้ไปบอกโป๊บว่า แซม ชิซ่อมและพรรคพวกได้บุกมายึดเมือง โป๊บสั่งระดมลูกน้องและเตรียมเดินทางไปที่เมืองอีกครั้งภายใน 7 วัน หลังจากแซมไล่ลูกน้องของโป๊บไปได้ ก็เลยเกณฑ์ชาวบ้านมาฝึกซ้อม เพราะรู้ว่าเหลือเวลาอีก 7 วันที่โป๊บจะกลับมาที่เมือง ภายใน 7 วันต้องวางแผนและฝึกชาวบ้านให้ยิงปืนเป็นให้ได้ พอครบกำหนด 7 วันที่โป๊บจะมา แซมได้ทำตามแผน โดยให้พวกของโป๊บบุกเข้ามาจากด้านหน้าและพวกของแซมและชาวเมืองจะล้อมยิงเอา จนพวกของแซมไปหลายคน และลูกน้องของโป๊บก็ตายไปหลายคน จนโป๊บต้องเอาปืนกลออกมายิง และโดนพวกของแซมเอาระเบิดปาใส่ปืนกล จนเหลือโป๊บและแซมที่ต้องตัดสินกันในโป๊บ จนโป๊บโดนแซมฆ่าตายในโบสถ์ในที่สุด ชอบแบบชาวเมืองถูกข่มเหงรังแก จนต้องออกตามหาผู้มีฝืมือ เพื่อกลับมาปราบปราบ กลิ่นอายคาวบอยมาแรงมาก ทิวทัศน์สมจริง มีขี่ม้ายิงปืน พระเอกไมหล่อนะ แต่แสดงได้ดีมาก ชอบบทเนื้อหาของเรื่องเป็นอย่างมาก ต้องไปติดตามชมกันนะครับ สำหรับช่องทางในการหามาชม Google Play ภาพยนตร์ หรือซื้อแผ่นดีวีดีจากร้านแมงป่อง , บูมเมอแรง ติดตามการรีวิวหนังได้ที่นี่

MidNight FM เอฟเอ็มสยอง จองคลื่นผวา หนังเกาหลีแนวฆาตรกรเป็นโรคจิต

MidNight FM

พักหลัง ๆ คือ ไม่กี่ปีมานี้หนังเกาหลีเริ่มบุกตลาดภาพยนตร์แล้วนะครับ เมื่อก่อนจะมีพวกหนังรัก หรือซีรีย์รักเกาหลี แต่ไม่กี่ปีมานี้มีหนังฟอร์มใหญ่ เช่น Train To Busna มาวิ่งไล่วิ่งหนีซอมบี้กันเป็นต้น มีหนังเกาหลีโบราณอย่าง ธนูพิฆาต ซึ่งพระเอกเป็นนักแม่นธนูที่สามารถฆ่าทหารและแม่ทัพแมนจูตายได้ หรือจะเป็นหนังเกาหลีโบราณที่มีวิชาการต่อสู้เหมือนกับหนังจีนที่มีวิทยายุทธ หรือเป็นหนังผีเกาหลีพวกผีจูออน บทความนี้เลยขอเสนอหนังเกาหลีแนวฆาตรกรเป็นโรคจิต MidNight FM เอฟเอ็มสยอง จองคลื่นผวา หนังผีก็เข้ามานานแล้ว และเริ่มรุกคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ เช่น เมื่อก่อนจะมี K-POP เพลงเกาหลี เกิร์ลกรุ๊ปของเกาหลี ที่เข้ามาทำให้เพลงของเกาหลีฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง หรือจะเป็นบอยแบรนด์ของเกาหลี วงต่าง ๆ ที่เข้ามากระชากหัวใจของสาว ๆ เมืองไทยไปครอบครอง อันที่จริงผมก็ชอบดูหนังหลากหลายชนชาติ แต่ต้องดูที่คุณภาพของหนังด้วย บางครั้งบางคราวก็ถูกหน้าปกหนังหลอกลวง ถูกตัวอย่างของหนังแหกตาก็มีบ่อย พอดูเนื้อหาของหนังไม่ถูกใจก็ไม่ดูต่อ คือ ปิดเอาดื้อ ๆ เลย ไม่สนใจไม่ดูอีกต่อไป MidNight FMเอฟเอ็มสยอง จองคลื่นผวา เป็นหนังเกาหลีแนวฆาตรกรเป็นโรคจิต แบบว่าแอบชอบแอบปลื้มนางเอกซึ่งเป็นดีเจจัดรายการคลื่นวิทยุรายการหนึ่ง คืนหนึ่งนางเอกจะเลิกจัดรายการแล้ว เพราะต้องการพาลูกสาวไปรักษาตัวยังต่างประเทศ แต่นางเอกก็ต้องเจอกับโรคจิตคนหนึ่ง ซึ่งเป็นแฟนตัวยงรายการวิทยุของเธอเอง จับตัวพี่สาวและลูกสาวของเธอไป และยังชวนเธอเล่นเกมส์ โดยใบ้เป็นปริศนาว่าตัวอักษรหรือปริศนานั้นเป็นเพลงอะไร ถ้าเธอตอบถูกหมดจะปล่อยพี่สาวและลูกสาวของเธอ แต่ดีเจสาวดันบอกตำรวจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้โรคจิตนั้นโกรธและฆ่าพี่สาวของเธอทิ้ง และขู่อีกว่าถ้าบอกตำรวจหรือคนอื่นอีกจะฆ่าลูกสาวของเธอเหมือนกัน ดีเจสาวต้องทายปริศนาเพื่อจะเปิดเพลงที่ตรงใจกับโรคจิตคนนั้นให้ได้ และปริศนานั้นคือเพลงที่เธอเคยเปิดแล้วในรายการของเธอเช่นกัน เธอต้องคิดและหาให้ได้ว่าคือเพลงอะไร เพื่อจะได้ช่วยชีวิตลูกสาวของเธอให้ได้ MidNight FMเอฟเอ็มสยอง จองคลื่นผวา เล่นกับโทนหนังได้ดี เล่นกับอารมณ์ของนางเอกได้ดี รู้จักวิธีการเล่าเรื่อง บีบให้นางเอกเสียใจให้เห็นอารมณ์เจ็บปวดของนางเอกได้ดี ชอบนางเอกเวลาเศร้า ชอบพระเอกเรื่องนี้ที่แสดงบทโรคจิตได้เป็นอย่างดี ตัวหนังให้อารมณ์ที่หดหู่ เศร้า ดูหนังแล้วรู้ซึ้งถึงความรักความห่วงใยของคนเป็นแม่ได้เป้นอย่างดี ชอบครับที่มหนังแบบนี้ออกมา มันบีบครั้นหัวใจได้ดี ถ้าใครอยากดูหนังเรื่องนี้นะครับ หาซื้อได้ตามร้านขายหนังแผ่นดีวีดี พวก B2S ที่จะมีโซนขายหนังดีวีดีอยู่ด้านหน้า หรือร้านขายแผ่นหนังดีวีดีออนไลน์พวก Boomerrang หรือ Mangpong ร้านพวกนี้เป็นต้นครับ วิดีโอตัวอย่างหนัง MidNight FM เอฟเอ็มสยอง จองคลื่นผวา ติดตามการรีวิวหนังมาใหม่ทุกวันได้ที่นี่