Born to be King (เกิดมาเป็นเจ้าพ่อ) ปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์สูตรสำเร็จยุคเก่า

การกลับมาของ “Young and Dangerous” หรือ “กู๋ หว่า ใจ๋” ที่ดูเหมือนจะทิ้งทวนไปแล้วในภาค 5 แต่ 2 ปีต่อมา  ก็ได้คลอดภาคใหม่ในชื่อ “Born to be King”  ซึ่งนับเป็นภาค 6 ที่มีการเชื่อมเรื่องราวการพัฒนาการของตัวละครหลัก  และรวบรวมนักแสดงเก่า ๆ ที่อาจตายไปแล้วในภาคก่อน ๆ  มารับบทใหม่ในภาคนี้  และที่สำคัญการกลับมาของ เฉิน เสี่ยวชุน ผู้รับบทเป็น “ไก่ป่า”  ทำให้หนังภาคนี้ กลับมาปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์อีกครั้งหนึ่ง “Born to be King” กำลังจะกลับมาอีกครั้ง Born to be Kingกล่าวถึง “ไก่ป่า” กำลังจะได้เป็นลูกเขยของ “แก๊งยามาโต้” แก๊งซึ่งทรงอิทธิพลในญี่ปุ่น ในขณะเดียวกัน “เฉิน ห้าว หนาน” เพื่อนสนิทของไก่ป่า กำลังจะก้าวสู่ผู้นำแห่ง “หงซิน” อย่างเต็มตัวอีกเช่นกัน  ขณะที่ “แก๊งสามสหาย” ของใต้หวัน ได้เกิดปัญหาภายใน  โดยมี “เสี่ยหลุย” ลูกชายหัวหน้าแก๊งคนเก่าผู้จบจากอเมริกา  เข้ามาเป็นกาวใจและแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว  โดยทั้งสามแก๊ง ทั้งยามาโต้  หงซิ่ง  และแก๊งสามสหาย  ต่างเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน จนกระทั่งการเข้ามาของผลประโยชน์ด้านการเมือง  นำมาสู่เหตุการณ์วุ่นวายและการแตกหักระหว่างสามแก๊งดังกล่าว ในภาคนี้ ก็ได้แทรกกลิ่นไอของการเมืองอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งใช้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประเทศใต้หวัน เป็นจุดพลิกผันของเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยการพลักบทบาทของ “ไก่ป่า” ให้มีความสำคัญอีกครั้ง  หลังจากหายไปในภาค 5 อย่างมีข้อกังขา ซึ่งสามารถทำหน้าที่ได้ดี  ในซีนอารมณ์ที่ต้องการความหนักเบาได้อย่างกลมกล่อม  ในขณะที่ “เฉิน ห้าว หนาน” พระเอกของเรื่องกลับไม่เด่นเท่าที่ควร  กลายเป็นเพียงแค่ประเด็นรอง ๆ ที่เน้นไปทางโหยหาความรักเก่า ๆ เสียมากกว่า ส่วนการไล่ฆ่า  แก้แค้น  และการหักหลังกัน ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของการปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์  ก็มียังมีอยู่ให้เห็น  ได้หายคิดถึงกันบ้าง  แต่ก็ไม่มีอะไรใหม่ให้เซอร์ไพรส์มากมาย นอกจากงานโปรดักชันที่ดูพัฒนาไปอีกขั้นของหนังชุดนี้Born to be Kingเป็นการจับประเด็น จับแพะชนแกะที่ทำได้ดีพอสมควร  ซึ่งใช้ความคุกรุ่นของการเมืองการปกครองในฝั่งใต้หวันในช่วงนั้น  ในการเล่าเรื่องเชื่อมโยงกับแก๊งอิทธิพลต่าง ๆ   และนำมาซึ่งตัวละครหลัก ๆ ในภาคก่อน   ให้มารียูเนียนนอีกครั้งเพื่อปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์ให้กระหึ่มอีกครั้งหนึ่ง  เพียงแต่การเปลี่ยนผันของหนังฮ่องกงที่เริ่มตกลงในช่วงนั้น  อาจไม่สบความสำเร็จด้านเสียงวิจารณ์มากที่ควร อัตราความสะเด่า เนื้อหา           3.5/5 ระทึกใจ 3.5/5 บทสรุป 3.5/5 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น Airplane Mode หนังรักกุ๊กกิ๊กของเด็กสาวที่ติดโลกโซเชียลโดยไม่รู้ผลเสียของมัน! ได้อีกที่ filmograd.net