“Time To Hunt” (ถึงเวลาล่า) กับการรีวิวหนังเกาหลีไล่ล่าสุดมัน

“มิตรภาพ” เป็นสิ่งมีค่า หากเราได้พบเจอมิตรภาพแท้นั้นยากกว่าการพบทองคำ หากแต่ว่ามิตรภาพนั้นกำลังพาคุณไปทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องล่ะ!? เราจะยอมละทิ้งมันและเดินไปข้างหน้าบนเส้นทางที่ถูกต้องแทนหรือไม่กันนะ เรื่องราวของ “Time To Hunt” (ถึงเวลาล่า) ประเทศเกาหลีที่กำลังประสบปัญหาภาวะทางเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง ในตัวเมืองที่เคยเจริญรุ่งเรือง ตอนนี้กลับกลายคล้ายเมืองร้าง ตึกรามบ้านช่องพังทลายกันเป็นแถว เงินทองเป็นของหายากยิ่ง เงินเกาหลีที่มีอยู่ก็อ่อนตัวลงมากจนแทบจะไม่มีค่า ทำให้ผู้คนต่างขวนขวายที่จะหาเงินดอลลาร์มาใช้ เช่นเดียวกันกับ เว็บรีวิวหนัง “กีฮุน” นักโทษที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคดีปล้นเพชรเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ได้พบกับเพื่อนของเขาและได้รวมตัวแก๊งค์โจร 4 คน “คุณชายใหญ่” หนังตลก ผ่อนคลายสมองเรื่องใหม่จากหม่ำ จ๊กม๊ก เพื่อร่วมขบวนการปล้นเงินจากคาสิโนของผู้มีอิทธิพล เพื่อความฝันที่พวกเขาได้ตั้งมั่นกันเอาไว้ว่าจะต้องออกจากประเทศนี้ให้ได้และไปอยู่ที่เกาะไต้หวันแทน แต่ทว่าการปล้นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ พวกทำตัวเหนือกฎหมายนั้นตั้งใจไล่ล่าพวกเขาทั้ง 4 อย่างบ้าระห่ำและดูเหมือนว่าพวกมันจะพอใจกับเกมไล่ล่าในครั้งนี้มากทีเดียว ข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่อง “Time To Hunt” (ถึงเวลาล่า) ประเภท : อาชญากรรม/กระตุกขวัญ ผู้กำกับ : ยุน ซุง-ฮยอน นักแสดงนำ : ชเว วู-ชิค, อีแจฮุน, พัคแฮซู, อันแจฮง ความยาว :  2 ชั่วโมง 14 นาที กำหนดฉาย : 22 กุมภาพันธ์ 2563 ส่วนตัวคิดว่าพล็อตเรื่องเริ่มมาได้น่าสนใจมากที่เลือกจะเล่าไทม์ไลน์ในประเทศเกาหลีที่ไม่ได้ห่างจากปัจจุบันนักและมีความเป็นไปได้เหมือนกัน การเซ็ตฉากต่าง ๆ ขึ้นมาทำได้ดีมาก มีความสมจริงสูงและทำให้เรารู้สึกอินว่าตอนนี้สภาพเมืองนั้นเป็นอย่างไรและความจนนั้นส่งผลอย่างไรต่อประเทศชาติ ฝีมือการแสดงของนักแสดงทุกคนทำได้ยอดเยี่ยม ไม่มากไม่น้อยเกินไป จังหวะการเล่าเรื่องถือว่าดีแต่ช่วงที่พักจากการหลบหนีเหมือนจะมีการปล่อยให้ตัวละครออกทะเลไปหน่อย ทำให้เนื้อเรื่องเนือยยืดไปอีก เนื้อเรื่อง joker168 ขาดความกระชับ แต่การเลือกจะเล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมิตรภาพนั้นถือเป็นการเลือกที่ดีทำให้หนังนั้นไม่เต็มไปด้วยความเครียดและความกดดันมากจนเกินไปนัก

รีวิว Time to Hunt (ถึงเวลาล่า) หนังแนวอาชญากรรมฟอร์มโรงภาพยนตร์จากเกาหลี

เรียกได้ว่าเดี๋ยวนี้เกาหลีสามารถทำหนังแนวอื่นๆออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งในหนังที่เราจะพาทุกคนไปดูกันวันนี้ จริงๆแล้วมันเป็นหนังฟอร์มที่ต้องการนำเสนอในโรงภาพยนตร์เท่านั้น แต่เนื่องจากติดสถานการณ์โควิด-19 จึงทำให้ต้องเปลี่ยนแผนมาลงใน Netflix แทน และในวันนี้เราจะพาทุกคนมารับชม รีวิว Time to Hunt (ถึงเวลาล่า) ไปกับหนังเกาหลีแนวอาชญากรรมกันเลยดีกว่า ชื่อเรื่อง : “Time to Hunt” (ถึงเวลาล่า) แนว : อาชญากรรม นักแสดง : Lee Je-hoon, Ahn Jae-hong, Choi Woo-shik, Park Jung-min บทภาพยนตร์ : Yoon Sung-hyun ผู้กำกับ : Yoon Sung-hyun ค่าย : Netflix วันฉาย : 23 เมษายน 2020 เวลา : 2 ชั่วโมง 14 นาที IMDb : 6.2 เรื่องย่อ เรื่องราวของประเทศเกาหลีที่เรียกได้ว่าเข้าสู่ยุคมืด เศรษฐกิจตกต่ำจนถึงขีดสุด เงินวอนที่เป็นหน่วยเงินของประเทศเกาหลีกลับไม่มีค่าอีกต่อไป บรรดาบ้านเมืองที่เคยมีสีสันก็กลับเป็นสลัมดีๆนั่นเอง นั่นทำให้ “จุนซอก” (รับบทโดย Lee Je-hoon) ที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ เขาเล็งเห็นถึงหนทางที่จะทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้ โดยการออกไปจากเมืองที่เขาอยู่นี้  แต่ประเด็นหลักๆเลยคือเขาไม่มีเงิน เขาจึงไปชวน “จางโฮ” (รับบทโดย Ahn Jae-hong), “กีฮุน” (รับบทโดย Choi Woo-shik) และ “ซังซู” (รับบทโดย Choi Woo-shik) บรรดาเพื่อนสนิทของเขาไปทำการปล้นบ่อนการพนัน เพื่อหวังจะเงินที่ปล้นมานั้นไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เกาะทางตอนใต้ของประเทศไต้หวัน แต่เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะมันมีคนที่หวังจะเอาชีวิตของพวกเขาทั้ง 4 คนอยู่ ซึ่งพวกเขาจะสามารถหนีตายได้หรือไม่ ต้องไปรับชมกันเลย รีวิว Time to Hunt (ถึงเวลาล่า) หลายๆคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาตัวนักแสดงอย่าง “Choi Woo-shik” เป็นอย่างดี ในหนังเกาหลีเรื่อง “Parasite” ที่เป็นลูกชายคนโตของครอบครัวคนจนที่เป็นตัวเอกของเรื่องนั่นเอง และในวันนี้เขากลับมาอีกครั้งในหนังเรื่องนี้ ที่ต้องบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้คุณภาพระดับ HDR ที่ไม่ได้ไก่กาอาราเล่เลยนะ อีกทั้งหนังยังมีฉากแอคชั่นไล่ฆ่า ยิงกันถล่มทลายทั้งเรื่อง แล้วตัวหนังเองยังมีการสอดแทรกเรื่องราวของมิตรภาพระหว่างเพื่อนเอาไว้อย่างชัดเจนมากเลยทีเดียว ถึงแม้มันจะมีช่วงยืดเยื้อไปบ้างนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้เยอะมากจนทำให้น่าเบื่อเลย แต่เราว่ามันเสียแค่อย่างเดียวนั่นก็คือ ในส่วนของเนื้อเรื่องมีการตัดตัวละครบางตัวออกไป แบบไม่ได้กล่าวถึงอีกเลย มันทำให้เราสงสัยกันว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครตัวนั้นกันแน่ แต่รวมๆ ถ้าดูฉากแอคชั่นมันส์ ดูแบบไม่ได้ติดใจกับเนื้อเรื่องอะไรมากนัก หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเลย ตัวอย่าง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว Pandora หนังแนวภัยพิบัติคุณภาพดีที่ควรค่าแก่การเสียเวลาดูเป็นอย่างมาก ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Ufa369