รีวิว A Christmas Prince The Royal Wedding (เจ้าชายคริสต์มาส 2)

หลังจากที่ได้พาทุกคนไปดูหนังแนวโรแมนติก คอมเมดี้ ที่เบาๆสบายสมองอย่างเรื่อง “A Christmas Prince” ไปแล้วนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนมาฟินกันในภาคต่อของหนังเรื่องนี้ใน “A Christmas Prince: The Royal Wedding” (เจ้าชายคริสต์มาส มหัศจรรย์วันวิวาห์) กันเลย มาดูกันว่าเรื่องราวหลังจากที่นางเอกของเราตกลงแต่งงานกับเจ้าชายแล้วชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไปกันนะ และเธอจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่เหมือนเป็นคนละโลกกับเธอได้หรือไม่? ชื่อเรื่อง : “A Christmas Prince: The RoyalWedding” (เจ้าชายคริสต์มาส มหัศจรรย์วันวิวาห์) แนว : โรแมนติก คอมเมดี้ นักแสดง : Rose McIver, Ben Lamb, Alice Krige, Sarah Douglas, Tahirah Sharif บทภาพยนตร์ : Nathan Atkins ผู้กำกับ : John Schultz ค่าย : Netflix วันฉาย : 30 พฤศจิกายน 2018 เวลา : 01 ชั่วโมง 32 นาที IMDb : 5.3 เรื่องย่อ เรื่องราวในหนึ่งปีให้หลัง หลังจากที่ “แอมเบอร์” (รับบทโดย Rose McIver) ตอบตกลงแต่งงานกับ “เจ้าชายริชาร์ด” (รับบทโดย Ben Lamb) นั่นเอง ซึ่งพวกเขากำลังจะแต่งงานกันในวันคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงนี้ แต่การใช้ชีวิตภายในวังของแอมเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นกฎหรือธรรมเนียมภายในวังที่เธอจะต้องทำตามนั้น ทำให้แอมเบอร์ต้องหวนกลับมาคิดอีกครั้งว่า นี่คือชีวิตที่เธอต้องการจริงๆหรือไม่? หรือเธอจะต้องละทิ้งตัวตนทั้งหมดของเธอ และเตรียมตัวเป็นเจ้าหญิงของเมืองนี้อย่างสมบูรณ์แบบกันแน่ รีวิว A Christmas Prince The Royal Wedding (เจ้าชายคริสต์มาส มหัศจรรย์วันวิวาห์) ไม่ว่าจะยังไงหนังเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นหนังที่เดาทางได้ง่ายเหมือนกับภาคแรกเป๊ะๆ อีกทั้งในภาคนี้หนังยังมีการเล่าไปที่เรื่องราวของการเมืองซะเป็นส่วนใหญ่เลย แต่มันก็ไม่ได้การเมืองจ๋าซะขนาดดูแล้วทำให้เราเบื่อหรอกนะ เพราะในหนังภาคนี้ยังมีการเน้นไปที่เรื่องของความสัมพันธ์ที่เข้มข้นมากกว่าเดิมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างแอมเบอร์กับเจ้าชายริชาร์ดที่ดูเหมือนจะห่างเหินกันออกไปเรื่อยๆ เพราะภารกิจที่เจ้าชายจะต้องรับผิดชอบมากขึ้นและขนบธรรมเนียมประเพณีของทางวังที่แอมเบอร์จะต้องยอมรับให้ได้ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างแอมเบอร์กับทุกคนที่อยู่รอบๆตัวที่เรียกได้ว่า มีการพัฒนาไปไกลมากๆ ในส่วนของงานภาพของหนังเรื่องนี้ แอดคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะหนังเรื่องนี้นั้นคุณภาพระดับ 4K เหมือนกับภาคแรกเลย อีกทั้งหนังภาคนี้ยังให้ข้อคิดอะไรกับเราได้เยอะเหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดของตัวละคร หรือแม้แต่การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งมันสามารถสะท้อนให้เห็นถึงสังคมในปัจจุบันได้เป็นอย่างดีเลยเดียว เพราะในสังคมปัจจุบันนั้น ผู้คนมักไม่ค่อยยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นสักเท่าไร ตัวอย่าง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ ได้อีกที่ filmograd.net