การต่อสู้ดิ้นรนของทุกคนก็เพื่อความอยู่รอดไม่ว่ามันจะต้องแลกมากับอะไรก็ ต้องยอม สำหรับตัวผมแล้วได้ดูเรื่องนี้ก็ต้องย้อนกลับไปดูซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นประจำ มันน่าหดหู่ใจมากเลยนะครับ ถ้าวันนึงเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ภาวะที่ไร้ทางออก ภาวะจำยอมที่ต้องกัดฟันสู้กันยิบตา คงไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว อารมณ์ของหนังมันสร้างให้เราคิดเช่นนั้นได้ตลอดดึงผมไว้ได้อยู่หมัด ไม่ว่าจะเป็นภาวะแวดล้อมของมนุษย์โลกที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง แต่บน Elysium กลับเต็มเปรี่ยมไปด้วยความเพียบพร้อมไปเสียทุกสิ่ง เมื่อใดก็ตามที่เกิดการแบ่งแยกและกดขี่ทางชนชั้นอย่างรุนแรง สังคมก็จะผลักดันให้เกิดพลังบางอย่างเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะในรูปแบบการปฏิวัติหรือการปฏิรูป แต่ไม่ว่าวิธีไหนก็เชื่อว่าคงไม่เป็นที่ชื่นชอบนักเพราะคนเรามักพยายามเลี่ยงความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เราต้องเหนื่อยปรับตัวและปรับใจ แต่เมื่อมันจวนตัวและกดดันถึงขีดสุดจริงๆ ก็คงทำอะไรไม่ได้มากนัก ปมปัญหาที่เรื่องนี้ผูกขึ้นมา ก็คือเรื่องเดิมๆ ที่เราเคยพบหรือเคยอ่านเจอในประวัติศาสตร์มาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่าในอนาคต มวลมนุษยชาติก็คงพบเจอแต่เรื่องเดิมหากไม่ยอมเรียนรู้จากอดีต…เพราะอดีตไม่ใช่เรื่องที่เราควรยึดติดแต่เป็นบทเรียนชิ้นสำคัญไม่ให้เราผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา บทสรุปของหนังเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นที่แล้วแล้วมา สุดท้ายความยิ่งใหญ่ของระบบก็ต้องพ่ายให้กับหัวใจของคน ภาพการทำลายร้างและการต่อสู้ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันก็สาดห่ากระสุนใส่กันอย่างไม่หยุดยั้งทำให้ผมนี่สนุกตามไปด้วยเลย มันครบทุกอารมณ์จริงๆ เลยครับ ภาพของแม็กซ์และแม่ชีที่ดุแม็กซ์ที่แม็กซ์ขโมยของเพื่อหวังว่าจะเก็บเงินแล้วขึ้นยานเถื่อนขึ้นไป Elysium นี่ทำให้ผมน้ำตาแตกเลย ความบริสุทธิ์ของเด็กที่ต้องการมีชีวิตที่ดีกว่า ความหวัง และความฝันของเขานี่ทำให้ผมนำมาปรับใช้ในชีวิตได้ค่อนข้างเยอะเลยครับ แต่จะไม่ว่าอย่างไรก็ตามความถูกต้องความมีเสรีภาพในการใช้ชีวิตบนพื้นฐานหลักศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์นั้นก็ยังเป็นเรื่องที่หลายสังคมยังต้องเผชิญอยู่ไม่จบไม่สิ้น พลเมืองแต่ละชั้นก็ต้องดำเนินชีวิตของตัวเองต่อไป อยู่ในโหมดของตัวเองไม่ก้าวล่วงซึ่งกันและกัน และคงเป็นการยากที่เราจะทะลายกำแพงแห่งความกีดกั้นแบ่งแยกได้อย่างในหนังที่เพียงแค่กดปุ่ม Reset มันก็เหมือนใหม่ได้ทุกเรื่อง
เมื่อก้าวสู่ยุคที่ทรัพยากรโลกเหลือแค่เพียงซาก “เอลลิเซียม” จึงเป็นเหมือนความฝันแต่ใครบ้างจะก้าวไปถึงดินแดนในอนาคตที่ไม่ใช่พื้นที่สำหรับทุกคน ลองนึกดูเล่นๆ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อบรรดาคนรวยและสังคมชั้นสูงออกไปอยู่ในกระสวยอวกาศ (Elysium) ขนาดใหญ่นอกโลก และทิ้งบรรดาคนยากจนข้นแค้นและเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ ให้เผชิญโชคตามลำพังบนโลกใบเดิมที่เราอยู่นี้ คอหนังแนวนี้หลายเรื่องคงพอคุ้นเคยกันบ้างแล้ว โลกอนาคตที่จินตนาการว่าโลกของเราจะทรุดโทรมถึงขีดสุดและเต็มไปด้วยโรคร้ายและสภาพเมืองที่ไม่น่าอภิรมย์จนต้องย้ายไปอยู่นอกโลก เรื่องนี้ก็เป็นไปตามนั้นครับ เพียงแต่สิ่งที่เน้นพิเศษคงเป็นเรื่องของการเสียดสีชนชั้นสูงอย่างเจ็บแสบแต่สอดแทรกไปกับเนื้อเรื่องได้อย่างแนบเนียนทีเดียว “Elysium” เป็นผลงานกำกับของ “Neill Blomkamp” ผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรง โดยมีนักแสดงคุณภาพชื่อดังอย่าง “Matt Damon” มารับบท “Max” ชายหนุ่มธรรมดาที่ดิ้นรนเพื่อชีวิตรอด “Max” เป็นอดีตนักโทษในคดีโจรกรรมที่กลับตัวกลับใจเป็นคนดี เขาเป็นเด็กกำพร้าที่มีฐานะยากจนและด้อยโอกาส ชีวิตของแมกซ์คงไม่มีอะไรน่าสนใจ หากเขาจะไม่บังเอิญประสบอุบัติเหตุระหว่างการทำงานกลายเป็นผู้ป่วยเพราะมีปริมาณกัมมันตภาพรังสีมากไปในเส้นเลือดซึ่งจะทำให้เขาตายภายในห้าวันแมกซ์ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดและหนทางเดียวที่เขาต้องทำให้ได้คือหาทางขึ้นไปที่ Elysium เพื่อรับการรักษาจากเครื่องฉายรังสีซึ่งสามารถรักษาโรคร้ายต่างๆ ได้ทุกโรคส่วนอีกคนคือ “Jodie Foster” เรื่องนี้เธอมารับบทเจ้าหน้าที่เลขาธิการสาวโหดและแกร่ง “Delacourt” ตัวแทนชนชั้นสูงจอมเผด็จการที่ทำให้เรื่องทุกอย่างวุ่นวายขึ้นมา เรื่องวุ่นวายที่ว่าเริ่มจากชีวิตอันแสนน่าเบื่อหน่ายของ “Max” เรื่องราวซับซ้อนมากขึ้นเมื่อหนทางสู่ Elysium ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายที่พลเมืองโลกจะไม่มีสิทธิปรากฏตัวใน Elysium แมกซ์จึงต้องทำข้อตกลงที่จะต้องขโมยข้อมูลที่ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์บางอย่างกับสมองและทำการรีเซ็ทระบบเพื่อให้ประชากรโลกมีสิทธิเป็นพลเมืองของชาว Elysium เพื่อแลกกับการได้ไปรักษาตัว แต่เขาหารู้ไม่ว่านั่นคือหนทางแห่งความตายเพราะการทำแบบนั้นมันต้องแลกด้วยชีวิต เรื่องมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะมีตัวร้ายและตัวป่วนมากมายที่ทำให้ความหวังของเขาแทบริบหรี่ ด้วยร่างกายที่ไม่สมประกอบเขาจึงต้องยอมแปลงร่างเป็นมนุษย์เหล็กและพยุงชีวิตให้รอดให้นานที่สุดเพราะเขาต้องตายภายในห้าวัน นี่เป็นบททดสอบที่โคตรหินสำหรับการต้องอยู่ต่อไป