ในช่วงเวลาของชีวิตย่อมมีหลายครั้งที่เราจำยอมต้อง ‘ทิ้ง’ บางสิ่งบางอย่างออกไปจากชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ เหมือนกับในหนังเรื่อง “ฮาว ทูทิ้ง” แต่บางทีเราอาจทำไปเพราะความจำเป็นหรือทำไปเพราะเหตุการณ์บางอย่างในชีวิต แน่นอนว่าก็มีอีกหลายครั้งเหมือนกันที่เราเลือกที่จะเก็บสิ่งที่ไม่จำเป็นกับชีวิตเอาไว้ข้างตัวเราอย่างไร้เหตุผล แต่เมื่อจำเป็นต้องมาคิดอีกครั้งว่าจะทิ้งมันหรือไม่ เราจะตัดใจจากมันได้จริงหรือไม่…เรื่องราวของหญิงสาวที่เพิ่งกลับมาที่ไทยหลังเรียนจบจากสวีเดนอย่าง “จีน” ที่ตั้งใจจะมาเคลียร์พื้นที่ในบ้านเพื่อทำเป็นออฟฟิศตามแนวแบบ “มินิมอล” คือเรียบ ๆ สีสว่าง ไม่ค่อยมีรายละเอียดหรือของจุกจิก เรียกง่าย ๆ ว่าโล่ง ๆ นั่นเอง แต่ตัดภาพมาที่สภาพบ้านที่ใช้งานมากว่า 30 ปีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการเก็บกวาดของต่าง ๆ อีกทั้งที่ยากยิ่งกว่าคือการพูดคุยกับแม่ของเธอที่ดูเหมือนจะยังคงผูกพันกับของหลายชิ้นในบ้านหลังนี้ ในหนังเราจะเห็นนิสัยการทิ้งของแบบไม่คิดเลยของจีนที่ทำเอาพี่ชายของเธออย่าง “เจย์” รู้สึกแปลกใจไม่น้อย โดยระหว่างการเก็บกวาดก็ได้เพื่อนสนิทอย่าง “พิ้ง” มาช่วยด้วย แต่ระหว่างนั้นทั้งคู่ก็ได้มีส่วนทำให้จีนกลับมาเห็นคุณค่าและความทรงจำอันล้ำค่าของของพวกนั้นด้วย จนนำมาสู่การคืนของที่เธอเคยยืมเพื่อน ๆ มาตั้งแต่สมัยเรียน ทำให้เราได้เห็นว่าคนรอบข้างของเธอนั้นได้มีชีวิตเป็นไปอย่างไรกันบ้างแล้ว เมื่อถึงของที่เป็นของ “พี่เอ็ม” ซึ่งคือแฟนเก่าที่เธอไม่ได้บอกเลิกกับเขา แต่เลือกที่จะหายออกไปจากชีวิตเขาแบบดื้อ ๆ ไม่มีคำอธิบายใด ๆ ทิ้งให้แต่ฝ่ายชายคอยถามตัวเองทุกวันว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ และได้เห็นว่าตอนนี้เขาได้มีแฟนใหม่แล้วและถึงแม้เธอจะพยายามทำตัวเข้าใจเอ็มมากแค่ไหนเราก็ยังเห็นความเจ็บปวดของเธอได้อยู่ดี ส่วนตัวคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นงานอาร์ทที่เสพยาก ย่อยยากงานหนึ่งเลยทีเดียว ใครที่ไม่ใช่สายหนังแบบนี้ก็อาจจะงงและไม่ชอบได้ แต่หากใครที่ชอบเสพความติสท์บอกเลยว่าห้ามพลาดเพราะไม่ว่าจะโทนหนัง ตัวฟอนต์ บทพูด บุคลิกการถ่ายทอดลักษณะนิสัยตัวละคร โลเคชั่น แต่ละอย่างทำออกมาได้ลงตัวและมีความหมายลึกซึ้งในตัวของมันเองได้อย่างดีมาก ๆ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง ฮาว ทูทิ้ง ประเภท : ดราม่า โรแมนติก ผู้กำกับ : นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ นักแสดงนำ : ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง,ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์,ษริกา สารทศิลป์สุภา,ถิรวัฒน์ โงสว่าง ความยาว : 1 ชั่วโมง 55 นาที กำหนดฉาย : 24 ธันวาคม 2562 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังไทยเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิวคอมเมดี้เรื่องใหม่ของ โป๊ป-เต๋อ ใน “เฮ้ย ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ” กับความฮาที่ไม่จำกัด ได้อีกที่ filmograd.net