Elysium อีลีเซี่ยม

Elysium อีลีเซี่ยม

ความเหลื่อมล้ำทางสังคม มันไม่เคยจางหาย แต่กลับยังทวีความรุนแรงมองเห็นได้ถึงระยะห่างของชนชั้น ที่กำลังเริ่มจะแตกต่างกันได้มากยิ่งขึ้น หนังที่สะท้อนให้เห็นถึงช่วงยุคอนาคต ที่บุคคลที่เป็นเศรษฐี กลับละทิ้งดินแดนไปพักอาศัยอยู่ในสิ่งปลูกสร้างนอกโลก Elysium อีลีเซี่ยม ที่ถูกทำมาเฉพาะแต่คนที่มีเงินเท่านั้น และเราจะมองเห็นได้สินคนทั่วไปธรรมดาที่ต้องหาข้าวเช้ากินค่ำเหมือนดังเดิม และยังจะมีโรคร้ายเข้ามารุมเร้าแบบไม่มีทางรักษาใด ๆ ที่ทำได้ หนังแนวแอคชั่น ไซไฟ ดราม่า ที่จะเป็นหนังวิทยาศาสตร์ สะท้อนให้เห็นปัญหาที่มีมาอยู่โดยตลอดของชนชั้น จากในอดีตจนถึงปัจจุบัน เนื้อเรื่องสรุป แม็กซ์ ชายหนุ่มกลุ่มชนชั้นล่างอาศัยอยู่บนพื้นแผ่นดินโลก เขาก็เหมือนบุคคลโดยทั่ว ๆ ไปที่ต้องทำงานเช้าแต่ความมุ่งหวังความทะเยอทะยานที่จะขึ้นไปพักอาศัยอยู่บน Elysium อีลีเซี่ยม ดินแดนสำหรับกลุ่มคนชั้นสูง หรือมหาเศรษฐีแต่เพียงเท่านั้นกับเหตุการณ์บังเอิญที่ทำให้เขาต้องพบกับอุบัติเหตุที่กำลังจะกล้าชีวิตเขาไปได้ในช่วงเวลาที่ไม่นานนัก มีที่เดียวที่จะรักษาตัวเขาได้ก็คือการขึ้นไปบน Elysium อีลีเซี่ยม เขาต้องพยายามทำทุกวิถีทาง ที่จะต้องขึ้นไปในดินแดนแห่งนั้นในขณะเดียวกันเขาก็ได้พบกับเหตุการณ์ที่บังเอิญได้รับข้อมูลความพยายามในการกระทำรัฐประหาร ของผู้ควบคุม ซึ่งมันเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญนั่นเอง จึงทำให้ตัวของเขาได้ถูกตามล่า และเขาก็ได้รับโอกาสที่ขึ้นไปบนดินแดนแห่งนั้น และก็ได้ทำลายระบบต่าง ๆ ให้ปลุกคนชั้นล่าง ได้รับสวัสดิการจากการดูแลรักษาพยาบาลเหมือนคนชั้นสูงที่เป็นปกติโดยทั่วไป แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตของเขาที่ต้องสูญสิ้นไปกับภารกิจในครั้งนี้  กับอีกครั้งด้วยบทบาทของนักแสดงมากฝีมือ Matt Damon ที่ได้รับให้เป็นตัวแสดงนำ ซึ่งจะต้องมีฉากบู๊ ฉากการต่อสู้ ก็ไม่ทำให้เขาได้พลาด ด้วยพรสวรรค์ฟาร์มรวมไปถึงฉากการแสดงอารมณ์ฉากดราม่าต่าง ๆ ก็ยังทำได้ดีเยี่ยมสมกับเป็นนักแสดงมากฝีมือใน Hollywood  สำหรับภาพยนตร์ Elysium อีลีเซี่ยม เรื่องนี้จะมีรูปแบบการถ่ายทำที่จะไม่ดูเป็นแนววิทยาศาสตร์แบบเต็มตัว แต่ยังจะมีการแสดงให้เห็นการใช้ชีวิตการประเมินถึงสังคม ที่เป็นอยู่ในยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งยังมีความเหลื่อมล้ำของชนชั้นในหลาย ๆ ระดับ ซึ่งมันอาจจะทวีความรุนแรงเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในหนังก็เป็นได้ ภาพยนตร์ในเรื่องนี้มีทุนการสร้างอยู่ที่ 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับคะแนน imdb 6.6 ก็ถือได้ว่าไม่เลว กับหนังดูสนุกดูเพลินที่จะให้มุมมองที่แตกต่างกันไปเกี่ยวกับสังคมในอนาคต

ยังคงร้อนแรงแม้เปิดตัวมา 3 สัปดาห์

Shang-Chi: The Legend of The Ten Rings

ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิดที่หลาย ๆ อย่างยังไม่กลับมาลงตัวเหมือนเดิมแต่สิ่งที่ยังสร้างความตระการตาให้กับผู้คนทั่วทั้งโลกได้อย่างสม่ำเสมอนั่นก็คือภาพยนตร์ของ Marvel Studio ซึ่งเรื่องที่กำลังฉายอยู่ภายในโรงภาพยนตร์ก็คือ Shang-Chi: The Legend of The Ten Rings ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องถึงซูเปอร์ฮีโร่ชาวเอเชียพี่กำลังเข้าฉายอยู่ภายในโรงภาพยนตร์ในต่างประเทศตอนนี้ยังคงรั้งอันดับสูงสุดของบล็อกออฟฟิศไว้ได้อย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้วโดยกว่ารายได้ไปได้อีก 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐและทำให้ภาพยนตร์เรื่อง Shang-Chi: The Legend of The Ten Rings กลายเป็นภาพยนตร์อันดับที่ 2 ที่สามารถทำรายได้ได้ดีในสัปดาห์ที่ 3 ในเดือนกันยายนด้วยรายได้ระดับนี้คาดการณ์ไว้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำเงินได้สูงถึง 176.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว และยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีลุ้นว่าจะทำรายได้เกินกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิช อย่างไรก็ตามตอนนี้ภาพยนตร์เรื่อง Shang-Chi: The Legend of The Ten Rings ยังไม่มีกำหนดฉายในประเทศจีนรวมถึงในประเทศไทยที่กำลังเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของโรคโควิดอยู่ทำให้เมื่อมีการเปิดตัวในต่างประเทศก็อาจจะสร้างรายได้สูงขึ้นมากไปกว่าที่ได้รับภายในประเทศอเมริกาอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งก็อาจจะทำรายได้สูงเกินกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐจาก Box Office ทั่วโลกได้เลยทีเดียว จากตัวเลขและรายได้ที่ได้รับจากการเปิดตัวในโรงภาพยนตร์ของประเทศอเมริกาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าภาพยนตร์ของ Marvel Studio นั้นก็ยังคงร้อนแรงไม่แพ้กับในช่วง 3 เฟสแรกเลยทีเดียวและด้วยการเริ่มต้นการปูทางไปสู่เฟส 4 และเฟสต่อๆ ไปเรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัวที่สวยงามมากเลยทีเดียวสำหรับ Marvel Studio ที่ในตอนนี้เน้นทำทางภาพยนตร์และซีรีส์ให้มีความเชื่อมโยงถึงกัน นอกจากนี้แล้วตอนนี้ทาง Marvel Studio นั้นยังมีภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่เตรียมรอฉายในช่วงปลายปีนี้อีก 2 เรื่องได้แก่ Eternals และ Spider-Man:No Way Home ซึ่งภาพยนตร์ที่หลายๆ คนรอคอยกันมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น Spider-Man:No Way Home อย่างแน่นอนเพราะว่าเรื่องราวยังไม่ได้ถูกเปิดเผยมาในตัวอย่างของภาพยนตร์และที่สำคัญตัวอย่างภาพยนตร์ Spider-Man:No Way Home ที่ถูกเปิดตัวมาเมื่อดูจากยอดการรับชมที่ถล่มทลายภายในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็แสดงให้เห็นแล้วว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะกลายเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องนึงที่สามารถทำเงินให้กับทาง Marvel Studio มหาศาลเลยทีเดียว

Annabelle Comes Home แอนนาเบล คัม โฮม

Annabelle Comes Home

Annabelle Comes Home กับอีกหนึ่งเรื่องราวอันแสนสยองขวัญ ในจักรวาลแอนนาเบล เรื่องราวอันลึกลับที่เต็มไปด้วยอำนาจอันดำมืดนัดสิ่งชั่วร้าย ที่ยังคงสถิตอยู่ภายในตุ๊กตา ที่มองดูอาจจะไม่มีอะไร แต่ทว่ามันจะสร้างความพรั่นพรึงไปด้วยสิ่งชั่วร้าย ที่มันควรจะต้องถูกทำลาย แต่มันถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวของมันเองได้แต่รอเวลาที่เหมาะสม ที่จะได้ออกมาแสดงพลังอำนาจที่มีอยู่เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน แอนนาเบล คัม โฮม อีกหนึ่งภาคต่อสยองขวัญ ที่ได้รับความนิยมในจักรวาลแอนนาเบล ซึ่งทุก ๆ ท่านคงรู้จักกันเป็นอย่างดีกับเจ้าตุ๊กตาผีตัวนี้ และการเชื่อมโยง กับเรื่องราวห่วงนักสืบจิตวิญญาณที่มีความสามารถในการรู้ล่วงถึงสัมผัสให้ดวงวิญญาณ และความชั่วร้าย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเรื่องนี้มันเป็นเรื่องราวที่ทุก ๆ คนในครอบครัวต่างคาดไม่ถึง เนื้อเรื่องย่อ ครอบครัวนักปราบผี เอ็ด – ลอร์เร้น สามีภรรยาที่มีชื่อเสียงโจษจันได้รับการกล่าวขวัญถึงว่า มีความสามารถในการสื่อกับจิตวิญญาณ ทั้งยังมีพลังมีความสามารถในการปราบสิ่งเร้นลับสิ่งชั่วร้ายทั่วอเมริกา ในครั้งนี้พวกเขาได้มีโอกาสครอบครองตุ๊กตาผีแอนนาเบล ซึ่งพวกเขาทั้งสองตั้งใจจะนำมันมากักขังจัดเก็บเอาไว้ในตู้กระจก ที่มีความสามารถในการตรึงรังของมันแต่เพราะว่าเรื่องราวกับมหาอำนาจพลังที่มีอยู่ในตัวของ Annabelle เล็ดลอดออกมาภายนอกบริเวณ ซึ่งเต็มไปด้วยข้าวของสิ่งชั่วร้ายที่ เอ็ด – ลอร์เร้น ทั้งสองต้องการปราบ และนำมาเก็บรักษาไว้ มันทำให้สิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ กลับมามีพลังเพิ่มเติมมากขึ้น และก็ได้เข้ารุมทำร้าย จูดี้ลูกสาวของ เอ็ดกับลอร์เร้น โดยที่พ่อแม่ของเธอไม่อยู่ จึงเป็นความพยายามที่เธอต้องใช้ความสามารถที่มีอยู่ในการปราบสิ่งชั่วร้ายที่เล็ดลอดออกมา และต้องจัดการกับตุ๊กตาแอนนาเบล ให้ได้ก่อนที่เรื่องร้ายจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น  คงเป็นที่ถูกอกถูกใจไม่น้อย สำหรับสาวกหนังสยองขวัญ หรือผู้ที่ติดตามมหากาพย์หนังผี Annabelle Comes Home แอนนาเบล คัม โฮม ภาคนี้อาจจะไม่ได้มีเงื่อนงำที่ลึกลับซับซ้อน แต่จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเอาตัวรอด และพลังของตู้ดีลูกสาวของเอส และลอเรน ซึ่งจะต้องเปล่าเจ้าวิญญาณชั่วร้ายทั้งหลาย ที่หลุดรอดออกมาภายในบ้านของเธอ เราเชื่อว่าสาวกหนังสยองขวัญ หรือผู้ที่ชื่นชอบมหากาพย์หนังผี Annabelle Comes Home ก็คงจะได้รับความบันเทิงกันไม่มากก็น้อยแต่ภาพรวมของภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจจะเป็นเพราะเรื่องราวที่มีการปูพื้นให้ผู้ชมสามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้ไม่ยากจึงสามารถคว้าคะแนน imdb ความนิยมได้เพียงแค่ 5.9 แต่ก็ยังต้องยกนิ้วให้กับการจำกัดในฝ่าย Production ที่ยังสามารถสร้างความท่านคือความน่ากลัวในรูปแบบของธีมหนังสยองขวัญให้กับทุก ๆ ฉากที่ที่ทำให้ขนพองสยองเกล้า ไปได้ในตลอดทั้งเรื่อง

The Guilty หนังใหม่ “เจค จิลเลินฮาล” ที่ถ่ายทำโดยไม่เจอผู้กำกับตลอดทั้งเรื่อง

The Guilty

The Guilty หนังใหม่ของ Netflix ที่ได้นักแสดงหนุ่ม “เจค จิลเลินฮาล” (Jake Gyllenhaal) และผู้กำกับ อองตวน ฟูกัว (Antoine Fuqua) จาก “The Equalizer” (2014) โดยเปิดกล้องถ่ายทำไปแล้วในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผ่านทางโปรแกรม Zoom และ FaceTime เกือบตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งนั่นทำให้นักแสดงกับผู้กำกับไม่เคยเจอหน้ากันเลยนับตั้งแต่ถ่ายทำ The Guilty หนังดัดแปลงจากเวอร์ชั่นต้นฉบับเมื่อปี 2018 The Guilty ภาพยนตร์แนวระทึกขวัญเรื่องใหม่ของ Netflix ฝีมือผู้กำกับ “อองตวน ฟูกัว” ที่เคยมีผลงานหนังแอคชั่นเรื่องดังอย่าง “Olympus Has Fallen” (2013), “The Equalizer” (2014) และ The Magnificent Seven (2016) และได้นักแสดงหนุ่มที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วอย่าง “เจค จิลเลินฮาล” มารับบทนำ โดยตัวหนังเปิดกล้องถ่ายทำกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เนื่องจากตัวผู้กำกับ ฟูกัว มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้เขาจำเป็นต้องกักตัวนานหลายสัปดาห์ ทำให้การถ่ายทำเกือบทั้งหมดต้องทำผ่านโปรแกรม Zoom และ FaceTime เกือบตลอดทั้งเรื่อง โดยตัวผู้กำกับ ฟูกัว จะควบคุมการถ่ายทำผ่านจอมอนิเตอร์ในรถตู้ที่จอดอยู่ข้าง ๆ กองถ่าย  ซึ่ง เจค กล่าวว่า “เราคุย FaceTime กันหลังถ่ายฉากลองเทคนาน 25 นาที เขากำกับผมอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็จำสิ่งที่เขาสั่งไว้ แล้วเราก็กลับมาถ่ายกันอีกเทค เราสองคนไม่เคยเจอหน้ากันจริง ๆ เลยตลอดการถ่ายทำ” สำหรับ The Guiltyเป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญที่ดัดแปลงจากหนังต้นฉบับของเดนมาร์กในชื่อเดียวกันเมื่อปี 2018 โดยเป็นเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ตำรวจสาย แผนก Call Center ที่ได้รับสายขอความช่วยเหลือจากเหยื่อที่กำลังถูกลักพาตัว ซึ่งเขาต้องทำทุกวิธีทางเพื่อสืบหาตำแหน่งของเหยื่อไปพร้อม ๆ กับเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที  ซึ่งภาพยนตร์หนังเรื่องนี้นอกจากจะได้ เจค จิลเลินฮาล มารับบทนำแล้ว ยังได้นักแสดงสมทบอย่าง อีธาน ฮอว์ค (Ethan Hawke), ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด (Peter Sarsgaard), ไรลีย์ คีโอ (Riley Keough) และ ไบรอน โบเวอรส์ (Byron Bowers) ส่วนตัวหนังนั้นมีกำหนดฉายบน Netflix ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้