วันพระไม่ได้มีหนเดียว คำนี้หลายคนมักจะใช้ในเรื่องของการแก้แค้นหรือเรื่องของการแก้มือต่างๆ บางครั้งหากเราโดนกระทำแล้วเราไม่ได้ตอบโต้ก็ไม่ได้แปลว่าเรานั้นไม่ได้คิดอะไร บางครั้งเราอาจแค่ต้องการวันเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสมต่อการแก้แค้นเช่นเดียวกับหนังแอคชั่นกระตุกขวัญเรื่อง Final girl หนังปี2015 ที่เปิดโอกาสให้เพื่อนๆชาวเกาะหลังได้เข้าชมได้ใน netflix สำหรับใครที่ชอบหนังแอ็คชั่นแนวลุ้นระทึกก็ไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง หากเพื่อนๆคอหนังที่รอคอยชมการแนะนำหนังเรื่องนี้ ก็สามารถไปติดตามรับชมได้พร้อมๆกันในบทความนี้เลยนะคะ “Final girl” กับแค้นที่รอวันชำระ 10ปีก็ไม่สาย เปิดเรื่องมาที่ เวโรนิก้า นางเอกสาวของเราในเรื่องนี้ เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำพร้าพ่อแม่แต่ก็ถูกชายใจดีที่มีชื่อว่า William ซึ่งเป็นชายที่ต้องพบกับความสูญเสียเพราะเขาต้องสูญเสียลูกสาวและภรรยาสุดที่รักของเขาไปต่อหน้าต่อตาให้กับกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่ง ได้รับการอุปถัมภ์เพื่อที่จะนำเวโรนีก้ามาเลี้ยงเป็นลูกสาว วันเวลาผ่านไป William ก็ได้ดูแลเอาใจใส่เวโรนิก้าเป็นอย่างนี้ อีกทั้งนี้วิลเลี่ยมก็ได้คอยฝึกฝนทักษะต่างๆให้กับเวโรนีก้าไม่ว่าจะเป็นการกินยาเพื่อเห็นภาพ การเดินโดยไม่ใส่รองเท้า และการต่อสู้เพื่อป้องกัน เพื่อที่จะนำไปแก้แค้นให้กับลูกสาวและภรรยาของเขา William ไม่เคยลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเขานั้นคอยหาโอกาสและวันเวลาที่เหมาะสมเพื่อที่จะแก้แค้นชาย 4 คน ที่ฆ่าลูกสาวของเขาและภรรยา โดยทางเดียวที่จะใกล้ชิดเหยื่อได้ คือต้องเข้าไปตีสนิทและมีสเปคตามที่พวกชาย 4 คนนั้นชอบ นั่นก็คือสาวสวยผมสีบรอนซ์นั่นเอง และเธอก็ทำสำเร็จ ความสวยของเวโรนิก้าเข้าตาและชายคนหนึ่งในสี่คน พวกมันสนใจเธอและพาเธอไปงานปาร์ตี้ มาดูกันว่าชาย 4 คนนี้ จะได้วิ่งไล่ฆ่าเวโรนีก้า เหมือนกับที่ทำกับสาวๆคนอื่นและลูกสาวของ William หรือไม่ และเวโรนิก้าเธอจะแก้แค้นให้วิลเลียมได้สำเร็จ และคุ้มค่ากับที่เลือกรอคอยมานานกว่า 10 ปีไหม เหตุการณ์ต่างลุ้นระทึกไปภายในป่า ถ้าหากเพื่อนๆคนไหนชอบหนังแบบนี้สามารถติดตามชมได้ในหนังเรื่อง Final girl หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น The Babysisters (พี่เลี้ยงแสนร้อน) พี่เลี้ยงเด็กสุดฮอตที่ไม่ได้เป็นแค่พี่เลี้ยง ได้อีกที่ filmograd.net
หากกล่าวถถึงคำว่า “สงคราม” พวกเราหลายคนจะนึกถึงอะไรเป็นอย่างแรก ความรุนแรง การฆ่าฟันกันเองของมนุษย์ การสูญเสีย ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ แต่ไม่ว่าจะนึกถึงอะไรก็ขอให้รู้เอาไว้ว่า สงครามไม่เคยสร้างสรรค์แต่มันเป็นเหมือนกับระเบิดที่คอยล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้สลายหายไปจนหมดสิ้น ความจริงแล้วพวกเราไม่ควรจะทำสงครามแต่ควรหาทางเจรจาต่อรองกันอย่างสันติ แต่แน่นอนว่าความคิดของคนเราไม่ได้ตรงกันตลอด มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะทำให้ทุกคนคิดทำสงครามกัน เรื่องราวของหนัง “The Outpost” นี้เลือกที่จะเปิดหัวมาว่า “สร้างจากเรื่องจริง” ถือเป็นคำเรียกกระแสได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เรื่องราวความสยดสยองของโศกนาฏกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเหล่าทหารอเมริกาที่กำลังตกเป็นรองพวกกลุ่มก่อการร้ายตาลีบัน ซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้เป็นรองแค่เรื่องความเจนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเป็นรองเรื่องจำนวนคนอีกด้วยเพราะครั้งนี้ เหล่าทหารกล้าของสหรัฐ 54 นายต้องเผชิญกับเหล่าตาลีบันอุซเบกิซสถานถึง 400 กว่าคน อีกทั้งพื้นที่นี้ยังไม่เอื้อให้หลบหนี้ออกไปได้อีกด้วย ลักษณะการเป็นแอ่งกระทะที่รายล้อมด้วยภูเขาสูงทำให้เหล่าทหารไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการทำสงคราม คว้าชัยชนะที่ช่างดูริบหรี่เหลือเกิน และออกไปจากที่นี่ให้ได้! ส่วนตัวคิดว่าช่วงแรกของหนังเน้นหนักไปเรื่องรายละเอียดของเรื่องราวมาก รู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยให้อารมรณ์เหมือนดูสารคดีสงคราม แต่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้สร้างตั้งใจเพราะต้องการปูเรื่องราวให้เรามองภาพรวมทั้งหมดได้ และไม่งง พอช่วงหลังหนังเน้นความระห่ำทันที มีเท่าไรเขาใส่แบบไม่ยั้ง CG Visual Effect มีเท่าไรใส่มาหมด ให้ความอลังและเป็นช่วงที่บอกเลยว่ามันส์มาก ไม่มีสะดุดให้เคืองอารมณ์ ใครสายเสพหนังสงคราม ความดราม่าต่างๆตีโจทย์แตกละเอียด น้ำตานองกันไปตามกัน ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังเรื่อง “The Outpost” ประเภท : สงคราม แอคชั่น ผู้กำกับ : ร็อด ลูรี่ นักแสดงนำ : สก็อตต์ อีสต์วู้ด,ออร์แลนโด บลูม,ไมโล กิบสัน,เคเล็บ โจนส์ ความยาว : 2 ชั่วโมง 5 นาที กำหนดฉาย : 5 พฤศจิกายน 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น แนะนำหนังเก่าน่าดูในเน็ตฟิกอย่าง “โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet) ได้อีกที่ filmograd.net