แม้ว่า หนังระทึกขวัญ จะมีข้อดีหลายอย่าง ตั้งแต่การกระตุ้นจินตนาการของผู้รับชม ช่วยผ่อนคลายความเครียดให้ได้หลังจากรับชมจบเรื่องแล้ว กระทั่งทำให้เกิดบทสนทนาแปลกใหม่ในกลุ่มเพื่อนที่ชื่นชอบหนังแนวเดียกวัน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะรับชมหนังสไตล์นี้ได้ เว็บรีวีวหนัง ยังมีคนบางกลุ่มที่ควรจะหลีกเลี่ยงเลย เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียกับตัวเองทั้งแบบฉันพลันและระยะยาว แต่จะมีใครบ้างนั้น เดี๋ยวเราไปดูพร้อมกันเลย คนที่วิตกจริตมากกว่าปกติไม่ควรดู หนังระทึกขวัญ จะบอกว่าความวิตกจริตนี้ไม่จำเป็นต้องเจ็บป่วยทางจิต หรือมีอาการที่รุนแรงมากนัก แค่เป็นคนคิดมากและย้ำคิดเป็นเวลานานก็ไม่ควรดูหนังระทึกขวัญแล้ว เพราะเนื้อเรื่องของหนังแนวนี้จะเล่นกับความรู้สึก และจี้ปมปัญหาที่คนส่วนใหญ่จะสัมผัสได้ง่าย คนที่วิตกกังวลมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจรู้สึกเครียดมากขึ้น ทั้งยังมีโอกาสสูงที่จะเชื่อมโยงกับชีวิตจริงด้วย คนที่เป็นโรคซึมเศร้าควรเลือกประเภทหนังระทึกขวัญ อันที่จริงก็ขึ้นกับระดับความซึมเศร้าของแต่ละคนด้วย ยิ่งมีอาการหนักมากก็ยิ่งต้องหลีกเลี่ยงหนังระทึกขวัญ แต่ถ้าน้อยกว่านั้นก็สามารถเลือกบางประเภทของหนังมาดูได้ สิ่งที่ต้องระวังมีเพียงแค่ปมในหนัง ไม่ควรจะเป็นเรื่องที่อาจทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจ เช่น ถ้าเราเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ดีอยู่แล้ว ก็ต้องงดหนังระทึกที่เกี่ยวกับครอบครัว เป็นต้น คนที่มีอารมณ์รุนแรงทุกชนิดต้องงดดูหนังระทึกขวัญ เรื่องนี้อาจฟังดูเหลือเชื่อไปสักหน่อยในความคิดใครหลายๆ คน แต่มันมีความเป็นไปได้ที่เนื้อหาในหนังระทึกขวัญจะเปลี่ยนไปเป็นข้อมูลที่เจ้าตัวเก็บไว้ในสมอง เมื่อวันที่เกิดมีปัญหาจนอารมณ์ร้อนและขาดสติ ก็อาจใช้วิธีการแบบในหนังที่พอทำได้มาลองใช้ อย่างที่เราได้เห็นบางคนมีพฤติกรรมรุนแรงกับคนใกล้ตัว กับสิ่งของที่อยู่ใกล้มือ หรือกระทั่งการทำร้ายตัวเองในรูปแบบต่างๆ ยิ่งกว่านั้นถ้าคนอารมณ์ร้อนเป็นเด็กก็ยิ่งอันตราย
เปิดพล็อตหนังสัญชาติสเปนเรื่อง “The Paramedic” นี้ทำให้อดคิดถึงหนังแนวระทึกขวัญอื่น ๆ ที่ตัวเอกนั้นพิการหรือว่าสูญเสียสมรรถนภาพบางอย่างของร่างกายไปและต้องต่อสู้กับคนปกติ แต่หนังเรื่องนี้จะเปลี่ยนความคิดของคุณไป ตัวหนังได้เล่าเรื่องราวชีวิตรักของคู่แฟนที่คบกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยฝ่ายชายนั้นทำงานเป็นอาสากู้ภัยแต่ดันพลาดท่าประสบอุบัติเหตุเข้าจนเขาไม่สามารถเดินได้ ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างระหองระแหงของทั้งคู่ ทำให้มักมีการทะเลาะวิวาท มีปากเสียงกันตลอดเวลา อีกทั้งตัวฝ่ายชายก็มักจะเลือกถ้อยคำที่เสียดแทงจิตใจของแฟนสาวได้มากที่สุดออกมาอยู่ตลอด ทำให้จนถึงวันที่ความอดทนของนางเอกนั้นหมดลงจึงได้บอกเลิกเขา แต่ทว่าเรื่องราวมันยังไม่จบเมื่อฝ่ายชายไม่ยอมรับความต้องการของเธอ เขาทำการกักขังเธอเอาไว้ ซ่อนตัวเธอจากทุกคน เสมือนกับว่าต่อแต่นี้ไปร่างกายของเธอต้องอยู่กับเขา ต้องเป็นของเขาคนเดียว รีวิวหนังเรื่อง “The Paramedic” ประเภท : ระทึกขวัญ ผู้กำกับ : การ์เลส ดอร์รัส นักแสดงนำ : มาริโอ กาซัส, เดบาร่าห์ ฟรังซัว, กิลเลอร์โม เปเฟนิง, มาเรีย โซโต ความยาว : 1 ชั่วโมง 33 นาที กำหนดฉาย : 16 กันยายน 2563 ความคิดเห็นส่วนตัวเมื่อรับชมหนังเรื่องนี้พบว่า เว็บรีวิวหนัง ความจริงแล้วพล็อตของหนังนั้นมีความน่าสนใจ อีกทั้งยังมีจุดที่ทำให้หนังดูว้าวได้มากกว่านี้มาก “Below Zero” (จุดเยือกเดือด) หนังระทึกขวัญดูมันจากสเปน การพลิกปมเรื่องให้มีความสลับซับซ้อนความจริงแล้วสามารถทำได้และสามารถตีความออกไปได้อย่างหลากหลายมาก ๆ ทีเดียว แต่เรื่องนี้บทต่าง ๆ ค่อนข้างลอย ไม่แน่น ไม่มีการปูพื้นของตัวละครต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกันเลย ขาดมิติทั้งในแง่ของตัวละครและเนื้อเรื่องพอสมควร tsover นั่นจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ค่อยน่าติดตาม อีกทั้งการเล่าเรื่องที่ไม่กระชับค่อนข้างยืดเยื้อในช่วงแรกผนวกกับการที่หนังขาดความสมเหตุสมผลไปเสียหมด ทำให้เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับพล็อตหนังเรื่องนี้ที่ทำออกมายังไม่ดีเท่าที่ใครหลายคนได้คาดหวังเอาไว้
“ No Escape (2020) ” เป็นหนังสยอง ระทึกขวัญ ที่เล่นกับประเด็นกาเอารตัวรอดในห้องปิดตาย โดยผสมผสานแนวคิด หรือกลิ่นอายของหนังในอดีตหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Hostel , Saw หรือEscape Room เป็นต้น ซึ่งต่างทำได้ดีในการวางจังหวะความน่าตื่นเต้น การลุ้นระทึก และความสยองเลือดสาด ที่จัดเต็ม ซึ่งใน “NoEscape (2020)” ก็จัดเต็มมาได้ค่อนข้างดี แต่ ! กลับเป็นความซ้ำซากในการดำเนินเรื่อง โดยสามารถเดาบทสรุปได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก เนื้อหาในหนังเรื่อง “ No Escape (2020) ” เนื้อหาหลัก ใน “NoEscape(2020)” กล่าวถึง “โคล” ชายหนุ่มผู้โด่งดังในสังคมโซเชียล ที่ถ่ายทำรายการ ในคอนเซ็ปต์การล่า และค้นหาสถานที่ระทึกขวัญต่าง ๆ ในรูปแบบ vlog เขาและเพื่อน ได้รับเชิญไปยังมอสโกประเทศรัสเซีย เพื่อไปพิสูจน์สถานที่ปิดตายอันน่ากลัว ที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม ไปตลอดชีวิต การดำเนินเรื่องของ“NoEscape(2020)”ในช่วงแรก และการปูตัวละครต่าง ๆ นั้น ทำได้เชื่องช้าและน่าเบื่อ อาจเป็นเพราะต้องการยืดเพื่อจัดเต็มในช่วงหลัง ที่โชว์ความสยอง ตื่นเต้น ได้พอสมควร แต่สำหรับคอหนังสยองขวัญที่ผ่านการรับชมหนังประเภทดังกล่าวอย่างโชกโชน เชื่อได้ว่าอาจรู้สึกเฉย ๆ กับเรื่องนี้ เพราะบางฉากเสมือนยืมแนวคิด และทิศทางของการดำเนินเรื่องจากภาพยนตร์สยองขวัญ ระทึกขวัญอื่น ๆ มากเกินไป และบางจุดอาจรู้สึกจับพิรุธ กับพฤติกรรมบางอย่างของตัวละคร ท่ามกลางเหตุการณ์น่ายดสยอง ที่เหมือนจงใจไปสู่บทสรุปที่เดาได้ไม่ยาก แม้จะพยายามแทรกแง่คิดหรือนัยยะใด ๆ ก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการเล่นกับปมตัวละครที่มีพฤติกรรมเหล่านั้นอยู่แล้ว “NoEscape(2020)” จึงเป็นทางเลือกสำหรับ สายผู้ชมที่ดูหนังทั่วไป ที่ไม่ค่อยได้รับชมแนวระทึกขวัญหรือสยองขวัญมากเท่าไหร่ ที่อาจจะปล่อยสมองโล่ง ๆ ให้ลุ้นระทึกกับตัวหนังที่ได้นำเสนอมา ทั้งความเสียวสันหลัง วินาทีกับดักที่กำลังเคลื่อนตัวทำร้ายตัวละคร หรือการบิ้วอารมณ์ที่โหวกเหวกโวยวาย นำไปสู่บทสรุปอันน่าตกใจ ที่อาจได้คะแนนในส่วนนั้นมากขึ้น เพียงแต่การเลือกบทสรุปของหนังนั้น เป็นความเซอร์ไพรส์ที่ซ้ำซาก และขาดความสดใหม่เท่านั้นเอง อัตราความสะเด่า เนื้อหา 2.5/5 ระทึกใจ 3/5 บทสรุป 2.5/5 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม หนังแอนตี้ฮีโร่จากค่าย Netflix อย่าง “The Old Guard” ผลงานจากผู้สร้าง G.I.JO ได้อีกที่ filmograd.net หลังจากที่ลุ้นระทึกกับหนังไปกันอย่างเต็มอิ่มแล้วนั้น เรามาผ่อนคลายสมองไปกับการเล่นเกม ufa6666 ทางเข้า กันเลยดีกว่า เกมที่ได้รับการการันตีว่าสนุกสุดเหวี่ยงไปเลย
Creepshow เป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ แฟนตาซี ที่ดีอีกหนึ่งเรื่อง ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อเรื่องที่แปลเป็นไทยว่า โชว์มรณะ ซึ่งเรื่องราวเกิดขึ้นในเรื่องของปีศาจที่เข้าไปอยู่ในตัวมนุษย์อน่างที่ไม่มีใครทราบสาเหตุ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นถูกฉายมาสู่สายตาแฟนๆ ในปี 1982 และหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ สยองขวัญแล้วละก็ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับภาพยนตร์เรื่องcreepshowนี้กันครับ ความรู้จักกับภาพยนตร์เรื่อง creepshow กัน ซึ่งภาพยนเรื่อง creepshow ดำเนินเรื่องโดย ความผิดปกติของมนุษย์ที่เกิดขึ้นบนโลก ซึ่งความผิดพลาดดังกล่าวนั้นเริ่มขึ้นที่ มีการค้นพบความแปลกประหลาดในร่างชายคนหนึ่ง ซึ่งในตัวเขาถูกพบตัวแมลงสาบอยู่ภายในตัว ซึ่งแมลงสาบที่เข้าไปอยู่ในร่างกายของชายคนนั้น ถูกเรียกว่า ปีศาจ ซึ่งพวกมันได้เข้าไปอาศัยแบะกัดกินอวัยวะของมนุษย์ เป็นเสมือนโรคร้ายที่แพร่ระบาดบทโลก ซึ่งมีหลายองค์กรเข้ามาแก้ไขและหาคำตอบของเรื่องนี้ ว่าเพราะอะไรแมลงสาบเหล่านั้น ถึงได้เข้าไปอยู่อาศัยในร่างกายมนุษย์ และนี่ก็คือเรื่องราวแบบคล่าวๆ ของภาพยนตร์เรื่อง creepshow นี้ครับ แค่อย่างไรก็ตามเรานั้นอยากให้คุณได้ลองสัมผัสกับความสนุกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวของคุณเอง ทางเราได้มีการรีวิวเพื่อบอกเล่าในความสนุกของภาพยนตร์เพียงแค่โครงเรื่อง โดยเฉพาะแฟนๆ ที่ชอบในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ แฟนตาซี และเราก็ขอยอกเอาไว้อีกหนึ่งอย่างนั้นก็คือ หากคุณเป็นแฟนๆแนวระทึกขวัญ สยองขวัญ แฟนตาซีเรื่องนี้ และหากคุณไม่ติดตามหรือไม่รับชม ถือว่าคุณนั้นพลาดสิ่งดีๆ แบบนี้โดยศูนย์เปล่าครับ โดยเนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้ชมจะได้รับทั้งความสนุก และได้เรียนรู้ในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ได้เป็รอย่างดี เพราะหากภาพยนตร์ไม่สนุกจริง เรานั้นไม่กล้านำมารีวิวอย่างแน่นอน เพราะเรานั้นห่วงใยคุณ และเราแคร์ในเรื่องของความสนุกเพื่อเป็นประโยชน์ของผู้ที่ชื่นชอบในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ สยองขวัญ และท้ายที่สุดนี้เราก็ขอฝากความสนุกของภาพเรื่อง creepshow เอาไว้ในอ้อมกอดคุณด้วย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่นรีวิวหนังแอคชั่น “The Outpost” ชัยภูมิมรณะ เพราะสงครามไม่ใช่เรื่องที่สมควรมี! ได้อีกที่ filmograd.net