รีวิวภาพยนตร์ Tag เล่นเกมตลอด 30 ปีกับแรงบันดาลใจที่มาจากเรื่องจริง

Tag

ในวัยเด็กคุณเคยมีเพื่อนที่เล่นด้วยกันมากถึงกี่คน? และในปัจจุบันเพื่อนในวัยเด็กของคุณยังเป็นเพื่อนคุณอยู่หรือเปล่า? หรือกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า ภาพยนตร์เรื่อง Tag จะทำให้คุณหวนคำนึงถึงเพื่อนวัยเด็กที่เล่นด้วยกันมาอย่างสนุกสนาน และในปัจจุบันพวกเขายังเล่นเกมแปะโป้งด้วยกันมามากกว่า 30 ปี ภาพยนตร์เรื่อง Tag เป็นหนังแนวคอมเมดี้ ที่นอกจากหนังจะนำเสนอเรื่องราวความตลกสุดแสบของแก๊งเพื่อนชายทั้ง 5 คนแล้วนั้น หนังยังได้แฝงข้อคิดดี ๆ ที่คุณคาดไม่ถึง หรือคุณอาจลืมที่จะนึกถึงมันไว้ได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งหนังเรื่อง Tag ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของกลุ่มชายวัย 30 กว่า ที่พวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นเพื่อนเล่นด้วยกันในสมัยเด็ก และเกมยอดฮิตของเด็ก ๆ ในยุคที่ยังไม่มีสมาร์โฟนนั้นคงหนีไม่พ้นการเล่น แปะโป้ง เป็นแน่ โดยที่ในปัจจุบันพวกเขานั้นเติบโตและมีหน้าที่การงานที่มั่นคง แต่ในทุก ๆ เดือนพฤษภาคม พวกเขาได้นัดกันเล่นแปะโป้งในรูปแบบที่โตขึ้น มีลีลามากขึ้น และมีกลยุทธ์ที่แพรวพราวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ถึงแม้ว่าหนังเรื่อง Tag จะเป็นภาพยนตร์ตลกที่มอบเสียงหัวเราะ และคลายเครียดได้อย่างดีเยี่ยม แต่แท้จริงแล้วถ้าผู้ชมได้รับชมหนังเรื่องนี้จบแล้วนั้น คุณจะทราบได้ถึงข้อคิด หรือการสะท้อนเรื่องราวการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วไปได้อย่างดีเยี่ยม จากตัวหนังจะเห็นได้ว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจนโตจนมีหน้าที่การงาน หรือมีเรื่องราวให้คอยคิด และแก้ปัญหาในการใช้ชีวิตอยู่ตลอดนั้น พวกเขาก็ยังไม่ลืมถึงความสุขในวัยเด็ก ที่พวกเขาสามารถหาได้ง่าย ๆ จากการละเล่นในวัยเด็กของกลุ่มเพื่อนที่เข้าใจกัน และจริงใจต่อกันนั่นเอง และตัวหนังยังสะท้อนทำให้เราย้อนกลับมาคิดว่า เพราะอะไรผู้คนส่วนใหญ่ถึงละทิ้งความสุขที่สามารถหาได้ง่าย ๆ เหมือนอย่างการเล่นกับกลุ่มเพื่อนในวัยเด็ก ซึ่งนั้นอาจเป็นเพราะเมื่อเราโตมา เรามีหน้าที่การงานที่แสนจะเคร่งเครียด หรือเราหมกมุ่นกับการใช้ชีวิตที่สุดแสนจะกดดันมากเกิดไป จนทำให้เรานั้นลืมที่จะนึกถึงการมีความสุขง่าย ๆ จากการเล่นกับเพื่อนในวัยเด็กนั่นเอง โดยเราสามารถนำแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Tag ที่สร้างจากชีวิตจริงของแก๊งเพื่อนชายนี้ไปปรับใช้ในชีวิตได้เช่นกันอีกด้วย ติดตามการรีวิวหนังและเราขอแนะนำหนัง Into the wild เรื่องหดหู่ที่สร้างแรงบันดาลใจ

รีวิวหนังสะท้อนสังคม The Belko Experiment หนังไล่ฆ่าที่แฝงข้อคิดดี ๆ

The Belko Experiment

สำหรับภาพยนตร์สะท้อนสังคมแบบเลือดสาด หรือหนังไล่ฆ่าที่เรา ๆ เคยรับชมกันมานั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการนำเสนอเนื้อหาที่เน้นเรื่องความตื่นเต้น ความกดดัน และความลุ้นระทึก ที่จะทำให้ผู้ชมนั้นรู้สึกเอาใจช่วยเหล่าตัวละครในเรื่องเพียงเท่านั้น แต่นั้นยังไม่ทั้งหมดของหนังเรื่อง The Belko Experiment ที่นอกจากเป็นหนังแนวไล่ฆ่า ระทึกขวัญแล้วนั้น ตัวหนังยังได้แฝงข้อคิดที่สะท้อนการใช้ชีวิตของสังคมได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย หนังสะท้อนสังคม The Belko Experiment เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวของ ไมค์ พนักงานชาวอเมริกาที่มาทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่งในโคลัมเบีย โดยที่บริษัทแห่งนี้จะรับพนักงานแค่คนอเมริกาเท่านั้น และในเช้าวันหนึ่งไมค์ได้มาทำงานปกติ แต่จู่ ๆ ก็มีประกาศจากทางบริษัทได้กล่าวว่า พนักงานทั้งหมดในบริษัทต้องทำการไล่ฆ่าเพื่อนร่วมงานทั้งหมด จนตนเองนั้นสามารถเหลือดรอดเป็นคนสุดท้ายได้ ถึงจะถูกปล่อยตัวออกไป และทางเข้าออกของบริษัทก็ได้ถูกปิดกั้นด้วยเหล็กหนาที่พวกเขาไม่สามารถหาทางออกได้ นอกจากการไล่ฆ่ากันเองเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นพล็อตเรื่องของหนังไล่ฆ่าโดยสมบูรณ์แบบ แต่หลังจากที่รับชมหนังสะท้อนสังคมเรื่อง The Belko Experiment จบแล้วนั้น คุณจะได้รับข้อคิดอย่างทันทีว่า แท้จริงแล้วหนังเรื่องนี้กำลังสะท้อนสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างการเป็นพนักงานในบริษัท ที่ตัวหนังนั้นจะนำเสนอให้เห็นถึง พนักงานบางคนที่ทำงานมานานจะคอยกดขี่พนักงานใหม่อยู่เสมอ หรืออย่างการให้ไล่ฆ่ากันเองที่สะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของเหล่าพนักงานบริษัทที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเป็นที่หนึ่ง แม้เขาจะต้องฆ่าเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันก็ตาม ติดตามการรีวิวหนังมาใหม่และเราขอแนะนำหนัง The help หนังเสียดสีสังคม การเหยียดผิวที่แสนตลกร้าย

แนะนำหนัง The help หนังเสียดสีสังคม การเหยียดผิวที่แสนตลกร้าย

The help

ถ้ากล่าวถึงเรื่องราวการถูกเหยียดผิวของคนชาวผิวสีที่ผ่านมานั้น ต้องบอกเลยว่าไม่สามารถเรียบเรียงเหตุการณ์ได้หมดภายในบทความนี้เป็นแน่ เพราะเรื่องราวของการเหยียดผิว หรือเยียดชนชาตินั้นมีมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ และยิ่งในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเราจะก้าวเข้าสู่ยุค 2020 แล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์สุดสะเทือนใจที่เกิดขึ้นเพราะการเหยียดผิวนั้นก็ยังคงให้มีเห็นได้อย่างไม่ขาดสาย จนต้องสร้าง The help หนังเสียดสีสังคมขึ้นมา สำหรับบทความนี้เราจึงขอนำเสนอภาพยนตร์ที่นอกจากสะท้อนสังคมและเป็นหนังเสียดสีสังคมของเรื่องราวการเหยียดผิวได้ดีแล้วนั้น ยังแฝงข้อคิดในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของประชากรโลกได้เป็นอย่างดี พร้อมการนำเสนอเนื้อหาของหนังที่แสนตลกร้าย ทำเอาผู้ชมนั่นเอนจอยกับหนังได้อย่างไม่กดดันอีกด้วย กับภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า The help เป็นหนังที่ถูกฉายในปี 2011 โดยหนังเรื่องนี้ได้สร้างมาจากหนังสือขายดีตลอดกาลอย่าง The help ซึ่งมีชื่อเดียวกับหนังเรื่องนี้นั่นเอง โดยที่หนังเสียดสีสังคม เรื่อง The help นั้นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1960 ถือว่าเป็นยุคที่ชาวผิวสีส่วนใหญ่นั้นยังเป็นได้แค่ทาส หรือคนรับใช้ของชาวผิวขาวเท่านั้น โดยตัวเอกคือสาวผิวขาวหัวสมัยใหม่ เธอเป็นนักเขียนคอลัมน์หนังสือ ที่เดินทางกลับมาบ้านเกิดในเมืองแห่งหนึ่ง และเธอก็ได้สนใจเขียนเรื่องราวของชาวผิวสี เพื่อที่จะสะท้อนสังคมให้ทุกคนได้ทราบ ถึงชีวิตที่ถูกกดขี้ ข่มเหง และโดนเยียบย่ำมาโดยตลอดของชาวผิวสีทุกคน โดยที่เธอต้องคอยรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ในการตีพิมพ์เรื่องราวที่ชาวผิวขาวเกือบทั้งประเทศไม่ยอมรับอีกด้วย ภาพยนตร์เรื่อง The help นอกจากที่ตัวหนังเสียดสีสังคมจะสื่อเรื่องราวการถูกเหยียดผิวที่สุดจะสะเทือนใจแล้วนั้น ตัวหนังยังสามารถบอกเล่าเรื่องราวให้ออกมาในแนวเชิงเสียดสี และตลกร้ายได้อย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าทำเอาคนดูสะใจไปตาม ๆ กัน แต่นั่นคงไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของหนังรางวัลออสการ์เรื่องนี้ เพราะเมื่อคุณได้รับชมหนังเรื่องนี้จบแล้วล่ะก็ ความคิดของคุณจะกลายเป็นคนได้อย่างแน่นอน ด้วยรูปแบบของหนังที่นอกจากจะสะท้อนสังคมให้เห็นในทุกแง่มุมแล้ว ข้อคิดต่าง ๆ ในหนังยังทำให้เรากลายเป็นบุคคลที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น หรืออย่างการเอาใจเขามาใส่ใจเราได้อย่างที่จริงอีกด้วย ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการรีวิวหนังสุดโรแมนติก 365 DNI กับกระแสที่มาแรงที่สุดในตอนนี้

ภาพยนตร์ Rambo 4 นักรบพันธุ์เดือด มาพร้อมสุดยอดนักรบอย่าง “จอห์น แรมโบ้”

จอห์น แรมโบ้

เรื่องราวภาคต่อของสุดยอดนักรบอย่าง “จอห์น แรมโบ้” อดีตนักรบที่เคยถูกส่งไปทำภารกิจเดนตายในสงครามเวียดนาม จอร์นกำลังใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบในชนบททางภาคเหนือของไทย ใกล้กับพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ คือระหว่างชายแดน ไทย ลาว พม่า ซึ่งจอร์นมาอาศัยอยู่ที่นี่หลังจากที่สงครามเวียดนามสิ้นสุดลง แต่ทว่าความทรงจำของเพื่อนนักรบที่เคยร่วมสู้ด้วยกันมา ยังไม่จางหายไปในความทรงจำของเขาเลย โดยเขาอาศัยอยู่ท่ามกลางพื้นที่ความขัดแย่งของรัฐพม่าและเผ่ากระเหรี่ยง แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีความอันตรายแต่เขารู้ดีว่านี่คือที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขา เพราะไม่ต้องคอยตอบคำถามของกองทัพและหลีกเลี่ยงความวุ่นวายต่างๆที่รัฐบาลต้องการจะใช้เขา แต่ในที่สุดการมาของกลุ่มมิชชันนารี่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เหล่ามิชชันนารีที่เขามาทำการรักษาคนในหมู่บ้านด้วยใจอาสาแต่ตัวยาที่พวกเขานำมานั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนป่วย การร้องขอยารักษาก็เป็นไปได้ยากลำบาก ทางเดียวที่พวกเขาจะได้ยารักษามาก็คือต้องเดินทางข้ามพรมแดนไปยังค่ายของกองทัพสหรัฐที่ใกล้ที่สุดทางตอนเหนือ และพวกเขาต้องการคนที่จะนำทางล่องแม่น้ำไปยังค่ายอพยพเพื่อนำยากลับมารักษาชาวบ้าน ชาวบ้านจึงได้ขอร้องให้แรมโบ้ช่วยพากลุ่มอาสากลุ่มนี้ขึ้นไปยังพื้นที่เป้าหมายและพากลับมา แต่”จอห์น แรมโบ้“ได้ปฏิเสธไปเพราะไม่อยากที่จะใช้ชีวิตอย่างวุ่นวายดั่งตอนที่เคยเป็นนักรบอีกแล้ว เมื่อเหล่ามิชชันนารีถูกปฏิเสธแต่นั่นก็ไม่อาจหยุดใจปารถนาได้พวกเขาจึงตัดสินใจออกเดินทางด้วยตัวเอง ระหว่างเดินทางได้ถูกขัดขวางและจับกุมโดยกองทัพพม่า พวกเขาจึงต้องการจอห์นเพื่อมาช่วยพวกเขาแต่”จอห์น แรมโบ้“กลับปฏิเสธพวกเขาอีกครั้ง ในสองสัปดาห์ต่อมาได้รับข่าวว่ากลุ่มมิชชันนารี่ยังไม่ได้รับการพาตัวกลับมา ชาวบ้านจึงรวมตัวขอร้องให้จอห์นช่วยอีกครั้ง โดยรวบรวมเงินกันทั้งหมดที่มีเพื่อหาทหารรับจ้างและให้จอห์นเป็นผู้นำทาง “จอห์น แรมโบ้“จึงเอ่ยปากรับคำและทำทุกวิธีทางเพื่อพาคนเหล่านั้นกลับมากับนักรบรับจ้างที่มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังแนวคาวบอยได้ที่นี่

หนังแนวคาวบอย The Magnificent Seven 7 สิงห์แดนเสือ

7 สิงห์แดนเสือ

พูดถึงหนังคาวบอยกันบ้างนะครับ 7 สิงห์แดนเสือ เรื่องนี้จะเป็นหนังคาวบอยแบบว่า ชาวเมืองโดนเจ้าพ่อรังแก ต้องการจะซื้อที่ดินของชาวเมืองในราคาที่ถูกแสนถูก จนชาวเมืองบางคนต้องออกตามหา หรือว่าจ้างคนมีฝีมือเพื่อขจัดปัดเป่าผู้มีอิทธิพลให้สิ้นซาก กว่าจะทำได้เล่นเอาเหล่าผู้มีฝีมือทั้ง 7 คนล้มตายลงไปจนเหลือรอดไม่กี่คน หนังเรื่องนี้เป็นหนังรีเมคนะ ภาคก่อนหรือสร้างคราวก่อน ผมไม่เคยดู แต่ภาคก่อนหรือครั้งก่อนสร้างไว้นานแล้วกี่ปีผมก็ไม่ทราบได้ แต่ภาคนี้ถึงจะไม่มีดาราดังแสดงอย่างคับครั่ง แต่เนื้อหาของหนังเนื้อเรื่องของหนังก็จัดวามันส์ใช้ได้ ปูเนื้อเรื่องได้ราบรื่นได้เนียนตามาก ฉากที่ใช้ก็สมจริง 7 สิงห์แดนเสือ เรื่องมีอยู่ว่า ณ เมือง ๆ หนึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ มีเจ้าพ่อชื่อ บาโท โป๊บ และลูกน้องได้เข้าไปยังเมืองและบังคับให้ชาวเมืองขายที่ดินที่ตัวเองครอบครองให้แก่เขา ในราคาที่ถูกแสนถูก และยังฆ่าและทำร้ายชาวเมืองไปหลายคน และบอกว่าอีก 7 วันจะกลับมาเอาคำตอบ หญิงสาวที่เสียสามีไปตอนที่โป๊บบุกเข้ามา ได้ออกจากเมืองไปกับชายอีกคน เพื่อไปตามหาและจ้างชายผู้มีฝีมือมาปราบหรือขับไล่โป๊บและลูกน้องให้ออกจากเมืองของตัวเองไปซะ จนไปเจอพันอากาศเอก แซม ชิซ่อม นักล่าฆ่าหัว และคนอื่น ๆ อีก 6 คน เธอได้พาพวกของแซม กลับเข้าเมือง แซมและพวก ๆ ได้กลับเข้าเมืองและเจอกับลูกน้องของโป๊บซึ่งเป็นมือปืนรับจ้างยืนตอนรับอยู่ และสู้กันจนมือปืนรับจ้างตายเกือบหมด มีเหลือรอดไปได้แค่คนเดียว กับนายอำเภอที่หนีหลบซ่อน และแซมได้ฝากสาส์นไปถึงเจ้าพ่อ โป๊บว่า ถ้าอยากได้เมืองคืน ให้กลับมาเอาเอง นายอำเภอได้ไปบอกโป๊บว่า แซม ชิซ่อมและพรรคพวกได้บุกมายึดเมือง โป๊บสั่งระดมลูกน้องและเตรียมเดินทางไปที่เมืองอีกครั้งภายใน 7 วัน หลังจากแซมไล่ลูกน้องของโป๊บไปได้ ก็เลยเกณฑ์ชาวบ้านมาฝึกซ้อม เพราะรู้ว่าเหลือเวลาอีก 7 วันที่โป๊บจะกลับมาที่เมือง ภายใน 7 วันต้องวางแผนและฝึกชาวบ้านให้ยิงปืนเป็นให้ได้ พอครบกำหนด 7 วันที่โป๊บจะมา แซมได้ทำตามแผน โดยให้พวกของโป๊บบุกเข้ามาจากด้านหน้าและพวกของแซมและชาวเมืองจะล้อมยิงเอา จนพวกของแซมไปหลายคน และลูกน้องของโป๊บก็ตายไปหลายคน จนโป๊บต้องเอาปืนกลออกมายิง และโดนพวกของแซมเอาระเบิดปาใส่ปืนกล จนเหลือโป๊บและแซมที่ต้องตัดสินกันในโป๊บ จนโป๊บโดนแซมฆ่าตายในโบสถ์ในที่สุด ชอบแบบชาวเมืองถูกข่มเหงรังแก จนต้องออกตามหาผู้มีฝืมือ เพื่อกลับมาปราบปราบ กลิ่นอายคาวบอยมาแรงมาก ทิวทัศน์สมจริง มีขี่ม้ายิงปืน พระเอกไมหล่อนะ แต่แสดงได้ดีมาก ชอบบทเนื้อหาของเรื่องเป็นอย่างมาก ต้องไปติดตามชมกันนะครับ สำหรับช่องทางในการหามาชม Google Play ภาพยนตร์ หรือซื้อแผ่นดีวีดีจากร้านแมงป่อง , บูมเมอแรง ติดตามการรีวิวหนังได้ที่นี่

MidNight FM เอฟเอ็มสยอง จองคลื่นผวา หนังเกาหลีแนวฆาตรกรเป็นโรคจิต

MidNight FM

พักหลัง ๆ คือ ไม่กี่ปีมานี้หนังเกาหลีเริ่มบุกตลาดภาพยนตร์แล้วนะครับ เมื่อก่อนจะมีพวกหนังรัก หรือซีรีย์รักเกาหลี แต่ไม่กี่ปีมานี้มีหนังฟอร์มใหญ่ เช่น Train To Busna มาวิ่งไล่วิ่งหนีซอมบี้กันเป็นต้น มีหนังเกาหลีโบราณอย่าง ธนูพิฆาต ซึ่งพระเอกเป็นนักแม่นธนูที่สามารถฆ่าทหารและแม่ทัพแมนจูตายได้ หรือจะเป็นหนังเกาหลีโบราณที่มีวิชาการต่อสู้เหมือนกับหนังจีนที่มีวิทยายุทธ หรือเป็นหนังผีเกาหลีพวกผีจูออน บทความนี้เลยขอเสนอหนังเกาหลีแนวฆาตรกรเป็นโรคจิต MidNight FM เอฟเอ็มสยอง จองคลื่นผวา หนังผีก็เข้ามานานแล้ว และเริ่มรุกคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ เช่น เมื่อก่อนจะมี K-POP เพลงเกาหลี เกิร์ลกรุ๊ปของเกาหลี ที่เข้ามาทำให้เพลงของเกาหลีฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง หรือจะเป็นบอยแบรนด์ของเกาหลี วงต่าง ๆ ที่เข้ามากระชากหัวใจของสาว ๆ เมืองไทยไปครอบครอง อันที่จริงผมก็ชอบดูหนังหลากหลายชนชาติ แต่ต้องดูที่คุณภาพของหนังด้วย บางครั้งบางคราวก็ถูกหน้าปกหนังหลอกลวง ถูกตัวอย่างของหนังแหกตาก็มีบ่อย พอดูเนื้อหาของหนังไม่ถูกใจก็ไม่ดูต่อ คือ ปิดเอาดื้อ ๆ เลย ไม่สนใจไม่ดูอีกต่อไป MidNight FMเอฟเอ็มสยอง จองคลื่นผวา เป็นหนังเกาหลีแนวฆาตรกรเป็นโรคจิต แบบว่าแอบชอบแอบปลื้มนางเอกซึ่งเป็นดีเจจัดรายการคลื่นวิทยุรายการหนึ่ง คืนหนึ่งนางเอกจะเลิกจัดรายการแล้ว เพราะต้องการพาลูกสาวไปรักษาตัวยังต่างประเทศ แต่นางเอกก็ต้องเจอกับโรคจิตคนหนึ่ง ซึ่งเป็นแฟนตัวยงรายการวิทยุของเธอเอง จับตัวพี่สาวและลูกสาวของเธอไป และยังชวนเธอเล่นเกมส์ โดยใบ้เป็นปริศนาว่าตัวอักษรหรือปริศนานั้นเป็นเพลงอะไร ถ้าเธอตอบถูกหมดจะปล่อยพี่สาวและลูกสาวของเธอ แต่ดีเจสาวดันบอกตำรวจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้โรคจิตนั้นโกรธและฆ่าพี่สาวของเธอทิ้ง และขู่อีกว่าถ้าบอกตำรวจหรือคนอื่นอีกจะฆ่าลูกสาวของเธอเหมือนกัน ดีเจสาวต้องทายปริศนาเพื่อจะเปิดเพลงที่ตรงใจกับโรคจิตคนนั้นให้ได้ และปริศนานั้นคือเพลงที่เธอเคยเปิดแล้วในรายการของเธอเช่นกัน เธอต้องคิดและหาให้ได้ว่าคือเพลงอะไร เพื่อจะได้ช่วยชีวิตลูกสาวของเธอให้ได้ MidNight FMเอฟเอ็มสยอง จองคลื่นผวา เล่นกับโทนหนังได้ดี เล่นกับอารมณ์ของนางเอกได้ดี รู้จักวิธีการเล่าเรื่อง บีบให้นางเอกเสียใจให้เห็นอารมณ์เจ็บปวดของนางเอกได้ดี ชอบนางเอกเวลาเศร้า ชอบพระเอกเรื่องนี้ที่แสดงบทโรคจิตได้เป็นอย่างดี ตัวหนังให้อารมณ์ที่หดหู่ เศร้า ดูหนังแล้วรู้ซึ้งถึงความรักความห่วงใยของคนเป็นแม่ได้เป้นอย่างดี ชอบครับที่มหนังแบบนี้ออกมา มันบีบครั้นหัวใจได้ดี ถ้าใครอยากดูหนังเรื่องนี้นะครับ หาซื้อได้ตามร้านขายหนังแผ่นดีวีดี พวก B2S ที่จะมีโซนขายหนังดีวีดีอยู่ด้านหน้า หรือร้านขายแผ่นหนังดีวีดีออนไลน์พวก Boomerrang หรือ Mangpong ร้านพวกนี้เป็นต้นครับ วิดีโอตัวอย่างหนัง MidNight FM เอฟเอ็มสยอง จองคลื่นผวา ติดตามการรีวิวหนังมาใหม่ทุกวันได้ที่นี่

รีวิวหนังสุดโรแมนติก 365 DNI กับกระแสที่มาแรงที่สุดในเดือนนี้

365 DNI

สำหรับในเดือนมิถุนายนที่อบอวนไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติกกับสายฝนที่โปรยลงมาเรื่อย ๆ นั้น กับมีสิ่งหนึ่งที่สวนทางกันกับสภาพอากาศอันเย็นฉ่ำ กับภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาร้อนแรงสุดเร้าใจอย่างเรื่อง 365 DNI ซึ่งเป็นหนังรักอีโรติกที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในโลกออนไลน์ ณ ขณะนี้ นอกจากพล็อตเรื่องที่มีความเร่าร้อนถึงขั้น 20+ นี้แล้วนั้น ยังมีการกล่าวถึงเนื้อหาที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ว่า สามารถเปรียบเทียบหนังเรื่อง 365 DNI ได้กับหนังเรื่อง 50 shades of grey ในเวอร์ชั่นร้อนแรงยิ่งกว่าได้เลยทีเดียว ซึ่งเนื้อเรื่องย่อพอสังเขปของหนังเรื่อง 365 DNI นั้นเริ่มจาก มัสซิโม ลูกชายของของมาเฟียชื่อดังในอิตาลีที่วันหนึ่งเขาได้พบเจอหญิงสาวสุดสวยอย่าง เลาร่า และในวันนั้นเองที่ มัสซิโม ได้ถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บ แต่พ่อของเขานั้นกลับถูกยิงจนเสียชีวิตในทันที หลังจาก มัสซิโม ได้รักษาอาการบาดเจ็บจนหายดี เขาได้กลายมาเป็นหัวหน้าของกลุ่มมาเฟียนั้นอย่างเต็มตัว และเขาได้กลับมาพบกับ เลาร่า อีกครั้ง เขาจึงได้ใช้อำนาจในการจับ เลาร่า ให้กลายมาเป็นเชลยรักอย่างเต็มตัว โดยแท้จริงแล้วเนื้อหาของหนังเรื่อง 365 DNI นั้นไม่ได้มีเรื่องราวความซับซ้อนที่น่าสนใจมากเสียเท่าไหร่ มีเพียงแต่ฉากการแสดงของคู่พระเอก นางเอกเท่านั้น ที่มีความเร่าร้อน และวาบหวิว ที่จะทำให้ผู้ชมนั้นนั่งไม่ติดเบาะได้เลยทีเดียว ซึ่งนั้นจึงทำให้หนังเรื่อง 365 DNI ได้รับความสนใจ และกำลังเป็นกระแสที่มีคนกล่าวถึงเป็นอย่างมากในขณะนี้นั่นเอง ซึ่งหลังจากการรับชมหนังเรื่อง 365 DNI จบแล้วนั้น บอกได้เลยว่าเนื้อเรื่องนั้นไม่ได้มีสาระเนื้อหาแต่อย่างใด ฉากวาบหวิวร้อนแรงต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้อย่างดิบ เถื่อน และเร่าร้อนจริง ๆ แต่อาจจะขาดความละมุน หรือความวาบหวิวแบบมีคลาสไปเพียงเท่านั้น ซึ่งสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบการรับชมฉากวาบหวิว และเร่าร้อนนั้น หนังเรื่องนี้ก็สามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน ติดตามการรีวิวหนัง หนังต่างประเทศ ได้ที่นี่

รีวิวหนัง BABA YAGA หนังผีมาใหม่หลังหมดสถานการณ์โควิด-19

BABA YAGA

สถานการณ์โควิด-19 ในช่วงนี้ถือว่ามีความคลี่คลายตัวไปอยู่เยอะพอสมควร ซึ่งนั้นทำให้โรงภาพยนตร์ได้กลับมาเปิดตัวขึ้นอีกครั้ง โดยหนังที่เข้าฉายในช่วงหลังหมดโควิดเช่นนี้ก็มีอยู่หลายเรื่องเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหนังผีอย่างเรื่อง BABA YAGA ที่เป็นหนังแนวสยองขวัญ ระทึกขวัญ และมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก กับเรื่องราวของBABA YAGA ที่เป็นเรื่องสยองขวัญในตำนานของชาวรัสเซียนั่นเอง สำหรับหนังเรื่องBABA YAGA นั้นได้แรงบันดาลใจมากจากตำนานเรื่องสยองขวัญของคนรัสเซีย โดยตามตำนานเล่าว่าBABA YAGA นั้นคือชื่อของ หญิงแก่แม่มดที่อาศัยอยู่ในป่า และจะคอยลักพาตัวเด็ก ๆ เพื่อนำไปกินเป็นอาหาร ส่วนเนื้อเรื่องย่อของหนังสุดระทึกขวัญเรื่องนี้ได้เริ่มต้นจาก ครอบครัวหนึ่งได้ย้ายเข้ามาอยู่ในชุมชนแห่งใหม่ โดยมี อีกอร์ เด็กชายตัวเอกของเรื่อง เขานั้นอาศัยอยู่กับครอบครัว และมีน้องสาวที่ยังเป็นเด็กแบเบาะ และเรื่องราวแปลก ๆ อันน่าสะพรึงกลัวก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อครอบครัวของอีกอร์ ได้จ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่าง ทันยาน่า หญิงสาวที่มาพร้อมกับเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัว ชวนหลอนประสาทของเด็กชายอย่างถึงที่สุด โดยหนังBABA YAGA จะเล่าเรื่องของเด็กชาย อีกอร์ กับการคลายปมของ ทันยาน่า พี่เลี้ยงเด็กที่มีท่าทีแปลกประหลาดไม่เหมือนคนทั่วไป และเมื่อ อีกอร์ได้รับรู้ หรือสืบเสาะหาข้อมูลต่าง ๆ เขาก็ยิ่งพบว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเชื่อมโยงกับป่าใกล้หมู่บ้าน ที่มาพร้อมกับเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัว สุดสยองขวัญ เขย่าประสาทได้อย่างแท้จริง จากนี้ไปจะเป็นการรีวิวหนังเรื่องBABA YAGA ถึงแม้ว่าหนังจะเป็นแนวหนังผี ระทึกขวัญ แต่สำหรับหนังผีเรื่องBABAYAGA นั้นจะมีการเล่าเรื่องที่ออกแนวกึ่งแฟนตาซี และถึงแม้ว่าพล็อตเรื่องนั้นจะมีแนวคิดที่ดี แต่ก็ดูเหมือนยังไปไม่สุดทางสักเท่าไหร่ แต่สำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบการเล่าเรื่องโดย ภาพ ฉาก หรือมุมกล้องต่าง ๆ ที่ดูมีความลึกลับ หรือน่าสะพรึงกลัวแล้วล่ะก็หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว รวมถึงตัวละครผีปีศาจในเรื่องที่ดูมีสตอรี่ที่น่าสนใจ บวกกับรูปแบบของตัวผีปีศาจที่มีความเป็นเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก จึงทำให้หนังเรื่องBABA YAGA นี้มีความน่าสนใจมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งสำหรับผู้ชมที่ต้องการรับชมหนังผีเรื่องBABA YAGA ก็สามารถเข้าชมได้ที่โรงภาพยนตร์ทั่วไป วิดีโอตัวอย่างหนัง BABA YAGA ติดตามการรีวิวหนัง และ หนังแนวสยองขวัญเพิ่มเติมได้ที่นี่

สตาร์ เทรค ทะยานสู่ห้วงมืด (Star Trek Into Darkness)

สตาร์ เทรค ทะยานสู่ห้วงมืด

เขียนแนะนำถึงหนังไทยไปหลายสิบเรื่องแล้ววันนี้จะขอแนะนำชวนชนหนังฝรั่งกันบ้างนะครับ หนังเรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นไซไฟ แนวเดียวกับ Star War นั่นแหละ ที่ไล่ล่ากันนอกอวกาศ แต่ สตาร์ เทรค ทะยานสู่ห้วงมืด (Star Trek Into Darkness) เป็นหนังที่โลกของเราส่งยานอวกาศออกไปสำรวจดาวที่ไกลแสนไกลนอกโลกของเรา เพื่อหาดาวมาแทนดาวโลกบ้านเกิดของเรา นำแสดงโดยคริส ไพน์ ในบทกัปตันเจมส์ ที. เคิร์ค, แซ็คคารี ควินโตในบทต้นเรือสป็อคและดารานักแสดงอีกคับคั่ง ผู้ที่ร่วมแสดงกับทีมนักแสดงชุดนี้คือ เบเนดิคท์ คัมเบอร์แบทช์ แสดงเป็น จอห์น แฮร์ริสัน ผู้ก่อการร้ายทางอวกาศ สตาร์ เทรค ทะยานสู่ห้วงมืด (Star Trek Into Darkness) เล่าถึงมีอาชญากรร้ายแฝงตัวมายังโลกและทำลายเหล่ายานอวกาศไปหลายสิบลำ และหลบหนีไปยังดาวที่มืดมิด เดือดร้อนถึงกัปตัน เคิร์ค ของเราต้องนำยานเอนเตอร์ไพร์ส ออกไล่ล่าและจับกุมอาชญากรตัวร้ายตัวสำคัญนี้กับมายังโลก เพื่อนำมารับโทษให้ได้ และอาชญากรตัวร้ายนี้มีความร้ายกาจและพลังอันน่ากลัว กัปตันเคิร์คและลูกเรือเอนเตอร์ไพร์สจะรับมือและต่อกรกับมันได้อย่างไร และจะจับอาชญากรตัวร้ายนี้ได้อย่างไร ชอบหนังที่มันเป็นยานอาวกาศ ได้เห็นนอกโลก ได้เห็นการขับยานบินไล่ล่ากันนอกโลก เรื่องนี้นับได้ว่าทำได้เนียนตา และสมจริงสมจังมาก ชอบกัปตันหล่อ ชอบผู้กำกับที่กำกับเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ชอบทั้ง 3 ภาคแหละครับ ยิ่งดูยิ่งสนุกทุกภาคเลย ติดตามการรีวิวหนังมาใหม่ทุกวันได้ที่นี่

รีวิวหนัง Wonder หนังชีวิต หนังแนวชีวิต ดราม่า สุดแปลกใหม่ที่ไม่ควรพลาด

Wonder

สำหรับบทความนี้ทางทีมงานขอนำเสนอภาพยนตร์เรื่อง Wonder ถึงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้ถูกปล่อยออกฉายตั้งแต่ปี 2017 แต่ด้วยความดีงามของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทางทีมงานจึงขอหยิบยกการกล่าวถึงหนังคุณภาพดีอย่าง Wonder มารีวิวให้กับผู้อ่านทุก ๆ ท่านที่สนใจ ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง Wonder นั้นเป็นหนังแนวชีวิต ดราม่า ที่เล่าเรื่องราวได้อย่างแปลกใหม่ผ่านมุมมองตัวละครต่าง ๆ ในเรื่องได้อย่างลงตัวและดีเยี่ยม โดยที่เนื้อเรื่องย่อของหนังชีวิตเรื่อง Wonder นั่นมีอยู่ว่า เด็กชาย ออกัส หรือ ออกี้ ในวัย 10 ขวบ เขาได้ป่วยเป็นโรคปากเหว่งเพดานโหว่ตั้งต่ำกำเนิด จึงทำให้เขานั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดตั้งแต่แรกเกิดมาจนถึงอายุ 10 ขวบ เป็นจำนวนกว่า 27 ครั้ง และนั่นทำให้เขามีหน้าตาน่ากลัวที่ผิดแปลกไม่เหมือนเด็กชายทั่ว ๆ ไป ซึ่งนั้นทำให้ ออกี้ ไม่เคยเข้าโรงเรียนแบบปกติเลยจนถึงอายุ 10 ขวบ และในขณะนี้ ผู้เป็นแม่เห็นการณ์ดีว่า ออกี้ ถึงเวลาอันเหมาะที่จะเข้าสู่โรงเรียนตามปกติได้แล้ว นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ทั้งสะเทือนอารมณ์ และสร้างรอยยิ้มปนน้ำตาได้ไปพร้อม ๆ กัน อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าหนังชีวิตอย่าง Wonder นี้ได้นำเสนอการเล่าเรื่องที่มีความแปลกใหม่และน่าติดตามเป็นอย่างมาก อย่างการดำเนินเรื่องโดยผ่านมุมมองของตัวละครหลักต่าง ๆ ภายในเรื่อง อย่างเช่น มุมมองของพี่สาวออกี้ที่มีความรู้สึกรักและเป็นห่วงน้องชายหน้าตาพิกลพิการผู้นี้ยิ่งนัก หรือมุมมองของ แจ็ค เพื่อนของแรกออกี้ ที่ได้เผยความรู้สึกต่าง ๆ หลังจากได้พบออกี้ และที่สำคัญคือการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของเด็กน้อยออกี้ เด็กชายที่ต้องทนอยู่กับใบหน้าที่ผิดแปลกไปจากคนทั่วไป เรียกได้ว่าตัวหนัง Wonder นั้นมีแนวคิดและมุมมองในการเล่าเรื่องได้กินใจผู้ชมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากการสื่อถึงเรื่องราวชีวิตของเด็กน้อยที่ต้องโดนบูลลี่จากรูปร่างหน้าตาต่าง ๆ แล้ว สำหรับผู้หญิงธรรมดา ๆ อย่างพี่สาวออกี้ ยังจำเป็นต้องรับมือกับเรื่องราวเฮงซวย ๆ ในชีวิตนี้ให้ได้ ซึ่งทำให้ผู้ชมนั้นคิดได้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หรือเป็นคนแบบไหน การรับมือกับการใช้ชีวิตที่แท้จริงนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ ที่ต้องยอมรับและจัดการกับความรู้สึกเหล่านั้นให้ได้อย่างถูกต้องนั่นเอง ซึ่งหนังเรื่อง Wonder นี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นหนังชีวิต ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุคได้เลยทีเดียว ติดตามการรีวิวหนัง หนังต่างประเทศ ได้ที่นี่