“สปายส์คิด” (Spy Kids) สายลับรุ่นใหญ่หลบไป ในเมื่อโลกมีสายลับรุ่นใหม่แล้ว

สำหรับแฟน ๆ ภาพยนตร์แนวสายลับสืบสวนสอบสวน ก็น่าจะรู้จักกันดีถึงสุดยอดสายลับที่มีชื่อเสียงที่ เอียน เฟลมมิง แต่ขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 และมีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วหลายภาค หากแต่ถ้าคุณเริ่มเบื่อกับหนังชุดเจมส์บอร์ดกันแล้ว เราขอแนะนำอีกหนึ่งภาพยนตร์แนวสายลับที่มาให้ท่านได้สนุกกันนั้นก็คือ “สปายส์คิด” (Spy Kids) สุดยอดภาพยนตร์จากทางฮอลิวู้ด ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อ 19 ปี ที่ผ่านมาภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เคยมาเขย่าวงการภาพยนตร์ของโลกมาแล้วกับเหล่าสปายส์คิดสายลับเด็กผู้มากความสามารถ “สปายส์คิด” (Spy Kids) กับสายลับรุ่นเด็กผู้มากความสามารถ สปายส์คิดSpy Kids เป็น เว็บรีวิวหนัง ภาพยนตร์ที่มีชื่อไทยว่า “พยัคฆ์จิ๋วไฮเทคผ่าโลก” เป็นภาพยนตร์ไซไฟ แฟนตาซีและครอบครัว ที่สร้างโดย “Tale from the Crypt” (season1) ความสยองขวัญปนตลกร้าย ที่กระชับและชัดเจน บริษัท Troublemaker Studios และ Dimension Films อำนวยการสร้างโดย Robert Rodriguez นอกจากนี้เขายังได้ลงมาทำหน้าที่กำกับการแสดงกับผู้กำกับอีกคนนั้นก็คือ Elizabeth Avellán นำแสดงโดย Alexa Vega และ Daryl Sabara สองนักแสดงเด็กที่สามารถดึงให้คนดูติดขอบจอภาพยนตร์ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องราว โดยเรื่องราวของ Spy Kids จะบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่งที่มี พ่อกับแม่ และลูกสาว ลูกชาย รวม 4 คน ซึ่งคนเป็นพ่อกับแม่มักจะเล่านิทานก่อนนอนให้พี่สาวและน้องชายฟังถึงเรื่องราวของสายลับหนุ่มและสายคู่หนึ่ง ซึ่งทั้งสองมาจากสององค์กรที่เป็นศัตรูกัน และมักจะต่อสู้แข่งขันกันเสมอ จนพัฒนามาเป็นความรักและตัดสินใจวางมือจากการเป็นสายลับมาสร้างครอบครัวด้วยกัน ซึ่งภาพลักษณ์ของคุณพ่อที่พวกเขาเห็นมาตอลดนั้นก็คือชายคนซื่อที่มักไม่ยอมสู้คนแม้แต่ผู้ปกครองของเพื่อนที่โรงเรียนที่มักจะมาหาเรื่องเขา จนมาวันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อในคืนวันหนึ่งที่พวกเขาต้องอยู่กับคุณลุง “ฟิลิป” แทน พ่อกับแม่ที่มีธุระด่วน บ้านของพวกเขากลับถูกโจมตีโดยทหารหุ่นยนต์ลึกลับ ทำให้คุณลุงต้องบอกความจริงกับทั้งสองว่า แท้ที่จริงแล้วนิทานที่พวกเขาฟังนั้นคือเรื่องราวของพ่อกับแม่พวกเขาซึ่งเป็นสายลับที่วางมือมาเลี้ยงดูลูก แต่องค์กรได้เรียกตัวพวกเขาไปปฏิบัติภารกิจที่สำคัญและทั้งสองก็ได้หายตัวไปในระหว่างการปฏิบัติงาน จากนั้นคุณลุงก็ได้ส่งทั้งสองคนนั่งเรือดำน้ำฉุกเฉินหนีไปยังเซฟ เฮ้าส์แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์สายเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ถูกเก็บเอาไว้ และเมื่อไม่มีทางเลือกทั้งสองพี่น้องจึงตัดสินใจใช้อุปกรณ์สายลับที่มีติดตามหาครอบครัวของพวกเขากลับคืนมา และนี้เป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์สปายส์คิด(Spy Kids) ,Spy Kids 2001 ประสบความสำเร็จในแง่รายได้อย่างงดงามเพราะลงทุนไป 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ sa gaming 1688 ได้รายได้กลับมา 147.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีภาค ต่อรวมภาคแรกไปมากถึง 4 ภาคด้วยกัน จึงเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แนวสายลับที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดีที่เราอย่างให้ท่านได้ชม

“Gate” หน่วยรบตะลุยโลกต่างมิติ นิยายแฟนตาซีแนวกองทัพสมัยใหม่บุกต่างโลก

นิยายหรือวรรณกรรมยังเป็นสื่อบันเทิงที่ให้สุขกับผู้อ่านผ่านตัวอักษรและนิยมมาตลอดหลายยุคสมัย แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆด้านสื่อบันเทิงออกมา แต่นิยายก็ยังคงเป็นสื่อที่มีแฟนๆนิยมกันอยู่ตลอด โดยหนึ่งในนิยายแฟนตาซีสมัยใหม่จากประเทศญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จมากจนถึงขั้นถูกนำมาสร้างเป็น หนังสือการ์ตูน และอนิเมะมาแล้ว นั้นก็คือนิยายที่ชื่อ “หน่วยรบตะลุยโลกต่างมิติ” หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า “Gate Jieitai Kanochi Nite Kaku Tatakaeri” ที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า “Gate” ถือเป็นอีกหนึ่ง  อนิเมะชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมพอสมควร  “Gate” อนิเมะเกี่ยวกับกองทัพชื่อดังอีกหนึ่งเรื่องจากญี่ปุ่น นิยายเรื่องนี้แต่งโดย “ทาคูมิยะ ไน” ซึ่งว่ากันว่า เว็บรีวิวหนัง ผู้แต่งเคยรับราชการอยู่ในหน่วยงาน “กองกำลังป้องกันตนเอง” ของประเทศญี่ปุ่น หรือ JSDF จึงทำให้การแต่งนิยายถึงขั้นตอนกลยุทธ์ที่หน่วยงานกองกำลังป้องกันตนเองจะตอบสนองเมื่อเกิดภัยพิบัติหรือกลยุทธ์ในการรบแบบสมัยใหม่นั้นสมจริงเป็นอย่างมาก “เล็กเซียวหงส์” สุดยอดนักสืบในนิยายกำลังภายในจากปลายปากกา “โกวเล้ง” โดยนิยายเรื่องนี้จะเปิดฉากเริ่มต้นที่ “โยจิ อิตามิ” พระเอกของเรื่องที่เป็นเจ้าหน้าที่ของ JSDF แต่กลับมีนิสัยที่เอื่อยเฉื่อยและไม่กระตือรือล้นในการรับราชการสักเท่าไหร่ โดยเขามีงานอดิเรกคือการสะสมหนังสือการ์ตูนต่าง ๆ ในเช้าวันหนึ่งที่เขามีวันหยุดและกำลังจะเดินทางไปร่วมงานเทศกาลหนังสือการ์ตูนประจำปีของประเทศญี่ปุ่น อยู่ ๆ ก็ ปรากฏประตูใหญ่มหาศาลบานหนึ่งขึ้นกลางย่านกินซ่า จากนั้นเมื่อประตูเปิดออกกองทัพปริศนาที่เหมือนมาจากยุคโบราณในโลกแฟนตาซีที่มีแต่ในนิยายเท่านั้นกลับออกมากจากประตูดังกล่าวบุกเข้าโจมตีประชาชนในบริเวณนั้น แม้ว่าจะมีอาวุธโบราณแต่พวกเขามาพร้อมกองทัพสัตว์ประหลาดไม่ว่าจะนายทหารที่ขี่ไวเวิร์ดเป็นพาหนะ หรือมีทหารเป็นสัตว์ประหลาดต่าง ๆ ทำให้พระเอกนิยายของเราต้องกลับมาทำหน้าที่ช่วยปกป้องประชาชนและนำพาประชาชนเข้าไปหลบในที่ปลอดภัย และในเวลาต่อมาเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งตัวได้ ก็ได้ระดมกำลังตำรวจและกองกำลังป้องกันตนเองเข้ามาปราบปรามกองทัพเหล่านี้จนราบคาบ เพราะดาบ หอก ธนู จะสู้อาวุธปืนสมัยใหม่ได้อย่างไร เมื่อจัดการความวุ่นวายได้แล้วรัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ทำการส่งกองกำลังกลับไปสำรวจอีกฝั่งของบานประตู โดยอิตามิพระเอกนิยายของเราที่ไม่เคยอยากเลื่อนตำแหน่งก็ได้เลื่อนตำแหน่งเพราะความดีที่ช่วยประชาชนเอาไว้ แต่ปัญหาก็คือเขาเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังที่ถูกส่งออกไปอีกฝากหนึ่งของประตูเพื่อนำทีมออกสำรวจโลกแฟนตาซีที่อยู่อีกฝั่งด้วยนั่นเองซึ่งเนื้อเรื่องจริง ๆ ของนิยายเรื่องนี้เกือบทั้งหมดจะเกิดขึ้นในโลกแฟนตาซีที่พระเอกของเราได้ก้าวข้ามประตูไป เราจะได้พบกับ สล็อต1234 การพัฒนาปฏิสัมพันธ์ระหว่างฝั่งมนุษย์โลก และฝั่งต่างโลก ความต่างชั้นของฝั่งมนุษย์ใยดินแดนแฟนตาซีที่ยังหลงในความยิ่งใหญ่ของดาบและธนูของอัศวิน ที่ต้องมาถูกทำลายลงด้วยอาวุธปืน รถถัง เครื่องบินรบ ที่สยบได้แม้แต่ “มังกรไฟ” ในตำนานของพวกเขา โดยนิยายเรื่องนี้ได้ถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมชั่นเรื่องยาว 2 ภาคด้วยกันซึ่งสามารถดูได้ผ่าน Netflix แล้วในตอนนี้

“เล็กเซียวหงส์” สุดยอดนักสืบในนิยายกำลังภายในจากปลายปากกา “โกวเล้ง”

“โกวเล้ง” เป็นสุดยอดนักเขียนนิยายแนวกำลังภายในจีนโบราณเกิดในฮ่องกงที่เมื่อปี 1937 ก่อนจะย้ายมาทำการศึกษาจนจบคณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาต่างประเทศ แห่งมหาวิทยาลัยต้ากัง ในประเทศไต้หวัน โดยโกวเล้งถือว่ามีพรสวรรค์อย่างมากในฐานะนักแต่งนิยายแนวกำลังภายใน แต่เพราะปัญหาด้านการใช้ชีวิตรวมทั้งการติดเพื่อน และสุรา นารี ทำให้โกวเล้งไม่ค่อยจะมีทรัพย์สินมากนัก ดื่มนักจนมีคนเรียกว่า “ปีศาจสุรา” ทำให้เสียชีวิตไปในตนอายุเพียง 48 ปี นิยายยอดนักสืบจากผลงานของ “โกวเล้ง” นอกจาก เว็บรีวิวหนัง โกวเล้งจะได้สร้างสุดยอดสายลับจีนขึ้นมานั่นก็คือ “ชอลิ้วเฮียง” แล้ว เขายังสร้างสุดยอดนักสืบเป็นของตนเองนั่นก็คือ “เล็กเซียวหงส์” สมญานักสืบสี่คิ้ว ซึ่งในความจริงแล้วคิ้วที่ว่านั้นก็คือหนวดของเขานั่นเอง ในขณะที่ รีวิวหนัง “No Escape” (2020) หนังสยองขวัญ ลุ้นระทึก ที่ตกม้าตาย ชอลิ้วเฮียงถือเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามทรงเสน่ห์แสนสุภาพสุขุมนุ่มลึก แต่เล็กเซียวหงส์กลับออกแนวเสเพลดื่มเหล้าเมาสุรา แต่ก็น่าแปลกที่แม้จะดื่มสุราอยู่เป็นนิจแต่กลับมีวรยุทธ์สูงส่ง ซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่ถือได้ว่าโกวเล้งแต่งไว้ได้ดีนั่นก็คือ แม้ว่าเล็กเสี่ยวหงส์จะเป็นจอมยุทธระดับยอดฝีมือในนิยายเรื่องนี้แต่กลับไม่ใช่ผู้ที่มีฝีมือสูงที่สุด เพราะผู้ที่มีฝีมือสูงที่สุดที่เป็นพวกของเขาก็คือ “ไซมึ้งชวยเสาะ” มือกระบี่อันดับหนึ่งต่างหาก โดยเล็กเสี่ยวหงดูแล้วคล้ายกับซีรี่ส์แนวสืบสวนสอบสวนในยุคปัจจุบันอยู่มากพอสมควร เพราะตัวเองไม่ได้เก่งอยู่แต่คนเดียว แต่เมื่อใดก็ตามที่มีคดีเกิดขึ้นและเล็กเซียวหงส์จำเป็นต้องเข้าไปช่วยสืบเสาะหาความลับที่ซ่อนอยู่ เขาก็จะมีทีมงานคอยช่วยเหลือหลายคนไม่ว่าจะเป็น ฮวยมั่วเล้า ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ แต่น่าสงสารเพราะตาบอดแต่กลับมีสติปัญญาสูงเยี่ยม และมีทักษะอื่นๆที่เล็กเซียวหงส์ไม่มีมาคอยเติมเต็ม รวมทั้งเพื่อนฝูงที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไปเช่นบางคนก็เก่งในด้านสิ่งประดิษฐ์คิดค้นกลไกต่างๆ เป็นต้น โกวเล้งแต่งนิยายเรื่องนี้ออกมาได้สนุกสนานไม่แพ้ละครโทรทัศน์แนวสืบสวนสอบสวนของฝั่งตะวันตก sumoslot ในปัจจุบันเลยทีเดียวโดยนิยายจีนกำลังภายในที่รู้จักกันในชื่อเล็กเซียวหงส์นั้นแท้ที่จริง และชื่อดังกล่าวเป็นชื่อของตัวเอกของเรื่องแต่ชื่อนิยายจริงๆจะเป็นนิยายชุด “หงส์ผงาดฟ้า” โดยโกวเล้งได้แต่งแยกออกเป็น 7 ตอนด้วยกัน และแฟนนิยายกำลังภายในการยกย่องให้นิยายชุดนี้ถือเป็นนิยายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของโกวเล้งเลยทีเดียว อีกทั้ง ยังถูกซื้อลิขสิทธิ์นำไปสร้างเป็นละครและภาพยนตร์มาหลายครั้ง

“Tale from the Crypt” (season1) ความสยองขวัญปนตลกร้าย ที่กระชับและชัดเจน

ภาพยนตร์เรื่อง Tale from the Crypt กับตอนที่มีชื่อว่า “Dig That cat…He’s Real Gone” เป็นการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างมีความแปลกใหม่ในยุคนั้น  ซึ่งเปิดตัวด้วยตัวละครหลักจากเหตุการณ์ท้ายสุดมาเล่าสิ่งที่ตัวเองพบเจอ โดยดำเนินเหตุการณ์อย่างกระชับ รวดเร็ว  ไม่มีช่วงที่น่าเบื่อให้กวนใจ  และมีการแทรกอารมณ์ขันบางช่วง  ที่มีคำชื่นชมจากเหล่านักวิจารณ์ในยุคนั้นอย่างดี อัตราควาสะเด่า เนื้อหา           5/5 ระทึกใจ         4/5 บทสรุป       5/5 เรื่องราวในหภาพยนตร์เรื่อง Tale from the Crypt ตอน Dig That cat…He’s RealGone เนื้อหาหลักของTale from the Cryptในตอนที่มีชื่อว่า Dig That cat…He’s RealGone เว็บรีวิวหนัง กล่าวถึง “อูลริก” หนุ่มขี้เมาไปวันๆที่ได้รับโอกาสTale from the Crypt “And All Through the House” กับความระทึกขวัญที่ไหลลื่น ซึ่งเป็นโอกาสในชีวิตในการรับเชิญให้เป็นหนึ่งในการทดลองบางอย่างของ ดร.เอเมิลแมนเฟรดซึ่งได้ปลูกถ่ายเซลล์แมวไปยังตัวอุลริคให้มีร่างกายเสมือนแมวเก้าชีวิตที่สามารถตายได้เก้าครั้ง ต่อมาเขาทั้งสองได้ร่วมกับเจ้าของการแสดงโชว์พิสดาร ในโชว์ความสามารถพิเศษในการตายแล้วฟื้นสุดแปลกประหลาดที่นำมาซึ่งความร่ำรวยและเหตุการณ์ที่เขาจะต้องจดจำตลอดชีวิต ในตอนนี้เป็นตอนที่ให้ความครบรสอีกตอนหนึ่งของซีซั่นนี้  โดยคอนเซ็ปต์ที่นำเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อมาดัดแปลงให้เข้ากับความโลภนั้น  เป็นการเสนอภาพที่เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งจังหวะการเน้นคำ  มุมกล้องของความมีเล่ห์เหลี่ยม  และผลของการกระทำ  ที่สมเหตุสมผล  โดยนำไปสู่บทสรุปที่คาดไม่ถึง  หากใครยังไม่รับชมให้ปล่อยใจและปล่อยวางติดตามเรื่องราวของตัวละครหลัก  โดยไม่ต้องคิดเยอะ  รับรองว่าจะต้องเซอร์ไพรส์กับสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนแน่นอน นอกจากความกระชับ และการลำดับภาพที่รวดเร็วแล้ว ในส่วนของอารมณ์ขันที่กล่าวไว้ข้างต้นกับตอน “Dig That cat…He’s Real” นั้น  ไม่ใช่การับส่งมุกโบ๊ะบ๊ะไปมา  เหมือนหนังตลกทั่วไป  แต่เป็นความตลกร้ายที่ซ่อนอยู่ในฉากการตายในแต่ละครั้งของตัวเอกที่ไม่ซ้ำแบบกัน  แต่ละแบบก็มีความสมน้ำหน้าพลางสงสารที่ปะปนกันไป  และลุ้นว่าเรื่องราว tiger789 จะสิ้นสุดเช่นไรกับความโลภของมนุษย์คนหนึ่ง ซี่งหากกล่าวถึงเฉพาะความหลอน และ สยองพองเกล้า ให้สมกับคอนเซ็ปต์ของซีรีส์แห่งตำนานของTale from the Crypt นั้น  “มีหรือไม่”  ก็ต้องบอกว่า “มี” แต่เป็นความหลอนที่ซ่อนความขบขัน ในรูปแบบความตลกร้ายอย่างบอกไม่ถูก

Tale from the Crypt “And All Through the House” กับความระทึกขวัญที่ไหลลื่น

“Tale from the Crypt” กับความเป็นซีรีส์สยองขวัญในตำนาน ที่มักหยิบยกเรื่องใกล้ตัว  สิ่งแวดล้อมที่ปกติแต่ไม่ปกติ  และเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับเทศกาลมาเกี่ยวข้อง  โดยสร้างสถานการณ์ให้ดูแปลกประหลาดและวุ่นวายภายในระยะเวลาสั้น ๆ ได้อย่างไม่ติดขัด  และใน “And All Through the House” ก็เป็นหนึ่งในตอน  ที่ใช้พล็อตแนวไล่เชือด สยองขวัญ  ระทึกขวัญ  มาใช้ได้อย่างอร่อยและกลมกล่อม “Tale from the Crypt” ซีรีย์สยองขวัญในตำนานที่ไม่ควรพลาด เนื้อหาหลักของ“Tale from theCrypt”ในตอน “And All Through the House” กล่าวถึง ในวันคริสต์มาสอีฟอันแสนสุข  หญิงวัยกลางคนได้วางแผนฆ่าสามีของตนเองเพื่อเอาเงินประกันจนสำเร็จ  โดยหาวิธีอำพรางศพให้แนบเนียนจากสายตาตำรวจมากที่สุด  ในขณะเดียวกัน  ก็ได้มีผู้ป่วยทางจิตที่หนีออกจากโรงพยาบาลจิตเวช  โดยได้แต่งตัวเลียนแบบซานตาคลอสมาสร้างความอลหม่าน วุ่นวาย  และหลอนระทึก  มายังที่พักอาศัยของเธอ  โดยที่เธอจะต้องปกป้องภัยร้ายเหล่านั้น  ให้พ้นจากลูกสาวตัวน้อย  ที่กำลังนอนหลับอยู่บนห้องตัวเองอีกด้วย  ในขณะเดียวกันศพของสามีเธอก็ยังไม่ถูกกำจัดเสียที พล็อต ที่ว่าด้วยการฆ่าสามีเพื่อเอาเงินประกัน  กับสถานการณ์ไม่ปกติ  ที่จะต้องหาวิธีซ่อนศพและอำพรางให้พ้นจากสายตามากที่สุด  อาจได้เห็นจากภาพยนตร์ทั้งเก่าและใหม่  ซึ่งมีการนำเสนอในความระทึกขวัญที่แตกต่างกัน แต่ในตอนนี้  ได้หยิบยกวันเทศกาล  ให้แปรเปลี่ยนจากวันแห่งความสุข  ให้เป็นวันแห่งความตายได้อย่างน่าติดตาม  โดยสถานการณ์รหรือปมที่ขัดแย้งที่เกิดขึ้น  ล้วนเป็นเหตุเป็นผลที่สามารถเกิดได้  ที่ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างการไล่เชือด  หลอกหลอน ให้ตกใจและลุ้นเอาใจช่วยตัวละครเพียงเท่านั้น  ส่วนบทสรุปที่ทิ้งท้ายด้วยบางอย่าง  อาจเดาทางได้ง่ายไปหน่อย  แต่ก็ถือว่า ทำได้ปลายเปิดให้น่าขบคิด  พลางขำขันในสไตล์ตลกร้ายดีเหมือนกัน “And All Through the House” เป็นหนึ่งในตอนคลาสสิก  แห่งตำนานซีรีส์อย่าง “Tale from theCrypt”  ที่ผ่านไปกี่ปี  หากหยิบมารับชมก็รู้สึกสนุกได้เสมอ  ทั้งในแง่ของตัวละครหลักที่เล่นอย่างไหลลื่นหรือซานตาคลอส  ที่ออกแบบมาได้  ไม่แปลกประหลาดหรือเกินคนธรรมดาไป  มิหนำซ้ำยังมีการโดนเอาคืน  โดนฟาดไปหลายฉาก  ซึ่งได้อารมณ์ขันในเชิงหลอนพอประมาณ อัตราความสะเด่า เนื้อหา           4/5 ระทึกใจ 4/5 บทสรุป 4/5 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม หนังวันสิ้นโลกฟอร์มยักษ์ จากทางฝั่งจีนอย่าง “The Wandering Earth” ได้อีกที่ filmograd.net หลายคนที่ได้ดูซีรีย์เรื่องนี้ไปแล้วนั้นคงจะมีภาพน่ากลัวๆติดตากันอยู่เป็นแน่ ดังนั้นเราจึงอยากชวนให้ทุกคนมาเล่นเกม Gclub5555 กัน โดยเกมนี้นั้นเป็นเกมที่ขึ้นชื่อเรื่องความบันเทิงเป็นอย่างมากเลย

รีวิวหนัง “No Escape” (2020) หนังสยองขวัญ ลุ้นระทึก ที่ตกม้าตาย

“ No Escape (2020) ” เป็นหนังสยอง ระทึกขวัญ  ที่เล่นกับประเด็นกาเอารตัวรอดในห้องปิดตาย  โดยผสมผสานแนวคิด  หรือกลิ่นอายของหนังในอดีตหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Hostel , Saw หรือEscape Room เป็นต้น  ซึ่งต่างทำได้ดีในการวางจังหวะความน่าตื่นเต้น  การลุ้นระทึก  และความสยองเลือดสาด ที่จัดเต็ม ซึ่งใน “NoEscape (2020)” ก็จัดเต็มมาได้ค่อนข้างดี แต่ ! กลับเป็นความซ้ำซากในการดำเนินเรื่อง  โดยสามารถเดาบทสรุปได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก เนื้อหาในหนังเรื่อง “ No Escape (2020) ” เนื้อหาหลัก ใน “NoEscape(2020)” กล่าวถึง “โคล” ชายหนุ่มผู้โด่งดังในสังคมโซเชียล ที่ถ่ายทำรายการ  ในคอนเซ็ปต์การล่า  และค้นหาสถานที่ระทึกขวัญต่าง ๆ ในรูปแบบ vlog เขาและเพื่อน ได้รับเชิญไปยังมอสโกประเทศรัสเซีย เพื่อไปพิสูจน์สถานที่ปิดตายอันน่ากลัว  ที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม ไปตลอดชีวิต การดำเนินเรื่องของ“NoEscape(2020)”ในช่วงแรก  และการปูตัวละครต่าง ๆ นั้น ทำได้เชื่องช้าและน่าเบื่อ  อาจเป็นเพราะต้องการยืดเพื่อจัดเต็มในช่วงหลัง  ที่โชว์ความสยอง  ตื่นเต้น  ได้พอสมควร  แต่สำหรับคอหนังสยองขวัญที่ผ่านการรับชมหนังประเภทดังกล่าวอย่างโชกโชน  เชื่อได้ว่าอาจรู้สึกเฉย ๆ กับเรื่องนี้  เพราะบางฉากเสมือนยืมแนวคิด  และทิศทางของการดำเนินเรื่องจากภาพยนตร์สยองขวัญ  ระทึกขวัญอื่น ๆ มากเกินไป  และบางจุดอาจรู้สึกจับพิรุธ  กับพฤติกรรมบางอย่างของตัวละคร  ท่ามกลางเหตุการณ์น่ายดสยอง  ที่เหมือนจงใจไปสู่บทสรุปที่เดาได้ไม่ยาก  แม้จะพยายามแทรกแง่คิดหรือนัยยะใด ๆ ก็ตาม  แต่ก็เป็นเพียงการเล่นกับปมตัวละครที่มีพฤติกรรมเหล่านั้นอยู่แล้ว  “NoEscape(2020)” จึงเป็นทางเลือกสำหรับ สายผู้ชมที่ดูหนังทั่วไป  ที่ไม่ค่อยได้รับชมแนวระทึกขวัญหรือสยองขวัญมากเท่าไหร่  ที่อาจจะปล่อยสมองโล่ง ๆ ให้ลุ้นระทึกกับตัวหนังที่ได้นำเสนอมา  ทั้งความเสียวสันหลัง  วินาทีกับดักที่กำลังเคลื่อนตัวทำร้ายตัวละคร  หรือการบิ้วอารมณ์ที่โหวกเหวกโวยวาย  นำไปสู่บทสรุปอันน่าตกใจ  ที่อาจได้คะแนนในส่วนนั้นมากขึ้น  เพียงแต่การเลือกบทสรุปของหนังนั้น  เป็นความเซอร์ไพรส์ที่ซ้ำซาก  และขาดความสดใหม่เท่านั้นเอง อัตราความสะเด่า เนื้อหา          2.5/5 ระทึกใจ        3/5 บทสรุป     2.5/5 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม หนังแอนตี้ฮีโร่จากค่าย Netflix อย่าง “The Old Guard” ผลงานจากผู้สร้าง G.I.JO ได้อีกที่ filmograd.net หลังจากที่ลุ้นระทึกกับหนังไปกันอย่างเต็มอิ่มแล้วนั้น เรามาผ่อนคลายสมองไปกับการเล่นเกม ufa6666 ทางเข้า กันเลยดีกว่า เกมที่ได้รับการการันตีว่าสนุกสุดเหวี่ยงไปเลย

หนังแอนตี้ฮีโร่จากค่าย Netflix อย่าง “The Old Guard” ผลงานจากผู้สร้าง G.I.JO

จากผลงานนิยายชื่อดัง ที่ถูกดัดแปลก และแต่งเติมเข้าไปจนได้หนัง นักรบอมตะอย่าง The Old Guard ผลงานหนังแอนตี้ Hero จากทางค่าย Netflix ที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีพลังอมตะเหนือมนุษย์ ที่พวกเขาไม่มีวันแก่ และฆ่ายังไงก็ไม่ตาย แต่พลังของพวกเขานั้น ไม่แน่นอน พวกเขาไม่รู้ว่าพลังของพวกเขาจะหมดไปตอนไหน และวันนี้ผมจะมารีวิวThe Old Guardนักรบพันธ์อมตะให้เพื่อนๆได้ฟังกันครับ รีวิว “The Old Guard” หนังแอนตี้ฮีโร่เรื่องล่าสุดจากทายค่าย NetFlix The Old Guardเป็นหนังแอนตี้ฮีโร่ เรื่องล่าสุดจากทายค่าย NetFlix ที่ผสมผสานและดัดแปลงมาจากนิยายชื่อดัง อีกทั้งยังได้ทีมงานคุณภาพจากสตูดิโอที่ฝากผลงานต่างๆไว้มากมายมายมาร่วมสร้างสรรค์ผลงาน เช่น G.I.JO, Mission: Impossible, 6underground, โดยThe Old Guardจะพูดถึง กลุ่มนักรบที่มีพลังวิเศษ อมตะฆ่าไม่ตาย ที่ต้องใช้ชีวิตปะปนไปกับคนธรรมดา ซึ่งเหล่านักรบพันธ์อมตะนั้นมีผู้นำหญิงที่ชื่อว่า “Andy” ที่มีอายุยาวนานมากที่สุดในกลุ่ม และมีประสบการณ์ในการรบและการใช้ชีวิตที่ยาวนานสุด นำแสดงโดย  “Charlize Theron” (ชาร์ลีซ เทรัน) ซึ่ง Andy เป็นผู้รวบรวมกลุ่มคนที่มีพลังอมตะนี้เข้าไว้ด้วยกัน โดยเธอหวังที่จะไม่ใช้มนุษย์รู้เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อเผ่าพันธุ์ของเธอได้ และสมาชิกในกลุ่มได้แก่ “Kooker” นำแสดงโดย Matthias Schoenaerts และสมาชิกคนล่าสุดในกลุ่มอย่าง Kiki layne  รับบทโดย liyne และ “Nicky”, “Joe” ที่รับบทโดย Luca Marinelli และ Marwan kenzari ,และซึ่งทั้ง 2 ตัวละครนี้ เป็นคู่ ชายรักชายกันภายในหนัง โดยตรงจุดนี้ผมมองว่ามันทำให้หนังมีสเน่ห์ขึ้นเอามากๆ เพราะมีหนังแอคชั่นเพียงไม่กี่เรื่องที่ หยิบยกเพศที่สาม เข้ามามีบทบาทในหนังฮีโร่  ส่วนความสนุกของหนังจะเป็นอย่างไร เพื่อนๆสามารถไปรับชมกันแล้วได้ทาง Netflix และในส่วนความรู้สึกของผมนั้น หนังเรื่องนี้ ค่อนข้างสนุกและน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ยิ่งทางฝั่งนักแสดงอย่าง “Charlize Theron” (ชาร์ลีซ เทรัน) เธอแสดงได้ดีเอามากๆ  เธอมีเสน่ห์ สวย เท่ และแบกหนังเรื่องนี้ได้อย่างดีเลยทีเดียวครับ หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม หนังที่ฝากคำถามไว้มากมายจาก Netflix อย่าง In The Tall Grass พงหลอนมรณะ ได้อีกที่ filmograd.net หลังจากที่ดูหนังสนุกสุดมันส์ไปแล้วนั้น เรามาต่อกันที่ gclub168 สถานที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะมันสามารถเปลี่ยนชีวิตทุกคนได้อย่างง่ายดายเลย

หนังวันสิ้นโลกฟอร์มยักษ์ จากทางฝั่งจีนอย่าง “The Wandering Earth”

หากพูดถึงหนังวันสิ้นโลกนั้น ก็มีออกมาให้เราได้รับชมกันต่างๆมากมาย แต่หนังส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นหนังจากฝั่งยุโรปไปเสียหมด เพราะหนังวันสิ้นโลกส่วนใหญ่ ย่อมมีการถ่ายทำที่ต้องใช้ต้นทุนที่สูง และต้องอาศัยกระสบการณ์การทำหนังประเภทนี้ที่ค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่ในปี 2020 นี้ ก็ได้เกิดเป็นกระแสร้อนแรงอย่างต่อเนื่องกับหนังฟอร์มยักษ์จากประเทศจีนอย่าง The Wandering Earth หนังที่บอกเล่าเรื่องราววันสิ้นโลก และการอพยพเอาตัวรอดของมนุษย์โลก “The Wandering Earth” หนังที่บอกเล่าเรื่องราวของการเอาตัวรอดในช่วงวันสิ้นโลก The Wandering Earth นั้นจะพูดถึงวันสิ้นโลก ที่ดวงอาทิตใกล้ถึงจุดดับและกำลังขยายตัว จึงทำให้ระบบต่างๆของธรรมชาตินั้นผิดเพี้ยนและไม่ปกติ มนุษย์โลกจึงต้องอพยพเพื่อไปหาดวงอาทิตดวงใหม่ ถือเป็นความทะเยอทะยานของฝั่งจีนเอามากๆ ด้วยคอนเซ็ปหนังที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดี  และภัยพิบัตินี้ก็รุนแรงยิ่งกว่าหนังวันสิ้นโลกเรื่องไหนๆ และนอกจากนี้ไอเดียร์การแก้ไขปัญหาต่างๆภายในหนังนั้น ก็ไม่น่าเชื่อ ว่าฝั่งจีนจะคิดค้นขึ้นมาใช้ภายในหนัง ที่โครตจะล้ำและไม่น่าเชื่อว่าพี่จีนจะคิดค้นขึ้นมาใช้กับหนัง เช่นการคิดค้นเครื่องยนต์ชนิดหนึ่งที่ทำให้โลกหยุดหมุน เครื่องที่ทำให้โลกเคลื่อนที่ การเผาดวงดาวต่างๆเพื่อรักษาโลกของเราไว้ รวมถึงไอเดียร์อื่นๆภายในหนังอีกมายมาก และจะมีไอเดียร์อะไรบ้าง เพื่อนๆคงต้องไปค้นหาคำตอบกันด้วยตัวเองภายในหนังกันครับ ส่วนเรื่องรายได้คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเรื่องนี้ทำรายได้ไปถึง  690 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว จัดเป็นหนังที่ทำรายได้ภายในประเทศเป็นดันดับสองรองจากเรื่อง the wolf warrior2    เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ หนังวันสิ้นโลกฟอร์มยักษ์ ฝั่งจีน อย่าง The Wandering Earth นอกจากไอเดียร์ภายในหนังที่สุดแสนแปลกใหม่แล้ว ด้านนักแสดงก็สุดจัดไม่แพ้กันเลยทีเดียว เพราะหนังเรื่องนี้ขนทัพนักแสดงที่มีเชื่อเสียงเข้ามามากหน้าหลายตา เช่น จ้าว จินม่าย, ชวี ฉุ่เซียว, แจ็คกี้ วู, และนักแสดงที่มีชื่อเสียงอื่นๆอีกมากมาย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม ทำไมคนถึงจับตามองหนังเรื่อง Monsters Hunter เยอะและเป็นหนังที่น่าดูประจำปี ได้อีกที่ filmograd.net บางทีหนังที่เกี่ยวกับวันสิ้นโลกนี่ก็สอนเรื่องราวเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดให้กับเราเป็นอย่างดี ดังนั้นหากยังไม่รู้ว่าจะเล่น สล็อต เกมส์ ไหนดี นั้น เราขอแนะนำที่นี่เลย เพราะเราได้รับการยอมรับจากเหล่านักเดิมพันมากมาย ทำให้เพื่อนๆคลายความกังวลเรื่องการโกงได้ 100%

หนังเอเลี่ยนจากต่างดาวที่สอดแทรกประเด็นทางสังคมเข้าไปอย่าง “District 9”

หากพูดถึงหนังเอเลี่ยนจากต่างดาวแน่นอนครับ ว่ามีเยอะแยะมากมาย อีกทั้งยังเป็นหนังที่มีกลุ่มผู้ชมเฉพาะกลุ่มอยู่ค่อนข้างมาก หนังแนวนี้จึงมีความเป็นมาตรฐานของหนัง ที่ปล่อยออกมาทีไร ยากที่จะเจ๊ง แต่มีหนังเอเลี่ยนอยู่เรื่องหนึ่ง ที่จัดเป็นหนังเอเลี่ยนที่ค่อนข้างแตกต่าง และอินดี้เอามากๆ อย่าง District 9 หนังเก่าจากปี 2009 โดยจุดเก่งของหนังเรื่องนี้นั้น นอกจากการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่แล้ว หนังยังผูกเนื้อเรื่องให้เชื่อมโยงกับประเด็ดของสังคมได้อย่างแยบยลเลยทีเดียวครับ District 9 หนังเอเลี่ยนไซไฟที่มีการผูกปมสังคมทางการเมืองอย่างเนียนๆ District 9นั้นจัดเป็นหนัง ไซไฟ เอเลี่ยน และประเด็นสังคมการเมือง เป็นหนังน้ำดีอีกเรื่อง ที่ทำออกมาได้สนุกและน่าติดตามไปตลอดทั้งเรื่อง รวมถึงงานด้าน CG ที่แทบไม่น่าเชื่อเลยว่านี่จะเป็นหนังเก่าเมื่อปี 2009 อีกทั้งหนังยังแสดงความแตกต่างของเอเลี่ยน ที่ไม่เหมือนในหนังเอเลี่ยนเรื่องอื่นๆ ที่ฝูงเอเลี่ยนตั้งตัวเป็นศัตรูกับมนุษย์ และก่อเกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธ์ ซึ่งเรื่องDistrict 9นั้นไม่ได้เดินเรื่องแบบนั้นเลย แต่กลับใช้เอเลี่ยนเป็น เหมือนสัญญะ การแบ่งแยก แบ่งชนชั้น เบื้องบนเบื้องล่าง ได้อย่างแนบเนียนและมีชั้นเชิงเอามากๆ โดยหนังจะออกแนวเป็นไปในทางสารคดี สลับกับการเดินเรื่องแบบปกติ และหากใครที่อยากรับชมฉากไซไฟ สงครามการต่อสู้ District 9 ก็มีให้เราได้ดูกันอย่างเต็มอิ่มแน่นอน เรียกได้ว่าดูเรื่องนี้จบ ได้ความสนุกแบบครบรสกลับมาอย่างแน่นอน ทั้ง สนุก ตื่นเต้น ดราม่า และแง่คิดต่างๆที่หนังสอดแทรกเข้ามา ส่วนในเรื่องของรายได้นั้นก็ถือว่า District 9 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงด้วยการทำรายได้ถึง  210.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว โดยใช้ทุนสร้างไปเพียง 30 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งหนังเรื่องนี้ ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลถึง 6 สาขา เลยอีกด้วย พูดมาขนาดนี้แล้ว ไม่ดูไม่ได้แล้วนะครับเพื่อนๆ เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ หนังเอเลี่ยนจากต่างดาวที่สอดแทรกประเด็นทางสังคมเข้าไป อย่าง District 9 ยังไงเพื่อนๆก็อย่างลืมไปค้นหา บทสรุปของ District 9 ภายในหนังกันดูนะครับ ไปพิสูจน์กันด้วยตัวเองว่าหนังเอเลี่ยนเรื่องนี้นั้นจะดีและน่าติดตามมากแค่ไหน หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม “Wonder Woman 1984” กับการกลับมาของ “ไดอาน่า พริ๊นซ์” ได้อีกที่ filmograd.net การที่จะสร้างหนังสักเรื่องนั้นมักจะมีการแฝงข้อคิดหรือแนวคิดอะไรดีๆเอาไว้ในหนังเสมอๆ ซึ่ง gclub5555 นั้นก็ได้มีการแฝงจุดประสงค์ที่ดีต่อตัวผู้เล่นด้วยเช่นกัน

หนังแฟนตาซีจัดจ้านเรื่องแรกจากทาง netflix อย่างเรื่อง “Bright”

หากพูดถึงหนังตำรวจคู่หูเพื่อนๆก็คงจะนึกถึงหนังตำรวจคู่หูจากหนังเรื่อง Bad Boys และหากพูดถึงหนังแฟนตาซีเพื่อนหลายๆคนก็คงจะนึกถึงหนังฟอร์มยักษ์ชื่อดังยัง The Lord of the Rings แต่จะเป็นอย่างไรหากหนังทั้งสองเรื่องนี้อยู่รวมกัน ใช่แล้วครับผมกำลังจะพูดถึงหนังเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นหนังฟอร์มยักษ์จากทางค่าย Netflix อย่าง Bright ซึ่งมองดูผิวเผินอาจเหมือนกันหนังเรื่อง Bad Boys ฉบับเวทมนต์ และวันนี้ผมก็จะมารีวิวหนังแฟนตาซีจัดจ้าย เรื่องแรกจาก netflix  อย่างbrightให้เพื่อนๆได้ฟังกันครับ Bright หนังอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การรับชมเป็นอย่างมาก สำหรับหนังฟอร์มยักษ์อย่างBrightนั้น จะพูดถึง โลกในอนาคตที่เกิดความแบ่งชนชั้น ความเสื่อมโทรมของอารยธรรม และการอยู่ร่วมกันระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆ เช่น ออร์ค เอลฟ์ ภูต และมนุษย์ ซึ่งปกติแล้วหนังที่พูดถึงทั้ง 3 เผ่าพันนี้จะเป็นหนังแฟนตาซีย้อนยุค แต่สำหรับbrightนั้น กลับนำเสนอไอเดียร์ที่แตกต่างออกไปกว่านั้น เพราะหนังเดินเรื่องในโลกของอนาคตอันใกล้ แต่ยังคงความเป็นชนชั้นของแต่ละเผ่าไว้เช่นเดิม  โดย เอลฟ์ เป็นชนชั้นสูง มนุษย์เป็นชนชั้นกลาง ออร์คเป็นชนชั้นล่าง และภูตเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยที่สุด โดยหนังจะพูดถึงโลกที่อยู่สงบสุขมานาน แต่ต้องเผชิญภัยอันตรายที่กำลังจะมาถึง โดยมีเผ่าเอลที่ไม่หวังดีคิดจะรวบรวมไม้กายสิทธิ์วิเศษ ที่สามารถปลุกชีพจอมมารจากยุคโบราณมืดกลับขึ้นมาอีกครั้ง และคนที่จะมาพิทักษ์โลกนั้นคือ สองคู่หูตำรวจ ที่แตกต่างกันสุดขั้ว ทั้งนิสัย และเผ่าพันธุ์ นั่นคือ มนุษย์ที่นำแสดงโดย “Will Smith” (วิลล์ สมิธ) และ ออร์ค นำแสดงโดย “Joel Edgerton” (โจล เอ็ดเกอร์ทอน) และทั้งสองจะช่วยเหลือโลกนี้ได้อย่างไร คงต้องไปติดตามกันได้ในbrightทาง Netflix เท่านั้น สำหรับความรู้สึกหลังจากที่ผมได้ดู ต้องขอชื่นชมทางค่าย Netflix จริงๆครับที่กล้าจะสร้างความแตกต่างของหนังให้ออกมาได้อย่างลงตัว อาจจะมีเพียงเรื่องเดียวที่ผมรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย ถึงสเกลของหนัง ที่อยากให้ทำออกมาให้กว้างกว่านี้อีกหน่อย แต่ทางค่ายคงต้องการทำหนังแฟนตาซีที่เข้าใจง่าย และสเกลที่สั้นเพื่อสร้างความแตกต่างหรือเปล่าอันนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ก็ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การรับชมเอามากๆเลยครับ หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตาม รีวิวหนัง “เล มิเซราบล์” (Les Misérables) ความรัก อยุติธรรม และการปฏิวัติ ได้อีกที่ filmograd.net จะว่าไปตอนนี้หนังแนวแฟนตาซีและ gclub1688 ก็กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากเลยเหมือนกัน ซึ่งคำว่าเป็นที่นิยมนั้นก็แสดงได้ว่า สิ่งนั้นมันดีจริงๆ ผู้คนถึงได้ให้ความสนใจกัน