” Ju On ผีดุ 2002″ ที่ไม่ว่าใครที่กล้าก้าวเข้าสู่บ้านหลังนี้ความตายจะติดตามไปทุกที่

ถ้าหากเริ่มเบื่อกับหนังบู๊ล้างพล่านที่ทำให้รู้สึดตื่นเต้นกันไปแล้วลองเปลี่ยนสไตล์มาเป็น ภาพยนต์แนว Horror ดูบ้างไหม สำหรับตำนานที่ทำให้ผู้ชมหลายคนนอนไม่หลับกันมาแล้วอย่าง Ju On ผีดุ 2002 ที่แน่นอนว่าต้องเคยผ่านตาคอหนังสยองขวัญมาไม่มากก็น้อย ที่ในปัจจุบันก็ยังมีการพัฒนาต่อยอดออกไปเป็นทั้งภาคต่อหรือซีรียส์ แต่ก็คงไม่เท่าต้นตำรับที่ช่วยให้ผู้ชมได้คิดตาม ลุ้นระทึกของการปรากฏตัวของวิญญาณที่โผล่มาในรูปแบบที่ไม่ซ้ำกันเลย และฉากจบที่ฝากไว้ซึ่งปริศนาที่ผู้ชมควรต้องมาไขปริศนานี้ด้วยตนเอง เรื่องย่อ ” Ju On ผีดุ 2002″ แกนหลักสำคัญที่เป็นดั่งตัวกลางในกาเชื่อมต่อระหว่าง ภาพยนต์แนว Horror เรื่องนี้ ส่งถึงผู้ชมก็คงจะเป็นในส่วนของเรื่องราวที่จะเล่าผ่านทางผู้กำกับ Takashi Shimizu ผู้ให้กำเนิดหนังเรื่องนี้ เนื้อเรื่องจะดำเนินผ่านหญิงสาวที่มีชื่อว่า Rika Nishina เธอมีทำงานเป็นอาสาสมัครนักสังคมสงเคราะห์ จนอยู่มาวันหนึ่งเธอได้รับหมอบหมายให้ไปดูแล Sachie Tokunaga แกอาศัยอยู่คนเดียวไร้ซึ่งคนดูแล เมื่อ Rika มาถึงเธอกับต้องประหลาดใจกับบ้านที่ไม่เคยมีแม้ใครมาทำความสะอาดอีกทั้งยังมีขยะอยู่เต็มไปหมด หลังจากที่เธอลงมือทำความสะอาดจนเกือบจะเสร็จแล้ว ด้วยความสงสัยว่าทุกคนในบ้านหายไปไหนกันหมดเธอจึงได้ลองเดินค้นหาดูจนพบกับบางสิ่งที่ทำให้เธอต้องเอาตัวรอดออกมาก่อนที่จะรู้ว่าทั้งหมดมันใกล้จะสายไปแล้ว สรุป  ภาพยนต์แนว Horror ที่ยังคงสร้างความหลอนได้ทุกยุคทุกสมัยอย่างJu On ผีดุ 2002ซึ่งอาจจะเป้นหนังที่ดูยากไปซักนิดเนื่องจากจะเป็นเล่าผ่านตัวละครหลายคนที่มาเยือนบ้านหลังนี้จะมีพื้นหลังและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องไม่เหมือนกันเลย ส่งผลให้ต้องตั้งใจดูเล็กน้อย รวมถึงนักแสดงเองก็ได้สื่อถึงอารมณ์ความน่าสยดสยองออกมาได้ยอดเยี่ยใจนนับว่าเป็นภาพยนต์อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรพลาด  หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น ” สามภพสามชาติ ลิขิตเหนือเขนย ” หนังรักสุดฟินอินแทบทุกตอน ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิวภาพยนตร์สยองขวัญ แฟนตาซีเรื่อง creepshow ภาพยนตร์ที่คุณไม่ควรพลาด

Creepshow  เป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ แฟนตาซี ที่ดีอีกหนึ่งเรื่อง ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อเรื่องที่แปลเป็นไทยว่า โชว์มรณะ ซึ่งเรื่องราวเกิดขึ้นในเรื่องของปีศาจที่เข้าไปอยู่ในตัวมนุษย์อน่างที่ไม่มีใครทราบสาเหตุ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นถูกฉายมาสู่สายตาแฟนๆ ในปี 1982 และหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ สยองขวัญแล้วละก็ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับภาพยนตร์เรื่องcreepshowนี้กันครับ ความรู้จักกับภาพยนตร์เรื่อง creepshow กัน ซึ่งภาพยนเรื่อง creepshow ดำเนินเรื่องโดย ความผิดปกติของมนุษย์ที่เกิดขึ้นบนโลก ซึ่งความผิดพลาดดังกล่าวนั้นเริ่มขึ้นที่ มีการค้นพบความแปลกประหลาดในร่างชายคนหนึ่ง ซึ่งในตัวเขาถูกพบตัวแมลงสาบอยู่ภายในตัว ซึ่งแมลงสาบที่เข้าไปอยู่ในร่างกายของชายคนนั้น ถูกเรียกว่า ปีศาจ ซึ่งพวกมันได้เข้าไปอาศัยแบะกัดกินอวัยวะของมนุษย์ เป็นเสมือนโรคร้ายที่แพร่ระบาดบทโลก ซึ่งมีหลายองค์กรเข้ามาแก้ไขและหาคำตอบของเรื่องนี้ ว่าเพราะอะไรแมลงสาบเหล่านั้น ถึงได้เข้าไปอยู่อาศัยในร่างกายมนุษย์  และนี่ก็คือเรื่องราวแบบคล่าวๆ ของภาพยนตร์เรื่อง creepshow นี้ครับ แค่อย่างไรก็ตามเรานั้นอยากให้คุณได้ลองสัมผัสกับความสนุกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวของคุณเอง ทางเราได้มีการรีวิวเพื่อบอกเล่าในความสนุกของภาพยนตร์เพียงแค่โครงเรื่อง โดยเฉพาะแฟนๆ ที่ชอบในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ แฟนตาซี และเราก็ขอยอกเอาไว้อีกหนึ่งอย่างนั้นก็คือ หากคุณเป็นแฟนๆแนวระทึกขวัญ สยองขวัญ แฟนตาซีเรื่องนี้ และหากคุณไม่ติดตามหรือไม่รับชม ถือว่าคุณนั้นพลาดสิ่งดีๆ แบบนี้โดยศูนย์เปล่าครับ โดยเนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้ชมจะได้รับทั้งความสนุก และได้เรียนรู้ในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ได้เป็รอย่างดี เพราะหากภาพยนตร์ไม่สนุกจริง เรานั้นไม่กล้านำมารีวิวอย่างแน่นอน เพราะเรานั้นห่วงใยคุณ และเราแคร์ในเรื่องของความสนุกเพื่อเป็นประโยชน์ของผู้ที่ชื่นชอบในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ สยองขวัญ และท้ายที่สุดนี้เราก็ขอฝากความสนุกของภาพเรื่อง creepshow เอาไว้ในอ้อมกอดคุณด้วย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่นรีวิวหนังแอคชั่น “The Outpost” ชัยภูมิมรณะ เพราะสงครามไม่ใช่เรื่องที่สมควรมี! ได้อีกที่ filmograd.net

สเปซแจม ภาคสอง ที่กำลังจะไม่มีตัวมอนสตาร์อีกต่อไปแล้ว

เรียกว่าเป็นภาพยนตร์ที่เคยโด่งดังมาแล้ว สำหรับทาง สเปซแจม ที่ก่อนหน้านี้ได้ไมเคิล จอร์แดนมารับบทเด่นในเรื่องคู่กับตัวลครอย่างบักส์บันนี่ แต่ทว่าในภาคสองหรือนิวเลกาซี่นั้นทางเลเบรอนเจมส์จะมารับบทนี้แทน ก่อนที่จะมีการเปิดเผยว่าเหล่าตัวร้ายอย่างกลุ่มมอนสตาร์จะไม่ได้ปรากฏตัวในภาคนี้อีกแล้ว ซึ่งย้อนกลับไปในยี่สิบปีก่อนนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นการผสมผสานระหว่างบาสเกตบอลกับวงการฮอลลีวูดจนทำรายได้ไปมากมาย ก่อนที่จะมีการนำเรื่องราวมาทำใหม่พร้อมกับนักกีฬาดังแห่งวงการปัจจุบันอีกด้วย กลุ่มมอนสตาร์ เหล่าตัวร้ายในภาพยนตร์ สเปซแจม จะไม่ปรากฎตัวอีกในภาค 2 ในเรื่องสเปซแจมภาคก่อนนั้น ทางไมเคิล จอร์แดนนั้นจะได้ทางตัวละครจากเหล่าลูนีย์ทูนส์มาช่วยเขาเอาชนะเกมสำคัญได้ โดยทีมของจอร์แดนที่ชื่อว่าทูนสควอดจะต้องลงแข่งขันกับเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่ชื่อว่ามอนสตาร์ ซึ่งเกิดจากการนำเอานักกีฬาในลีกเอ็มบีเอคนอื่นๆ ไปฉีดสารกระตุ้นจนกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดในที่สุด ก่อนที่ตอนจบจะทำให้ทางเหล่าตัวการ์ตูนนี้ได้ย้ายไปอยู่ในอวกาศและกลายเป็นตัวละครสำคัญในสวนสนุกบนดาวนั้นอีกด้วย ซึ่งทางแฟนๆ หลายคนยังแอบคิดว่าเหล่าตัวร้ายนี้จะกลับมามาอยู่ในเรื่องนี้อีกครั้ง ด้านตัวละครเอกในเรื่องอย่างเลบรอน เจมส์ก็ได้ออกมาเปิดเผยกับทางโร้ดทริปปินที่เป็นซีรีย์ในยูทูบที่ได้ออกมาพูดถึงเล่าตัวร้ายของเรื่องสเปซแจม ที่ยังคงเป็นมนุษย์ต่างดาวเช่นเดิม โดยเรื่องราวที่นักบาสเกตบอลจากทีมแอลเอ เลเกอร์จะได้เจอกับคู่แข่งนั้นจะมาจากอีกโลกนี้แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ชื่อเดิมก็ตาม ซึ่งเขาพูดได้แค่ว่ามันไม่ใช่ชื่อเดิมและเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลตรงนี้ได้ แม้ว่าทางแฟนๆ จะคาดหวังว่าจะได้เหล่าตัวละครนี้อีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นสัตว์ประหลาดจากอีกโลกหนึ่งเหมือนกันก็ตาม คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่าสเปซแจมภาคใหม่จะเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากเลบรอน เจมส์เองก็ไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้มากนัก ส่วนที่รู้ได้ก็คือเหล่าตัวร้ายของเรื่องก็จะเป็นเหล่ามนุษย์จากดาวอื่นเช่นเดิมแต่ไม่ใช่กลุ่มมอนสตาร์ โดยทางวอร์เนอร์ก็มีแผนจะออกฉายเรื่องนี้ในปี 2021 ว่าจะเป็นทางโรงฉายหรือสตรีมมิ่งก็ตาม หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น“จอห์น ซีน่า” ที่ต้องกินเอ็มพานาดาสถึง 31 ชิ้นในฉากเดียว ได้อีกที่ filmograd.net

วอร์เนอร์ บราเธอส์ ที่โดนวิจารณ์อย่างหนักเรื่องของการฉายภาพยนตร์

แม้ว่าทาง วอร์เนอร์ จะพยายามทำให้แฟนๆ ได้ชมภาพยนตร์ให้ไวที่สุดก็ตาม แต่ทว่าค่ายภาพยนตร์ชื่อดังกลับโดนวิจารณ์อย่างหนักที่จะยอมให้ผลงานของตัวเองเข้าฉายในโรงภาพยนตร์พร้อมกับบริการสตรีมมิ่งของตัวเอง จนโดนเหล่านักวิจารณ์เปลี่ยนชื่อเป็นฟอร์มเมอร์บราเธอร์หรืออดีตพี่น้องของวงการไปแล้ว แม้ว่าทางค่ายจะมีอายุเกือบร้อยปีก็ตามและมีอำนาจมากมายในวงการ แต่พวกเขากลับเลือกที่จะเปลี่ยนระบบการฉายจนส่งผลถึงเหล่าคนทำงานในวงการจนไม่ยอมให้มีการปล่อยฉายภาพยนตร์ในราคาที่ต่ำลงไปนั่นเอง วอร์เนอร์ บราเธอส์ โดนวิจารณ์อย่างหนักถึงการฉายหนังในโรงภาพยนตร์พร้อมกับสตรีมมิ่ง เหตุผลที่ทำให้ทางวอร์เนอร์บราเธอส์เริ่มโดยวิจารณ์มากขึ้นก็คือการยอมจ่ายเงินมากถึง 10 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นค่าตัวของแกล กัลดอทที่แสดงนำในเรื่อวันเดอร์วูแมน 1984 ที่พวกเขานำมาฉายผ่านช่องเอชบีโอแมกซ์หรือสตรีมมิ่งของพวกเขา ซึ่งจากเดิมนั้นรายได้ของนักแสดงจะได้ตามสัญญาก่อนจำแสดงในกองถ่าย ก่อนที่จะได้รับเงินก้อนเป็นส่วนแบ่งหลังจากการฉายภาพยนตร์ แต่การที่ค่ายดังยอมจ่ายเงินก้อนเพิ่มให้หลังจากการฉายในแพลตฟอร์มอื่นได้ กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยทีเดียว หลังจากที่ทางวอร์เนอร์ได้ต้องการจะเปลี่ยนแปลงการฉายภาพยนตร์นี้เอง ที่ทางหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ได้ออกมาล้อเลียนว่าเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นฟอร์มเมอร์บราเธอร์ รวมถึงทางตัวแทนเหล่านักแสดงอย่างมาร์กอท ร็อบบี้ วิลล์ สมิธและคีอานู รีฟส์ได้ออกมาตั้งคำถามของค่ายภาพยนตร์นี้ถึงค่าตัวพวกเขาที่ไม่ได้รับเหมือนกับทางกัลดอท จนทำให้เหล่านักแสดงเริ่มไม่พอใจและมีแผนจะไม่ร่วมงานกับค่ายนี้อีกต่อไป เนื่องจากปัญหาเรื่องเงินที่ทางค่ายอาจเลือกที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายแทนอีกด้วย กลายเป็นว่าคำวิจารณ์เกี่ยวกับทางวอร์เนอร์นั้นอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางค่ายโดยตรง เนื่องจากการสตรีมมิ่งนั้นไม่ได้มีเพียงพวกเขาเท่านั้น แต่ทางดิสนีย์ เน็ตฟลิกซ์และอเมซอนต่างก็มีแพลตฟอร์มของตัวเอง แต่ทว่าเรื่องค่าใช้จ่ายหรือค่าตัวนักแสดงที่ทางค่ายดังไม่ได้มีแบบแผนที่ชัดเจน รวมถึงการไม่นำรายได้จากโรงฉายมารวมกับส่วนแบ่งอาจทำให้เหล่าทีมงานไม่ได้รับเงินอย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิวหนังแอคชั่น “The Outpost” ชัยภูมิมรณะ เพราะสงครามไม่ใช่เรื่องที่สมควรมี!ได้อีกที่ filmograd.net

“The Piper” (คนเป่าขลุ่ย) เมื่อเป็นคนดีแล้วโดนหักหลังถึงเวลาเอาคืนให้สาสมใจ!

ช่วงเวลาในวันหยุดยาวๆ ที่ใกล้จะเข้ามาทุกทีก็มีบางคนที่ไม่รู้จะออกไปไหนดีขอแนะนำ ภาพยนต์แนว Horror ที่จะมาเพิ่มความเร้าใจกับเรื่องราวสุดน่าสงสารของหนังเรื่อง The Piper หรือในชื่อไทย คนเป่าขลุ่ย ที่จะเป็นการสื่อถึงจิตใจอันดำมืดของผู้คนที่เห็นแก่ได้ไม่สนใจในความทุกร้อนของผู้อื่น ที่อำนวยการสร้างจากผู้กำกับชาวเกาหลี Kim Gwang-tae เป็นผู้มาถ่ายทอดเรื่องราวให้กับภาพยนต์เรื่องนี้ อีกทั้งยังยกนักแสดงระดับแถวหน้าอย่าง Ryu Seung-ryong , Goo Seung-Hyeon , Chun Woo-Hee และอีกมากมายที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวสุดสะท้อนสังคมในครั้ง เรื่องย่อ “The Piper” (คนเป่าขลุ่ย) แกนหลักที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับ ภาพยนต์แนว Horror เรื่องนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องราวที่ได้มีการถ่ายทอดลงไปในภาพยนต์ผ่านทางผู้กำกับ Kim Gwang-tae ให้ครบทุกรสชาติ เริ่มเรื่องจะเล่าถึงสองพ่อลูกที่เดินทางเร่ร่อนหนีตายมาจากสงคราม ผู้เป็นพ่อได้เสียภรรยไปพร้อมกับขาข้างนึ่งจากพิษร้ายของสงคราม ส่วนลูกก็ดันเป็นโรคหัวใจ จนเขาได้พบเข้ากับวิธีรักษาคือการมุ่งหน้สไปที่โซลเพื่อให้หมอฝรั่งดูแล ด้วยความที่ผู้เป็นพ่อได้มีวิชาในการเป่าคลุ่ยที่ถือว่าเป็นระดับสุดยอดเลยทีเดียว เมื่อทั้งคู่ได้เดินทางต่อมาจนพบเข้ากลับหมู่บ้านกลางป่าลึกที่ไม่เคยปรากฏในแผนที่ ซึ่งหมู่บ้านนี้กำลังเจอกับเหล่าหนูจำนวนมากที่ค่อยกัดกินพืชพันธุ์รวมถึงอาหารจนเกือบหมดไม่ว่าจะทำวิธีใดพวกมันก็ไม่หายไปเสียที สองพ่อลูกจึงอาสาที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยการแลกกับเงินจำนวนหนึ่งและที่พักไม่กี่วันเมื่อภารกิจสำเร็จก็จะออกเดินทางต่อทันที แต่แล้วเมื่อทุกอย่างกำลังไปในทางทีสวยผู้ใหญ่บ้านกับทำร้ายและขับไล่สองคนนี้ออกไปพร้อมทั้งวางยาในข้าวจนทำให้บางสิ่งบางอย่างของผู้เป็นพ่อที่อดทนมายาวนานได้ระเบิดขึ้นพร้อมหันกลับมาจัดการกับผู้ทีทำให้พวกเขาต้องเป็นแบบนี้ สรุป  ภาพยนต์แนว Horror ที่สร้างมาเพื่อให้ผู้ชมได้เห็นในความมืดดำของจิตใจผู้คนที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปแค่ไหนบุคคลเหล่านี้ก็ยังอยู่อย่าเรื่องThe Piperที่สื่อออกมาได้ดีเลยทีเดียวทั้งการจัดลำดับขั้นในการเล่าเรื่องให้ผู้ชมได้ผูกพันธ์กับตัวละคร งานภาพที่ให้ทั้งความสวยงามของธรรมชาติและส่งต่ออารมณ์ให้คนดูได้แบบเต้มที่อีกด้วย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “Joker” อีกหนึ่งในภาพยนตร์ที่สะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดีมากๆ ได้อีกที่ filmograd.net

“Joker” อีกหนึ่งในภาพยนตร์ที่สะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดีมากๆ

ย้อนกลับไปปีที่แล้ว (2019) ได้มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งออกฉายสู่สายตาแฟนๆ ทั่วโลก กับบทของหนังที่สะท้อนถึงความรู้สึกของมนุษย์ มีการใช้จิตวิทยาระทึกขวัญเข้ามาภายในภาพยนตร์ ทำให้ภาพยนตร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหลายๆ ด้าน รวมถึงตัวนักแสดงนำอย่าง โจอาควิน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ที่ได้รับรางวัลออสการ์กับบทบาทที่เขาได้รับในเรื่องนี้กับภาพยนตร์ที่ชื่อว่า “Joker”  “Joker” หนังที่สะท้อนสังคมได้อย่างเจ็บปวด Jokerจะเล่าถึงเรื่องของ อาเธอร์ เฟล็กซ์ (โจอาควิน ฟีนิกซ์) คนธรรมดาที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นศิลปินตลกชื่อดัง แต่ตัวเขามีโรคประจำตัวคือหัวเราะไม่หยุด เลยถูกตกเป็นเป้าทำร้ายร่างกายหลายครั้ง อาเธอร์ อาศัยอยู่กับแม่ที่ป่วย จากนั้นภายใต้แรงกดดันของสังคมทำให้ อาเธอร์ ได้สืบค้นหาความจริงบางอย่าง และตัวเขากลายเป็นคนที่จุดชนวนการประท้วงในเรื่องของการเหลื่อมล้ำในสังคมระหว่างคนจนและคนรวย โดยกลุ่มประท้วงจะใช้หน้ากากตัวตลกเป็นสัญลักษณ์  โดยJokerเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำของสังคมภายในเมืองก็อทแธ่ม แสดงถึงจิตใต้สำนึกภายในจิตใจของแต่ละคนที่ต้องเอาชีวิตอยู่รอดภายในสังคมที่โหดร้าย ตัวนักแสดงอย่าง โจอาควิน ฟีนิกซ์ ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากว่าเข้าถึงบทบาทของ Joker ได้ดีที่สุดนับตั้งแต่มีตัวละครตัวนี้มา และนอกจากนี้ภาพยนตร์Jokerยังถือว่าเป็นการเล่าถึงจุดกำเนิดที่มาของคู่ปรับคนสำคัญของ บรูซ เวย์น หรือ Bat Man ในซีรี่ส์ Bat Man ที่โด่งดังไปทั่วโลก  อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้Jokerประสบความสำเร็จ คือความสามารถในการแสดงของ โจอาควิน ฟีนิกซ์ ที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก และอีกหลายๆ อย่างผ่านทางตัวละคร อาเธอร์ เฟล็กซ์ ได้อย่างสุดยอด ทำให้ผู้ชมหลายคนมีอารมณ์ร่วมไปกับบทหนัง ซึ่งนั่นทำให้ตัวของ โจอาควิน ฟีนิกซ์ ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาครอง และเท่านั้นยังไม่พอภาพยนตร์ Joker ยังได้รับรางสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งรางวัลด้วย หากใครอยากจะสัมผัสกับสุดยอดภาพยนตร์ที่เน้นในเรื่องของจิตวิทยา, สะท้อนปัญหาของสังคม แนะนำว่าJokerจะถูกใจอย่างแน่นอน หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิวหนังแอคชั่น “The Outpost” ชัยภูมิมรณะ เพราะสงครามไม่ใช่เรื่องที่สมควรมี! ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิวหนังแอคชั่น “The Outpost” ชัยภูมิมรณะ เพราะสงครามไม่ใช่เรื่องที่สมควรมี!

หากกล่าวถถึงคำว่า “สงคราม” พวกเราหลายคนจะนึกถึงอะไรเป็นอย่างแรก ความรุนแรง การฆ่าฟันกันเองของมนุษย์ การสูญเสีย ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ แต่ไม่ว่าจะนึกถึงอะไรก็ขอให้รู้เอาไว้ว่า สงครามไม่เคยสร้างสรรค์แต่มันเป็นเหมือนกับระเบิดที่คอยล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้สลายหายไปจนหมดสิ้น ความจริงแล้วพวกเราไม่ควรจะทำสงครามแต่ควรหาทางเจรจาต่อรองกันอย่างสันติ แต่แน่นอนว่าความคิดของคนเราไม่ได้ตรงกันตลอด มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะทำให้ทุกคนคิดทำสงครามกัน เรื่องราวของหนัง “The Outpost” นี้เลือกที่จะเปิดหัวมาว่า “สร้างจากเรื่องจริง” ถือเป็นคำเรียกกระแสได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เรื่องราวความสยดสยองของโศกนาฏกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเหล่าทหารอเมริกาที่กำลังตกเป็นรองพวกกลุ่มก่อการร้ายตาลีบัน ซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้เป็นรองแค่เรื่องความเจนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเป็นรองเรื่องจำนวนคนอีกด้วยเพราะครั้งนี้ เหล่าทหารกล้าของสหรัฐ 54 นายต้องเผชิญกับเหล่าตาลีบันอุซเบกิซสถานถึง 400 กว่าคน อีกทั้งพื้นที่นี้ยังไม่เอื้อให้หลบหนี้ออกไปได้อีกด้วย ลักษณะการเป็นแอ่งกระทะที่รายล้อมด้วยภูเขาสูงทำให้เหล่าทหารไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการทำสงคราม คว้าชัยชนะที่ช่างดูริบหรี่เหลือเกิน และออกไปจากที่นี่ให้ได้! ส่วนตัวคิดว่าช่วงแรกของหนังเน้นหนักไปเรื่องรายละเอียดของเรื่องราวมาก รู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยให้อารมรณ์เหมือนดูสารคดีสงคราม แต่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้สร้างตั้งใจเพราะต้องการปูเรื่องราวให้เรามองภาพรวมทั้งหมดได้ และไม่งง พอช่วงหลังหนังเน้นความระห่ำทันที มีเท่าไรเขาใส่แบบไม่ยั้ง CG Visual Effect มีเท่าไรใส่มาหมด ให้ความอลังและเป็นช่วงที่บอกเลยว่ามันส์มาก ไม่มีสะดุดให้เคืองอารมณ์ ใครสายเสพหนังสงคราม ความดราม่าต่างๆตีโจทย์แตกละเอียด น้ำตานองกันไปตามกัน ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังเรื่อง “The Outpost” ประเภท : สงคราม แอคชั่น ผู้กำกับ : ร็อด ลูรี่ นักแสดงนำ : สก็อตต์ อีสต์วู้ด,ออร์แลนโด บลูม,ไมโล กิบสัน,เคเล็บ โจนส์ ความยาว : 2 ชั่วโมง 5 นาที กำหนดฉาย : 5 พฤศจิกายน 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น แนะนำหนังเก่าน่าดูในเน็ตฟิกอย่าง “โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet) ได้อีกที่ filmograd.net

แนะนำหนังเก่าน่าดูในเน็ตฟิกอย่าง “โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet)

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินหนังที่ชื่อเรื่องว่า โรมิโอ + จูเลียต (Romeo and Juliet) มาเป็นเวลาอย่างยาวนานเพราะนี้คือหนังรักในตำนานที่ไม่มีวันตาย เป็นหนังที่ควรค่าแก่การรับชมเป็นอย่างมาก เพราะมันสะท้อนให้เห็นภาพรวมในสังคมได้อย่างชัดเจน และที่ยิ่งน่าสนใจไปกว่านั้นคือ เขียนบทโดย วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) นักกวีชื่อดังที่ได้รับฉายาว่า  (จอมกวี) ที่มีวาทศิลป์ที่งดงามและลึกซึ้ง พาทุกคนย้อนไปดูหนังเก่ากับเรื่อง”โรมิโอ+จูเลียต” (Romeo and Juliet) หนังเรื่องนี้นั้นมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครตรงที่ว่า ทั้งเรื่องจะไม่มีภาษาพูดเลย จะมีแต่ถ้อยคำที่เป็นกวีโดย วิลเลียม เชกสเปียร์ เป็นคนแต่งขึ้นมา ถ้าเปรียบเทียบในแบบไทยก็คล้าย ๆ กับบทกวีของท่านสุนทรภูนั่นเอง แต่หนังเรื่องนี้จะเป็นเวอร์ชั่นแบบบทกวีภาษาอังกฤษ ผู้ชมอาจจะต้องใช้วิจารณญาณเล็กน้อยเพราะว่าเขาไม่ได้ใช้ภาษาพูดทั่วไป ขนาดซับไตเติ้ลยังแปลเป็นบทกลอนของ วิลเลียม เชกสเปียร์ เพื่ออรรถรสในการรับชม มีให้รับชมในเน็ตฟิก (Netflix) แล้วนะ นักแสดงหลัก ๆ ก็มี ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ Leonardo DiCaprio รับบทเป็น Romeo Montague (โรมิโอ มอนตะคิว)ช่างเป็นบุญตามากเพราะอยู่ในช่วงที่ลิโอนาร์โดยังเป็นวัยเยาว์อยู่และคนต่อมาคือ แคลร์ แคเทอรีน เดนส์ Claire Catherine Danes แสดงเป็น  Juliet Cabulet (จูเลียต คาปุเล็ต) สาวสวยที่แสดงเป็นตัวเอกในหนังเรื่องนี้นั้นเอง ทั้งคู่แสดงได้อารมณ์มาก ๆ ไม่แปลกเลยว่าทำไมถึงเป็นมืออาชีพขนาดนี้ หนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ครบรสเกี่ยวกับเรื่องความรัก มีต้นต่อและมีเรื่องราว เราจะขอเล่าเรื่องย่อคร่าว ๆ ที่เกี่ยวข้องภายในหนังนะคะ 2 ตระกูลนี้นั้นไม่ถูกกันมาเนินนานแล้ว มีเรื่องทะเลาะกันโดยตลอดโดยไม่มีท่าทีที่จะยุติได้เลย วันหนึ่งโรมิโอได้แอบเข้าไปในงานเต้นรำของฝั่งทางคาปุเล็ตแบบเล่น ๆ และบังเอิญไปเจอลูกสาวของตระกุลคาปุเล็ต โดยที่ตนนั้นยังไม่ทราบว่านั้นคือลูกสาวของตระกูลคู่รักคู่แค้นของตน หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “จอห์น ซีน่า” ที่ต้องกินเอ็มพานาดาสถึง 31 ชิ้นในฉากเดียว ได้อีกที่ filmograd.net

“จอห์น ซีน่า” ที่ต้องกินเอ็มพานาดาสถึง 31 ชิ้นในฉากเดียว

เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดไม่น้อย เมื่อทาง จอห์น ซีน่า จะต้องกินเอ็มพานาดามากกว่า 31 ชิ้นเพื่อแสดงในฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องซูอิไซสควอดที่กำกับโดยเจมส์ กันน์ โดยภาพยนตร์ที่รวมเหล่าตัวร้ายในจักรวาลซีดีนั้นจะต้องมาเจอภารกิจอย่างทาสต์ฟอร์ซเอกซ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำลายห้องทดลองในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองของพรรคนาซี นอกจากนี้ยังจะมีตัวละครเก่ากลับมารับบทเดิมอย่างมาร์กอต ร็อบบี้ในบทบาทของฮารลี่ ควินน์หรือจะเป็นทางวิโอลา ดาวิสที่รับบทอมานด้า ดาวิส รวมถึงตัวละครใหม่อย่างพีซเมเกอร์อีกด้วย “จอห์น ซีน่า” หลังจากที่ทางจอห์น ซีน่าได้ให้สัมภาษณ์กับทางซีซีเอกซ์พีในช่วงต้นเดือนนั้น เขาก็ไม่ได้เปิดเผยว่าตัวละครพีซเมเกอร์จะมีบทบาทอย่างไรบ้าง โดยบางฉากก็มีความลำบากสำหรับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งในฉากหนึ่งที่อดีตนักมวยปล้ำชื่อดังจะต้องร้องขอชีวิตเลยทีเดียวก็คือการกินเอ็มพานาดาเพียงหนึ่งชิ้น แต่ทว่าทางเจมส์ กันน์กลับยังไม่ชอบการถ่ายทำนี้ทำให้ต้องมีการถ่ายใหม่อยู่ตลอดจนกระทั่งจบลงที่การกินไปมากถึง 31 ชิ้นเลยทีเดียว โดยทางจอห์น ซีน่าได้เปิดเผยถึงฉากอันน่าจดจำของเขานั้นว่า ทีมงานได้ไปถ่ายทำที่ด่านฟ้าที่เป็นจุดทานอาหารของกองถ่ายพอดี โดยในฉากนั้นตัวเขาจะต้องกินขนมเข้าไปเพียงหนึ่งชิ้น ก่อนที่ตัวเขาจะเริ่มถ่ายภาพยนตร์ไปจนไม่รู้จบเพราะทางผู้กำกับอย่างเจมส์ กันน์ก็ยังต้องการภาพมากกว่านี้ โดยสุดท้ายตัวเขาต้องกินขนมไป 31 ชิ้นพร้อมกับเล่นมุกตลกอีกว่า หากต้องกินถึง 32 ชิ้นเขาอาจจะอาเจียนออกมาอย่างแน่นอน ก่อนที่สุดท้ายจะต้องไปปลดกางเกงออกเพื่อลดอาการแน่นท้องไปอย่างน่าสงสาร แม้ว่าเรื่องราวของจอห์น ซีน่ากับขนมเอ็มพานาดาจะดูน่าอึดอัดแทนก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็ได้รับบทเด่นเป็นพีซเมเกอร์ในภาพยนตร์เรื่องซูอิไซส์สควอทที่กำกับโดยเจมส์ กันน์ โดยตัวเรื่องราวของเหล่าตัวร้ายนี้จะเข้าสู่โรงภาพยนตร์ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2021 และจะเข้าฉายพร้อมกับแพลตฟรอ์มออนไลน์อย่างเอชบีโอแมกซ์อีกด้วย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น ประกาศแล้ว! “Black Panther” คนใหม่ของเรื่อง คือชูรี่น้องสาวของทีชาล่า ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณการสนับสนุนจาก Ufa369 ที่รวบรวมข้อมูลดีๆในวงการภาพยนตร์ หรือซีรี่ย์ต่างๆ มาให้เราได้แบ่งปันกันอย่างครบถ้วน

“มอนสเตอร์ฮันเตอร์” กับการตัดฉากมุกตลกเหยียดเชื้อชาติ

กลายเป็นประเด็นที่กลบเกลื่อนตัวภาพยนตร์ของพอล แอนเดอร์สันไปอย่างมาก สำหรับเรื่องราวของ มอนสเตอร์ฮันเตอร์ ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากเกมของแคปคอมที่ถูกผู้ชมจากประเทศจีนต่อว่าอย่างหนักที่บังเอิญมีมุกตลกเหยียดเชื้อชาติของพวกเขา จนทำให้กระแสติดลบไปทั่วสังคมออนไลน์ในประเทศของเอเชียเลยทีเดียว ซ่างตัวภาพยนตร์นี้เพิ่งจะเข้ารับการฉายที่ประเทศจีนในช่วงต้นเดือนธันวาคมและกำลังจะออกฉายในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงเทศกาลคริสต์มาสอีกด้วย “มอนสเตอร์ฮันเตอร์” ที่โดนวิจารณ์อย่างดุเดือดในสังคมออนไลน์ ถึงมุกเหยียดเชื้อชาติ ปัญหาหลังจากการออกฉายของเรื่องมอนสเตอร์ฮันเตอร์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนก็คือ มีมุกตลกเหยียดเชื้อชาติที่แฟนๆ ต่างไม่พอใจจากตัวละครที่ชื่อว่าจิน อูหยงที่พูดถึงหัวเข่าขิงตัวเองว่า ไชนีส์หรือพ้องเสียงกับคำว่าคนจีนในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นมุกตลกที่เอาไว้ใช้สำหรับเหล่าคนเอเชียทั้งประเทศญี่ปุ่นและจีนเรื่องหัวเข่าของพวกเขาที่มักจะสกปรกจากพิธีการคุกเข่าต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในสมัยอดีต จนทำให้ผู้ชมในโรงภาพยนตร์นั้นต่างไม่พอใจและต้องออกมาวิจารณ์กันอย่างดุเดือดในสังคมออนไลน์ต่างๆ เมื่อมีเสียงวิจารณ์ไม่พอใจเกิดขึ้นมาแล้วนั้น ล่าสุดทางมอนสเตอร์ฮันเตอร์ก็ได้ตัดฉากที่เป็นประเด็นร้อนออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางบริษัทที่อยู่ฝ่ายผลิตของภาพยนตร์เรื่องนี้จากประเทศเยอรมันอย่างคอนสแตนตินก็ได้ออกมาขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าตัวภาพยนตร์ชิ้นนี้จะยังมีโอกาสได้กลับไปฉายที่ประเทศจีนหรือไม่ก็ตาม ส่วนทางอีกบริษัทหนึ่งก็กำลังเจรจากับทางการของจีนเพื่อจะกลับไปฉายในโรงอีกครั้งในเวอร์ชั่นที่ไม่มีคำพูดเสียดสีแล้วเช่นกัน นับว่าเป็นข้อผิดพลาดทางการตลาดของเรื่องมอนสเตอร์ฮันเตอร์ก็ว่าได้ หลังจากที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดนั้นทำให้โรงภาพยนตร์จะต้องงดฉายผลงานต่างๆ ไปนานนับครึ่งปี จนกระทั่งสถานการณ์ในประเทศจีนได้เริ่มดีขึ้น แต่ทว่ากลับมีมุกตลกเหยียดเชื้อชาติออกมาจนทำให้คนในประเทศไม่พอใจและตัวผลงานของพอล แอนเดอร์สันจะต้องถูกถอดออกไปจากโรงภาพยนตร์จนต้องเกิดเหตุให้กลับมาเจรจาใหม่อีกครั้งไปอย่างน่าเสียดาย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “สามภพสามชาติ ลิขิตเหนือเขนย” หนังรักสุดฟินอินแทบทุกตอน ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณการสนับสนุนจาก Joker True Wallet สำหรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวงการภาพยนตร์ต่างๆ ที่ได้นำมาเผยแพร่ในวันนี้