Born to be King (เกิดมาเป็นเจ้าพ่อ) ปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์สูตรสำเร็จยุคเก่า

การกลับมาของ “Young and Dangerous” หรือ “กู๋ หว่า ใจ๋” ที่ดูเหมือนจะทิ้งทวนไปแล้วในภาค 5 แต่ 2 ปีต่อมา  ก็ได้คลอดภาคใหม่ในชื่อ “Born to be King”  ซึ่งนับเป็นภาค 6 ที่มีการเชื่อมเรื่องราวการพัฒนาการของตัวละครหลัก  และรวบรวมนักแสดงเก่า ๆ ที่อาจตายไปแล้วในภาคก่อน ๆ  มารับบทใหม่ในภาคนี้  และที่สำคัญการกลับมาของ เฉิน เสี่ยวชุน ผู้รับบทเป็น “ไก่ป่า”  ทำให้หนังภาคนี้ กลับมาปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์อีกครั้งหนึ่ง “Born to be King” กำลังจะกลับมาอีกครั้ง Born to be Kingกล่าวถึง “ไก่ป่า” กำลังจะได้เป็นลูกเขยของ “แก๊งยามาโต้” แก๊งซึ่งทรงอิทธิพลในญี่ปุ่น ในขณะเดียวกัน “เฉิน ห้าว หนาน” เพื่อนสนิทของไก่ป่า กำลังจะก้าวสู่ผู้นำแห่ง “หงซิน” อย่างเต็มตัวอีกเช่นกัน  ขณะที่ “แก๊งสามสหาย” ของใต้หวัน ได้เกิดปัญหาภายใน  โดยมี “เสี่ยหลุย” ลูกชายหัวหน้าแก๊งคนเก่าผู้จบจากอเมริกา  เข้ามาเป็นกาวใจและแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว  โดยทั้งสามแก๊ง ทั้งยามาโต้  หงซิ่ง  และแก๊งสามสหาย  ต่างเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน จนกระทั่งการเข้ามาของผลประโยชน์ด้านการเมือง  นำมาสู่เหตุการณ์วุ่นวายและการแตกหักระหว่างสามแก๊งดังกล่าว ในภาคนี้ ก็ได้แทรกกลิ่นไอของการเมืองอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งใช้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประเทศใต้หวัน เป็นจุดพลิกผันของเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยการพลักบทบาทของ “ไก่ป่า” ให้มีความสำคัญอีกครั้ง  หลังจากหายไปในภาค 5 อย่างมีข้อกังขา ซึ่งสามารถทำหน้าที่ได้ดี  ในซีนอารมณ์ที่ต้องการความหนักเบาได้อย่างกลมกล่อม  ในขณะที่ “เฉิน ห้าว หนาน” พระเอกของเรื่องกลับไม่เด่นเท่าที่ควร  กลายเป็นเพียงแค่ประเด็นรอง ๆ ที่เน้นไปทางโหยหาความรักเก่า ๆ เสียมากกว่า ส่วนการไล่ฆ่า  แก้แค้น  และการหักหลังกัน ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของการปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์  ก็มียังมีอยู่ให้เห็น  ได้หายคิดถึงกันบ้าง  แต่ก็ไม่มีอะไรใหม่ให้เซอร์ไพรส์มากมาย นอกจากงานโปรดักชันที่ดูพัฒนาไปอีกขั้นของหนังชุดนี้Born to be Kingเป็นการจับประเด็น จับแพะชนแกะที่ทำได้ดีพอสมควร  ซึ่งใช้ความคุกรุ่นของการเมืองการปกครองในฝั่งใต้หวันในช่วงนั้น  ในการเล่าเรื่องเชื่อมโยงกับแก๊งอิทธิพลต่าง ๆ   และนำมาซึ่งตัวละครหลัก ๆ ในภาคก่อน   ให้มารียูเนียนนอีกครั้งเพื่อปลุกตำนานหนังแก๊งสเตอร์ให้กระหึ่มอีกครั้งหนึ่ง  เพียงแต่การเปลี่ยนผันของหนังฮ่องกงที่เริ่มตกลงในช่วงนั้น  อาจไม่สบความสำเร็จด้านเสียงวิจารณ์มากที่ควร อัตราความสะเด่า เนื้อหา           3.5/5 ระทึกใจ 3.5/5 บทสรุป 3.5/5 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น Airplane Mode หนังรักกุ๊กกิ๊กของเด็กสาวที่ติดโลกโซเชียลโดยไม่รู้ผลเสียของมัน! ได้อีกที่ filmograd.net

แวร์ ภาพยนตร์ มนุษย์หมาป่า ที่ยังเข้าถึงคนในยุคเทคโนโลยี

แม้ว่าเรื่องราวของ มนุษย์หมาป่า อาจจะลดความน่ากลัวลงไปในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนกับทุกชีวิตบนโลกใบนี้ แต่ทว่าผลงานของผู้กำกับวิลเลี่ยม เบนท์ เบล ได้พยายามถ่ายทอดเรื่องราวของปีศาจที่เคยน่ากลัวออกมาอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการที่พยายามอธิบายผ่านทางการแพทย์และการใช้จัมป์สแกร์ที่ทำให้ผู้ชมได้ตกใจตลอดเรื่องจนเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ควรได้รับคำชื่นชมมากกว่าที่ควรจะเป็น ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง มนุษย์หมาป่า ที่ยังดูได้อย่างสนุกในยุคนี้ เรื่องราวของแวร์นั้นก็เริ่มจากทนายสาวอย่างเคท มอร์ต้องไปว่าความให้กับผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมที่ชื่อว่าทาลัน กวีเนคว่าเขาอาจมีส่วนในการทำร้ายร่างกายครอบครัวพอตเตอร์ทั้งสามคน แต่ทว่าแม่ของทาลันกลับชี้แจงว่าเขาคงไม่มีทางไปทำร้ายคนอื่นได้จากการเป็นโรคทางพันธุกรรมของครอบครัวจนทำให้ทาลันมีร่างกายที่อ่อนแอ แม้ว่าสุดท้ายความจริงจะเปิดเผยว่าทาลันสามารถกลายเป็นมนุษย์หมาป่าที่มีพลังเหนือมนุษย์จริงๆ ก็ตาม หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องมนุษย์หมาป่าได้ออกฉายนั้น กระแสตอบรับของพวกเขาก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับแฟนๆ ของภาพยนตร์สยองขวัญ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามอธิบายที่มาของทาลันผ่านวิทยาศาสตร์และโรคพอร์ไฟเรียที่มีอยู่จริงๆ อีกด้วย แม้ว่าช่วงท้ายของเรื่องจะเปลี่ยนทิศทางไปเป็นภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนตามตัวละครหลักของเรื่องที่เป็นตำรวจและทนายนั่นเอง แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อแวร์ให้เป็นภาพยนตร์ที่ควรชมในช่วงฮัลโลวีนนั่นเอง นอกจากเนื้อเรื่องมนุษย์หมาป่าที่เล่าอย่างค่อยเป็นค่อยไปแล้ว ทางเทคนิคการใช้จัมป์สแกร์ที่ทำให้คนดูตกใจนั้นก็ยังใช้ได้ดีกับภาพยนตร์ที่ไม่ได้มีตัวประหลาดหรือปีศาจในเรื่อง โดยพวกเขาใช้จังหวะที่เหมาะสมในแต่ละครั้งจนผู้ชมไม่มีโอกาสตั้งตัว ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ผู้กำกับภาพยนตร์สยองขวัญอย่างวิลเลี่ยม เบนท์ เบลคิดไว้แล้วอีกด้วย หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น เมื่อ “บัสเตอร์ คีตัน” ได้รับบาดเจ็บในหนังเรื่องเชอร์ล็อคจูเนียร์ ได้อีกที่ filmograd.net ขอขอบคุณการสนับสนุนจาก ufa9999 สำหรับข่าวสารในวงการภาพยนตร์ หรือซีรี่ย์ต่างๆ ทั้งเก่าและใหม่ ที่นำมาแบ่งปันกันในวันนี้

รีวิวภาพยนตร์ Abattoir สุดลี้ลับ ฉากสยอง ที่ครองใจแฟนๆหลายคน

สวัสดีครับมีใครชอบดูภาพยนตร์แนวลี้ลับ หรือสยองขวัญบ้างไหมครับ และบทความนี้เรามีภาพยนตร์แนวลี้ลับสยองขวัญมาฝากครับ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า Abattoir เป็นภาพยนตร์ที่ครองใจแฟนหลายคนและสร้างรายได้อันมหาศาล เราลองไปทำความรู้จักกับภาพยนตร์เรื่องAbattoirนี้กันเลย รีวิวภาพยนตร์ลี้ลับ-สยองขวัญในเรื่อง “Abattoir” ภาพยนตร์เรื่องAbattoirนี้เป็นภาพยนตร์แนวลี้ลับสยองขวัญ โดยดำเนินเรื่องโดยหญิงสาวคนหนึ่ง โดยเธอเป็นนักข่าวที่ทำข่าวเกี่ยวกับฆาตกรคนหนึ่ง จนเกิดเหตุการที่แม้แต่เธอก็ไม่คาดคิดมาก่อน เพราะเธอได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องพวกนี้ไปแล้ว โดยฆาตกรจะกำจัดผู้คนที่เข้ามายุ่งเรื่องคดีของเขา จนอยู่มาวันหนึ่งพี่สาวและหลานของเธอเองได้ถูกฆ่าตายภายในบ้านของเธอเองโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว เธอกลัวที่จะถูกฆ่าเธอจึงขายบ้านหลังนั้นไป แต่เมื่อเธอนั้นได้เดินเข้าไปภายในจุดที่พี่สาวและหลานของเธอตายนั้น ห้องนั้นก็เกิดความลี้ลับโดยจุดเกิดเหตุที่ผู้ตายนั้นได้ถูกยกออกไป และเธอก็ได้ยินข่าวนี้มาเหมือนกันว่าฆาตกรคนนี้เมื่อฆ่าไปแล้วจะอำพรางโดยยกห้องไป หรือซ่อมแซมห้องนั้นทำให้ดูเสมือนว่าไม่มีใครเข้ามา แต่ภาพยนตร์เรื่องAbattoirก็มีความลี้ลับอยู่อีกมาก เราไปหาคำตอบกันในภาพยนตร์เรื่องAbattoirเราไปหาคำตอบที่ว่า ฆาตกรคนนี้เขาต้องการอะไรกันแน่ และเขาทำลงไปเพื่ออะไร และวิธีที่เขาอำพรางตัวเองโดยการยกห้องออกจากบ้านเขาทำได้อย่างไร และเธอจะเจอจุดจบแบบพี่สาวและหลานของเธอหรือไม่ โปรดติดตามภาพยนต์เรื่องAbattoir สำหรับภาพยนตร์Abattoirนี้คุณจะได้รับทั้งความบันเทิงและความตื่นเต้นไปพร้อมๆกันโดยเนื้อเรื่องทำออกมาได้ดี ทำให้เรานั้นลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่าจะเกิดอะไร และต่างก็สงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่คนร้ายอำพรางโดยการยกห้องออกจากบ้าน เพราะถ้าเป็นหลักความเป็นจริงแล้วมันแทบจะทำไม่ได้เลยที่จะยกเอาห้องทั้งห้องออกจากบ้านโดยที่คนในบ้านไม่มีใครรู้สึกตัว หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “Nine Days” หนังสุดครีเอท เมื่อเทวดาหาคนมาเกิดใหม่ด้วยการ “สัมภาษณ์” ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิวภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่อง The Hunger Games สุดสนุกและสร้างรายได้มหาศาล

สวัสดีครับ คุณรู้จักภาพยนตร์ดีแค่ไหนแต่บอกได้เลยเรารู้จักภาพยนตร์เยอะกว่าคุณแน่นอน และบทความนี้จะพาคุณไปเยือนกับภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า The Hunger Games ซึ่งเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่ได้การตอบรับดีเยี่ยม แถมยังผลิตออกมาสร้างรายได้ให้กับวงการภาพยนตร์อันมหาศาล เราไปทำความรู้จักกับภาพยนต์ที่มีชื่อว่าThe Hunger Gamesกันเลยครับ รีวิว ภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่อง “The Hunger Games” สำหรับภาพยนตร์เรื่องThe Hunger Gamesเป็นภาพยนตร์แนวแฟนตาซี โดยเนื้อเรื่องดำเนินโดย ระบบการปกครองที่เรียกกันว่า แคปปิตอล โดยปกครองทั้ง 12 เขต โดยแต่ละปีจะมีการจัดแข่งขันทางด้านการต่อสู้ โดยการต่อสู้นี้จะเป็นการเดิมพันที่คล้ายเกม โดยทั้ง 12 เขตนั้นจะต้องเลือกชายและหญิงออกมา 1 คู่ ใน1 เขตก็จะมีตัวแทน ละ 1 คู่ ออกมาต่อสู้กันเองรางวัลของผู้ที่ชนะหรือผู้ที่อยู่รอดเหลือคนสุดท้ายหรือคู่สุดท้ายนั้นก็คือผู้ชนะ และรางวัลคืออิสรภาพและความเป็นอยู่แบบปกติ แต่ภายในภาพยนตร์เรื่องนี้สื่อถึงอารมณ์ได้ชัดเจน ทุกคนที่เป็นผู้ถูกเลือกจากเขตต่างๆที่ออกมาสู้กันก็ต้องยอมรับระบบนี้เพราะระบบนี้เค้าทำกันมานานแล้ว จึงไม่มีใครที่จะกล้าล้มเลิกระบบในการต่อสู้นี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเราต้องไปลุ้นกันในภาพยนตร์ครับว่าเนื้อเรื่องจะเข้มข้นขนาดไหน และระบบที่ใช้กันมานานอย่างแคปปิตอลใช้ถูกล้มเลิกโดยใคร และจะมีใครต้องตายและใครที่จะอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายต้องติดตามชมในThe Hunger Games          ภาพยนตร์เรื่องThe Hunger Gamesถึงแม้จะเป็นแนวแฟนตาซีแต่ก็ได้รับความสนุก ได้รับความบันเทิงเทิง และได้รับทั้งความรู้ที่หลากหลาย ถึงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีบางฉากที่ว่าดูน่าเบื่อเกินไป แต่โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องThe Hunger Gamesนี้ก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว สมแล้วที่สร้างรายได้อันมหาศาล เพราะต่างก็บอกกันปากต่อปากว่าภาพยนตร์เรื่องThe Hunger Gamesนี้มันสนุกและได้สาระประโยชน์จริงๆ เราขอฝากภาพยนตร์เรื่องThe Hunger Gamesนี้เอาไว้ในอ้อมกอดของคุณด้วยครับ หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว Pandora หนังเกาหลีที่จะทำให้คุณเข้าใจความเห็นแก่ตัวในสังคมมากขึ้น ได้อีกที่ filmograd.net

Isn’t It Romantic เมื่อคนที่ไม่เชื่อในความรักต้องกลายเป็นนางเอกหนังเหล่านั้นเอง

“คุณเคยดูหนังรักโรแมนติก แล้วฝันหวานไปกับมันไหม” คำถามนี้น่าจะชวนเปิดเรื่องได้ดีทีเดียว เพราะชีวิตของสถาปนิกสาวคนหนึ่งในหนังเรื่อง “Isn’t It Romantic” กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาลจากความเชื่อที่แม่เธอฝังหัวของเธอตั้งแต่เด็กว่าความรักนิรันดร์ รักแท้ รักแรกพบอะไรพวกนั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และไม่ควรเชื่อมันจากการดูหนังรักโรแมนติก ตั้งแต่วันนั้นฝันของเธอก็เหมือนแตกสลาย และ “นาตาลี” ก็ไม่เคยเชื่อในความรักอีกเลย ชีวิตการทำงานของเธอแม้จะไปได้ดีแต่เพื่อนร่วมงานที่เอาแต่มองว่าเป็นคนไม่มีค่า พวกเขาปฏิบัติต่อเธออย่างไม่ใยดี จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พูดคุยกับชายคนหนึ่งตรงสถานีรถไฟ และเธอคิดว่าหรือบางทีควรจะลองเปิดใจดูดี แต่ทว่าเขาก็เป็นโจรที่จ้องจะขโมยกระเป๋าเธอเท่านั้น นาตาลีวิ่งไล่เขาไปจนตัวเองชนกับเสาอย่างเต็มแรงและสลบไป ฝืนขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่โรงพยาบาลแล้ว แต่เรื่องราวน่าแปลกใจก็คือ คุณหมอที่มาดูอาการเธอดูจะหล่อแซ่บเกินกว่าจะเป็นหมอ และสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ดูไม่เหมือนโรงพยาบาลจริง ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย นิวยอร์กกลายเป็นเมืองสะอาดตั้งแต่เมื่อไร แล้วเสียงเพลงที่จู่ ๆ ก็ขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยคืออะไร นี่มันไม่มีคำอธิบายอื่นแล้ว นอกจากว่าเธอกำลังติดอยู่ในหนังรักโรแมนติกที่เธอเกลียดยังไงล่ะ! ความคอมเมดี้ของหนังเรื่องนี้ไม่มากไปไม่น้อยไปถือว่าใส่มาได้แบบพอดี ๆ ดูเอาเพลิน ๆ อีกทั้งยังเห็นการล้อหนังรักในดวงใจหลายเรื่องซึ่งเป็นกิมมิกที่น่ารักทีเดียว มุกฮา ๆ ก็ใส่มาแบบไม่ยัดเยียดดูแล้วเป็นธรรมชาติดี อีกทั้งสิ่งที่ได้กลับมายังเป็นข้อคิดว่าสุดท้ายแล้วคนที่เราควรรักที่สุดไม่ใช่ใครอื่น นอกจากรักตัวเองและคอยใส่ใจดูแลตัวเองเสมอต่างหาก ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “Isn’t It Romantic” ประเภท : โรแมนติก คอมเมดี้ ผู้กำกับ : ทอดด์ สเตราส์ ชุลสัน นักแสดงนำ : เรเบล วิลสัน,เลียม เฮมส์เวิร์ท,ปริยังกา โจปรา,อดัม ดีไวน์ ความยาว : 1 ชั่วโมง 29 นาที กำหนดฉาย : 13 กุมภาพันธ์ 2562 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น หนังครอบครัวเบาสมอง “Think Like A Dog” เหมาะกับดูช่วงวันหยุดกับคนที่คุณรัก ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิว A Whisker Away เหมียวน้อยคอยรัก หนังอนิเมะอีกเรื่องของญี่ปุ่น

ปัญหาที่มนุษย์อย่างเรา ๆ ต้องประสบพบเจอในแต่ละวัน ทั้งเรื่องอดีต ปัจจุบัน อนาคต ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องน่าปวดหัวทั้งสิ้น จนหลาย ๆ ครั้งเมื่อมองไปที่เจ้าแมวเหมียวผู้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย นอนขดตัว และได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอย่างสบายใจก็มีชีวิตที่ดูน่าอิจฉาสุด ๆ ไปเลย แต่ใครจะรู้บ้างว่าแท้จริงแล้วชีวิตของเจ้าเหมียวเป็นยังไง และหากเลือกได้คุณอยากกลายร่างเป็นแมวบ้างหรือไม่ เหมือนกับในอนิเมะเรื่องใหม่อย่าง A Whisker Away เหมียวน้อยคอยรัก หรือไม่ อนิเมะเรื่องใหม่จากญี่ปุ่นที่ฉายทาง Netflix แล้ววันนี้ได้เล่าเรื่องราวของเด็กสาวมัธยมอย่าง “มุเกะ” เด็กสาวแสนสดใสที่ต้องเผชิญกับปัญหาภายในครอบครัวไม่เว้นแต่ละวัน จนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจอยู่ตลอด แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป เมื่อมุเกะได้รับหน้ากากแมวมาซึ่งเมื่อสวมใส่เธอจะสามารถกลายร่างเป็นแมวได้! มุเกะเองก็เป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างลุยอยู่แล้วโดยเฉพาะเรื่องความรัก ใส่เต็มร้อย ไม่ยั้งแม้แต่น้อย จนทำให้ “ฮิโนเดะ” เพื่อนร่วมชั้นที่โดนเธอจีบอยู่รู้สึกไม่ชอบใจเพราะรู้สึกรำคาญและเลือกที่จะเมินใส่เธอ มุเกะ รู้สึกเหมือนโลกนี้ช่างน่าเบื่อและเธอโดดเดี่ยวเกินไปแล้ว จึงทำให้เธอเลือกที่จะกลายร่างเป็นแมว และทุกครั้งที่ฮิโนเดะเห็นแมวตัวนี้เขาก็มักเข้าไปอุ้มและกอดรัดด้วยความเอ็นดู ซึ่งมันก็ทำให้เด็กสาวอย่างมุเกะอบอุ่นใจอยู่เสมอ และเริ่มที่จะติดใจร่างแมวนี่เสียแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งเธอต้องเลือกว่าสุดท้ายเธอจะอยู่ในร่างไหนกันแน่ก็มาถึง ตัวอนิเมะเรื่องนี้แม้จะเล่าเรื่องได้เบาไปนิด แต่เมื่อเสริมประเด็นเรื่องการหลบหนีปัญหาของมนุษย์เพิ่มเข้าไป และสาเหตุที่นางเอกกลายเป็นคนเรียกร้องความสนใจจากการขาดความรักจากครอบครัวเข้ามาทำให้ตัวเรื่องมีน้ำหนักมากขึ้น น่าติดตามและเอาใจช่วยนางเอกมาก อีกทั้งการเล่าเรื่องโลกของแมวน้อยก็ทำได้น่าสนใจมาก ๆ เราได้เห็นมนุษย์ครึ่งแมว และแมวที่มีสังคมร่วมกัน โปรดักชันภาพสวยงามสดใสทำให้อนิเมะเรื่องนี้ดึงดูดผู้ชมได้ทุกช่วงวัย แต่ก็มีข้อติเพราะเนื้อเรื่องยังไม่สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับตัวละครเท่าที่ควร ส่งผลให้แอนิเมะเรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งกินใจเหมือนหลายเรื่องที่ผ่าน ๆ มา ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังอนิเมะ A Whisker Away เหมียวน้อยคอยรัก ประเภท : แอนิเมชั่น-มังงะ ผู้กำกับ : จุนอิจิ ซาโต้ ตัวละครหลัก : Yoji Sasaki,Miyo Sasaki ความยาว : 1 ชั่วโมง 53 นาที กำหนดฉาย : 18 มิถุนายน 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว Desperados เสียฟอร์ม ยอมเพราะรัก รอมคอมเรื่องใหม่จาก Netflix ปี 2020 ได้อีกที่ filmograd.net

Airplane Mode หนังรักกุ๊กกิ๊กของเด็กสาวที่ติดโลกโซเชียลโดยไม่รู้ผลเสียของมัน!

ต้องยอมรับว่าในยุคปัจจุบัน “โซเชียลมีเดีย” กลายเป็นสื่อกลางที่แสดงความคิดเห็นในความเป็นโลกในอุดมคติมากขึ้นเป็นอย่างสูง ทั้งการคาดหวัง การเลียนแบบ ในโลกโซเชียลก็มีให้เห็นอยู่ในทุกวันนี้ซึ่งนั่นก็เป็นผลเสียมากกว่าผลดีเพราะมันจะทำให้ผู้ใช้งานเกิดการยึดติดกับชีวิตที่แสนจอมปลอมได้ เหมือนกับเด็กผู้หญิงในหนังเรื่อง “Airplane Mode” ซึ่งเธอยกตัวเองเป็นเน็ตไอดอลคนดังซึ่งมีอิทธิพลในด้านแฟชั่นเป็นอย่างมาก ซึ่งพฤติกรรมการเสพติดมือถือของเธอทำให้เธอขับรถชนอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงการปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวที่ลดลงไปอย่างน่าใจหายนั่นนำไปสู่การตัดสินใจครั้งใหญ่ของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่คิดจะให้เธอย้ายไปอยู่ชนบทกับคุณปู่ ซึ่งที่นั่นห่างไกลจากสัญญาณมือถือเพื่อหวังเป็นการบำบัดอาการของเธอให้ดียิ่งขึ้น ช่วงแรก ๆ เด็กสาวก็ไม่พอใจ และการที่เธอเสพติดการใช้งานอินเทอร์เน็ตก็ทำให้ดูเหมือนเธอไร้การใช้วิจารณญาณไปกับหลายเรื่องเลยทีเดียวเพราะเวลามันเดินไวไปหมด ไม่มีความมั่นคงหรือเสถียร ช่วงแรก ๆ ที่ต้องไปอยู่ชนบทโดยไม่ได้ใช้โทรศัพท์ก็เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากมาก แต่ยังโชคดีที่ได้เจอ “รักแรกพบ” หนุ่มเซอร์สุดหล่อผู้คว้าหัวใจของเด็กสาวไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกัน แม้ว่าเธอเพิ่งจะจบความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มมาได้ไม่นาน พ่อหนุ่มคนนี้ทำให้ชีวิตที่ไร้การไล่ตามของเธอมีความสุขมากขึ้น และมันก็ทำให้เธอมีเวลาที่จะได้พูดคุยกับตัวเอง รู้จัก และทำความเข้าใจตัวเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เธอเอาแต่ทำตามคนอื่นอยู่เสมอ ส่วนตัวขึ้นว่าพล็อตหนังค่อนข้องราบเรียบไปบ้าง แต่ก็ดูเพลินดี แม้ว่าหลาย ๆ ฉากจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าที่ควร อีกทั้งการเห็นมิติของตัวละครเพียงด้านเดียวก็เป็นเรื่องที่ผิดหวังไปบ้าง เพราะหนังไม่ได้โชว์การพัฒนาของตัวละครเลย สิ่งที่ประทับใจน่าจะเป็นตัวนักแสดงที่ตีบทค่อนข้างแตกกระจุยแม้ว่าตัวบทจะไม่ได้เสริมมากนักก็ตาม ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “Airplane Mode” ประเภท : โรแมนติก คอมเมดี้ ผู้กำกับ : Cesar Rodriguez นักแสดงนำ : Larissa Manoela,Andre Frambach,Elasmo Graloss ความยาว : 1 ชั่วโมง 35 นาที กำหนดฉาย : 23 มกราคม 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น “Nine Days” หนังสุดครีเอท เมื่อเทวดาหาคนมาเกิดใหม่ด้วยการ “สัมภาษณ์” ได้อีกที่ filmograd.net

หนังครอบครัวเบาสมอง “Think Like A Dog” เหมาะกับดูช่วงวันหยุดกับคนที่คุณรัก

หนังเบาสมองอย่าง “Think Like A Dog” จะกล่างถึงเรื่องราวของหนุ่มน้อยนักประดิษฐ์อย่าง “โอลิเวอร์” ที่ตั้งใจประดิษฐ์เครื่องอ่านความคิด แต่เมื่อนำเครื่องนี้ไปโชว์ที่งานโรงเรียนมันก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะเกิดข้อขัดข้องทางเทคนิค ทำให้เครื่องไม่สามารถทำงานได้ จนทำให้เขารู้สึกขายหน้ามาก ๆ เมื่อกลับมาถึงบ้านโอลิเวอร์จึงตัดสินใจทดลองกับสุนัขที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทของเขาอีกคนอย่าง “เฮนรี่” และได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนทางไกลที่เป็นชาวจีน ช่วยให้แฮกดาวเทียมของจีนได้สำเร็จ ทำให้สิ่งประดิษฐ์ของเขามีความก้าวหน้าและพัฒนาจนมันใช้งานจริงได้ ซึ่งการที่พวกเขาทำการแฮกดาวเทียมของจีนก็ทำให้รัฐบาลพยายามสืบหาและต้องการจับตัวเขา ส่วนเรื่องสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำก็ไปเข้าหูเจ้าของบริษัทตัวร้ายที่มองว่ามันต้องเป็นเครื่องผลิตเงินให้เขาในอนาคตจึงวางแผนที่จะขโมยมันจากเด็ก ๆ  ด้วยความที่เป็นหนังดูง่าย สบาย ๆ ปมเรื่องจึงไม่ได้สลับซับซ้อนมาก การที่อ่านความคิดของน้องเฮนรี่ได้ก็เป็นเหมือนตัวช่วยในการแก้ปัญหาในชีวิตของโอลิเวอร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งประเด็นที่พ่อแม่ของเขากำลังจะเลิกกัน หรือแม้กระทั่งการที่เขาไม่กล้าชวนสาวที่แอบหมายปองไปงานก็ตาม แม้มันจะดูง่ายดายไร้ซึ่งอุปสรรคไปเสียหน่อย แต่ก็ทำให้เรื่องราวไม่จืดชืดด้วยความสนุกปนฮาในการพยายามขโมยจากฝั่งตัวร้ายที่ทำออกมาได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนั้นเรายังเห็นประเด็นเล็ก ๆ เกี่ยวกับความรักความอบอุ่นในครอบครัว มิตรภาพระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง และแรงสนับสนุนในการทำความฝันของเด็ก ๆ  อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดูเอาสบายเสพความบันเทิงเป็นหลัก ทำให้ความคาดหวังไม่ได้มากเท่าหนังเรื่องอื่น ๆ แต่ก็มีข้อควรพิจารณาอย่างเช่น การที่ควรเสริมความโดดเด่นให้น้องสุนัขมากขึ้นกว่านี้ เพราะทำให้เกิดแรงดึงดูดจากผู้ชมได้มากขึ้น ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังเบาสมองอย่าง “Think Like A Dog” ประเภท : ดราม่า ไซไฟ ผู้กำกับ : กิล จังเจอร์ นักแสดงนำ : เกเบรียล เบตแมน,เมแกน ฟอกซ์,จอช เดอเมล,นีโอ โฮ ความยาว : 1 ชั่วโมง 35 นาที กำหนดฉาย : 23 กรกฎาคม 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว Pandora หนังเกาหลีที่จะทำให้คุณเข้าใจความเห็นแก่ตัวในสังคมมากขึ้น ได้อีกที่ filmograd.net

รีวิว Pandora หนังเกาหลีที่จะทำให้คุณเข้าใจความเห็นแก่ตัวในสังคมมากขึ้น

“ความเห็นแก่ตัว” ไม่เคยมีประวัติศาสตร์หน้าไหนจารึกเอาไว้ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมเกิดความสงบหรือเกิดผลดีใด ๆ อย่างยิ่งในเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เราทุกคนควรที่จะให้การช่วยเหลือกันและกันเสียมากกว่า เหมือนกับภาพยนตร์แนวเอาตัวรอดสัญชาติเกาหลีเรื่อง “Pandora” นี้ ที่เปิดฉากตอนแรกของเรื่องมาด้วยการระเบิดครั้งใหญ่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซึ่งก็ส่งผลให้เกิดสารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการล้มตายของผู้คนและสิ่งมีชีวิตโดยรอบ ความน่าหดหู่ใจนั้นมองเห็นได้ตั้งแต่ต้นเพราะเราจะเห็นภาพของผู้คนต่างเป็นห่วงแต่ชีวิตของตัวเองเต็มไปหมด ไม่มีใครพร้อมที่จะเสียสละเลยสักคนเดียว ร้ายที่สุดคือผู้นำประเทศที่เอาแต่กลัวว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเสื่อมถอยจึงเลือกจะปกปิดข่าวนี้เอาไว้ นั่นจึงนำมาซึ่งความเลวร้ายมากขึ้นเป็นทวีคูณ ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ของหนังอัดแน่นไปด้วยความลุ้นระทึก ไม่จำเป็นต้องมีฉากสัตว์ประหลาดหรือสิ่งมีชีวิตสุดสยองนอกโลกเพราะการหนีกัมมันตภาพรังสีก็เป็นเรื่องน่ากลัวมาก ๆ ไม่ต่างกันเลย เผลอ ๆ จะน่ากลัวกว่าด้วยเพราะหนียังไงมันก็หนีไม่พ้นอยู่ดี ตอนดูรู้สึกเลยว่าเวลาผ่านไปเร็วมากเรียกได้ว่าหนังได้อุดรอยต่อทั้งหมดได้ดี ไม่มีช่วงไหนที่เอื่อยเกินไปจนน่าเบื่อเลย อีกทั้งฉากการเสียสละช่วงหลังหรือฉากการเสียชีวิตต่าง ๆ ของผู้คนอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็รีดน้ำตาของผู้ชมอย่างเราไปอย่างหมดบ่อน้ำตากันเลยทีเดียว ถือเป็นหนังเศร้าที่ได้ใจไปเต็ม ๆ  หนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เราได้มองเห็นความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ได้อย่างเด่นชัด และทำให้รู้อีกว่าการเห็นแก่ตัวนั้นไม่มีประโยชน์เลย ทั้งยังจะนำพาให้ทุกคนตายกันจนหมดอีก ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีสติในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของทุกคนมากกว่าที่พึงมีต่อเหตุการณ์ที่ต้องประสบพบเจอ เรื่องโปรดักชันต่าง ๆ เกาหลีก็ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่น่าประทับใจดังเห็นได้จากหนังแนวนี้บ่อย ๆ นักแสดงตีบทแตกและถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือการแสดงที่ประสบความสำเร็จมากเลยทีเดียว ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนัง “Pandora” ประเภท : กระตุกขวัญ,ดราม่า ผู้กำกับ : พัก ช็อง-วู นักแสดงนำ : คิมนัมกิล,คิมจูฮยอน,มูนจองฮี,คิมมยองมิน ความยาว : 2 ชั่วโมง 16 นาที กำหนดฉาย : 7 ธันวาคม 2559 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนังต่างประเทศเรื่องอื่นๆ เช่น The War with Grandpa สงครามชิงเตียงนอนระหว่างหลานสุดซ่ากับคุณปู่รุ่นเก๋า ได้อีกที่ filmograd.net

ซีรีส์ฮิต IT’S OKAY TO NOT BE OKAY ความรักที่ทำให้เราใส่ใจคนรอบตัวมากขึ้น

IT’S OKAY TO NOT BE OKAY นั้นเรียกได้ว่าเป็นซีรีส์เกาหลีน้ำดี งานละเอียด ที่รู้ถึงความประณีตของทีมงานผู้สร้างอย่างแท้จริง โดยเป็นเรื่องราวชีวิตของชายหนุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้ดูแลผู้ป่วยในวอร์ดจิตเวชอย่าง “มุนคังแท” ที่เขาเองก็มีหน้าที่ดูแลพี่ชายแท้ ๆ ที่เป็น “ออทิสติกส์” ด้วยคนหนึ่ง ชื่อ “มุนซังแท” ชีวิตของสองพี่น้องต้องร่อนเร่ ออกเดินทางบ่อยครั้ง มุนคังแทเลือกที่จะเปลี่ยนที่ทำงานไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลที่เชื่อมโยงกับอดีตในวัยเด็กที่แสนโหดร้าย แม้จะเป็นคนที่พยายามมีความสุขกับสิ่งรอบข้างแค่ไหนแต่ใจลึก ๆ ของเขาเองเต็มไปด้วยความเศร้า ทำให้รอยยิ้มที่เราเห็นนั้นไม่ต่างอะไรกับน้ำตาลที่เคลือบยาขมเอาไว้  เขาและพี่ชายสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็กในเหตุการณ์ฆาตกรรมซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นมีมุนซังแทเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่มันกระทบกระเทือนจิตใจของเขาจนสมองดัดแปลงความจำไป จนเขามีปมกับ “ผีเสื้อ” ซึ่งเป็นสัตว์ที่เห็นระหว่างการตายของแม่เท่านั้น ซึ่งการเสียแม่ไปชีวิตของทั้งสองก็เปลี่ยนไปตลอดกาลเพราะตั้งแต่นั้นมุนคังแทก็เหมือนโลกทั้งใบของมุนซังแท เขาต้องสละเวลาเกือบทั้งหมดให้พี่ชายและนั่นทำให้บางครั้งเขาก็ได้แต่น้อยใจและไม่อยากมีพี่ชายอีกต่อไป แต่เมื่อคิดให้ดีแล้วทุกอย่างก็ไม่ใช่ความผิดของมุนคังแทเลย เขาจึงต้องยอมรับและดูแลเขาต่อไป นางเอกของเรา “โกมุนยอง” นักเขียนนิทานเด็กที่แฝงไปด้วยความดาร์กชื่อดังที่เธอเองก็มีอดีตอันแสนเจ็บปวดในวัยเด็กเช่นเดียวกัน และมันก็ทำให้เธอมีอาการทางจิต เช่น การต่อต้านสังคม ความคิดบิดเบี้ยว และโรคชอบลักเล็กขโมยน้อย อีกด้วย แม้ทั้งสามต่างก็เป็นเหยื่อของความเศร้าในจิตใจและดูไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องกันได้ แต่พวกเขาก็กลายมาเป็นคนสำคัญของกันและกันในชีวิตด้วยโชคชะตาของพวกเขาเอง เนื้อเรื่องของซีรีย์มีความแปลกใหม่มากในวงการซีรีส์เกาหลีเองและซีรีส์ทั่วโลก เพราะการแฝงข้อคิดด้านจิตวิทยาและสภาพจิตใจยังไม่ค่อยแพร่หลายในปัจจุบัน แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คนปัจจุบันมักประสบปัญหาแต่มักจะไม่แสดงออกอย่างชัดเจนจนบางครั้งเราก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังป่วยทางจิตอยู่ สิ่งที่ต้องชมต่อไปคืองานภาพซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ทำออกมาได้ดีงามพระรามแปดที่สุด! ความ Contrast ของสี การโชว์ลายเส้นของหนังสือนิทาน การใช้แสงมัวตอนเล่าอดีต คือลงตัวอย่างสมบูรณ์ ทำให้ซีรีส์มีเสน่ห์ ลึกลับ และดูน่าค้นหาคำตอบมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับซีรีส์ “IT’S OKAY TO NOT BE OKAY” ประเภท : โรแมนติก,ดราม่า,แฟนตาซี ผู้กำกับ : ปาร์ค ชินวู นักแสดงนำ : ซอ เย-จี,คิม ซู-ฮยอน,โอจองเซ ความยาว : 16 ตอน กำหนดฉาย : 20 มิถุนายน 2563 หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามซีรี่ย์เรื่องอื่นๆ เช่น หนังจีน ดีๆที่ท่านผู้ชอบนิยมดูหนังไม่ควรพลาดตังต่อไปนี้ ได้อีกที่ filmograd.net