กระบี่เย้ยยุทธจักร กับหลากหลายเวอร์ชั่นในจอแก้วและจอเงิน

นิยายเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร นั้นกิมย้งได้ทำการแต่งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513 ปี พ.ศ. 2512 แต่เดิมชื่อไทยใช้ชื่อว่า “ผู้กล้าหาญคะนองศึก” สำหรับในประเทศไทยในการแปลครั้งแรกโดย น.นพนัตน์ ต่อมาสำนักพิมพ์ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เดชคัมภีร์เทวดา” ตามชื่อภาพยนตร์ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ อำนวยการสร้างโดยฉีเคอะผู้สร้างหนังชื่อดังคุ้นหูชาวไทยกันดี ซึ่งออกฉายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2533 โด่งดังถึงขนาดมีการสร้างภาคต่ออีก 2 ภาค ในปีต่อๆ มา และยังถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือละครทางโทรทัศน์หลายครั้งเช่นเดียวกัน ที่รู้จักกันดีก็คือเดชคัมภีร์เทวดาในปี 1996 ก่อนที่จะมีการสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีกเวอร์ชั่นหนึ่งพร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรอย่างที่เรารู้จักกันดี ซึ่งสำนักพิมพ์ที่ได้ลิขสิทธิ์แปลนิยายต้นฉบับเป็นภาษาไทยก็เปลี่ยนชื่อนิยายเรื่องนี้เป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรตามละครโทรทัศน์ชุดนี้ด้วย และในการสร้างละครโทรทัศน์จากนิยายชุดนี้ต่อๆมาก็จะใช้ชื่อกระบี่เย้ยยุทธจักรแทบทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เอง ในบทความนี้ต่อไปเราจะขอเลี่ยงนิยายและละครจอแก้วกับจอเงินของนิยายชุดนี้ว่า กระบี่เย้ยยุทธจักร ทั้งหมด เราจะขอพูดถึงความประทับใจของภาพยนตร์และละครที่ดัดแปลงจากนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรที่ได้ชมสักหน่อย โดยกระบี่เย้ยยุทธจักรหรือภาพยนตร์เรื่องเดชคัมภีร์เทวดาที่ออกฉายในปี 1990 1993 ทั้งหมด 3 ภาคนั้น มีข้อดีก็คือค่อนข้างจะสรุปรวบเนื้อเรื่องได้ดี แต่จะดัดแปลงเปลี่ยนต้นฉบับไปมากพอสมควร โดยเฉพาะเป็นภาคแรกที่เพิ่มบทตงฟางปุ๊ป้าย ที่แต่เดิมเป็นชายร่างใหญ่น่ากลัวแต่ใจเป็นหญิงเพราะฝึก “วิชาคัมภีร์ทานตะวัน” กลายมาเป็น แม้ว่าจะยังคงเป็นชายที่ตอนตัวเองเพื่อฝึกวิชาคัมภีร์ทานตะวันอยู่ แต่เมื่อตอนแล้วก็กลายมาเป็นหญิงสาวรูปงาม ซึ่งรับบทโดยหลินชิงเสียนางเอกชื่อดังในยุคนั้น กระบี่เย้ยยุทธจักรเวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ในปี 1996 ค่อนข้างจะเก็บรายละเอียดครบตามต้นฉบับนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักรของกิมย้งแต่งเอาไว้ แต่ผู้เขียนชอบมากที่สุดจะเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักรซึ่งเป็นละครโทรทัศน์เวอร์ชั่น 1999 ที่ช่อง 3 เคยซื้อลิขสิทธิ์มาฉายเมื่อหลายปีก่อน เหตุผลก็เพราะไม่ว่าจะเป็นเทคนิคงานภาพ เนื้อเรื่อง แม้จะถูกดัดแปลงไปบ้างแต่ก็ไม่มาก แต่ฉากการต่อสู้สมกับเป็นนิยายกำลังภายในผสมเทคนิคการใช้สลิงแบบดั้งเดิม ไม่เหมือนกับซีรีย์กำลังภายในยุคปัจจุบันที่เน้นแสงสีเสียงเอฟเฟคอย่างเดียวเข้าว่าเหมือนจอมยุทธยืนอยู่เฉยๆ ปล่อยพลังกัน ไม่มีโชว์ลีลาการต่อสู้วาดลวดลายดาบกระบี่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และจุดแข็งของภาพยนตร์กำลังภายในจีนเลย ละครกระบี่เย้ยยุทธจักรในปี 2000 ก็มีการสร้างขึ้นเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งแต่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จัก และไม่ประทับใจเท่าไหร่ จนหลายคนแทบจะลืมไป จากนั้นแล้วก็ข้ามมาอีก 1 ความประทับใจ เมื่อมีผู้กำกับที่แสนจะมั่นใจ กำกับกระบี่เย้ยยุทธจักรมาสร้างใหม่ในเวอร์ชันปี 2013 ที่ยึดแนวทางที่ ฉีเคอะ เคยทำเอาไว้กับเดชคัมภีร์เทวดาเมื่อปี 1990 ด้วยการเปลี่ยนเพศของตัวละครหญิงแย่งบทบาทนางเอกเกือบทั้งหมดมาใส่ให้   ตงฟางปุ๊ป้าย ตัวร้ายในเรื่องแทน โดยให้เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ ที่หน้าตาสะสวยรับบทโดยเฉินเฉียวเอินนางเอกชื่อดังในเวลานั้นมารับบทนี้ ซึ่งหลงรักพระเอกเล่งฮู้ชง แต่น่าเสียดายที่พระเอกไม่มีใจให้ แม้ว่าจะดัดแปลงจากต้นฉบับไปมาก แต่ด้วยความสามารถของนักแสดงหญิงซึ่งรับบทตัวละครนี้เรียกว่าเอาบทอยู่ จนคนดูแทบจะเรียกว่ายกให้เธอเป็นนางเอก แทนนางเอกตัวจริงของเรื่องได้ไหมก็เลยทีเดียว และเป็นเวอร์ชั่นแรก เวอร์ชั่นเดียว ที่ท่านจะได้เห็นตงฟางปุ๊ป้ายหิ้วปิ่นโตกับข้าวขึ้นเขาไปส่งให้เล่งฮู้ชงที่ฝึกวิชาบนเขา ฮา  จากนั้นก็ข้ามมาเป็นกระบี่เย้ยยุทธจักร เวอร์ชั่น 2019 ที่ผู้เขียนขอสารภาพว่าอยากจะลืมมากที่สุด เหตุผลก็เพราะอาจเพราะผู้สร้างต้องการหาแนวทางใหม่ในการสร้างกระบี่เย้ยยุทธจักรเป็นละครจึงได้ลดทอนฉากกำลังภายในออกไปแทบจะทั้งหมด ให้เหลือการต่อสู้แบบเสมือนคนจริงๆสู้กัน กลายเป็นว่าจอมยุทธที่เคยเหินเดินอากาศต่อสู้กันดุเดือดจากกระบี่เย้ยยุทธจักรเวอร์ชั่นเก่าทำได้เพียงแค่แกว่งดาบฟันกันนิดหน่อยพอประมาณซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด คือผู้ชมชาวไทยต่างด่าดอไม่พอใจกับเวอร์ชั่นนี้กันจริงๆ เหตุผลก็เพราะฉากบู๊แอคชั่นระดับนี้ไม่สมควรนำมาใช้กับกระบี่เย้ยยุทธจักร เพราะว่ากระบี่เย้ยยุทธจักรนั้นเป็นนิยายกำลังภายในแบบดั้งเดิมที่คนดูชอบความเวอร์วังอลังการ และสุดยอดของวิชายุทธ์ต่างๆในเรื่อง โดยเฉพาะวิชากระบี่เก้าเดียวดายของเล่งฮู้ชง เพลงกระบี่ปราบมารของตระกูลลิ้ม และที่ขาดไม่ได้คือความเว่อร์วังของวิชาคัมภีร์ทานตะวันของตงฟางปุ๊ป้าย แต่นี้อะไรเตะต่อยกันยังยังกะยกพวกตีกันตามงานวัด มันไม่ใช่กระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วล่ะนาย ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนังที่มีเนื้อเรื่องของคนที่ถูกกัดขังมี หนัง Oldboy หนังเก่ามาให้ได้ดูกันแก้เซ็ง

หนังที่มีเนื้อเรื่องของคนที่ถูกกัดขังมี หนัง Oldboy หนังเก่ามาให้ได้ดูกันแก้เซ็ง

ในช่วงเวลาที่ต้องโดนกักตัวถึง 14 วันในสถานที่จำกัด ถ้ามองในทางที่ดีก็คงจะได้แก่การที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่อยู่ในฐานะเดียวกัน แต่ในความรู้สึกจริง ๆ แล้วคงไม่ผิดกับผู้ต้องขังแม้ว่าจะมีเครื่องอุปโภคบริโภคอย่างครบครันก็ตาม แต่ก็คงมิอาจมาทดแทนความรู้สึกที่ต้องการอิสระไม่ได้ แต่การดูหนังเพื่อฆ่าเวลาก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ และดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงวิธีเดียวที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้อย่างที่สุด โดยเฉพาะหนังที่มีเนื้อเรื่องของคนที่ถูกกัดขัง หรือกักกันด้วยแล้ว ซึ่งเปรียบเสมือนหัวอกเดียวกันนั่นเอง คราวนี้มี หนัง Oldboy หนังเก่าปี 2003 มาให้ได้ดูกันแก้เซ็ง ไปดูกันเลย ภายในคุกแห่งหนึ่ง โอแทชู ผู้ต้องโทษที่โดนผู้คุมนำมาขังเดี่ยวไว้ โดยไม่แจ้งสาเหตุ และเรื่องที่ถูกขังแยกออกมาอย่างนี้ ทำให้เขาต้องคิดหนัก เขาคิดหาสาเหตุของการถูกขังเดี่ยวนี้อยู่ตลอดเวลา 15 ปี (โห้!! มันมากกว่า 14 วันหลายเท่าทีเดียวนะ) โดยไม่มีคำตอบ แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งเขาก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาให้เป็นอิสระ ก็เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้อีกว่าไม่มีเหตุผล หรือคำอธิบายใด ๆ จากผู้คุมอีกเช่นเคย จึงทำให้เขาต้องออกมาล่าหาความจริงกับผู้ที่จับเขาในครั้งนี้ ทำให้ครอบครัวของเขาตองแตกสลาย  โชคชะตาทำให้โอแทชูได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งได้ให้สัญญาว่าจะช่วยเขาหาเหตุผลเรื่องนี้ให้ได้ แต่เมื่อยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็ทำให้ความจริงเหมือนห่างออกไปทุกที และกลับทำให้เขายิ่งต้องพบกับเรื่องในอดีตที่ผ่านมา จากคู่อริเก่าที่ตามเขามาอยู่ตลอดเวลา  ในช่วงแรกของหนังจะแสดงให้เราเห็นว่าเขาได้ทำอะไรบ้างในช่วงระหว่างถูกขังอยู่ในคุก ทั้งฝึกการต่อสู้ป้องกันตัว และความจำเรื่องอาหารซ้ำซากที่ได้กินอยู่ทุกวัน ก่อนที่หนังจะพาเราไปพบกับความเป็นอิสระของเขา เพื่อการล้างแค้น ผู้ชมหลายคนต่างให้การยกย่องว่า หนัง Oldboy เป็นหนังที่มีพล็อตเรื่องที่เยี่ยมยอดของปี 2003 เป็นหนังที่ทำให้ลืมไม่ลงทีเดียว ติดตามการรีวิวหนังและติดตาม ID4 ภาพยนตร์ดีในอดีตที่ไม่สมควรต้องทำภาคต่อเลยจริงๆ

ID4 ภาพยนตร์ดีในอดีตที่ไม่สมควรต้องทำภาคต่อเลยจริงๆ

ย้อนกลับไปในอดีต ในความทรงจำสีจางจางของผู้เขียน หนึ่งในความสุขในช่วงวัยเด็กอายุ นั่นก็คือการได้ชมภาพยนตร์ซึ่งนำมาฉายเป็นหนังกลางแปลงบนพื้นสนามหญ้า ซึ่งหนึ่งในภาพยนตร์หรือ เป็นภาพยนตร์อันดับต้นๆในใจของผู้เขียนเสมอมารับแต่ช่วงเวลานั้นที่ได้ดูครั้งแรกบนจอภาพยนตร์หนังกลางแปลงจนถึงปัจจุบันนั่นก็คือภาพยนตร์ที่ชื่อ Independence Day : ID4 หรือชื่อไทยว่า “สงครามวันดับโลก” สุดยอดภาพยนตร์ไซไฟซึ่งออกฉายในปี 1996 จากผู้กำกับชื่อดัง Roland Emmerich สำหรับแฟนภาพยนตร์ก็ต้องรู้จักกันดีว่ามันถูกสร้างออกมาในยุคที่งานกราฟิกยังไม่เนียนเลยดีเยี่ยมสุดยอดเช่นในปัจจุบัน หลายฉากเมื่อมองในยุคนี้สามารถฟันธงไปได้เลยว่าเกิดจากการใช้เทคนิคโมเดลในการถ่ายทำ หากแต่สิ่งที่น่าประทับใจเหนือกว่าใครนั่นก็คือตัวบทหรือเนื้อเรื่องของมันที่ทำให้คนดูติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้ไปตลอดความยาว 145 นาที โดยเรื่องราวจะกล่าวถึงช่วงที่สหรัฐอเมริกาใกล้เข้าสู่วันประกาศอิสรภาพซึ่งเป็นเทศกาลวันหยุดยาวอีกวันหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกานั่นก็คือวันที่ 4 กรกฎาคม ของทุกปี นักวิทยาศาสตร์ของโลกจับสัญญาณบางอย่างได้ ซึ่งสัญญาณดังกล่าวไม่ได้มาจากที่ไกลเลย หากแต่มาจากด้านมืดอีกฝั่งหนึ่งของดวงจันทร์นี่เอง ทันใดนั้นพวกเขาก็พบว่ามียานอวกาศปริศนาลำใหญ่มหึมาบินเข้ามาเหนือชั้นบรรยากาศโลก จากนั้นก็ปล่อยยานลำลูกที่แม้ว่าจะแยกตัวออกจากยานลำใหญ่แล้วก็ตามแต่มันก็ยังเป็นยานบินขนาดใหญ่ที่ 1 ลำสามารถลอยลำปกคลุมแทบจะมิตร เมือง แมนฮัตตันและเมืองต่างๆ ของประเทศมหาอำนาจหลักสำคัญในโลก ซึ่งในตอนแรกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้พยายามจะติดต่อสื่อสารกับพวกเขาโดยใช้สัญญาณไฟซึ่งติดตั้งค้นหาเวกเตอร์บินเข้าไปบริเวณที่คาดว่าจะเป็นด้านหน้าของจานบินผลตอบรับก็คือลำแสงที่ยิงเข้ามาทำลายเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว พร้อมกับที่ท่านประธานาธิบดีสหรัฐได้พบกับชายคนหนึ่งที่เป็นสามีของเลขาของเธอซึ่งเขาเป็นเพียงช่างซ่อมโทรทัศน์ในสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง หากแต่เขาอัจฉริยะกว่านั้นเมื่อสามารถจับสัญญาณ และถอดรหัสทราบได้ว่าแท้จริงแล้ว ยานอวกาศเหล่านั้นบินขึ้นเหนือจุดยุทธศาสตร์เมืองสำคัญของโลกเพื่อเตรียมบุกทำรายได้ยึดโลกนั่นเอง หลังจากหลายสิบปีผ่านไป Hollywood ได้นำ ID4 ภาค 2 กลับมาเสนอให้แฟนภาพยนตร์ชมอีกครั้งในปี 2016 อย่างไรก็ตาม มันไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังเอาไว้ แม้ว่าจะได้ผู้กำกับคนเดิมมาสานต่อความมันก็ตาม เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะแม้ว่างานภาพจะเต็มไปด้วย Effect เทคนิคภาพยนตร์สมัยใหม่ หากแต่ในส่วนของเนื้อเรื่องกลับเละเทะไม่เป็นท่า โดยเฉพาะผู้ชมภาพยนตร์สมัยนี้ที่ต้องการเหตุและผลมารองรับมีการดำเนินเรื่องให้ดี หากแต่ในภาคนี้น่าผิดหวังมากรวมทั้งการนำเอาตัวละครเก่าต่างๆในภาคแรกมาฆ่าทิ้งเสียง่ายๆ เพื่อจะตัดบทของพวกเขาในภาพยนตร์ และดันตัวละครใหม่เข้ามาแทน ซึ่งผู้ชมนั้นไม่ชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง เพราะเหมือนกับทรยศผู้ชมที่เคยเชียร์ตัวละครเหล่านั้นในภาคแรกให้รอดและได้รับชัยชนะมาแล้ว กลับกลายเป็นว่ามาตายในภาพยนตร์ภาค 2 แบบง่ายๆ และง่อย ๆ อย่างไม่สมเหตุสมผล รวมทั้งใช้ตัวละครที่มีความขลังจาก วิดีโอตัวอย่างหนัง ID4 ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนัง Ava มาแล้วฆ่า เห็นโปสเตอร์หนังแล้วมีความต้องการที่จะดูเป็นอย่างมาก

Ava มาแล้วฆ่า เห็นโปสเตอร์หนังแล้วมีความต้องการที่จะดูเป็นอย่างมาก

ชื่อภาพยนตร์เรื่อง AVA มาแล้วฆ่า เมื่อได้ยิน หรือเห็นโปสเตอร์หนังแล้วมีความต้องการที่จะดูเป็นอย่างมาก เพราะคิดว่าต้องเป็นหนังแอ็คชั่นที่มีสาวนักฆ่ามือฉมัง และมีบทต่อสู้ หรือบทแอ็คชั่นที่น่าดูเหมือนสาวนักฆ่าที่เคยดูผ่านตามาก่อนหน้า เช่น Lucy, Salt และเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่องแม้แต่ John Wick ซึ่งล้วนเป็นหนังแอ็คชั่นประเภทบู้ล้างผลาญทั้งสิ้น โดยเฉพาะหนังตัวอย่างที่ออกฉายก่อนหน้าก็ดูดีมีราคา เรื่องย่อ ก็บอกแล้วว่าเห็นแล้วทำให้นึกถึงหนังแอ็คชั่นประเภทเดียวกันหลาย ๆ เรื่องอย่างที่กล่าวแล้ว แต่พอได้ดูจริงกลับผิดหวังอย่างแรง เพราะหนังมีฉากแอ็คชั่นให้ดูน้อยมาก เรียกว่าน้อยจริง ๆ แถมในแต่ละฉากที่น้อยอยู่แล้วยังเป็นแอ็คชั่นที่เฉื่อย ๆ ไม่ตื่นเต้นมันธรรมดา ๆ เสียเหลือเกิน ถ้าต้องสอบก็ถือว่าไม่ผ่านครับ ส่วนบทดราม่าของเรื่องที่นำมาใส่ไว้ ก็ยังดูขาด ๆ เกิน ๆ อย่างไรไม่ทราบ ทำให้การดำเนินเรื่องอาจเสียเวลาไปในส่วนนี้อยู่ไม่น้อยทีเดียว ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นการไม่สมควรเนื่องจากเกินพอดีไปอย่างที่บอกแล้ว แต่ที่สำคัญเป็นดราม่าที่ไม่เข้ากับเนื้อเรื่องหรือเหตุการณ์และไม่น่าสนใจอีกต่างหาก มันไม่อิน ไม่สุดอย่างไรชอบกล ดูเลอะเทอะมากกว่า จุดที่น่าสนใจของเรื่องแต่ดันไม่น่าสนใจเพราะไม่เคลียร์ ดูยังไงก็แปลไม่ออกว่าหนังจะสื่ออะไรให้ผู้ชมบ้าง ดูแล้วก็ยังงงอยู่จนบัดนี้ การเดินเรื่องก็ไม่ปะติดปะต่อก็บอกแล้วว่ามันยังขาด ๆ เกิน ๆ อย่างไรชอบกล ทำให้ผิดหวังและเสียเวลาในการเข้าชมไปเป็นอันมาก มันทำให้ความสำคัญของตัวละครในเรื่องลดความสำคัญลงไปมากอย่างไม่น่าเชื่อ น่าเสียดายการโฆษณาที่เห็นก่อนหน้าเป็นอย่างมาก หนังทำให้ดารานำอย่าง Jessica Chastain หมดความเด่นลงไปอย่างมาก เพราะเธอเล่นบทแอคชั่นได้ไม่สมจริง บู้ไม่เข้าขั้น ทำให้ดาราสมทบอย่าง John Malkovich และ Colin Farrell ถูกฉุดลงหลุมไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้  สรุปแล้วหนัง AVA มาแล้วฆ่า เป็นหนังที่สอบไม่ผ่านสักอย่างไม่ว่าจะเป็นบทบู้หรือแอ็คชั่นที่เหมือนเป็นบทเด่นของเรื่อง ก็ไม่สามารถดึงดูดคนดูได้อย่างเต็มที่ น่าเสียดาย ดาราและเนื้อเรื่องที่โฆษณาเอาไว้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเอาเข้าจริงไม่ได้เรื่องเลย ดูแล้วผิดหวังมาก ๆ วิดีโอตัวอย่างหนัง AVA มาแล้วฆ่า ติดตามการรีวิวหนังและติดตาม The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร ภาพยนตร์ผจญภัยยิ่งใหญ่

The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร ภาพยนตร์ผจญภัยยิ่งใหญ่

The Call of The Wild หรือ เสียงเพรียกจากพงไพร เป็นภาพยนตร์ผจญภัยยิ่งใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง ของหมาพันธุ์ยักษ์ใหญ่ที่มีนามว่าบั๊ก ที่ต้องเดินทางผจญกับหลาย ๆ เหตุการณ์ ในการค้นหาสิ่งที่ไม่เคยรู้จัก และคาดคิดมาก่อน The Call of The Wild เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาจากการดัดแปลงบทมาจากนิยายดัง เป็นการตัดตอนมาเพียงบางส่วนที่สำคัญ ทำให้เป็นหนังที่สั้นกว่าที่น่าจะเป็น และยังขาดอะไรไปบางอย่างที่คนดูอาจสงสัยและไม่เข้าใจ ทำให้คิดว่าจริง ๆ แล้วมันน่าจะมีเหตุผลที่มากว่าเรื่องที่นำเสนอ หนังเริ่มจากการเล่า ของชายผู้หนึ่งที่มีอารมณ์ที่ไม่มั่นคงนัก บางครั้งก็ดูว่าเป็นคนเฮอาและสนุกสนาน แต่บางครั้งก็สามารถเปลี่ยนไปได้อย่างฉับไว้ ทำให้การเล่าเรื่องดูเหมือนไม่ประติดประต่อกันสักเท่าไหร่ แต่ก็พอจะรู้สึกได้ว่าเจ้าหมายักษ์นามว่าบั๊กนั้นมันมีนิสัยอย่างไร การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเรียบง่าย และจบลงอย่างง่าย ๆ เช่นกัน จนทำให้คนดูรู้สึกว่า อ้าวจบแค่นี้หรือ ทำไมมันจบง่ายจังเลย แต่สำหรับผู้ชมแล้วยังมีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่อีกมาก เฃ่น ตอนที่เจ้าบั๊ก มันไปเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าหมาป่าดำตัวนั้น ดูเหมือนยังเป็นคำตอบที่ไม่เคลียสำหรับหนังเรื่องนี้เท่าไรนัก ซึ่งมันน่าจะมีเรื่องราวที่มากกว่ารวมทั้งเหตุผลที่เจ้าบั๊กต้องเป็นอย่างนั้นด้วย ดีนะที่ได้ดาราดังอย่างแฮร์ริสัน ฟอร์ดมาเป็นดารานำและรับบท จอห์น ธอร์นตัน ถ้าเป็นคนอื่นจะดูได้หรือไม่ยังไม่รู้ แต่ก็ยังไม่วายที่ทำให้ผู้ชมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเรื่องจึงจบเร็วและเป็นหนังที่สั้นมาก ๆ  ถ้าจะว่าไปแล้วเจ้าบั๊กนั้นมีการพัฒนาที่สั้น และง่ายเกินไป ไม่เป็นไปตามธรรมชาติสักเท่าไหร่ ขาดมิติในการเดินเรื่อง เป็นการแสดงออกของสุนัขที่ไม่สมจริงดูเหมือนเป็นการบังคับหรือการแสดงละครสัตว์เสียมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อต้องนำไปเปรียบกับหนังหมาเรื่องอื่น ๆ ที่มีสุนัขเป็นดารานำ หรือว่าเจ้าบั๊กยังเป็นหมาที่ได้รับการฝึกมายังไม่เต็มที่นัก บางทีถ้าเปลี่ยนตัวสุนัขอาจทำให้หนังเรื่องนี้น่าดูมากกว่านี้ก็เป็นได้ อารมณ์และความรู้สึกมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง The Call of The Wild ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการ REVIEW:THE LURE คลีบกระหาย ออกไปในทางหนังแนว มิวสิคัล

REVIEW:THE LURE คลีบกระหาย ออกไปในทางหนังแนว มิวสิคัล

THE LURE คลีบกระหาย

THE LURE คลีบกระหาย เป็นอีกหนังที่แปลก แขวกแนว ออกไปในทางหนังแนว มิวสิคัล โดยหนังได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาล Gydnia Film Festival อีกด้วย นับว่าน่าสนใจมากๆเลยครับ แต่หนังนางเงือกเรื่องนี้ ไม่ได้สวยงามอย่างที่เราเคยพบเจอ แต่มาในรูปแบบของนางเงือกที่ มีฉากน่ากลัวๆอยู่ในหนังเยอะมาก และหนังนั้นมีฉากพูดน้อยมาก โดยจะเน้นไปในทาง การร้องเพลงมิวสิคัล         โดยวันนี้ผมจะมา REVIEW: THE LURE คลีบกระหาย หนังจะเล่าเรื่องของ นางเงือก หญิงสาวสองพี่น้อง โดยเงือกคนน้องเธอชื่อ ซิลเวอร์ รับบทโดย Marta Mazurek และเงือกคนโตชื่อ โกลเด้น รับบทโดย Micharina Olszanska พวกเธอมีรูปร่างที่สวย และความสามารถในการร้องเพลงที่ไพเราะ เสียงของพวกเธอนั้นมีความไพเราะผิดกับเสียงมนุษย์ทั่วไป เมื่อใครได้ยิน เหมือนดั่งถูกต้องมนต์สะกด โดยพวกเธอทำงานเป็นนักร้องอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนไนท์ผับแห่งหนึ่ง โดยเมื่อใดที่ตัวพวกเธอแห้งเธอจะมีขา เหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่พวกเธอมีขีดจำกัดคือเมื่อพวกเธอตัวแห้งและมีขา พวกเธอจะไม่มีอวัยวะเพศเหมือนกับผู้หญิงทั่วๆ และเงือกคนเล็ก ซิลเวอร์ นั้น เธอมีแฟนหนุ่มซึ่งเป็นมือเบสหน้าตาดีของวงไนท์ผับ แต่ด้วยขีดจำกัดเรื่องขาของเธอที่ไม่มีอวัยวะเพศนั้น เธอจึงกลัวแฟนหนุ่มมือเบสหน้าตาดีที่เธอคบหาจะไม่รักเธอ เธอจึงทำสิ่งที่ไม่คาดคิด และ โกลเด้น พี่สาวของเธอนั้นก็ไม่เห็นด้วย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป สิ่งที่เธอทำนั้นคืออะไร ผมอยากให้เพื่อนๆไปรองรับชมกันเอง และต้องบอกเลย ว่างานภาพ บทของหนังนั้น ดาร์ก มืดหม่น และมีความแฟนตาซีอยู่นิดๆ โดยรวมผมชอบความแปลกใหม่และความกล้าทำของ ผู้กำกับเรื่องนี้มาก จึงไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้จะได้รับรางวัล ภาพยนต์ยอดเยี่ยมจากเทศกาล Gydnia Film Festival         และการ REVIEW: THE LURE ครีบกระหาย  ผมอยากรีวิวให้เพื่อนๆมากๆ เพราะผมชอบความกล้าที่จะทำของผู้สร้าง ความแปลกใหญ่ ความดาร์กของหนังนางเงือก ที่ในด้านของงานภาพสวยนั้นมากๆ จึงของหยิบยกให้เป็นหนังนางเงือกดีๆอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ และใครที่ดูแล้ว ชอบหรือไม่ชอบยังไง อย่าลืมมาแสดงความคิดเห็นหรือบอกต่อกันเยอะๆนะครับ ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการ REVIEW: PARASITE ชนชั้นปรสิต หนังแนวระทึกขวัญ ดราม่า

REVIEW: PARASITE ชนชั้นปรสิต หนังแนวระทึกขวัญ ดราม่า

PARASITE ชนชั้นปรสิต

และนี่คือหนังแนวระทึกขวัญ ดราม่า หนังที่ได้รางวัลใหญ่จากเทศการเมืองคาน PARASITE ชนชั้นปรสิต เป็นที่แฝงไปด้วยชีวิตและเป็นอยู่ที่มีการแบ่งชนชั้น ของมนุษย์ในโลกของเรา ซึ่งเสียดสีสังคม และหยิบจับประเด็นของสังคมได้ดีเป็นอย่างมาก โดยมีวิธีการเล่าเรื่องที่ดี สนุก และลุ้นระทึก ดราม่า หนังทำให้เรากลับมาคิดทบทวน การใช้ชีวิตของคนเราแต่ละชนชั้นได้เป็นอย่างดี โดยตัวหนังได้ผู้กำกับอย่าง  พง จุน-โฮ โดยมีผลงานที่เรารู้จักกันในเรื่อง โอคจ้า หนังของค่าย NETFLIX และตัวหนังมีนักแสดงดังที่มีชื่อเสียงมากๆอย่าง ซง คังโฮ แสดงนำอีกด้วย และวันนี้ผมจะมา REVIEW: PARASITE ชนชั้นปรสิตหนังเปิดตัวมาที่ครอบครัวของ คิม กีแท็ก หัวหน้าครอบครัว ที่มี คิม กีจอง (ลูกสาว), คิม กีอู (ลูกขาย),  และชุงซุก (ภรรยา) ที่มีฐานะที่ยากจนเอามากๆ โดยลูกทั้ง 2 คน นั้นไม่ได้เรียนต่อในมหาลัยเพราะครอบครัวไม่มีเงินที่จะส่งเรียน โดยหนังจะเปิดมาให้เห็นและพาเราไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัว ของ คิม กีแท็ก ที่อาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กในย่านสลัมของประเทศเกาหลี เป็นชุมชนแออัด ครอบครัวของ คิม กีแท็ก นั้นถือเป็นชนชั้นล่างสุดของสังคมประเทศเกาหลี แต่อยู่มาวันหนึ่ง ลูกชายของ คิม กีแท็ก ก็ได้รับการขอร้องจากเพื่อนสนิทให้ไปช่วยสอนพิเศษ ภาษาอังกฤษให้เด็กน้อย ลูกเศรษฐีคนหนึ่ง เรื่องจากเพื่อนของ คิม กีอู นั้นต้องเดินทางไปที่ต่างประเทศ และเพื่อนของเขาก็ได้เสนอค่าจ้องให้ และ คิม กีอู ตึกตกลงรับงานไป และได้ให้ คิม กีจอง ช่วยปลอมแปลงเอกสารการจบมหาวิทยาลัยให้กับ คิม กีอู เพื่อใช้เป็นเอกสารรับรอง ไว้เพื่อแสดงให้คนว่าจ้างได้เห็นไว้เป็นหลักฐาน การเรียนจบมาวิทยาลัย และเมื่อ คิม กีอู ได้เข้าไปสอนพิเศษเด็กสาวที่บ้านเศรษฐี คิม กีอู ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ ความร่ำรวย ความสุขสบายของบ้านเศรษฐีหลังนี้ จึงเกิดเป็นเรื่องราวต่างของเรื่องนี้ ผมอยากให้ทุกคนไปหาคำตอบกันกับหนังเรื่องPARASITE ชนชั้นปรสิต สำหรับการPARASITE ชนชั้นปรสิตต้องบอกเลยว่ามีเนื้อหาค่อนข้างเยอะผมอยากให้เพื่อนๆไปรับชมกันในหนัง และจะรู้ว่าหนังได้สอดแทรกเนื้อหารายละเอียดต่างๆที่สะท้อนสังคมเราในปัจจุบันอย่างมาก เป็นหนังขึ้นหิ้งของผู้กำกับเค้าเลยแหละครับ กับPARASITE ชนชั้นปรสิต วิดีโอตัวอย่างหนังเรื่อง PARASITE ชนชั้นปรสิต ติดตามการรีวิวหนังและติดตามหนัง Monster Hunter หนังจากเกมส์ชื่อดัง สำหรับคอหนังและคอเกม

Monster Hunter หนังจากเกมส์ชื่อดัง สำหรับคอหนังและคอเกม

Monster Hunter

เป็นข่าวดีสำหรับคอหนังและคอเกม เมื่อผู้กำกับหนังอย่าง Paul W.S. Anderson ที่เคยได้ฝากผลงานหนังดังที่ดัดแปลงมาจากเกมเรื่องนึงอย่าง Resident Evil ได้ประกาศข่าวออกมาแล้วว่าได้ถ่ายทำหนัง Monster Hunter เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตัวหนังเรื่องดังกล่าวได้ดัดแปลงมาจากเกมชื่อดังอย่าง Monster Hunterของค่ายเกมสุดฮิต Capcom  ในส่วนขอพระเอกนั้น ได้พระเอกสัญชาติไทยมากความสามารถอย่างคุณ Tony Jaa หรือพี่จาพนมของเรานั้นเอง โดยในเรื่องนี้พี่จาพนมของเรามารับบทเป็นเด็กหนุ่มที่คอยต่อสู้กับมังกรในโลก Monster Hunterและได้นางเอกดังอย่าง  Milla Lovovich นางเองที่เคยฝากผลงานจากหนังดังอย่าง Resident Evilเช่นเดียวกับผู้กำกับของเรื่อง นี่ก็ถือเป็นหนังจากเกมอีกเรื่องหนึ่งที่เธอได้ร่วมแสดง ส่วนบทบาทในเรื่องMonster Hunterนี้เธอได้รับบทเป็นทหารหญิงสุดแกร่งที่หลุดเข้ามาในโลกMonster Hunterเพื่อที่จะปิดประตูมิติไม่ให้ Monster หลุดเข้ามายังโลกมนุษย์ หนังจะน่ารับชมขนานไหนคงต้องรอรับชมกันในปีหน้า แต่ทางเราได้นำเอาคะแนนจากหนังเรื่อง Resident Evil จากเว็ปมะเขื่อเน่ามาให้ดูเพื่อเป็นการการันตีความน่าดูของหนังMonster Hunterซึ่งได้ผู้กำกับและนักแสดงนำจากเรื่องเดียวกันนี้มาถ่ายทอดอารมณ์ของหนัง โดย Resident Evil  มีคะแนนแต่ละภาคดังนี้ Resident Evil (2002) ได้คะแนนไป 36% Resident Evil Apocalypse (2004) ได้คะแนนไป 20% Resident Evil Extinction (2007) ได้คะแนนไป 24% Resident Evil Aftenlife (2010) ได้คะแนนไป 22% Resident Evil Retribution (2012)ได้คะแนนไป 29%Resident Evil The Final Chapter (2016) ได้คะแนนไปถึง 37% ส่วนคอเกมดีใจได้เลยเพราะทางผู้กำกับ Paul W.S. Anderson ได้ออกมาประกาศว่า ในตัวหนังได้มีการนำเอาเครื่องแบบ เกราะ อาวุธ และมังกร (Monster) ที่ออกแบบมาจากเกมโดยตรง แต่ในด้านเนื้อเรื่องไม่ตรงกับเกม เป็นการสร้างเนื้อเรื่องใหม่ คอเกมไม่ต้องเสียใจไปเพราะยังไงเราก็ยังได้รับชม มังกร (Monster) ที่แฟนๆชื่นชอบเป็นแน่แท้ ในช่วงแรกหนังได้มีกำหนดการฉายในปลายปีนี้ แต่ด้วยสถานะการปัจจุบันเราจะได้ดูหนังเรื่องนี้ในวันที่ 21 เมษายน ปีหน้ากันเลยจ้า ทั้งนี้ได้มีการคาดการณ์จากแฟนหนังว่า ถ้าเรื่องMonster Hunterในภาคนี้มีเสียงตอบรับของแฟนๆเป็นที่หน้าพอใจก็อาจจะมีการทำภาคต่อออกมาให้เราได้รับชมกันอีกก็ได้ แล้วอย่าลืมปา paintball ใส่ Monster ที่ชอบแล้วนอนรอให้แมวเข็นพาไปที่ โรงภาพยนตร์ในวันที่21เมษายนปีหน้า (2021) นี้กัน วิดีโอความคืบหน้าหนังเรื่อง Monster Hunter ติดตามการรีวิวหนังและติดตามการรีวิวหนังรักโรแมนติก Titanic จากเรื่องจริงสู่จอภาพยนตร์

รีวิวหนังรักโรแมนติก Titanic จากเรื่องจริงสู่จอภาพยนตร์

บทภาพยนตร์ส่วนมากเกิดจากจินตนาการของผู้แต่ง แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่สร้างมาจากเรื่องจริงหรือตำนานที่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้อย่างเช่นหนังรักโรแมนติก เรื่อง Titanic ที่สร้างมาจากเรื่องจริงของเรือสำราญที่ผู้คนกล่าวขานว่าไม่มีวันจม ถูกถ่ายทอดเป็นบทภาพยนตร์จากผู้กำกับชื่อดังระดับโลกอย่าง “เจมส์ คาเมรอน” และกลายเป็นภาพยนตร์ที่สร้างรายได้มากที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับที่ 3 หนังรักโรแมนติก Titanic เป็นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่ออกเดินทางในวันที่ 10 เมษายน 1912 จากประเทศอังกฤษไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และอับปางลงในวันที่ 14 เมษายน 1912 สาเหตุมาจากการชนภูเขาน้ำแข็ง จนกระทั่งวันเวลาผ่านไป เจมส์ คาเมรอน ที่ชื่นชอบซากเรือที่อับปางและอยากจะถ่ายทอดอารมณ์ความสูญเสียของมนุษย์จากเหตุการณ์เรือล่มผ่านทางแผ่นฟิล์ม จึงได้ตัดสินใจที่จะนำเรือลำนี้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง คาเมรอน ได้เริ่มแผนการถ่ายทำตั้งแต่ปี 1995 โดยภาพยนตร์ได้รับทุนในการสร้างร่วมกันของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง พาราเม้าท์พิคเจอร์ส และ ทเวนตี้เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ นอกจากนี้ตอนถ่ายทำ คาเมรอน ได้ลงทุนดำน้ำเพื่อลงไปดูซากเรือ Titanic ของจริงด้วยตัวเอง เพื่อนำรายละเอียดบนเรือมาสร้าง โดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก รวมถึงการใช้แบบจำลอง ส่วนฉากภายในเรือนั้น คาเมรอน ถ่ายทำบนเรือวิจัยที่ชื่อว่า “อคาเดมิก มิสติสลาฟ เคลดิช” โดยใช้เม็ดเงินไปถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับการทำหนังรักโรแมนติก ในยุคนั้น และใน หนังรักโรแมนติก Titanic ได้นักแสดงดาวรุ่งในตอนนั้นอย่าง ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ มารับบทเป็น “แจ็ค” และ เคท วินสเล็ตต์ มารับบท “โรส” ภาพยนตร์ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 2,187 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดอยู่ในลำดับ 3 ของทำเนียบภาพยนตร์ที่ทำเงินได้มากที่สุด พร้อมทั้งมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 14 สาขาด้วยกัน และเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาได้มีการนำหนังในตำนานเรื่องนี้มาฉายอีกครั้ง พร้อมกับถูกนำเข้าสู่ “หอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติ” ของสหรัฐอเมริกา วิดีโอตัวอย่างหนังรักโรแมนติก Titanic ติดตามการรีวิวหนังและติดตาม“ภาพยนตร์แนว Action” บู๊กระหน่ำที่หลายคนไม่ควรพลาด สำหรับ Bloodshot จักรกลเลือดดุ

“ภาพยนตร์แนว Action” บู๊กระหน่ำที่หลายคนไม่ควรพลาด สำหรับ Bloodshot จักรกลเลือดดุ

Bloodshot

ในช่วงนี้สำหรับใครที่กำลังมองหาหนังที่พร้อมจะมาเสริฟความมันส์อย่าง ภาพยนตร์แนว Action ที่ดูง่ายและก็จะตอบโจทย์ใครหลายคนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ก็คือภาพยนต์ที่มีชื่อว่า Bloodshot หรือในชื่อไทย จักรกลเลือดดุ ซึ่งอาจจะเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างแล้ว เพราะว่าภาพยนต์เรื่องนี้ได้ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนคอมมิคชื่อดัง Valiant Comics ที่ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นเวอร์ชั่นคนแสดง ที่มีฉากการต่อสู้ที่มีความอลังการซึ่งไม่ว่าจะเป็นทั้งการใช้มือเปล่าดวลกันตัวต่อตัวไปจนถึงมีพลังเหนือธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วยจึงทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้นเลยทีเดียว เรื่องย่อ  สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นใจความสำคัญของ ภาพยนตร์แนว Action หรืออีกหลายเรื่องเลยก็คือเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่องให้มีความน่าติดตาม โดยที่หนังเรื่องนี้ยังได้ทีมพัฒนาที่จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่าง Sony Pictures ที่จะมาเสริมให้ภาพยนต์เรื่องนี้มีความตระกาลตามากว่าเดิม ซึ่งเรื่องราวจะเล่าถึง เรย์ ทหารหนุ่มที่ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจที่ดันโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักและใกล้เสียชีวิตในที่สุด เขาได้ถูกรีบพาตัวเข้ามาในห้องเล็บที่ใช้ในการทดลอง ซึ่งนักวิจัยได้ชุบชีวิตให้กับเขาอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีที่จะทำให้เขาเปลี่ยนไปตลอดกาล นั้นก็คือ นาไนต์ ฉีดเข้าไปในตัวของ เรย์ จนเมื่อเขาตื่นมาเขาก็ได้พบว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษเหนือธรรมชาติอย่างการ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พละกำลังอันมหาศาล และที่เหนือไปกว่านั้นเขารักษาตนเองได้ไม่ว่าจะเจอกับอาวุธชนิดใดก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ความทรงจำบางส่วนหายไปเขาจึงได้ลงมือสืบเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาจนรู้บางสิ่งที่ทำให้เขาต้องกับมาชำระหนีแค้นที่องค์กรได้ทำให้เขาต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ จุดเด่นสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็น ภาพยนตร์ Bloodshot ที่มีกราฟฟิกส์ที่มีความผสมเข้ากับแนว Sci-Fi ได้อย่างลงตัวและเอฟเฟคการต่อสู้ที่จัดเต็มทำให้ภาพออกมาสมจริงอย่างมาก นอกจากนี้ฉากการต่อสู้ที่มันส์เลือดสาดซึ่งถูกใจคอหนังบู๊อย่างแน่นอน แต่เนื้อเรื่องยังมีความธรรมดาไม่มีการหักมุมมากมายนักและดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรงทำให้คนดูเดาทางได้ง่ายอยู่พอสมควร วิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Bloodshot ติดตามการรีวิวหนังและติดตามภาพยนตร์ที่จะพาผู้ชมไปฮากับการสืบสวนคดี The Outlaws เถื่อน เหนือกฏหมาย