รีวิว Time to Hunt (ถึงเวลาล่า) หนังแนวอาชญากรรมฟอร์มโรงภาพยนตร์จากเกาหลี
เรียกได้ว่าเดี๋ยวนี้เกาหลีสามารถทำหนังแนวอื่นๆออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งในหนังที่เราจะพาทุกคนไปดูกันวันนี้ จริงๆแล้วมันเป็นหนังฟอร์มที่ต้องการนำเสนอในโรงภาพยนตร์เท่านั้น แต่เนื่องจากติดสถานการณ์โควิด-19 จึงทำให้ต้องเปลี่ยนแผนมาลงใน Netflix แทน และในวันนี้เราจะพาทุกคนมารับชม รีวิว Time to Hunt (ถึงเวลาล่า) ไปกับหนังเกาหลีแนวอาชญากรรมกันเลยดีกว่า
ชื่อเรื่อง : “Time to Hunt” (ถึงเวลาล่า)
แนว : อาชญากรรม
นักแสดง : Lee Je-hoon, Ahn Jae-hong, Choi Woo-shik, Park Jung-min
บทภาพยนตร์ : Yoon Sung-hyun
ผู้กำกับ : Yoon Sung-hyun
ค่าย : Netflix
วันฉาย : 23 เมษายน 2020
เวลา : 2 ชั่วโมง 14 นาที
IMDb : 6.2
เรื่องย่อ
เรื่องราวของประเทศเกาหลีที่เรียกได้ว่าเข้าสู่ยุคมืด เศรษฐกิจตกต่ำจนถึงขีดสุด เงินวอนที่เป็นหน่วยเงินของประเทศเกาหลีกลับไม่มีค่าอีกต่อไป บรรดาบ้านเมืองที่เคยมีสีสันก็กลับเป็นสลัมดีๆนั่นเอง นั่นทำให้ “จุนซอก” (รับบทโดย Lee Je-hoon) ที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ เขาเล็งเห็นถึงหนทางที่จะทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้ โดยการออกไปจากเมืองที่เขาอยู่นี้ แต่ประเด็นหลักๆเลยคือเขาไม่มีเงิน เขาจึงไปชวน “จางโฮ” (รับบทโดย Ahn Jae-hong), “กีฮุน” (รับบทโดย Choi Woo-shik) และ “ซังซู” (รับบทโดย Choi Woo-shik) บรรดาเพื่อนสนิทของเขาไปทำการปล้นบ่อนการพนัน เพื่อหวังจะเงินที่ปล้นมานั้นไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เกาะทางตอนใต้ของประเทศไต้หวัน แต่เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะมันมีคนที่หวังจะเอาชีวิตของพวกเขาทั้ง 4 คนอยู่ ซึ่งพวกเขาจะสามารถหนีตายได้หรือไม่ ต้องไปรับชมกันเลย
รีวิว Time to Hunt (ถึงเวลาล่า)
หลายๆคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาตัวนักแสดงอย่าง “Choi Woo-shik” เป็นอย่างดี ในหนังเกาหลีเรื่อง “Parasite” ที่เป็นลูกชายคนโตของครอบครัวคนจนที่เป็นตัวเอกของเรื่องนั่นเอง และในวันนี้เขากลับมาอีกครั้งในหนังเรื่องนี้ ที่ต้องบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้คุณภาพระดับ HDR ที่ไม่ได้ไก่กาอาราเล่เลยนะ อีกทั้งหนังยังมีฉากแอคชั่นไล่ฆ่า ยิงกันถล่มทลายทั้งเรื่อง แล้วตัวหนังเองยังมีการสอดแทรกเรื่องราวของมิตรภาพระหว่างเพื่อนเอาไว้อย่างชัดเจนมากเลยทีเดียว ถึงแม้มันจะมีช่วงยืดเยื้อไปบ้างนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้เยอะมากจนทำให้น่าเบื่อเลย แต่เราว่ามันเสียแค่อย่างเดียวนั่นก็คือ ในส่วนของเนื้อเรื่องมีการตัดตัวละครบางตัวออกไป แบบไม่ได้กล่าวถึงอีกเลย มันทำให้เราสงสัยกันว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครตัวนั้นกันแน่ แต่รวมๆ ถ้าดูฉากแอคชั่นมันส์ ดูแบบไม่ได้ติดใจกับเนื้อเรื่องอะไรมากนัก หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเลย
ตัวอย่าง
หากคุณไม่อยากพลาดทุกข้อมูลเกี่ยวกับการรีวิวหนัง อย่าลืมติดตามหนัง Netflix เรื่องอื่นๆ เช่น รีวิว Pandora หนังแนวภัยพิบัติคุณภาพดีที่ควรค่าแก่การเสียเวลาดูเป็นอย่างมาก ได้อีกที่ filmograd.net
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Ufa369